ไดอารี่ของใคร - นิยาย ไดอารี่ของใคร : Dek-D.com - Writer
×

    ไดอารี่ของใคร

    ผู้เข้าชมรวม

    92

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    8

    ผู้เข้าชมรวม


    92

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  30 ก.ค. 65 / 18:54 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    “เฮ้อออออออ ที่นี่มันหน้าเบื่อมากกว่าที่คิดไว้ซะอีก”

    เด็กหนุ่มในวัย17ปีกับใบหน้าที่เหม่อลอยนั่งอยู่บนระเบียงไม้หน้าบ้าน ถอนหายใจออกมายาวๆ เพราะความเบื่อหน่ายที่เกิดขึ้นหลังจากย้ายบ้านใหม่มาอยู่ต่างจังหวัดในพื้นที่ชนบท  เหตุเกิดจากเพราะพ่อและแม่ของเขาต้องย้ายมาทำงานราชการที่นี่ มันจึงทำให้เด็กหนุ่มที่อยู่ในวัยที่ยังสนุกสนานกับเพื่อนๆ ต้องห่างไกลจากพวกพ้องและผู้คนที่คุ้นเคย เลยทำให้เกิดความเหงาเล็กๆ ขึ้นมาในความรู้สึกของเขา มีก็แต่เจ้าแมวอ้วนตัวลายสามสี ที่อยู่ละแวกนี้ คอยมาเล่นกับเขาอยู่เป็นประจำ แน่นอนว่าพื้นที่แถวนี้ไม่มีเพื่อนรุ่นเดียวกับเขาเลย คงเป็นเพราะที่ที่เขาอยู่ตอนนี้ไม่ได้มีผู้คนมากมายขนาดนั้น บ้านที่อยู่ใกล้เคียงกันก็มีเพียงห้าหลังถ้วน เพราะบ้านหลังนี้ตั้งอยู่ตีนภูเขาไกลกับตัวเมือง ผู้คนเลยไม่ค่อยที่จะมาสร้างฐานที่อยู่กันซักเท่าไร ส่วนมากจะเป็นไร่สวนทั่วไป แต่แปลกก็ตรงพ่อแม่เขานี่แหละ ที่บอกว่าอยู่ใกล้ธรรมชาติจะอายุยืน ก็เลยได้บ้านหลังนี้มาโดยไม่ต้องคิดอะไรเลยหล่ะ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบหรอกนะ แต่ทำยังไงได้ ก็มันเหงาและน่าเบื่อมากนี่นา

    “ไกร~ มากินข้าว”

    เสียงหญิงวัยกลางคนร้องเรียกชื่อของลูกชายที่นั่งเล่นกับเจ้าเหมียวอยู่ระเบียงหน้าบ้าน ให้เข้ามาทานข้าวเย็นที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ หลังจากได้ยินแม่ของตนเรียก ไกรไม่รอช้า เขากระโดดลงจากคานระเบียงไม้แล้วรีบเดินเข้าบ้านทันที บนโต๊ะอาหารที่ถูกจัดขึ้นในมื้อเย็นนี้ ก็เป็นแค่อาหารธรรมดาที่เคยกินบ่อยครั้ง ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ แต่ไกรกลับตื่นเต้นกับอาหารมื้อเย็นนี้มาก เพราะครอบครัวของเขามักจะชอบพูดคุยกันเรื่องราวชีวิตในอดีตหรือเหตุการบ้านเมือง และเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เคยเจอมาให้กันฟัง ไกรได้ฟังเรื่องสนุกๆ มาตั้งแต่ที่เขาจำความได้ มันเลยทำให้ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เขาชอบมากที่สุดในตอนนี้ และเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกสนุกได้ หลังจากเล่นอยู่แค่กับเจ้าเหมียวมาทั้งวัน

    “วันนี้ผมจะเล่าก่อนนะครับ เพราะเรื่องของผมคงเป็นเรื่องที่สั้นที่สุดของวันนี้เลยแหละ”

