ไดอารี่ของใคร
นานมาก
ผู้เข้าชมรวม
85
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“เฮ้อออออออ ที่นี่มันหน้าเบื่อมากกว่าที่คิดไว้ซะอีก”
เด็กหนุ่มในวัย17ปีกับใบหน้าที่เหม่อลอยนั่งอยู่บนระเบียงไม้หน้าบ้าน ถอนหายใจออกมายาวๆ เพราะความเบื่อหน่ายที่เกิดขึ้นหลังจากย้ายบ้านใหม่มาอยู่ต่างจังหวัดในพื้นที่ชนบท เหตุเกิดจากเพราะพ่อและแม่ของเขาต้องย้ายมาทำงานราชการที่นี่ มันจึงทำให้เด็กหนุ่มที่อยู่ในวัยที่ยังสนุกสนานกับเพื่อนๆ ต้องห่างไกลจากพวกพ้องและผู้คนที่คุ้นเคย เลยทำให้เกิดความเหงาเล็กๆ ขึ้นมาในความรู้สึกของเขา มีก็แต่เจ้าแมวอ้วนตัวลายสามสี ที่อยู่ละแวกนี้ คอยมาเล่นกับเขาอยู่เป็นประจำ แน่นอนว่าพื้นที่แถวนี้ไม่มีเพื่อนรุ่นเดียวกับเขาเลย คงเป็นเพราะที่ที่เขาอยู่ตอนนี้ไม่ได้มีผู้คนมากมายขนาดนั้น บ้านที่อยู่ใกล้เคียงกันก็มีเพียงห้าหลังถ้วน เพราะบ้านหลังนี้ตั้งอยู่ตีนภูเขาไกลกับตัวเมือง ผู้คนเลยไม่ค่อยที่จะมาสร้างฐานที่อยู่กันซักเท่าไร ส่วนมากจะเป็นไร่สวนทั่วไป แต่แปลกก็ตรงพ่อแม่เขานี่แหละ ที่บอกว่าอยู่ใกล้ธรรมชาติจะอายุยืน ก็เลยได้บ้านหลังนี้มาโดยไม่ต้องคิดอะไรเลยหล่ะ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบหรอกนะ แต่ทำยังไงได้ ก็มันเหงาและน่าเบื่อมากนี่นา
“ไกร~ มากินข้าว”
เสียงหญิงวัยกลางคนร้องเรียกชื่อของลูกชายที่นั่งเล่นกับเจ้าเหมียวอยู่ระเบียงหน้าบ้าน ให้เข้ามาทานข้าวเย็นที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ หลังจากได้ยินแม่ของตนเรียก ไกรไม่รอช้า เขากระโดดลงจากคานระเบียงไม้แล้วรีบเดินเข้าบ้านทันที บนโต๊ะอาหารที่ถูกจัดขึ้นในมื้อเย็นนี้ ก็เป็นแค่อาหารธรรมดาที่เคยกินบ่อยครั้ง ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ แต่ไกรกลับตื่นเต้นกับอาหารมื้อเย็นนี้มาก เพราะครอบครัวของเขามักจะชอบพูดคุยกันเรื่องราวชีวิตในอดีตหรือเหตุการบ้านเมือง และเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เคยเจอมาให้กันฟัง ไกรได้ฟังเรื่องสนุกๆ มาตั้งแต่ที่เขาจำความได้ มันเลยทำให้ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เขาชอบมากที่สุดในตอนนี้ และเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกสนุกได้ หลังจากเล่นอยู่แค่กับเจ้าเหมียวมาทั้งวัน
“วันนี้ผมจะเล่าก่อนนะครับ เพราะเรื่องของผมคงเป็นเรื่องที่สั้นที่สุดของวันนี้เลยแหละ”
ไกรเสนอตัวจะเล่าเรื่องของวันนี้ก่อน หลังจากที่ทุกคนทานข้าวเสร็จแล้ว เขาเล่าเรื่องที่เขาไม่ได้ทำอะไรเลยในวันนี้ และทั้งวันก็นั่งอยู่แต่หน้าบ้านเล่นกับแมวที่มาจากไหนไม่รู้ พ่อแม่ของเขาอดขำไม่ได้หลังจากที่เขาพูดเสร็จ คงเพราะไกรเล่าเรื่องอย่างไร้อารมณ์และพูดออกมาเร็วๆ เพื่อให้เรื่องของเขารีบๆ จบไป พวกเขาเลยรู้สึกถึงความน่าเบื่อที่ลูกชายของตนได้ประสบ ก็เลยหลุดขำออกมาอย่างช่วยไม่ได้
