ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Kagero II FanFic -Girl in blood- ( Yuri)

    ลำดับตอนที่ #1 : Past1 Himesama

    • อัปเดตล่าสุด 8 มี.ค. 50



                                   อาณาจักรแห่งหนึ่ง เมื่อครั้งอดีตมีพระราชาผู้ยิ่งใหญ่นามโอราฟปกครองและสู้รบขยายอาณาเขตออกไปจนกลายเป็นอาณาจักรอันยิ่งใหญ่   แต่ไม่มีผู้ใดร่วงรู้ว่าพระราชาโอราฟได้รับความช่วยเหลือจากราชันย์มืด จอมเวทย์ผู้หนึ่งซึ่งภักดีและรับใช้พระองค์ในฐานะจอมเวทย์ประจำราชสำนัก     ราชันย์มืดได้ศึกษาศาตรเวทย์ดำจนมีอาคมในการสร้างกับดักมรณะเป็นเวทมนต์ที่แสนน่ากลัว  เพียงแค่ราชันย์มืดนึกถึงเครื่องทรมานมนุษย์ที่ใช้ในคุกนานาชนิดขึ้นมา  วัตถุเหล่านั้นก็จะปรากฏขึ้นตรงเข้าเล่นงานศัตรูให้เสียชีวิตไปในที่สุด  พระราชาโอราฟได้ประจักษ์ถึงพลังของราชันย์มืดเมื่อครั้งที่พระองค์ร่วมรบในสงครามแย่งชิงดินแดนกับอาณาจักรทางตอนใต้   ราชันย์มืดยืนอยู่ข้างกายของพระองค์ไม่ได้ใช้อาวุธอันใดเพียงแค่ยกมือขวาที่มีสิ่งพันธนาการคล้ายเถาวัลย์รูปงูชี้ไปทางเหล่าทหารม้า เกิดก้อนหินขนาดใหญ่ในอากาศและหล่นลงมาทับร่างของเหล่าทหารจนแหลกเหลว  ไม่เพียงเท่านั้นเหล่ากองทัพแห่งอาณาจักรทางตอนใต้กับถูก กับดักสัตว์เล็กๆโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินหนีบขาเอาไว้เพื่อสกัดการเคลื่อนไหว  ฝูงลูกธนูมากมายพุ่งมาทั่วสารทิศตรงเข้าปักร่างที่หมดทางหนีอย่างแม่นยำ  ด้วยฝีมือของจอมเวทย์เพียงผู้เดียวกลับฆ่าผู้คนทั้งกองทัพได้โดยไม่ใช้อาวุธอันใด   

                          


                                พลังของราชันย์มืดสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนในอาณาจักรรวมปถึงเหล่าขุนนางในปราสาท  พระราชาโอราฟได้ออกคำสั่งแก่จอมเวทย์บารันผู้เป็นดั่งอาจารย์ของเหล่าจอมเวทย์ในพระราชสำนักให้จับกุมตัวราชันย์มืดไปคุมขังที่ปราสาทลับของราชวงศ์ซึ่งซ่อนเร้นอยู่ภายในป่าใกล้ปราสาทแห่งนี้    ราชันย์มืดได้ถูกทรมานจนสิ้นชีวิตด้วยความแค้นวิญญาณของจอมเวทย์กลายปีศาจร้าย   พลังของราชันย์มืดเพิ่มมากขึ้นจนยากที่จอมเวทย์บารันจะรับมือได้    เหล่าจอมเวทย์ในราชสำนักได้รวมพลังผนึกราชันย์มืดเอาไว้ในศิลาศักดิ์สิทธิซึ่งอยู่ภายในห้องผนึกของปราสาทลับ   หลังจากเหตุการณ์ทุกอย่างจบสิ้นลง    พระราชาโอราฟได้ปกครองอาณาจักรพร้อมทั้งแต่งตั้งราชีนีของพระองค์ผู้ซึ่งให้กำเนิดทายาทเพียงหนึ่งเดียว  เจ้าหญิงอลิเซีย

                  