    ไกรเสนอตัวจะเล่าเรื่องของวันนี้ก่อน หลังจากที่ทุกคนทานข้าวเสร็จแล้ว เขาเล่าเรื่องที่เขาไม่ได้ทำอะไรเลยในวันนี้ และทั้งวันก็นั่งอยู่แต่หน้าบ้านเล่นกับแมวที่มาจากไหนไม่รู้ พ่อแม่ของเขาอดขำไม่ได้หลังจากที่เขาพูดเสร็จ คงเพราะไกรเล่าเรื่องอย่างไร้อารมณ์และพูดออกมาเร็วๆ เพื่อให้เรื่องของเขารีบๆ จบไป พวกเขาเลยรู้สึกถึงความน่าเบื่อที่ลูกชายของตนได้ประสบ ก็เลยหลุดขำออกมาอย่างช่วยไม่ได้

    "ไม่เป็นไรๆ เข้าเรียนโรงเรียนใหม่เดี๋ยวก็มีเพื่อนแล้ว"

    พ่อพูดให้กำลังใจลูกชายคนเดียวของตนเอง ที่กำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดกับปากที่ยื่นยาวออกมานั่น แต่ไกรยังคงคิดว่ายังไงก็ไม่มีใครมาแทนที่เพื่อนสนิทของเขาที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กได้หรอก เหมือนเป็นการไม่อย่ากยอมรับความจริงที่ว่าตนเองนั้นต้องจากเพื่อนๆมาเพื่อเริ่มต้นเข้าสังคมใหม่

    “อ่ะ จริงสิ แม่มีเรื่องแปลกๆ จะเล่าด้วยนะ เรื่องนี้มาจากเพื่อนบ้านเรานี่แหละ เขามาเล่าให้แม่ฟังอีกที”

    คุณแม่ที่อยู่ดีๆก็เหมือนคิดอะไรออกแล้วก็พูดออกมาทันทีทำให้สองพ่อลูกเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจและสงสัยมองไปที่ผู้เป็นแม่ ก่อนที่เธอจะเริ่มเล่าต่อไป

    “ก็ป้ามาคีที่บ้านอยู่ใกล้ๆ เรานี่แหละ เธอบอกแม่ว่าบ้านหลังที่เราอยู่ตอนเนี้ย ชอบมีเสียงแปลกๆ เกิดขึ้นกลางดึกหลายครั้ง ตอนที่บ้านหลังนี้ยังไม่มีคนมาอยู่”

    คนฟังทั้งสองนั่งเงียบ มองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนที่ไกรจะถามคำถามที่ติดตลกออกมาจนคนพ่อถึงกับสำลักน้ำลาย

    “พ่อ...เราสามารถย้ายบ้านกันตอนนี้เลยได้ไหมอะ”

    “ฟังให้จบก่อนสิ เจ้าลูกคนนี้หนิ”

    คนแม่ว่าปรามๆ ทำเหมือนเรื่องนี้ไม่ได้หน้ากลัวอย่างที่คิด ไกลได้ยินอย่างนั้นถึงกับเม้มปากขมวดคิ้วใส่แม่ของตน พร้อมกับมือของพ่อที่ยื่นมายีผมของลูกชายตัวเองเป็นการปลอบ

    “เสียงนั้นที่เธอได้ยินมันดังมากๆ เลยนะ มีทั้งเสียงกิ่งไม้ใหญ่ๆ หักแล้วตกลงพื้นแรงมาก แล้วก็เสียงเหมือนฟ้าผ่าลงที่บ้านทั้งที่ไม่มีพายุ บางทีก็มีเสียงคน แต่ก็จับใจความไม่ได้เลย แล้วเธอยังบอกอีกด้วยนะว่าเวลาที่มองมาที่บ้านนี้หลังจากมีเสียงแปลกๆ เกิดขึ้น เธอจะเห็นเจ้าแมวลายสีส้มขาวดำ ตัวที่ลูกเล่นด้วยบ่อยๆ นั่นแหละ นั่งอยู่บนหลังคาบ้านตลอดเลย แปลกไหมหล่ะ”

    ไกรรู้สึกเบาใจขึ้นมานิดหน่อยที่มันไม่ใช่เสียงกรีดร้องหรือเสียงโหยหวนสุดสยองอะไรทำนองนั้น แต่เสียงที่คนแม่เล่ามานั้นมันก็แปลกจริงๆ นั่นแหละ

