ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Department in the night (เรื่องส่งประกวด ตะวันส่องอะวอด#3)

    ลำดับตอนที่ #3 : 03: I must fight!!!

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ค. 53


    เมฆินทร์ หรือเมฆรีบบึ่งรถตรงมายังห้างสรรพสินค้าในทันที แม้ว่าห้างจะปิดทำการ ตกอยู่ในความเงียบสงัดและถูกปกคลุมด้วยความมืด แต่ร้านอาหารหรือสถานบันเทิงใกล้เคียงก็ยังไม่ได้ปิดแต่อย่างใด กลับเต็มไปด้วยผู้คนที่มีแต่ความสนุกสนานครื้นเครง เฮฮาสังสรรค์กันอย่างมีความสุข ผู้คนรอบๆ บริเวณนั้นไม่มีใครรู้เลยว่า ณ สถานที่ที่ใกล้กับที่พวกเขากำลังนั่งดื่มกินกันอยู่นั้น ได้เกิดเรื่องที่น่าสยดสยองขึ้นอย่างคาดไม่ถึงจนผู้เคราะห์ร้ายภายในนั้นอาจจะเอาชีวิตไม่รอด

     

    เมฆขับรถตรงไปยังด้านหลังของห้าง มีรปภ. ยืนรักษาการณ์อยู่หนึ่งคน เขาไม่รีรอ รีบจอดรถแล้ววิ่งลงไปหน้าตาตื่น

     

    โทษนะครับ แฟนผมโทรมาบอกว่าเธอยังติดอยู่ในห้างครับ

     

    ป...เป็นความจริงเหรอ? เมื่อได้ยิน รปภ.หนุ่มกลับมีสีหน้าตกใจยิ่งกว่าเมฆเสียอีก

     

    จริงครับ

     

    แย่แล้ว ต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ ยิ่งเป็นวันนี้ด้วยแล้ว รปภ.พูดกับตัวเองเหมือนคนกำลังลังเลที่จะตัดสินใจอะไรบางอย่าง จนเมฆสงสัยในความผิดปกติ

     

    เอ่อ มีอะไรรึเปล่าครับ?

     

    คืออย่างนี้ครับ ห้างนี้เป็นที่ร่ำลือของพนักงานกะดึกว่า ในคืนสุดท้ายของวันที่จัดโปรโมชั่นเสื้อผ้าสตรี จะมีวิญญาณออกมาเพ่นพ่านอยู่ในห้างน่ะครับ!” เขาอธิบายด้วยสีหน้าที่ซีดเผือดลงเรื่อยๆ

     

    คุณเชื่อเรื่องผีสางแบบนี้ด้วยรึไง? เมฆถามกลับอย่างหัวเสีย

     

    ผมก็ไม่เคยเจอหรอกครับ แต่รปภ.หลายๆ คนที่อยู่เวรกะดึก เมื่อถึงวันสุดท้ายของการเวียนสินค้าเสื้อผ้าสตรีก็ต่างเจอเรื่องชวนขนหัวลุกไปตามๆ กัน แต่ผมอยู่ข้างนอกแล้วก็มีระบบรักษาความปลอดภัยอัตโนมัติ เลยไม่เคยเจอกับตัวเองน่ะครับ

     

    เอาเถอะ จริงไม่จริงเดี๋ยวเข้าไปก็รู้กันเองแหละ เมฆพูดตัดบทและพยายามจะเข้าไป แต่รปภ. ขัดขืน

     

     

    ไม่ได้นะครับ ห้ามบุคคลภายนอกเข้าในเวลาปิดทำการ

     

    แต่แฟนผมติดอยู่ในนั้นนะคุณ คุณมีหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับลูกค้านะ

     

    รปภ. หนุ่มยืนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงตัดสินใจเปิดประตูให้เมฆเข้าไป

     

    เดี๋ยวผมจะใส่รหัสผ่านให้ระบบหยุดทำงานชั่วคราว แล้วจะไปเปิดไฟให้นะครับ

     

