คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 03: I must fight!!!
เมฆินทร์ หรือเมฆรีบบึ่งรถตรงมายังห้างสรรพสินค้าในทันที แม้ว่าห้างจะปิดทำการ ตกอยู่ในความเงียบสงัดและถูกปกคลุมด้วยความมืด แต่ร้านอาหารหรือสถานบันเทิงใกล้เคียงก็ยังไม่ได้ปิดแต่อย่างใด กลับเต็มไปด้วยผู้คนที่มีแต่ความสนุกสนานครื้นเครง เฮฮาสังสรรค์กันอย่างมีความสุข ผู้คนรอบๆ บริเวณนั้นไม่มีใครรู้เลยว่า ณ สถานที่ที่ใกล้กับที่พวกเขากำลังนั่งดื่มกินกันอยู่นั้น ได้เกิดเรื่องที่น่าสยดสยองขึ้นอย่างคาดไม่ถึงจนผู้เคราะห์ร้ายภายในนั้นอาจจะเอาชีวิตไม่รอด
เมฆขับรถตรงไปยังด้านหลังของห้าง มีรปภ. ยืนรักษาการณ์อยู่หนึ่งคน เขาไม่รีรอ รีบจอดรถแล้ววิ่งลงไปหน้าตาตื่น
“โทษนะครับ แฟนผมโทรมาบอกว่าเธอยังติดอยู่ในห้างครับ”
“ป...เป็นความจริงเหรอ?” เมื่อได้ยิน รปภ.หนุ่มกลับมีสีหน้าตกใจยิ่งกว่าเมฆเสียอีก
“จริงครับ”
“แย่แล้ว ต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ ยิ่งเป็นวันนี้ด้วยแล้ว” รปภ.พูดกับตัวเองเหมือนคนกำลังลังเลที่จะตัดสินใจอะไรบางอย่าง จนเมฆสงสัยในความผิดปกติ
“เอ่อ มีอะไรรึเปล่าครับ?”
“คืออย่างนี้ครับ ห้างนี้เป็นที่ร่ำลือของพนักงานกะดึกว่า ในคืนสุดท้ายของวันที่จัดโปรโมชั่นเสื้อผ้าสตรี จะมีวิญญาณออกมาเพ่นพ่านอยู่ในห้างน่ะครับ!” เขาอธิบายด้วยสีหน้าที่ซีดเผือดลงเรื่อยๆ
“คุณเชื่อเรื่องผีสางแบบนี้ด้วยรึไง?” เมฆถามกลับอย่างหัวเสีย
“ผมก็ไม่เคยเจอหรอกครับ แต่รปภ.หลายๆ คนที่อยู่เวรกะดึก เมื่อถึงวันสุดท้ายของการเวียนสินค้าเสื้อผ้าสตรีก็ต่างเจอเรื่องชวนขนหัวลุกไปตามๆ กัน แต่ผมอยู่ข้างนอกแล้วก็มีระบบรักษาความปลอดภัยอัตโนมัติ เลยไม่เคยเจอกับตัวเองน่ะครับ”
“เอาเถอะ จริงไม่จริงเดี๋ยวเข้าไปก็รู้กันเองแหละ” เมฆพูดตัดบทและพยายามจะเข้าไป แต่รปภ. ขัดขืน
“ไม่ได้นะครับ ห้ามบุคคลภายนอกเข้าในเวลาปิดทำการ”
“แต่แฟนผมติดอยู่ในนั้นนะคุณ คุณมีหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับลูกค้านะ”
รปภ. หนุ่มยืนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงตัดสินใจเปิดประตูให้เมฆเข้าไป
“เดี๋ยวผมจะใส่รหัสผ่านให้ระบบหยุดทำงานชั่วคราว แล้วจะไปเปิดไฟให้นะครับ”