                               
    หลายสิบปีต่อมา  พระราชาโอราฟย่างก้าวสู่ความชราภาพบ่อยครั้งที่อาณาจักรได้ถูกรุกราน  ถึงจะมีขุนพลที่แข็งแกร่งแต่พระราชาโอราฟก็ยังหวั่นวิตก  หากมีพลังของราชันย์มืดอาณาจักรและกองทัพก็จะไร้เทียมทาน   จอมเวทย์บารันได้ถูกเรียกตัวมาเข้าเฝ้าเพื่อทำหน้าเป็นผู้นำทางไปสู่ปราสาทลับในป่า  ในครั้งนี้ราชินีได้ขอติดตามพระราชาไปด้วย
       ราชันย์มืดที่สูญเสียพลังไปต้องการร่างทรงเพื่อฆ่าคนสังเวยดวงวิญญาณให้แก่ตนและยอมทำตามคำสั่งของพระราชาเพื่อแลกกับอิสระภาพ  พระราชาได้ทำสัญญามอบร่างทรงให้กับราชันย์มืด  ร่างทรงนั้นคือ  เจ้าหญิงอลิเซียผู้ไร้เดียงสาในวัย13ปี และบุตรีของพระราชาอีกผู้หนึ่งซึ่งเกิดจากนางสนม   ราชินีผู้น่าสงสารได้ถูกฆ่าในฐานะเครื่องสังเวยดวงวิญญาณชิ้นแรกแก่ราชันย์มืด   การสิ้นพระชนของราชินีถูกปิดเป็นความลับต่อเจ้าหญิงอลิเซีย     เจ้าหญิงได้รู้เพียงว่าพระมารดาล้มป่วยกะทันหันและสิ้นพระชนจากไป




                                พระราชาโอราฟได้ผู้ร่วมคิดในการทำสัญญามอบร่างทiงจาก นางสนม คาตาริน่า  ซึ่งนางเคยศึกษาศาสตร์มืดแขนงเดียวกับราชันย์มืดมาก่อน  คาตาริน่าเองก็มีความทะเยอทะยานอยากจะครอบครองพลังของราชันย์มืด  เรื่องราชันย์มืดได้ถูกล่วงรู้ในหมู่ขุนนางชั้นสูง ผู้มีความทะเยอทะยานใฝ่สูงหวังเป็นใหญ่และภักดีต่อคาตาริน่า   มีเพียงอุปราชโฮซอนไนผู้รักความเที่ยงธรรมที่คัดค้านความคิดของพระราชา
       ไม่นานคาตาริน่าก็ได้รับแต่งตั้งเป็นราชินีคนใหม่  พระราชาได้ทรงเลี้ยงดูเจ้าหญิงอลิเซียอย่างถนุถนอมเพื่อรอเวลาให้เจ้าหญิงได้เติบโตมากพอที่จะเป็นร่างทรงชั้นเลิศแก่ราชันย์มืด   เจ้าหญิงน้อยไม่โอกาสได้รับรู้ความจริงอันแสนโหดร้ายเลยซักนิดและยังคงรักเคารพในตัวพระบิดาเสมอมา  



    ………………………………………………………………………….

    4ปีต่อมา

    ....................................................................................................................................


    พระราชาโอราฟและเจ้าหญิงอลิเซียเสร็จไปยังสุสานของราชวงศ์ซึ่งอยู่ในสวนอันกว้างใหญ่ของปราสาท  โดยมีหัวหน้าองครักษ์เป็นผู้ติดตามอารักษ์ขาความปลอดภัย  และเรเชียสาวใช้ประจำตัวของเจ้าหญิงอลิเซียติดตามผู้สูงศักดิ์ทั้งสองไปด้วย

             

                                แสงตะวันสาดส่องลงมากระทบกับป้ายหิน  ท่านแม่ ท่านคงจะนอนหลับใหลอยู่ที่นี่อย่างมีความสุขใช่ไหมคะถึงจะรู้ว่าท่านแม่ได้สิ้นพระชนไปแล้ว  แต่ฉันรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่มาเคารพหลุมศพของท่าน    ท่านพ่อซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ปกครองดูแลคนทั้งอาณาจักร  หลังจากเสียท่านแม่ไปท่านก็ดูเศร้าโศกประกอบกับวัยที่ร่วงเลยย่างก้าวเข้าสู่ความชราภาพ  ท่านพ่อดูอ่อนแอลงไปมาก