    “พ่อว่ามันก็ปกตินะที่แมวจะขึ้นไปอยู่บนหลังคา แต่เสียงนี่...พ่อก็ยังไม่เคยได้ยินนะ”

    “ใช่ ตั้งแต่ที่ย้ายมาพวกเราก็ไม่เคยได้ยินเลยหนิครับ”

    “นั่นสิ....ว้าาาาา เสียดายจังนึกว่าจะมีเรื่องแปลกๆ สะอีก นี่แม่โดนเพื่อนบ้านใหม่อำเข้าให้แล้วหรอเนี่ยฮ่าๆๆๆๆ”

    พ่อลูกถึงกับขมวดคิ้วมองไปที่แม่ พวกเขาคงคิดว่าที่แปลกจริงๆ คือผู้หญิงคนนี้รึเปล่านะที่เสียดายเรื่องแปลกๆ นั่น แล้วยังหัวเรอะออกมาหลังจากที่รู้ว่าตัวเองโดนหลอกอีก

    “เอาหล่ะ หมดเวลาแล้ว ขึ้นไปอาบน้ำนอนได้แล้วจ่ะ!!”

    ทุกคนยืนขึ้นทันทีแล้วแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน เหลือไว้เพียงคุณแม่ของบ้านนี้ที่กำลังเก็บถ้วยชามบนโต๊ะอาหารลงซิงค์ล้างจาน

    .

    .

    .

    ชั้นสองของบ้านในห้องนอนสี่เหลี่ยมกว้างที่มีเตียงนอนขนาดคิงไซส์ โทนสีของห้องคือขาวและผสมกับเฟอร์นิเจอร์ไม้สบายตา มีโต๊ะเก้าอี้ใกล้ๆ กับเตียงพื้นที่บนโต๊ะเต็มไปด้วยสมุดหนังสือกับเครื่องคอมพิวเตอร์  และตู้เสื้อผ้าไม้ที่ตั้งอยู่มุมห้อง ไกรที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จกำลังที่จะเตรียมตัวนอน เขาเดินไปปิดสวิตช์ไฟแล้วเดินกลับไปขึ้นเตียงด้วยท่าทีที่ผ่อนคลาย ภายในที่แห่งนี้ ก็คงจะเป็นห้องนอนของเขานี่แหละที่ไกรรู้สึงชอบมากที่สุด ห้องนอนอุ่นๆ กับเตียงนอนที่นอนสบายนี้ อย่างน้อยมันก็ทำให้เขาหลับฝันดีได้น่ะนะ

    "กึๆ..กุก...กึกๆ"

    “กึก….กึกกึก…กึก…ตุบ!!!”

    ไกรหันขวับไปมองอย่างรวดเร็วที่หน้าต่างทางด้านซ้ายของเตียง หน้าต่างปิดสนิทและผ้าม่านที่ถูกมัดเอาไว้ทำให้ไกรมองเห็นข้างนอกที่มืดมิด และเงาต้นไม่รอบๆ บ้าน มันไม่มีอะไรเลย มีเพียงความมืดจากด้านนอกเท่านั้นที่เขามองเห็น เด็กหนุ่มเริ่มสงสัยว่าที่มาของเสียงมันมาจากทางไหน เขาเพ่งเล็งไปที่หน้าต่างและเริ่มมองไปรอบๆ ห้องนอน

    “กึก กึก กึก กึ…”

    เสียงนั้นเกิดขึ้นอีกครั้ง และตอนนี้ไกรก็แน่ใจแล้วว่าเสียงแปลกๆ นี้มาจากข้างนอกหน้าต่างของห้องนอนแน่ๆ ไกรลุกขึ้นจากเตียงนอน ค่อยๆ ก้าวขาออกไปทีละก้าวพร้อมสายตาที่จ้องไปยังหน้าต่าง เด็กหนุ่มไม่ได้มีความหวาดกลัวใดๆ เขาเพียงแค่ระวังตัวไว้ก่อนเผื่ออันตรายที่จะเกิดขึ้น แม้ท่าทางของเขาตอนนี้จะเหมือนกับคนที่กำลังสั่นกลัวก็ตาม ไกรหยุดยืนอยู่ที่หน้าต่าง ชะเง้อหน้ามองซ้ายขวาโดยที่ยังไม่ได้เปิดหน้าต่างเพื่อให้แน่ใจก่อน แต่ก็พบกับความว่างเปล่า เขาเลยตัดสินใจเปิดมันออกทั้งสองบานทันที