“ขอบคุณมากครับ” พูดจบ เมฆก็รีบวิ่งเข้าไปภายในห้างทันทีโดยอาศัยแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือของตน
“ระวังตัวด้วยนะครับ” เสียงร้องเตือนของรปภ. ดังไล่หลังมา เมฆได้แต่เพียงพยักหน้ารับคำไว้เงียบๆ เพราะเขาไม่มีเวลาขนาดหันกลับไปกล่าวคำขอบคุณได้
-----------------------------------------------------------------------
ณ โซนเสื้อผ้าสตรี ชลปิติเดินออกมาจากห้องลองเสื้ออีกครั้ง ชุดสีฟ้าอ่อนนี้ก็ดูน่ารักไปอีกแบบ และเธอก็รู้ตัวว่าเสียเวลาให้กับความงามมากพอแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงตัวเล็กและบอบบางอย่างเธอเพียงลำพังคงจะเอาแรงไปสู้กับใครที่ไหนไม่ได้ ดังนั้น เธอจึงจำเป็นต้องใช้เครื่องทุ่นแรงเพื่อความอุ่นใจ เช่นไม้ซอฟต์บอลที่แผนกอุปกรณ์กีฬาเป็นต้น หล่อนจึงไม่รีรอที่จะตรงไปยังแผนกอุปกรณ์กีฬาซึ่งอยู่ที่ชั้นสามในทันที
ด้วยแสงจากไฟฉายที่ส่องตรงไปตามทางที่เธอเดินเท่านั้น ทำให้เธอไม่ทันสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่างที่อาศัยความมืดโดยที่แสงจากไฟฉายส่องไปไม่ถึงในการเคลื่อนไหว เป็นต้นว่าหุ่นโชว์ในชุดราตรีสีชมพูสดที่หายไป และหุ่นโชว์ที่เรียงรายอยู่อีกสองสามตัวก็หายไปจากบริเวณนั้นด้วย!
แม้ในเวลาปกติจะรู้เส้นทางเป็นอย่างดี แต่เมื่อตกอยู่ในสถานที่ที่ปรากฏแสงสว่างจากเพียงแค่ไฟฉายเล็กๆ กระบอกเดียวก็สามารถทำให้เราหลงได้เช่นกัน ชลปิติค่อยๆ ก้าวเดินอย่างช้าๆ จนไปถึงบันไดเลื่อนขึ้นไปชั้นสามที่หยุดนิ่งเพราะขาดกระแสไฟฟ้า เธอค่อยๆ ก้าวขึ้นไปด้วยความระมัดระวัง และเมื่อขึ้นมาถึงชั้นสาม หากเดินตรงไปอีกสักพักก็จะถึงโซนกีฬา...
ตุบ ตุบ ตุบ!
มีใครบางคนกำลังไล่ตามเธอมา ชลปิติจึงรีบปิดไฟฉายแล้วรีบคลำทางเดินไปให้ถึงแผนกกีฬาโดยเร็วที่สุด
และแล้ว ชลปิติก็เดินมาถึงแผนกกีฬาขนได้ ทางด้านซ้ายของโซนจะเป็นอุปกรณ์กีฬาทั้งหลายเช่นไม้เทนนิส ไม้แบดมินตัน ลูกบอล ลูกบาส และเครื่องเล่นต่างๆ ด้วย ส่วนฝั่งขวาจะเป็นพวกเสื้อผ้าและรองเท้าสำหรับเล่นกีฬา
ชลปิติเลือกหยิบไม้ซอฟต์บอลที่เหมาะมือ มีขนาดหนักพอประมาณเพราะทำจากทองเหลือง ซึ่งในหนังสยองขวัญหลายๆ เรื่องที่เธอเคยดูก็มักจะมีฉากที่ตัวละครถือไม้ซอฟต์บอลหรือเบสบอลไว้รอหวดอยู่บ่อยไป
ตุบ ตุบ ตุบ
โครม!
“ว้าย!”