    ขอบคุณมากครับ พูดจบ เมฆก็รีบวิ่งเข้าไปภายในห้างทันทีโดยอาศัยแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือของตน

     

    ระวังตัวด้วยนะครับ เสียงร้องเตือนของรปภ. ดังไล่หลังมา เมฆได้แต่เพียงพยักหน้ารับคำไว้เงียบๆ เพราะเขาไม่มีเวลาขนาดหันกลับไปกล่าวคำขอบคุณได้

     

    -----------------------------------------------------------------------

     

    ณ โซนเสื้อผ้าสตรี ชลปิติเดินออกมาจากห้องลองเสื้ออีกครั้ง ชุดสีฟ้าอ่อนนี้ก็ดูน่ารักไปอีกแบบ และเธอก็รู้ตัวว่าเสียเวลาให้กับความงามมากพอแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงตัวเล็กและบอบบางอย่างเธอเพียงลำพังคงจะเอาแรงไปสู้กับใครที่ไหนไม่ได้ ดังนั้น เธอจึงจำเป็นต้องใช้เครื่องทุ่นแรงเพื่อความอุ่นใจ เช่นไม้ซอฟต์บอลที่แผนกอุปกรณ์กีฬาเป็นต้น หล่อนจึงไม่รีรอที่จะตรงไปยังแผนกอุปกรณ์กีฬาซึ่งอยู่ที่ชั้นสามในทันที

     

    ด้วยแสงจากไฟฉายที่ส่องตรงไปตามทางที่เธอเดินเท่านั้น ทำให้เธอไม่ทันสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่างที่อาศัยความมืดโดยที่แสงจากไฟฉายส่องไปไม่ถึงในการเคลื่อนไหว เป็นต้นว่าหุ่นโชว์ในชุดราตรีสีชมพูสดที่หายไป และหุ่นโชว์ที่เรียงรายอยู่อีกสองสามตัวก็หายไปจากบริเวณนั้นด้วย!

     

    แม้ในเวลาปกติจะรู้เส้นทางเป็นอย่างดี แต่เมื่อตกอยู่ในสถานที่ที่ปรากฏแสงสว่างจากเพียงแค่ไฟฉายเล็กๆ กระบอกเดียวก็สามารถทำให้เราหลงได้เช่นกัน ชลปิติค่อยๆ ก้าวเดินอย่างช้าๆ จนไปถึงบันไดเลื่อนขึ้นไปชั้นสามที่หยุดนิ่งเพราะขาดกระแสไฟฟ้า เธอค่อยๆ ก้าวขึ้นไปด้วยความระมัดระวัง และเมื่อขึ้นมาถึงชั้นสาม หากเดินตรงไปอีกสักพักก็จะถึงโซนกีฬา...

     

    ตุบ ตุบ ตุบ!

     

    มีใครบางคนกำลังไล่ตามเธอมา ชลปิติจึงรีบปิดไฟฉายแล้วรีบคลำทางเดินไปให้ถึงแผนกกีฬาโดยเร็วที่สุด

     

    และแล้ว ชลปิติก็เดินมาถึงแผนกกีฬาขนได้ ทางด้านซ้ายของโซนจะเป็นอุปกรณ์กีฬาทั้งหลายเช่นไม้เทนนิส ไม้แบดมินตัน ลูกบอล ลูกบาส และเครื่องเล่นต่างๆ ด้วย ส่วนฝั่งขวาจะเป็นพวกเสื้อผ้าและรองเท้าสำหรับเล่นกีฬา

     

    ชลปิติเลือกหยิบไม้ซอฟต์บอลที่เหมาะมือ มีขนาดหนักพอประมาณเพราะทำจากทองเหลือง ซึ่งในหนังสยองขวัญหลายๆ เรื่องที่เธอเคยดูก็มักจะมีฉากที่ตัวละครถือไม้ซอฟต์บอลหรือเบสบอลไว้รอหวดอยู่บ่อยไป

     

    ตุบ ตุบ ตุบ

     

    โครม!