    รมเย็นตีเข้ากับใบหน้าใสของเด็กหนุ่ม เส้นผมปลิวไสว ความเย็นเริ่มเข้ามาเปลี่ยนอุณหภูมิภายในห้องให้ต่ำลง ไกรมองไปรอบๆ อีกครั้ง มองอย่างนะเอียดถี่ถ้วน เพื่อหาสิ่งผิดปกติ แต่และแล้วเขาก็มองเห็นเข้ากับสิ่งแปลกปลอมนั้น มันเป็นเงาคนขนาดใหญ่รูปร่างประหลาดชวนให้ขนลุก ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ข้างรั้วบ้านซึ่งมันตรงกับหน้าต่างของห้องนอนพอดี ไกรรีบหันกลับไปที่โต๊ะเพื่อหยิบไฟฉายแล้วหันกลับมาที่หน้าต่างอีกครั้งอย่างรวดเร็วก่อนจะเปิดไฟฉายและเริ่มส่องไปที่เป้าหมายใต้ต้นไม้นั่น….

    ฟืบบบบบบ!!!

    “ฮึ้ย!!!”

    แต่แล้วก็มีบางอย่างเคลื่อนตัวด้วยความเร็วฝ่าเด็กหนุ่มเข้ามาภายในห้องของเขา และหน้าต่างที่ตอนแรกเปิดอยู่นั้น ก็ถูกปิดลงทันที ทำให้ไกรตกใจมากถึงกับล้มตึงหงายหลังไปกลองอยู่บนพื้น หัวใจของเขาเต้นระรัวและเหมือนจะมีอาการช็อคอยู่นิดๆ เด็กหนุ่มเริ่มตั้งสติแล้วมองไปหาสิ่งที่เพิ่งเข้ามาในห้องของเขาเมื่อครู่ และสายตาก็ได้ไปหยุดอยู่ที่ด้านบนของตู้เสื้อผ้า……มันจึงทำให้เขาได้คำตอบในทันที

    ಠ_ಠ   ".....แมว? …..”

    ไกรเปลี่ยนสีหน้าที่ตกใจในตอนแรกเป็นสีหน้าที่ดูไร้อะรมณ์ทันที เขารู้สึกอารมณ์เสียนิดหน่อยที่ต้องมานั่งช็อคกับเหตุการนี้ เพราะเดิมทีเขาเป็นคนที่ข่อนข้างกล้าหารและไม่ค่อยหวาดกลัวอะไรได้ง่ายๆ ใช่แล้วไกรคิดว่าตนเองเป็นคนแบบนั้น

    “นี่ แกใช่ไหมที่ทำเสียงแปลกๆ นั่น”

    “เมี๊ยววววววว”

    เขาพูดกับเจ้าเหมียวที่นอนอยู่บนตู้เสื้อผ้าของเขาอย่างปลงๆ แต่มันก็ดันตอบกลับมาด้วยเสียงร้องนั่น ทำให้ไกรต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วปล่อยออกมายาวเหยียดเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วนของวันนี้แล้ว เข้ารู้สึกเหนื่อยมากแล้วสำหรับวันนี้ ยิ่งเหตุการที่เพิ่งผ่านมาเมื่อกี้มันยิ่งทำเขาเสียพลังงานไปไม่น้อย เด็กหนุ่มไม่สนใจอะไรแล้ว เขาลุกขึ้นยืนแล้วกระโดดลงเตียงพร้อมที่จะนอนเต็มที แต่ในหัวของเขาก็ยังคงคิดเรื่องเงาที่อยู่ตรงต้นไม้นั้นอยู่ แล้วก็หน้าต่างที่ถูกปิดและล็อคลงโดยไม่รู้สาเหตุนั่นด้วย

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น