มีอะไรบางอย่างวิ่งชนเธอจนล้ม และมันก็ชนเข้ากับกองไม้กีฬาด้วยทำให้อุปกรณ์ต่างๆ หล่นลงระเนระนาดไปหมด เสียงไม้เทนนิสที่กระทบพื้นดังโครม และเสียงลูกบาสลูกบอลที่ตกพื้นแล้วกระเด้งอยู่สี่ห้าครั้งสามารถกลบเสียงการเคลื่อนที่ของสิ่งเร้นลับให้กลืนหายเข้าไปกับความมืดได้เป็นอย่างดี
เหมือนกับมีใคร...ไม่สิ เหมือนกับมีตัวอะไรอยู่ใกล้ๆ เธอในขณะนี้!
สิ่งที่ชนเข้ากับเธอนั้นมีลักษณะคล้ายกับมือที่จับเธอตอนอยู่ในห้องลองเสื้อ แสดงว่าต้องเป็นตัวเดียวกันอย่างแน่นอน
“มีตัวอะไรออกมาเพ่นพ่านเวลานี้กันเนี่ย?” เธอบ่นกับตัวเองและรอฟังเสียงการเคลื่อนไหวของมันอีกครั้ง สองมือที่ถือไม้ซอฟต์บอลไว้หมายจะหวดให้เต็มแรงเริ่มชื้นแฉะไปด้วยเหงื่อ แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็เงียบลงอีกครั้ง จนชลปิติอดทนไม่ไหว ตัดสินใจยกไฟฉายขึ้นมาส่องดูรอบๆ อีกครั้ง ว่ามีอะไรอยู่บ้าง
ข้าวของที่กระจัดกระจาย หล่นระเนระนาดอยู่กับพื้น และไกลออกไปไม่มาก มีหุ่นโชว์ตัวหนึ่งตั้งอยู่ และหันหลังให้กับเธอ แต่หันหน้าเข้าหาโซนเสื้อผ้ากีฬา ทีแรกชลปิติไม่นึกติดใจอะไร เพราะที่แผนกกีฬาก็มีหุ่นโชว์อยู่เช่นกัน แต่เธอติดใจตรงที่ชุดที่หุ่นใส่อยู่นั้น เหมือนคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นชุดของแผนกสินค้าหมุนเวียนที่อยู่ชั้นสอง
“หุ่นตัวนี้ เป็นหุ่นจากชั้นสองนี่นา!” ชลปิติเผลอพูดโพล่งออกมาอย่างตกใจ และส่องไฟไปที่หุ่นตัวนั้นโดยบังเอิญอีกครั้ง
ทว่าครั้งนี้ หุ่นโชว์ที่หันหลังอยู่นั้นกลับหมุนคอหันมาหาเธอ พร้อมกับรอยแสยะยิ้มที่ชวนสยดสยองยิ่งนัก!
