คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Past2 HIDE
ฉันเฝ้ารอการกลับมาของเรเชีย เกลือบ2ชั่วโมงแล้วที่นางตามเอด้าออกไปนอกปราสาทลับแห่งนี้ ไม่รู้สินะ แต่ฉันเป็นกังวลมาก ฉันกลัว ถ้าเรเชียไม่กลับมา ถ้านางไม่กลับมา.......
เสียงฝีเท้าของผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญก้าวเข้ามาภายในปราสาท คงจะเป็นทหารของคาตาริน่าอีกตามเคย แต่เสียงฝีเท้าคู่นั่นไม่อาจดึงความสนใจให้ฉันหันไปมอง ถ้าร่างนั้นเดินตรงเข้ามาหมายจะจับตัวฉันละก็คงจะมีดวงวิญญาณสังเวยให้ราชันย์มืดเพิ่มขึ้น
“ท่านอลิเซีย!!”
เสียงของ ลอร์ดเจส!!! เพื่อความแน่ใจฉันรีบหันไปมอง ชายที่อยู่ตรงหน้าคือลอร์ดเจส ขุนนางหนุ่มผู้มีฝีมือดาบอันเป็นเลิศ บ่อยครั้งที่ฉันได้รับดารปกป้องจากชายหนุ่มผู้นี้
“ท่านอลิเซีย กลับไปที่ปราสาทเถอะครับ ท่านหัวหน้าองค์รักษ์กำลังเข้าไปเจรจากับท่านอุปราช”
เมื่อลอร์ดเจสเอ่ยถึง อุปราชโฮซอนไนผู้มีความเที่ยงธรรมสูง ดูเหมือนฉันพอจะมีทางได้กลับไปที่ปราสาทอยู่บ้าง
แต่เรเชียยังไม่มาเลย ฉันไม่อยากกลับไปโดยปราศจากเรเชีย
“ข้ากับท่านหัวหน้าองค์รักษ์จะหาวิธีทางช่วยท่านให้ได้”
คำพูดอันหนักแน่นของลอร์ดเจสทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นจากสภาพที่เลวร้าย แต่เรื่องราชันย์มืดกับร่างทรงก็ยังไม่กระจ่างแจ้ง หากยังคอยแต่หลบซ่อนอยู่แต่ภายในปราสาทลับแห่งนี้ไม่มีความปลอดภัยเลย เรเชียก็จะมีอันตรายไปด้วย บางทีการที่ฉันกลับไปเพื่อขอคำปรึกษาจากอุปราชโฮซอนไนอาจจะเป็นสิ่งที่ควรทำ
“กลับไปที่ปราสาทเถอะครับ เจ้าหญิง”
ลอร์ดเจสย่อตัวลงเล็กน้อยเป็นท่าแสดงความเคารพที่กระทำทุกครั้งต่อฉันในฐานะเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์
“เจ้าหญิง!!! อย่าเข้าใกล้ลอร์ดเจสนะคะ ท่านผู้นั่นมาเพื่อจับตัวเจ้าหญิงไปให้ท่านคาตาริน่า!!”
เสียงของเรเชียร้องห้ามฉันเอาไว้ นางมีอาการหอบจนร่างกายสั่นเล็กน้อย แววตาสีทับทิมของนางส่อประกายไม่ไว้วางใจลอร์ดเจสอย่างรุนแรง น่าแปลกทั้งเรเชียเชื่อถือและวางใจลอร์ดเจสด้วยความหนักแน่นมาตลอด
แต่เวลานี้ นางไม่เหลือความรู้สึกนั้นอีกแล้ว
“ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอก ข้าจะรีบกลับมาให้ไวที่สุด เรเชียเจ้ารออยู่ที่นี่เถอะนะ”
“...........”