    "ท่านโอราฟ  ท่านควรจะไตร่ตรองถึงอาณาจักรบ้างนะครับ  ยามนี้อาณาจักรจำเป็นต้องมีผู้นำ  แล้วตอนนี้ไม่มีผู้ใดที่จะเหมาะสมไปกว่าท่านอลิเซียแล้ว"

    ฉันได้ยินท่านหัวหน้าองค์รักษ์กล่าวโน้มน้าวท่านพ่อ เรื่องที่ท่านไม่ยอมแต่งตั้งให้ใครเป็นผู้ปกครองแผ่นดินหรือแม้กระทั้งเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทน   ท่านพ่อยังคงตอบเหมือนเช่นเคย  ตอนนี้ท่านอยู่ในภาวะเศร้าเสียใจเกินกว่าจะคิดเรื่องอื่นได้    



    "ผู้หญิงที่เหมาะสมกับตำแหน่งนั้นคือใครนะท่าน  หัวหน้าองค์รักษ์"

    เสียงของใครบางคนที่ฉันไม่อยากจะนึกถึงเลย   เสียงของ คาตาริน่าราชินีคนปัจจุบัน  ใช่ฉันเกลียดนาง  ทั้งที่นางเป็นแค่สนมของท่านพ่อ  แต่ก็ขึ้นเป็นราชินีแทนท่านแม่ของฉัน   มีประชาชนมากมายที่ไม่พอใจรวมไปถึงเหล่าขุนนางในปราสาทด้วย  ตัวฉันเองก็เคยได้ยินข่าวลือว่านางเป็นพวกเล่นไสยเวทย์มนต์ดำอยู่ลับๆ   เมื่อคาตาริน่าเดินเข้ามาหัวหน้าองค์รักษ์ก็โค้งทำความเคารพและเดินจากไป   ฉันต้องทำความเคารพตามมารยาทอย่างเลี่ยงไม่ได้ 



    "เจ้าหญิงอลิเซีย  เจ้าไม่คิดจะเอ่ยทักทายท่านแม่หน่อยหรือ"

    นางเริ่มอีกแล้ว  ฉันก็พอจะรู้อยู่ว่านางเกลียดท่านแม่และเกลียดฉันแค่ไหน   แต่จะให้เอ่ยทักทายนางในฐานะ "ท่านแม่" ไม่มีทางเสียหรอก



    "ท่านแม่ของข้ามีเพียงคนเดียวและตอนนี้ท่านแม่ก็ไม่ได้อยู่อีกแล้ว"

    ฉันตอบโต้วาจากับนางออกไป ถึงท่านพ่อจะยืนอยู่ด้วยท่านก็ไม่เอ่ยว่าฉันแม้แต่น้อย



    "เจ้าว่าอะไรนะ!!"

    คาตาริน่าโกรธ  น้ำเสียงของนางเกรี้ยวกราด  แต่ฉันไม่สนใจหรอก



    "เจ้าหญิง ได้โปรดเถอะค่ะ"

    หญิงสาวชุดสีดำที่ยืนนิ่งมาตลอด และติดตามฉันกับท่านพ่อมาที่สวนแห่งนี้พูดด้วยความวิงวอน  นางคือ เรเชีย  ผู้ที่มีนัยน์ตาสีแดงอ่อนราวกับเม็ดทับทิม  ผมสีเทาเข้มที่ถูกรวบมัดเอาไว้ดูกลมกลืนกับชุดสาวใช้สีดำที่สวมใส่   นางเป็นสาวใช้ประจำตัวของฉัน ทั้งที่นางอายุมากกว่าไม่ถึง5ปี  แต่เรเชียกลับเป็นที่เพิ่งพาของฉันคอยดูแลฉันอยู่เสมอนางเป็นคนที่ฉันไว้ใจและเชื่อถือที่สุด    

        
     
               ยังไม่ทันที่คาตาริน่าจะเอ่ยวาจาอันใดออกมา  มีดสั้นที่พุ่งมาจากไหนก็ไม่รู้ตรงเข้าปักแผ่นหลังของท่านพ่ออย่างแม่นยำ   ท่านพ่อทรุดลงต่อหน้าฉัน  เรเชีย  และคาตาริน่า  

    "ใครอยู่นี้  รีบมาที่นี้เดี๋ยวนี้!!!!"