“กรี๊ด!” ชลปิติหวีดร้องดังลั่น ไม่คาดคิดมาก่อนว่าที่นี่จะมีหุ่นประหลาดออกอาละวาดในยามวิกาล เธอตกใจจนทำอะไรไม่ถูกและยังคงส่องไฟไปที่มันอยู่อย่างนั้น มันรีบเคลื่อนที่หลบเข้าสู่ความมืดอย่างรวดเร็ว มือไม้ที่สั่นเป็นเจ้าเข้าก็ดูจะอ่อนระทวยไม่ต่างไปจากแข้งขาที่ก้าวขยับไม่ออก ซ้ำร้ายยังเผลอโยนไม้ซอฟต์บอลทิ้งแทนที่จะเป็นไฟฉาย เพราะแสงจะทำให้มันเข้าถึงตัวได้ง่ายขึ้น และเพียงพริบตาเดียว ใบหน้าแสยะยิ้มนั้นก็โผล่พรวดเข้ามาหาเธออย่างไม่ทันตั้งตัว แต่สมองก็ยังสั่งการได้ไวทำให้เธอรีบขว้างไฟฉายเข้าใส่หน้ามันทันที
โพละ! เสียงกระแทกเข้าที่หน้านั้นเหมือนกับว่ากระทบเข้ากับพลาสติกที่เปราะและแตกง่าย ซึ่งก็คือวัสดุที่ใช้หล่อเป็นหุ่นต่างๆ นั่นเอง เมื่อขว้างโดนหน้ามันอย่างจังแล้ว ชลปิติก็รีบวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตไปอีกด้านหนึ่งทันที
ตุบ ตุบ ตุบ เสียงวิ่งที่ตามเธอมาติดๆ ทำให้เธออยากจะหวีดร้องออกมาดังๆ แต่แล้วเธอก็พลัดล้มลงเนื่องจากวิ่งเร็วเสียจนส้นร้องเท้าหัก
“โอ๊ย” ข้อศอกและเข่ากระแทกลงพื้นอย่างแรง แต่ยังโชคดีที่เธอประคองตัวไว้ไม่ให้หน้าคะมำได้ทัน เธอหันกลับมาอย่างรวดเร็ว หันมองซ้ายขวาพร้อมกับพยุงตัวขึ้นอย่างยากลำบากด้วยกลัวว่าหุ่นปีศาจจะเข้าทำร้ายเธอในตอนนี้
เธอวิ่งเลยมาถึงแผนกเครื่องเขียน และนึกเครื่องทุนแรงอื่นๆ ไม่ออกเลย ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดของเธอก็คือไปหลบอยู่ที่ใดสักที่เพื่อไม่ให้มันเห็นตัว แต่เธอตัดสินใจช้าไป เพราะมันเข้ามาประชิดตัวเธอแล้ว! ความมืดคงไม่ใช่ปัญหาในการมองเห็นของมัน และชลปิติก็ถูกของมีคมคล้ายมีดปาดเข้าที่เอวข้างซ้ายจนเลือดไหลซิบและล้มลง
“โอ๊ย...ไอ้บ้า แกจะทำอะไรฉัน?” ชลปิติถอยกรูดอย่างทุลักทุเล ทั้งความหวาดกลัว ความสับสน และความเจ็บปวดประดังเข้ามาหาเธออย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ชลปิติก็ไม่ท้อถอย เธอไม่ยอมตายในที่แบบนี้เป็นอันขาด เธอพยายามรวบรวมสติเท่าที่ขีดจำกัดของร่างกายจะให้ได้ และจับเสียงการเคลื่อนไหวของมันว่ามาจากทิศทางใด
“ฮิๆๆ” เสียงหัวเราะเย้ยหยันนั้นฟังดูก้องกังวานไปทั่วบริเวณ แต่เสียงเท้าพลาสติกที่ก้าวเดินนั้นดังมาจากด้านหลัง มีดอันคมกริบกำลังจะได้ดื่มเลือดของหญิงสาว สังเวยให้กับวิญญาณร้ายที่เข้ามาสิงสู่ในหุ่นโชว์เพื่อหมายจะกำจัดมนุษย์
“อย่าคิดว่าจะฆ่าฉันได้ง่ายๆ นะยะ!” ชลปิติหันหลังกลับในจังหวะที่หุ่นผีกำลังจะจ้วงมีดเข้าที่แผ่นหลังขาวเนียนของหล่อนแล้วออกแรงถีบอย่างแรงจนหุ่นพลาสติกหงายหลังและกระเด็นไปชนเข้ากับเครื่องถ่ายเอกสาร และในฉับพลันฝาปิดเครื่องที่เปิดค้างไว้ก็ล้มพับลง