เรเชียไม่พูดอะไรออกมาได้แต่พยักหน้ารับคำสั่งของฉัน นางมีสีหน้าเศร้าทันที ถ้าเป็นไปได้ฉันก็ไม่อยากอยู่ห่างจากนางเลย แต่จะให้นางมีอันตรายเพราะฉันคงไม่ดีแน่
มาคิดดูแล้วระยะทางที่ฉันเดินเท้ามาพร้อมกับลอร์ดเจส ระยะทางจากปราสาทลับไปถึงปราสาทไม่ได้ไกลเท่าที่คิด เพียงเดินลัดเลาะผ่านชายป่าที่มีต้นไม้ขึ้นเบาบางก็เห็นกำแพงอิฐสีแดงอ่อนของพระราชวังแล้ว
เวรยามรักษาความปลอดภัยของทหารที่ควรจะทำหน้าที่อยู่ตรงประตูทางเข้าพระราชวังหายไป ไม่เพียงแต่เวรยามทหารที่หน้าทางเข้าปราสาท ภายในเต็มไปด้วยความเงียบงันราวกับเป็นปราสาทร้าง ไม่มีทหาร ไม่มีขุนนาง หรือสิ่งที่เรเชียบอกจะเป็นความจริงชายผู้นี้คิดจะจับตัวฉันไปส่งให้คาตาริน่า
“ท่านอลิเซีย รออยู่ตรงนี้ก่อนนะครับ ข้าจะเข้าไปตามท่านหัวหน้างองค์รักษกับท่านอุปราช”
ฉันถูกทิ้งไว้ตามลำพัง ทุกอย่างภายในปราสาทดูผิดปกติเกินไปตอนนี้ฉันเริ่มไม่มั่นใจในตัวลอร์ดเจสแล้ว
ก่อนที่ลอร์ดเจสจะกลับมาพร้อมกำลังทหารฉันต้องรีบหนีออกจากปราสาทแห่งนี้
ภายในปราสาทเงียบจนอดคิดไม่ได้ว่า ผู้คนได้หายสาปสูญไปจนหมดสิ้น มันเงียบเสียจนทำให้ฉันรู้สึกกลัว
“อะ!!”
แขนขวารู้สึกเจ็บขึ้นมาอีกแล้ว เจ้าสิ่งแปลกประหลาดปรากฏขึ้นมาพันธนาการแขนขวาของฉันอีกครั้ง ฉันแน่ใจในบริเวณแห่งนี้จะต้องมีใครบางคนอยู่ใกล้ๆ นี่เป็นความต้องการจากราชันย์มืดเพื่อให้ฉันฆ่าคนผู้นั้นสังเวยดวงวิญญาณ
“ ท่านอลิเซีย”
จอมเวทย์หญิงประจำราชสำนักที่ทำหน้าที่รับใช้ท่านพ่อปรากฏกายให้ฉันเห็น นอกจากท่านอาจารย์บารันแล้วฉันแทบจะไม่เคยได้พบเห็นเหล่าจอมเวทย์ในราชสำนักเลย
“เจ้าเป็นใคร”
“ขออภัย ข้ามีนามว่า มิสเทอร์ ข้านำสารจากท่านบารันมาแจ้งท่าน”
นางก้มตัวลงทำความเคารพ ฉันพยายามใช้มือซ้ายจับแขนขวาเอาไว้ไม่ให้ยกขึ้นมาจนถูกมิสเทอร์จ้องสิ่งที่พันธนาการแขนขวาของฉัน
“ท่านอลิเซีย ตอนนี้ท่านกลายเป็นร่างทรงของราชันย์มืดไปเสียแล้ว”
นางบอกเมื่อเห็นสิ่งที่พันแขนขวาของฉัน
“ทำไมถึงต้องเป็นข้า!!!”
ไม่เข้าใจเลย ทำไมราชันย์มืดถึงเลือกตัวฉันให้เป็นร่างทรง
“ ท่านบารันกับข้าและจอมเวทย์ในราชสำนักได้ลงอาคมผนึกประตูทางเข้าปราสาทลับในป่าเอาไว้เพื่อป้องกันมิให้ผู้ใดได้เข้าไป”
“อาคมผนึก หรือจะเป็น.......”