    คาตาริน่าร้องตะโกนเพื่อเรียกทหาร   ฉันเลือกที่จะวิ่งเข้าไปดูท่านพ่อมากกว่า  ไม่อยากจะเชื่อเลยท่านตายแล้วจริงๆมีดสั้นที่ปักลงไปอยู่ในตำแน่งตัดขั้วหัวใจท่านพอดี  ไม่นานทหารในวังก็วิ่งมาตามเสียงร้องของคาตาริน่า 



    "เกิดอะไรขึ้นครับท่านคาตาริน่า!!!"



    "ท่านโอราฟตายแล้ว  อลิเซียเป็นคนทำ   นางใช้พลังของราชันย์มืด ฆ่าท่านโอราฟ"

    อะไรกันเนี่ย!!!!  คาตาริน่ากล่าวความเท็จออกไป  พวกทหารลังเลใจแต่เมื่อนางกล่าวถึงราชันย์มืดดูเหมือนพวกเค้าจะเชื่ออย่างสนิทใจ  กำชับอาวุธในมือและค่อยๆเดินมาหมายจะคุมขังตัวฉันไป  ทำไมกัน   ทั้งที่ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย  ถึงจะพูดออกไปพวกทหารก็ไม่เชื่อคำพูดของฉันอีกแล้ว



    "ท่านอลิเซีย!!!"

    เรเชียตะโกนลั่นนางตัดสินใจอย่างรวดเร็วดึงมือของฉันให้วิ่งหนี    ฉันต้องวิ่งตามเรเชียไปอย่างเลี่ยงไม่ได้เบื้องหลังคือทหาร2นายที่ติดตามมาตามคำสั่งของคาตาริน่า   พวกเราวิ่งไปจนพบ ลอร์ดเจส และหัวหัวหน้า

    องค์รักษ์บริเวณโถงทางเดินก่อนถึงห้องโถงใหญ่ของปราสาท



    "ท่านอลิเซีย  จะไปไหนหรือครับ"

    ลอร์ดเจสเอ่ยทักทายพร้อมกับทำความเคารพ  ท่าทางเรื่องที่คาตาริน่ากุขึ้นยังไม่แพร่กระจายไปทั่วปราสาท แต่ฉันก็ไม่รู้จะบอกเล่าเหตุการณ์ที่เลวร้ายนี้ให้ลอร์ดเจสและหัวหน้าองค์รักษ์ฟังได้อย่างไร  สุดท้ายเรเชียก็อธิบายทุกอย่างออกมา  หัวหน้าองค์รักษ์และลอร์ดเจสเป็นขุนนางที่ฉันไว้ใจมากพอๆกับเรเชีย พวกเค้าทั้งสองคอยช่วยเหลืองานของท่านพ่อในการรวบรวมอาณาจักรแห่งนี้อยู่ไม่น้อย    ลอร์ดเจสและหัวหน้าองค์รักษ์ได้เปิดทางให้เรเชียพาฉันหนีออกไปในป่าใกล้ปราสาท  และจะอยู่คอยรับมือกับพวกทหารที่ทำตามคำสั่งของคาตาริน่า

            

                          ทั้งหมดเป็นแผนของคาตาริน่า ยังงั้นสินะ   นางจ้างมือสังหารมาลอบปลงพระชนท่านพ่อและโยนความผิดให้ฉัน   คาตาริน่าอาจจะก่อการกฏบเพื่อยึดครองบังลังค์    แต่ไม่เข้าใจเลย  ราชันย์มืดที่นางพูดถึงเกี่ยวข้องอะไรกับตัวฉันกันแน่    หากไม่มีเรเชียอยู่เคียงข้างตอนนี้อาจะได้นั่งอยู่ในคุกใต้ดินของปราสาทไปแล้ว  ฉัน มองดูเรเชียที่วิ่งอยู่ข้างหน้า ผ่ามือของนางที่กุมมือของฉันเอาไว้ช่างอุบอุ่นนัก
     