ชลปิติไม่รีรอ รีบวิ่งตรงไปยังเครื่องถ่ายเอกสารที่หนีบหัวของอมนุษย์อยู่ แล้วออกแรงกดฝาเครื่องพร้อมกับกรีดร้องอย่างบ้าระห่ำ
“ย้ากๆๆ นี่ๆๆ!” เธอทั้งกด ทั้งกระแทกฝาเครื่องอย่างแรงกว่าสิบครั้งจนเริ่มอ่อนล้า ร่างของหุ่นกระเสือกกระสนไปมาพร้อมกับดิ้นรนถีบให้ชลปิติกระเด็นออกไป แต่เธอก็ใช้แรงฮึดเข้าข่ม กดแรงลงไปยังฝาเครื่องไม่ยั้ง จนในที่สุด หุ่นปีศาจก็หยุดเคลื่อนไหวไปเอง
“แฮ่กๆ” ชลปิติหายใจหอบ เมื่อเห็นว่ามันแน่นิ่งไม่ไหวติงไปแล้ว เธอก็ค่อยทรุดตัวลงช้าๆ พร้อมกันกับร่างของหุ่นโชว์ที่ค่อยๆ ไหลลงกองกับพื้นโดยไร้ซึ่งศีรษะ แล้วเริ่มร้องไห้
แค่เพียงชุดสวยๆ เพียงชุดเดียว แค่ความหมั่นไส้พนักงานเพียงคนเดียว ทำให้เธอต้องพบเจอกับเหตุการณ์อันเลวร้ายที่ยากจะลืมเลือนถึงขนาดนี้เลยเชียวหรือ
ชลปิติค่อยๆ ถอยออกจากเครื่องถ่ายเอกสารเมื่อเริ่มได้กลิ่นเลือดคละคลุ้ง มีของเหลวหนืดๆ ไหลเป็นทางยาวออกมาจากฝาเครื่องถ่ายเอกสารที่ปิดไม่มิด
“น...นี่มันไม่ใช่แค่หุ่นแล้วนะ” เมื่อเห็นท่าไม่ดีเธอจึงรีบออกห่างมาจากบริเวณนั้น ทำไมหุ่นโชว์นอกจากจะเคลื่อนไหวเองได้แล้ว ยังมีเลือดเนื้อราวกับว่ามีชีวิตจริงๆ ด้วย?
ในขณะที่เธอกำลังพะวงอยู่กับเรื่องแปลกประหลาดและน่าสยดสยองนี้ เสียงเรียกที่คุ้นหูก็ดังขึ้นไม่ไกลจากที่ที่เธออยู่
“ชลปิติ คุณอยู่ไหนน่ะ?”
“เมฆ!” ชลปิติร้องเรียกอย่างดีใจ รีบวิ่งไปหาต้นเสียงในทันที
“เมฆ...เมฆ ฉันอยู่นี่!” หล่อนตะโกนร้อง
“ชลปิติ คุณ...อ...อ๊าก!” แล้วจู่ๆ เสียงร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดของเมฆก็ดังขึ้นแทนที่ ทำให้ชลปิติรีบออกตามหาแฟนหนุ่มของเธอโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เมฆ อย่าเป็นอะไรไปนะ อย่านะ!”
เสียงกุกกักระคนกับเสียงลูกบาสกระดอนพื้น ทำให้ชลปิติรู้ในทันทีว่าเมฆรีบวิ่งมาตามเสียงของเธอเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา และหุ่นอีกตัวหนึ่งก็เจอเขาเข้าพอดี
“อ๊าก!” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของเมฆทำให้เธอแทบจะขาดใจ มันดูน่ากลัวยิ่งว่าเธอเป็นคนกรีดร้องเองเสียอีก
“เมฆ!” ชลปิติวิ่งกลับมายังแผนกอุปกรณ์กีฬา เสียงต่อสู้และฟัดกันอย่างไม่มีใครยอมใครทำให้ชลปิติโล่งอกเพราะอย่างน้อยเมฆก็ยังมีชีวิตอยู่ เธอรีบหยิบไม้ซอฟต์บอลไม้ใหม่ขึ้นมาแล้วตะโกนเรียกเมฆในทันที
“เมฆ เธออยู่ตรงไหน?”