     

    ว้าย!”

     

    มีอะไรบางอย่างวิ่งชนเธอจนล้ม และมันก็ชนเข้ากับกองไม้กีฬาด้วยทำให้อุปกรณ์ต่างๆ หล่นลงระเนระนาดไปหมด เสียงไม้เทนนิสที่กระทบพื้นดังโครม และเสียงลูกบาสลูกบอลที่ตกพื้นแล้วกระเด้งอยู่สี่ห้าครั้งสามารถกลบเสียงการเคลื่อนที่ของสิ่งเร้นลับให้กลืนหายเข้าไปกับความมืดได้เป็นอย่างดี

     

    เหมือนกับมีใคร...ไม่สิ เหมือนกับมีตัวอะไรอยู่ใกล้ๆ เธอในขณะนี้!

     

    สิ่งที่ชนเข้ากับเธอนั้นมีลักษณะคล้ายกับมือที่จับเธอตอนอยู่ในห้องลองเสื้อ แสดงว่าต้องเป็นตัวเดียวกันอย่างแน่นอน

     

    มีตัวอะไรออกมาเพ่นพ่านเวลานี้กันเนี่ย? เธอบ่นกับตัวเองและรอฟังเสียงการเคลื่อนไหวของมันอีกครั้ง สองมือที่ถือไม้ซอฟต์บอลไว้หมายจะหวดให้เต็มแรงเริ่มชื้นแฉะไปด้วยเหงื่อ แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็เงียบลงอีกครั้ง จนชลปิติอดทนไม่ไหว ตัดสินใจยกไฟฉายขึ้นมาส่องดูรอบๆ อีกครั้ง ว่ามีอะไรอยู่บ้าง

     

    ข้าวของที่กระจัดกระจาย หล่นระเนระนาดอยู่กับพื้น และไกลออกไปไม่มาก มีหุ่นโชว์ตัวหนึ่งตั้งอยู่ และหันหลังให้กับเธอ แต่หันหน้าเข้าหาโซนเสื้อผ้ากีฬา ทีแรกชลปิติไม่นึกติดใจอะไร เพราะที่แผนกกีฬาก็มีหุ่นโชว์อยู่เช่นกัน แต่เธอติดใจตรงที่ชุดที่หุ่นใส่อยู่นั้น เหมือนคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นชุดของแผนกสินค้าหมุนเวียนที่อยู่ชั้นสอง

     

    หุ่นตัวนี้ เป็นหุ่นจากชั้นสองนี่นา!” ชลปิติเผลอพูดโพล่งออกมาอย่างตกใจ และส่องไฟไปที่หุ่นตัวนั้นโดยบังเอิญอีกครั้ง

     

    ทว่าครั้งนี้ หุ่นโชว์ที่หันหลังอยู่นั้นกลับหมุนคอหันมาหาเธอ พร้อมกับรอยแสยะยิ้มที่ชวนสยดสยองยิ่งนัก!

     

    กรี๊ด!” ชลปิติหวีดร้องดังลั่น ไม่คาดคิดมาก่อนว่าที่นี่จะมีหุ่นประหลาดออกอาละวาดในยามวิกาล เธอตกใจจนทำอะไรไม่ถูกและยังคงส่องไฟไปที่มันอยู่อย่างนั้น มันรีบเคลื่อนที่หลบเข้าสู่ความมืดอย่างรวดเร็ว มือไม้ที่สั่นเป็นเจ้าเข้าก็ดูจะอ่อนระทวยไม่ต่างไปจากแข้งขาที่ก้าวขยับไม่ออก ซ้ำร้ายยังเผลอโยนไม้ซอฟต์บอลทิ้งแทนที่จะเป็นไฟฉาย เพราะแสงจะทำให้มันเข้าถึงตัวได้ง่ายขึ้น และเพียงพริบตาเดียว ใบหน้าแสยะยิ้มนั้นก็โผล่พรวดเข้ามาหาเธออย่างไม่ทันตั้งตัว แต่สมองก็ยังสั่งการได้ไวทำให้เธอรีบขว้างไฟฉายเข้าใส่หน้ามันทันที