"ไม่เป็นไรๆ เข้าเรียนโรงเรียนใหม่เดี๋ยวก็มีเพื่อนแล้ว"
พ่อพูดให้กำลังใจลูกชายคนเดียวของตนเอง ที่กำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดกับปากที่ยื่นยาวออกมานั่น แต่ไกรยังคงคิดว่ายังไงก็ไม่มีใครมาแทนที่เพื่อนสนิทของเขาที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กได้หรอก เหมือนเป็นการไม่อย่ากยอมรับความจริงที่ว่าตนเองนั้นต้องจากเพื่อนๆมาเพื่อเริ่มต้นเข้าสังคมใหม่
“อ่ะ จริงสิ แม่มีเรื่องแปลกๆ จะเล่าด้วยนะ เรื่องนี้มาจากเพื่อนบ้านเรานี่แหละ เขามาเล่าให้แม่ฟังอีกที”
คุณแม่ที่อยู่ดีๆก็เหมือนคิดอะไรออกแล้วก็พูดออกมาทันทีทำให้สองพ่อลูกเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจและสงสัยมองไปที่ผู้เป็นแม่ ก่อนที่เธอจะเริ่มเล่าต่อไป
“ก็ป้ามาคีที่บ้านอยู่ใกล้ๆ เรานี่แหละ เธอบอกแม่ว่าบ้านหลังที่เราอยู่ตอนเนี้ย ชอบมีเสียงแปลกๆ เกิดขึ้นกลางดึกหลายครั้ง ตอนที่บ้านหลังนี้ยังไม่มีคนมาอยู่”
คนฟังทั้งสองนั่งเงียบ มองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนที่ไกรจะถามคำถามที่ติดตลกออกมาจนคนพ่อถึงกับสำลักน้ำลาย
“พ่อ...เราสามารถย้ายบ้านกันตอนนี้เลยได้ไหมอะ”
“ฟังให้จบก่อนสิ เจ้าลูกคนนี้หนิ”
คนแม่ว่าปรามๆ ทำเหมือนเรื่องนี้ไม่ได้หน้ากลัวอย่างที่คิด ไกลได้ยินอย่างนั้นถึงกับเม้มปากขมวดคิ้วใส่แม่ของตน พร้อมกับมือของพ่อที่ยื่นมายีผมของลูกชายตัวเองเป็นการปลอบ
“เสียงนั้นที่เธอได้ยินมันดังมากๆ เลยนะ มีทั้งเสียงกิ่งไม้ใหญ่ๆ หักแล้วตกลงพื้นแรงมาก แล้วก็เสียงเหมือนฟ้าผ่าลงที่บ้านทั้งที่ไม่มีพายุ บางทีก็มีเสียงคน แต่ก็จับใจความไม่ได้เลย แล้วเธอยังบอกอีกด้วยนะว่าเวลาที่มองมาที่บ้านนี้หลังจากมีเสียงแปลกๆ เกิดขึ้น เธอจะเห็นเจ้าแมวลายสีส้มขาวดำ ตัวที่ลูกเล่นด้วยบ่อยๆ นั่นแหละ นั่งอยู่บนหลังคาบ้านตลอดเลย แปลกไหมหล่ะ”
ไกรรู้สึกเบาใจขึ้นมานิดหน่อยที่มันไม่ใช่เสียงกรีดร้องหรือเสียงโหยหวนสุดสยองอะไรทำนองนั้น แต่เสียงที่คนแม่เล่ามานั้นมันก็แปลกจริงๆ นั่นแหละ
“พ่อว่ามันก็ปกตินะที่แมวจะขึ้นไปอยู่บนหลังคา แต่เสียงนี่...พ่อก็ยังไม่เคยได้ยินนะ”
“ใช่ ตั้งแต่ที่ย้ายมาพวกเราก็ไม่เคยได้ยินเลยหนิครับ”
“นั่นสิ....ว้าาาาา เสียดายจังนึกว่าจะมีเรื่องแปลกๆ สะอีก นี่แม่โดนเพื่อนบ้านใหม่อำเข้าให้แล้วหรอเนี่ยฮ่าๆๆๆๆ”
พ่อลูกถึงกับขมวดคิ้วมองไปที่แม่ พวกเขาคงคิดว่าที่แปลกจริงๆ คือผู้หญิงคนนี้รึเปล่านะที่เสียดายเรื่องแปลกๆ นั่น แล้วยังหัวเรอะออกมาหลังจากที่รู้ว่าตัวเองโดนหลอกอีก
“เอาหล่ะ หมดเวลาแล้ว ขึ้นไปอาบน้ำนอนได้แล้วจ่ะ!!”