ความรู้ที่ร้อนราวกับถูกไฟแผดเผาเมื่อสัมผัสประตูไม้บานนั้น คือพลังของเขตอาคมผนึกสินะ
“การที่ท่านทำลายอาคมผนึกและใช้พลังของราชันย์มืดฆ่าผู้คนด้วยพลังสร้างกับดักมรณะ เป็นเครื่องหมายยืนยันว่า ท่านอลิเซียคือร่างทรงของ ราชันย์มืดอย่างแน่นอน”
“ข้าควรจะทำอย่างไรดี”
นี่ฉันจะต้องใช้มือขวาฆ่าคนเพื่อสังเวยดวงวิญญาณแก่ราชันย์มืดต่อไปอีกนานแค่ไหนกัน
“ตอนนี้ท่านบารันเดินทางไปยังปราสาทลับแล้ว ข้ากับจอมเวทย์ที่เหลือจะช่วยท่านบารันสะกดวิญญาณราชันย์มืดลงอีกครั้ง ข้าอยากให้ท่านอลิเซียกลับไปร่วมพิธีในห้องแห่งการผนึกด้วย”
“ถ้าทำพิธีแล้ว ข้าจะได้เป็นอิสระจากการเป็นร่างทรงใช่ไหม”
สิ่งนี้อาจจะเป็นความหวังสุดท้ายของฉัน
“ข้าไม่อาจรับรองผลได้ แต่ก็พยายามทำจนสุดความสามารถ”
คำตอบของนางทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน ตอนนี้ความเจ็บปวดของแขนขวาเริ่มเบาลงแต่สิ่งที่พันรัดรั้งก็ยังไม่หายไป อีกไม่นานฉันคงจะต้องใช้มือข้างนี้ฆ่าผู้คนสังเวยในฐานะร่างทรง ถ้าพบเรเชียในสภาพแบบนี้ฉันอาจจะฆ่าเรเชียเพื่อสังเวยด้วยหรือเปล่านะ ไม่มีทางซะหรอก!! ต่อให้ต้องฆ่าคนสังเวยราชันย์มืดจนหมดปราสาทฉันก็ไม่มีทางฆ่าเรเชีย เพราะนางคือแสงสว่างสุดท้ายที่ฉันหลงเหลืออยู่ภายใต้ความมืดมน
ฉันพยายามเดินลากขาที่หนักหน่วงใช้มือซ้ายทาบกำแพงเพิ่มแรงพยุงกายเอาไว้ ตั้งแต่เริ่มใช้พลังของราชันย์มืดฆ่าสังเวยผู้คน ฉันรู้สึกเหนื่อยล้าราวกับใช้ร่างกายทำงานหนัก เสียงสนทนาของคนคู่หนึ่งที่อยู่เบื้องหน้าทำให้ฉันหยุดเดินและก้มตัวลงนั่งหลบไม่ให้บุคคลทั้งสองเห็น
“เอาละข้าจะจ่ายให้เจ้าตามสัญญา แล้วเจ้าก็ออกไปจากอาณาจักรแห่งนี้ซะ เอด้า”
เสียงที่มีอำนาจของขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น เสียงของเค้าช่างคุ้นเคยเสียจนฉันต้องแอบมองผ่านหลังกำแพง
ชายผู้นั้นคือ ลอร์ดฟีเนแกน เป็นองค์รักษ์ของคาตาริน่า ยิ่งไปกว่านั้นหญิงสาวที่ยืนสนทนาอยู่กับเค้าคือเอด้า
“ถ้าพี่จะหยุดตอนนี้ยังทัน พลังของราชันย์มืดน่ากลัวกว่าตำนานที่เล่าลือมากนัก”
นางเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี เพราะ ตอนที่พบกับเอด้าครั้งแรกนางได้เห็นฉันที่ใช้พลังของราชันย์มืดกำลังฆ่าคน
“เงินที่ข้าไปไม่พอหรือไง รีบออกไปซะก่อนที่มีใครมาพบเข้า”