     

    โพละ! เสียงกระแทกเข้าที่หน้านั้นเหมือนกับว่ากระทบเข้ากับพลาสติกที่เปราะและแตกง่าย ซึ่งก็คือวัสดุที่ใช้หล่อเป็นหุ่นต่างๆ นั่นเอง เมื่อขว้างโดนหน้ามันอย่างจังแล้ว ชลปิติก็รีบวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตไปอีกด้านหนึ่งทันที

     

    ตุบ ตุบ ตุบ เสียงวิ่งที่ตามเธอมาติดๆ ทำให้เธออยากจะหวีดร้องออกมาดังๆ แต่แล้วเธอก็พลัดล้มลงเนื่องจากวิ่งเร็วเสียจนส้นร้องเท้าหัก

     

    โอ๊ย ข้อศอกและเข่ากระแทกลงพื้นอย่างแรง แต่ยังโชคดีที่เธอประคองตัวไว้ไม่ให้หน้าคะมำได้ทัน เธอหันกลับมาอย่างรวดเร็ว หันมองซ้ายขวาพร้อมกับพยุงตัวขึ้นอย่างยากลำบากด้วยกลัวว่าหุ่นปีศาจจะเข้าทำร้ายเธอในตอนนี้

     

    เธอวิ่งเลยมาถึงแผนกเครื่องเขียน และนึกเครื่องทุนแรงอื่นๆ ไม่ออกเลย ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดของเธอก็คือไปหลบอยู่ที่ใดสักที่เพื่อไม่ให้มันเห็นตัว แต่เธอตัดสินใจช้าไป เพราะมันเข้ามาประชิดตัวเธอแล้ว! ความมืดคงไม่ใช่ปัญหาในการมองเห็นของมัน และชลปิติก็ถูกของมีคมคล้ายมีดปาดเข้าที่เอวข้างซ้ายจนเลือดไหลซิบและล้มลง

     

    โอ๊ย...ไอ้บ้า แกจะทำอะไรฉัน? ชลปิติถอยกรูดอย่างทุลักทุเล ทั้งความหวาดกลัว ความสับสน และความเจ็บปวดประดังเข้ามาหาเธออย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ชลปิติก็ไม่ท้อถอย เธอไม่ยอมตายในที่แบบนี้เป็นอันขาด เธอพยายามรวบรวมสติเท่าที่ขีดจำกัดของร่างกายจะให้ได้ และจับเสียงการเคลื่อนไหวของมันว่ามาจากทิศทางใด

     

    ฮิๆๆ เสียงหัวเราะเย้ยหยันนั้นฟังดูก้องกังวานไปทั่วบริเวณ แต่เสียงเท้าพลาสติกที่ก้าวเดินนั้นดังมาจากด้านหลัง มีดอันคมกริบกำลังจะได้ดื่มเลือดของหญิงสาว สังเวยให้กับวิญญาณร้ายที่เข้ามาสิงสู่ในหุ่นโชว์เพื่อหมายจะกำจัดมนุษย์

     

    อย่าคิดว่าจะฆ่าฉันได้ง่ายๆ นะยะ!” ชลปิติหันหลังกลับในจังหวะที่หุ่นผีกำลังจะจ้วงมีดเข้าที่แผ่นหลังขาวเนียนของหล่อนแล้วออกแรงถีบอย่างแรงจนหุ่นพลาสติกหงายหลังและกระเด็นไปชนเข้ากับเครื่องถ่ายเอกสาร และในฉับพลันฝาปิดเครื่องที่เปิดค้างไว้ก็ล้มพับลง

     

    ชลปิติไม่รีรอ รีบวิ่งตรงไปยังเครื่องถ่ายเอกสารที่หนีบหัวของอมนุษย์อยู่ แล้วออกแรงกดฝาเครื่องพร้อมกับกรีดร้องอย่างบ้าระห่ำ

     