ทุกคนยืนขึ้นทันทีแล้วแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน เหลือไว้เพียงคุณแม่ของบ้านนี้ที่กำลังเก็บถ้วยชามบนโต๊ะอาหารลงซิงค์ล้างจาน
.
.
.
ชั้นสองของบ้านในห้องนอนสี่เหลี่ยมกว้างที่มีเตียงนอนขนาดคิงไซส์ โทนสีของห้องคือขาวและผสมกับเฟอร์นิเจอร์ไม้สบายตา มีโต๊ะเก้าอี้ใกล้ๆ กับเตียงพื้นที่บนโต๊ะเต็มไปด้วยสมุดหนังสือกับเครื่องคอมพิวเตอร์ และตู้เสื้อผ้าไม้ที่ตั้งอยู่มุมห้อง ไกรที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จกำลังที่จะเตรียมตัวนอน เขาเดินไปปิดสวิตช์ไฟแล้วเดินกลับไปขึ้นเตียงด้วยท่าทีที่ผ่อนคลาย ภายในที่แห่งนี้ ก็คงจะเป็นห้องนอนของเขานี่แหละที่ไกรรู้สึงชอบมากที่สุด ห้องนอนอุ่นๆ กับเตียงนอนที่นอนสบายนี้ อย่างน้อยมันก็ทำให้เขาหลับฝันดีได้น่ะนะ
"กึๆ..กุก...กึกๆ"
“กึก….กึกกึก…กึก…ตุบ!!!”
ไกรหันขวับไปมองอย่างรวดเร็วที่หน้าต่างทางด้านซ้ายของเตียง หน้าต่างปิดสนิทและผ้าม่านที่ถูกมัดเอาไว้ทำให้ไกรมองเห็นข้างนอกที่มืดมิด และเงาต้นไม่รอบๆ บ้าน มันไม่มีอะไรเลย มีเพียงความมืดจากด้านนอกเท่านั้นที่เขามองเห็น เด็กหนุ่มเริ่มสงสัยว่าที่มาของเสียงมันมาจากทางไหน เขาเพ่งเล็งไปที่หน้าต่างและเริ่มมองไปรอบๆ ห้องนอน
“กึก กึก กึก กึ…”
เสียงนั้นเกิดขึ้นอีกครั้ง และตอนนี้ไกรก็แน่ใจแล้วว่าเสียงแปลกๆ นี้มาจากข้างนอกหน้าต่างของห้องนอนแน่ๆ ไกรลุกขึ้นจากเตียงนอน ค่อยๆ ก้าวขาออกไปทีละก้าวพร้อมสายตาที่จ้องไปยังหน้าต่าง เด็กหนุ่มไม่ได้มีความหวาดกลัวใดๆ เขาเพียงแค่ระวังตัวไว้ก่อนเผื่ออันตรายที่จะเกิดขึ้น แม้ท่าทางของเขาตอนนี้จะเหมือนกับคนที่กำลังสั่นกลัวก็ตาม ไกรหยุดยืนอยู่ที่หน้าต่าง ชะเง้อหน้ามองซ้ายขวาโดยที่ยังไม่ได้เปิดหน้าต่างเพื่อให้แน่ใจก่อน แต่ก็พบกับความว่างเปล่า เขาเลยตัดสินใจเปิดมันออกทั้งสองบานทันที