“พี่ชายข้าจะไม่ไปจากทีนี่จนกว่าพี่จะยอมหนีออกจากอาณาไปพร้อมกับข้า”
จากบทสนทนาที่ฉันได้ยิน เอด้ากับลอร์ดฟีเนแกนต้องมีความสัมพันธ์แบบพี่น้องอย่างแน่นอน เหมือนคนทั้งคู่กำลังปกปิดความลับบางอย่างเอาไว้ เพราะในปราสาทไม่เคยมีใครร่วงรู้เรื่องความเป็นพี่น้องของทั้งสอง
“หึ...ข้าไม่ไปไหนจนกว่าจะได้พลังราชันย์มืดมาจากเจ้าหญิงอลิเซีย”
อะไรกัน! มีคนตามล่าฉันเพิ่มขึ้นอีก1คนแล้ว แถมยังเป็นลอร์ดฟีเนแกนเป็นผู้มีฝีมือเชิงดาบที่แข็งแกร่งรองจากท่านขุนพล เฮอร์แซ็กผู้ซึ่งเป็นองค์รักษ์ประจำตัวท่านพ่อ
“งั้นข้าจะเปิดโปงถึงแผนการที่ท่านให้ข้าลอบปลงพระชนพระราชาโอราฟต่อเจ้าหญิงอลิเซีย”
........!!!!!! ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหม มีดที่ปักกลางหลังของท่านพ่อเป็นฝีมือของนาง เอด้าได้รับการว่าจ้าง
จากลอร์ดฟีเนแกนผู้เป็นพี่ชายให้ลอบปลงพระชนท่านพ่อ !!!!
“ก็แล้วแต่เจ้า”
ท่าทางลอร์ดฟีเนแกนจะไม่เป็นร้อนใจ ถึงไม่ต้องรอให้เอด้ามาบอก ฉันก็รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว เรื่องนี้คาตาริน่าจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแน่ๆ
จึก....................
เสียงดาบอันแหลมคมที่เสียบทะลุเนื้อหนังของมนุษย์ทำให้ฉันต้องเงยหน้าขึ้นมอง ภาพเบื้องหน้าคือลอร์ดฟีเนแกนใช้ดาบซาเบียร์ซึ่งเป็นอาวุธประจำกายแทงกับเข้ากับแผ่นหลังของเอด้า ร่างกายที่สั่นเท่าของนางล้มลงทันใดหลังจากปลายดาบซาเบียร์โดนดึงออก ฉันอดทนรอให้ลอร์ดฟีเนแกนเดินออกจากห้องโถงแล้วจึงรีบตรงเข้าไปหาร่างของเอด้าที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้น
“จ..เจ้าหญิงอลิเซีย......”
โชคดีที่นางยังมีสติหลงเหลือพอจะพูดคุยกับฉันได้
“ท่านคงจะได้ยินเรื่องที่ข้าคุยกับพี่ชายหมดแล้วสินะ”
ฉันพยักหน้าเบาๆ นี่เป็นเพิ่งเรื่องแรกที่ฉันได้รับรู้ยังมีเรื่องราชันย์มืดและร่างทรงที่ฉันยังไม่ได้รับความกระจ่าง
“เจ้าหญิง ท่านช่างน่าสงสารเหลือเกิน......
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่ฉันได้ยินจากริมฝีปากของนาง เอด้าสิ้นใจลงอย่างกะทันหัน
“อา เจ้าหญิงอลิเซีย.”
เสียงของลอร์ดฟีเนแกนที่ดังขึ้น ทำให้ฉันต้องผละออกจากร่างอันไร้วิญญาณของเอด้า
“ลอร์ดฟีเนแกน!!!”