    ย้ากๆๆ นี่ๆๆ!” เธอทั้งกด ทั้งกระแทกฝาเครื่องอย่างแรงกว่าสิบครั้งจนเริ่มอ่อนล้า ร่างของหุ่นกระเสือกกระสนไปมาพร้อมกับดิ้นรนถีบให้ชลปิติกระเด็นออกไป แต่เธอก็ใช้แรงฮึดเข้าข่ม กดแรงลงไปยังฝาเครื่องไม่ยั้ง จนในที่สุด หุ่นปีศาจก็หยุดเคลื่อนไหวไปเอง

     

    แฮ่กๆ ชลปิติหายใจหอบ เมื่อเห็นว่ามันแน่นิ่งไม่ไหวติงไปแล้ว เธอก็ค่อยทรุดตัวลงช้าๆ พร้อมกันกับร่างของหุ่นโชว์ที่ค่อยๆ ไหลลงกองกับพื้นโดยไร้ซึ่งศีรษะ แล้วเริ่มร้องไห้

     

    แค่เพียงชุดสวยๆ เพียงชุดเดียว แค่ความหมั่นไส้พนักงานเพียงคนเดียว ทำให้เธอต้องพบเจอกับเหตุการณ์อันเลวร้ายที่ยากจะลืมเลือนถึงขนาดนี้เลยเชียวหรือ

     

    ชลปิติค่อยๆ ถอยออกจากเครื่องถ่ายเอกสารเมื่อเริ่มได้กลิ่นเลือดคละคลุ้ง มีของเหลวหนืดๆ ไหลเป็นทางยาวออกมาจากฝาเครื่องถ่ายเอกสารที่ปิดไม่มิด

     

     

     

    น...นี่มันไม่ใช่แค่หุ่นแล้วนะ เมื่อเห็นท่าไม่ดีเธอจึงรีบออกห่างมาจากบริเวณนั้น ทำไมหุ่นโชว์นอกจากจะเคลื่อนไหวเองได้แล้ว ยังมีเลือดเนื้อราวกับว่ามีชีวิตจริงๆ ด้วย?

     

    ในขณะที่เธอกำลังพะวงอยู่กับเรื่องแปลกประหลาดและน่าสยดสยองนี้ เสียงเรียกที่คุ้นหูก็ดังขึ้นไม่ไกลจากที่ที่เธออยู่

     

    ชลปิติ คุณอยู่ไหนน่ะ?

     

    เมฆ!” ชลปิติร้องเรียกอย่างดีใจ รีบวิ่งไปหาต้นเสียงในทันที

     

    เมฆ...เมฆ ฉันอยู่นี่!” หล่อนตะโกนร้อง

     

    ชลปิติ คุณ...อ...อ๊าก!” แล้วจู่ๆ เสียงร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดของเมฆก็ดังขึ้นแทนที่ ทำให้ชลปิติรีบออกตามหาแฟนหนุ่มของเธอโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

     

    เมฆ อย่าเป็นอะไรไปนะ อย่านะ!”

     

    เสียงกุกกักระคนกับเสียงลูกบาสกระดอนพื้น ทำให้ชลปิติรู้ในทันทีว่าเมฆรีบวิ่งมาตามเสียงของเธอเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา และหุ่นอีกตัวหนึ่งก็เจอเขาเข้าพอดี

     

    อ๊าก!” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของเมฆทำให้เธอแทบจะขาดใจ มันดูน่ากลัวยิ่งว่าเธอเป็นคนกรีดร้องเองเสียอีก

     

    เมฆ!” ชลปิติวิ่งกลับมายังแผนกอุปกรณ์กีฬา เสียงต่อสู้และฟัดกันอย่างไม่มีใครยอมใครทำให้ชลปิติโล่งอกเพราะอย่างน้อยเมฆก็ยังมีชีวิตอยู่ เธอรีบหยิบไม้ซอฟต์บอลไม้ใหม่ขึ้นมาแล้วตะโกนเรียกเมฆในทันที

     

    เมฆ เธออยู่ตรงไหน?