รมเย็นตีเข้ากับใบหน้าใสของเด็กหนุ่ม เส้นผมปลิวไสว ความเย็นเริ่มเข้ามาเปลี่ยนอุณหภูมิภายในห้องให้ต่ำลง ไกรมองไปรอบๆ อีกครั้ง มองอย่างนะเอียดถี่ถ้วน เพื่อหาสิ่งผิดปกติ แต่และแล้วเขาก็มองเห็นเข้ากับสิ่งแปลกปลอมนั้น มันเป็นเงาคนขนาดใหญ่รูปร่างประหลาดชวนให้ขนลุก ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ข้างรั้วบ้านซึ่งมันตรงกับหน้าต่างของห้องนอนพอดี ไกรรีบหันกลับไปที่โต๊ะเพื่อหยิบไฟฉายแล้วหันกลับมาที่หน้าต่างอีกครั้งอย่างรวดเร็วก่อนจะเปิดไฟฉายและเริ่มส่องไปที่เป้าหมายใต้ต้นไม้นั่น….
ฟืบบบบบบ!!!
“ฮึ้ย!!!”
แต่แล้วก็มีบางอย่างเคลื่อนตัวด้วยความเร็วฝ่าเด็กหนุ่มเข้ามาภายในห้องของเขา และหน้าต่างที่ตอนแรกเปิดอยู่นั้น ก็ถูกปิดลงทันที ทำให้ไกรตกใจมากถึงกับล้มตึงหงายหลังไปกลองอยู่บนพื้น หัวใจของเขาเต้นระรัวและเหมือนจะมีอาการช็อคอยู่นิดๆ เด็กหนุ่มเริ่มตั้งสติแล้วมองไปหาสิ่งที่เพิ่งเข้ามาในห้องของเขาเมื่อครู่ และสายตาก็ได้ไปหยุดอยู่ที่ด้านบนของตู้เสื้อผ้า……มันจึงทำให้เขาได้คำตอบในทันที
ಠ_ಠ ".....แมว? …..”
ไกรเปลี่ยนสีหน้าที่ตกใจในตอนแรกเป็นสีหน้าที่ดูไร้อะรมณ์ทันที เขารู้สึกอารมณ์เสียนิดหน่อยที่ต้องมานั่งช็อคกับเหตุการนี้ เพราะเดิมทีเขาเป็นคนที่ข่อนข้างกล้าหารและไม่ค่อยหวาดกลัวอะไรได้ง่ายๆ ใช่แล้วไกรคิดว่าตนเองเป็นคนแบบนั้น
“นี่ แกใช่ไหมที่ทำเสียงแปลกๆ นั่น”
“เมี๊ยววววววว”
เขาพูดกับเจ้าเหมียวที่นอนอยู่บนตู้เสื้อผ้าของเขาอย่างปลงๆ แต่มันก็ดันตอบกลับมาด้วยเสียงร้องนั่น ทำให้ไกรต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วปล่อยออกมายาวเหยียดเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วนของวันนี้แล้ว เข้ารู้สึกเหนื่อยมากแล้วสำหรับวันนี้ ยิ่งเหตุการที่เพิ่งผ่านมาเมื่อกี้มันยิ่งทำเขาเสียพลังงานไปไม่น้อย เด็กหนุ่มไม่สนใจอะไรแล้ว เขาลุกขึ้นยืนแล้วกระโดดลงเตียงพร้อมที่จะนอนเต็มที แต่ในหัวของเขาก็ยังคงคิดเรื่องเงาที่อยู่ตรงต้นไม้นั้นอยู่ แล้วก็หน้าต่างที่ถูกปิดและล็อคลงโดยไม่รู้สาเหตุนั่นด้วย
ผลงานอื่นๆ ของ Yanikamint ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Yanikamint
ความคิดเห็น