“ผ...ผมอยู่ตรงนี้ มันทับตัวผม...” แล้วเสียงของเมฆก็ขาดหายไป ฉับพลัน สติของชลปิติก็ขาดหายไปด้วย
“ห้ามทำอะไรเมฆไปมากกว่านี้นะ ไอ้หุ่นผีนรก!” เธอวิ่งตรงเข้าไปหาเมฆที่กำลังสู้อยู่กับหุ่นมรณะอย่างรวดเร็ว และหวดไม้อย่างแรงเข้าใส่ร่างที่อยู่ด้านบน เสียงคอเคลื่อนดังพล่อกจนหน้าหงายเชิดขึ้น ชลปิติเตะซ้ำเข้าไปอีกทีจนมันกระเด็นออกจากร่างของเมฆที่นอนหายใจโรยรินอยู่เบื้องล่าง
“อั้ก” เมฆกระอักเลือดออกมา ทำให้ชลปิติละความสนใจจากหุ่นชั่วคราว เข้ามาพยุงชายหนุ่มอย่างใจเสีย ทำให้มันอาศัยจังหวะนี้หลบหนีไปได้
“เมฆ บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าคะ?” ทั่วทั้งร่างกายที่มือของชลปิติสัมผัส ล้วนเต็มไปด้วยเลือดที่เกิดจากบาดแผล ร่างของชายหนุ่มอาบไปด้วยเลือดเพราะต้องการจะช่วยเหลือคนที่เขารักให้ปลอดภัย เสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยและขาดวิ่นจากการต่อสู้ทำให้น้ำตาของชลปิติเริ่มไหลริน
“นี่มันทำร้ายเธอขนาดนี้เลยเหรอ?” ชลปิติถามเสียงหลง
“ผมไม่ยอมมันง่ายๆ หรอก แล้วชลเป็นอะไรรึเปล่า?” เสียงของเมฆเริ่มแผ่วลงทุกครั้งที่พูด
“ฉันไม่เป็นอะไร เมฆอย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ อย่านะ!” น้ำใสๆ เอ่อล้นเต็มดวงตา ร่วงเผาะลงสู่ร่างของชายหนุ่ม เขาค่อยๆ ยกมือขึ้นเพื่อปาดน้ำตาให้กับหญิงสาว
“อย่าร้องไห้ ผมไม่เป็นอะไรหรอก ขอเพียงแค่เธอปลอดภัย...ก็พอ” แล้วเมฆก็นิ่งเงียบไปทันที...
ชลปิติปล่อยโฮเสียงดังลั่นและยาวนานจนแทบจะหยุดหายใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอกลัวความสูญเสียมากขนาดนี้ เธอดึงร่างของเมฆเข้ามาในอ้อมกอดและซบหน้าลงด้วยความทุกข์ระทม
“ฉันขอโทษนะเมฆ ฉันขอโทษ ฮือๆ” เมื่อหน้าของชลปิติซบลงใกล้กับหน้าของเมฆ ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจอันแผ่วเบาของเมฆ เมฆยังไม่ตาย! เธอจึงรีบทำการปฐมพยาบาลโดยเร็ว ห้ามเลือดทุกบาดแผลเท่าที่จะทำได้ และประคองร่างของเขาไปหลบไว้ที่มุมผนังเพื่อความปลอดภัย
“รออยู่ตรงนี้ก่อนนะ ฉันสัญญาว่าจะรีบกลับมารับเธอแน่นอน” ชลปิติกุมบีบมือเมฆและกุมมือแน่น เป็นการเรียกสติของเมฆไม่ให้เลือนหายไปมากกว่านี้ แล้วจึงยืนหยัดลุกขึ้น กำหมัดแน่น และกัดฟันด้วยความเกรี้ยวกราด
“ไอ้หุ่นผีชั่ว ถ้าไม่ได้ฆ่าแกละก็ ฉันตายตาไม่หลับแน่!”
ความคิดเห็น