     

    ผ...ผมอยู่ตรงนี้ มันทับตัวผม... แล้วเสียงของเมฆก็ขาดหายไป ฉับพลัน สติของชลปิติก็ขาดหายไปด้วย

     

     

    ห้ามทำอะไรเมฆไปมากกว่านี้นะ ไอ้หุ่นผีนรก!” เธอวิ่งตรงเข้าไปหาเมฆที่กำลังสู้อยู่กับหุ่นมรณะอย่างรวดเร็ว และหวดไม้อย่างแรงเข้าใส่ร่างที่อยู่ด้านบน เสียงคอเคลื่อนดังพล่อกจนหน้าหงายเชิดขึ้น ชลปิติเตะซ้ำเข้าไปอีกทีจนมันกระเด็นออกจากร่างของเมฆที่นอนหายใจโรยรินอยู่เบื้องล่าง

     

    อั้ก เมฆกระอักเลือดออกมา ทำให้ชลปิติละความสนใจจากหุ่นชั่วคราว เข้ามาพยุงชายหนุ่มอย่างใจเสีย ทำให้มันอาศัยจังหวะนี้หลบหนีไปได้

     

    เมฆ บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าคะ? ทั่วทั้งร่างกายที่มือของชลปิติสัมผัส ล้วนเต็มไปด้วยเลือดที่เกิดจากบาดแผล ร่างของชายหนุ่มอาบไปด้วยเลือดเพราะต้องการจะช่วยเหลือคนที่เขารักให้ปลอดภัย เสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยและขาดวิ่นจากการต่อสู้ทำให้น้ำตาของชลปิติเริ่มไหลริน

     

    นี่มันทำร้ายเธอขนาดนี้เลยเหรอ? ชลปิติถามเสียงหลง

     

    ผมไม่ยอมมันง่ายๆ หรอก แล้วชลเป็นอะไรรึเปล่า? เสียงของเมฆเริ่มแผ่วลงทุกครั้งที่พูด

     

    ฉันไม่เป็นอะไร เมฆอย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ อย่านะ!” น้ำใสๆ เอ่อล้นเต็มดวงตา ร่วงเผาะลงสู่ร่างของชายหนุ่ม เขาค่อยๆ ยกมือขึ้นเพื่อปาดน้ำตาให้กับหญิงสาว

     

    อย่าร้องไห้ ผมไม่เป็นอะไรหรอก ขอเพียงแค่เธอปลอดภัย...ก็พอ แล้วเมฆก็นิ่งเงียบไปทันที...

     

    ชลปิติปล่อยโฮเสียงดังลั่นและยาวนานจนแทบจะหยุดหายใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอกลัวความสูญเสียมากขนาดนี้ เธอดึงร่างของเมฆเข้ามาในอ้อมกอดและซบหน้าลงด้วยความทุกข์ระทม

     

    ฉันขอโทษนะเมฆ ฉันขอโทษ ฮือๆ เมื่อหน้าของชลปิติซบลงใกล้กับหน้าของเมฆ ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจอันแผ่วเบาของเมฆ เมฆยังไม่ตาย! เธอจึงรีบทำการปฐมพยาบาลโดยเร็ว ห้ามเลือดทุกบาดแผลเท่าที่จะทำได้ และประคองร่างของเขาไปหลบไว้ที่มุมผนังเพื่อความปลอดภัย

      

    รออยู่ตรงนี้ก่อนนะ ฉันสัญญาว่าจะรีบกลับมารับเธอแน่นอน ชลปิติกุมบีบมือเมฆและกุมมือแน่น เป็นการเรียกสติของเมฆไม่ให้เลือนหายไปมากกว่านี้ แล้วจึงยืนหยัดลุกขึ้น กำหมัดแน่น และกัดฟันด้วยความเกรี้ยวกราด

     

    ไอ้หุ่นผีชั่ว ถ้าไม่ได้ฆ่าแกละก็ ฉันตายตาไม่หลับแน่!”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×