ฉันพยายามลุกขึ้นปลายเท้าก้าวถอยหนีเป็นอัตโนมัติ ใบหน้าอันแสนคมเข้มของลอร์ดฟีเนแกนมีสีหน้าเคร่งเครียดจนฉันรู้สึกกลัว ปลายดาบซาเบียร์ที่ยังมีคราบเลือดติดอยู่ถูกชี้มาหาฉัน
“ข้าต้องการพลังราชันย์มืดจากท่าน ฉะนั้นตายเสียเถอะเจ้าหญิง”
อา แบบนี้ไม่ดีแน่!!! เจ้าสิ่งที่พันรั้งแขนขวาของฉันเริ่มออกแรงบีบรัดคล้ายกับบังคับให้ฉันยกมือขวาขึ้น
ฉันรู้ถึงฝีมือในการใช้ดาบอันเยี่ยมยอดของลอร์ดฟีเนแกนเป็นอย่างดี การเคลื่อนไหวของเค้ารวดเร็วเกินกว่าที่ฉันจะใช้พลังสร้างกับดักมรณะ ฉันพยายามวิ่งหนีให้พ้นจากคมดาบที่เฉียบบาง แต่ท่วงท่าการเคลื่อนไหวของลอร์ดฟีเนแกนรวดเร็วยิ่งนักจนบางครั้งปลายดาบซาเบียร์เฉียดฉวัดร่างกายของฉันไป
ยิ่งวิ่งก็ยิ่งรู้สึกเหนื่อย ฉันวิ่งเหมือนคนไร้ทิศทาง จากห้องโถงท้องพระโรงขนาดใหญ่ สู่ห้องรับรองอาคันตุกะต่างเมือง ซึ่งมีประตูทะลุไปสู่ห้องแสดงภาพมันคือทางตัน ที่ทำให้ฉันถูกลอร์ดฟีเนแกนไล่มาจนมุม
“เอาล่ะเจ้าหญิง...ถึงเวลาเอ่ยลากันแล้ว”
ร่างที่ดูน่ากลัวของลอร์ดฟีเนแกนค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ ดาบซาเบียร์ในมือของเค้าถูกกระชับให้แน่นขึ้น มันพร้อมที่จะสับร่างของฉันออกเป็นเสี่ยงๆ ฉันถอยหลังหนีจนแผ่นหลังสัมผัสกับผนังอิฐอันเย็นยะเยือก แขนขวารู้สึกเจ็บปวดจนต้องยกขึ้น
.............จึก ......................จึก ................................จึก
ลูกธนู3ดอกพุ่งมาจากทางด้านหลังตรงเข้าปักลอร์ดฟีเนแกนอย่างแม่นยำ ทำให้เค้าชะงัดลดดาบซาเบียร์ในมือลง
ยังไม่ทันที่ลอร์ดฟีเนแกนจะดึงลูกธนูที่ปักร่างกายออก บริเวณพื้นที่เค้ายืนอยู่เกิดประกายไปพวยพุ่งแผดเผาร่างของลอร์ดฟีเนแกน ร่างกายที่ติดไฟล้มตัวลงบนพื้นพยายามถูไถกับพรมที่ปูทับพื้นไม้ไปมา แต่ทุกอย่างสายไปแล้ว ฉันมองเห็นใบมีดของกิโตยินขนาดใหญ่ที่หล่นลงมาจากเพดานฟันร่างของลอร์ดฟีเนแกนออกเป็น2ส่วน แยกระหว่างศีรษะจนถึงช่วงท้องให้กระเด็นไปไกล จากร่างกายท่อนล่างตั้งแต่เอวจรดปลายเท้า สีแดงของเลือดสาดเทกระจายเป็นวงกว้าง
.............ฮ่า...........ฮ่า.............ฮ่า..... ฆ่าเข้าไป ฆ่าเข้าไป
ฉ...ฉัน ฆ่าลอร์ดฟีเนแกนไปแล้ว แต่สิ่งที่ฉันทำกลับสร้างความพึงพอใจให้กับราชันย์มืดในฐานะร่างทรง
ฉันกำลังทำอะไรลงไปกันแน่ จะต้องเป็นร่างทรงฆ่าคนสังเวยราชันย์มืดอีกนานแค่ไหนกัน ยิ่งได้สัมผัสกลิ่นคาว ได้ยินเสียงหวยหวนยามใกล้ตายของเหล่าผู้คนที่ถูกฆ่า มันยิ่งทำให้จิตใจของฉันสั่นคลอนทีละน้อย
จนนึกกลัวว่า ซักวัน ฉันอาจจะพึงพอใจกับการได้ฆ่าคนเพื่อสังเวยให้ราชันย์มืด!!!!!
...................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
ความคิดเห็น