    ถึงเรเชียจะไม่มีความสามารถในการสู้รบเยี่ยงทหารและไม่มีอะไรเป็นหลักประกันว่าจะคุ้มครองฉันได้ แต่ก็รู้สึกไว้วางใจเมื่ออยู่กับนางเหลือเกิน 


    พวกเราไปแอบหลบอยู่หลังพุ่มไม้ดูท่าทางนายทหารทั้งสองคนจะมองไม่เห็นและเดินผ่านพุ่มไม้ที่ฉันกับเรเชียหลบอยู่  

    "เจ้าว่า  เจ้าหญิงจะสังหารท่านโอราฟจริงหรือ"



    "ข้าก็ไม่คิดเช่นนั้น  แต่ท่านคาตาริน่าบอกว่าเจ้าหญิงมีพลังชองราชันย์มืด"

    พวกทหารพูดถึงราชันย์มืดอีกแล้ว   มันคืออะไรกันแน่ 



    "เจ้าหญิง  มีปราสาทลับของราชวงศ์อยู่ไม่ไกล ท่านรีบหนีไปที่นั่นก่อนเถอะค่ะ"

    ปราสาทลับของราชวงศ์!?!   ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้ว่ามีของแบบนี้อยู่ในป่า เหมือนความลับบางกำลังถูกเปิดเผยออกมาทีละนิดทีละนิด

    "เจ้าพูดอะไรออกมา"

    ฉันไม่อยากหนีไปเพียงลำพังหรอกนะ  ถ้าจะไปก็ต้องพาเรเชียไปด้วย  นางมองตาของฉันก่อนจะลุกขึ้นยืน



    "เจ้าหญิง  นี่เป็นสิ่งเดียวที่เรเชียจะทำเพื่อท่านได้   เรเชียจะรีบตามไปให้ไวที่สุด โปรดดูแลตัวเองด้วยคะ"

    ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดอะไรออกไปนางก็วิ่งออกจากที่กำบังให้ทหารเห็นตัว   นางเสี่ยงชีวิตเอาตัวเองเป็นเหยื่อล่อให้พวกทหารไขว่เขว  เพื่อถ่วงเวลาให้ฉันได้วิ่งหนีไปที่ปราสาทลับ   ถึงจะไม่อยากไปแต่ฉันก็ต้องรีบวิ่งเข้าไปในป่า

          

                       
    หลังจากพยายามวิ่งผ่านชายป่าฉันก็พบปราสาทลับของราชวงศ์มีรั้วโลหะสีเงินลายล้อมเอาไว้     ปราสาทลับของราชวงศ์ไม่ใหญ่โตเท่าไรนักดูไปเหมือนปราสาทที่จงใจสร้างไว้ให้เป็นคุกคุมขังนักโทษมากกว่า  

    "เร็วเข้า!!ข้าเห็นเงาคนมาทางนี้"

    เสียงตะโกนโวกเวกของทหารดังแว่วมาแต่ไกล   ไม่มีทางเลือกแล้วฉันต้องหนีเข้าไปข้างในรั้วโลหะสีเงินจนได้   ต้องรีบเปิดประตูเข้าไปก่อนที่ทหารจะมาพบตัวฉัน!!!

    ประตูไม้บานใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าดูเก่าคร่ำคร่าคล้ายกับถูกปิดตายมานาน


    ".....!!!"

        เมื่อฉันทาบฝ่ามือขวาลงไปที่ประตูเหมือนคลื่นพลังมหาศาลไหลเวียนเข้ามา  รู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกเปลวเพลิงแผดเผา


    .....ในที่สุดเจ้าก็มา  สาวน้อย.....


    เสียงแหบพร่าที่ก้องอยู่ในหัวมันทำให้ฉันรู้สึกหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก  ประตูบานใหญ่ตรงหน้าที่ดูหนาแน่นกลับเปิดออกราวกับเชื้อเชิญให้เข้าไปด้านใน     ภายในตกแต่งไม่ต่างจากภายในปราสาทที่ฉันคุ้นเคยเท่าไรนัก 
    ฟอนิเจอร์ทุกชิ้น  เครื่องประดับตกแต่งทุกอย่างเหมือนในปราสาทไม่มีผิด    



    "เจ้าหญิง....ได้โปรดยอมกลับไปเถอะครับ"

    นายทหารผู้หนึ่งเดินเข้ามาในมือของเค้ามีดาบอันแหลมคมถืออยู่   ฉันถอยหลังหนีทีละนิด   เรเชียล่ะ!!!เกิดอะไรขึ้นกับนาง!?     แล้วฉันจะทำยังไงกับนายทหารผู้นี้  จะหนีไปยังไง!!



    อะ.............
    !!!!"

    แขนขวาเจ็บแปล๊บขึ้นมา  ราวกับถูกเข็มนับพันทิ่มแทง   อา  แขนขวาของฉันมีบางสิ่งพันอยู่  มันคล้ายกับกิ่งเถาวัลย์สีเขียมเข้มจนคล้ำแทบจะเป็นสีดำพันเลื้อยเอาไว้ไม่ต่างจากงูเลย  แถมเจ้าสิ่งนี้ยังบีบรัดจนแน่นไปหมด



    "อ....อ๊า......พลังของราชันย์มืด"

    สีหน้าของนายทหารผู้นั้นเปลี่ยนไป  กำอาวุธในมือแน่นตัวสั่นเทาและพุ่งเข้าใส่ฉัน 

    .
    ...... เริ่มการบูชายันดวงวิญญาณให้ข้าได้แล้ว.....สาวน้อย..........


    เสียงแหบพร่าลึกลับดังก้องในหัว จนต้องหลับตาแน่น  แขนขวาที่ถูกบีบรัดจากสิ่งประหลาดเพิ่มความเจ็บทุรนทุรายเหลือเกิน  
      ฉันพยายามวิ่งหนีขึ้นบันไดไม้ไปสู่ชั้นบนแต่ก็โดนนายทหารไล่ต้อนจนติดผนัง  คมดาบอันแหลมคมสะท้อนกับแสงไฟกำลังถูกยกขึ้น   ถ้าฟันลงมาร่างของฉันคงจะขาดเป็น2เสี่ยงได้อย่างง่ายดายแบบไม่ต้องสงสัยเลย



    "ขอโทษครับเจ้าหญิง แต่ข้าจำเป็นต้องทำเพราะท่านมีพลังของราชันย์มืดในตัว"

    ไม่นะ!!!  ยังไงฉันก็ไม่อยากโดนหั่นเป็น2ส่วนจริงๆ


    จึก..........................


    "อั๊กกก...........!!!!!"

    เสียงร้องด้วยความทรมานของชายผู้นั้นดังขึ้น  อะไรอุ่นๆบางอย่างกระเด็นมากระทบโดนใบหน้าของฉันไม่นานเสียงต่างๆที่อยู่รอบตัวก็เงียบลง   ฉันจึงค่อยๆลืมตาขึ้นมองดูรอบๆโดยทันที    ร่างของนายทหารถูกขวานขนาดใหญ่เสียบอยู่กลางลำตัว ร่างของเค้าแกว่งไปมาตามจังหวะการเคลื่อนไหวของโซ่เหล็กที่เป็นสิ่งยึดติดระหว่างใบขวานขนาดยักษ์กับเพดานเอาไว้  


    ......เอาเลย   สังเวยดวงวิญญาณของชายผู้นั้นกับข้าเสีย........


    เสียงแหบพร่านั่นอีกแล้ว  มือขวาของฉันยกขึ้นตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้     ชี้ไปทางชายผู้นั้น 

    "จ..เจ้าหญิง......"

    ริมฝีปากที่พยายามจะพูดกระอักโลหิตสีแดงออกมา   เค้ายังไม่ตายแต่ก็สาหัสเต็มที   ใกล้ๆกับร่างที่แกว่งไปมา ปรากฏลูกธนู3ดอกขึ้นในอากาศและพุ่งตรงเข้าเสียบศีรษะที่ไร้เครื่องป้องกันอย่างแม่นยำ   เลือดสีแดงสาดกระจายเศษเนื้อและมันสมองทะลักออกมา กลิ่นคาวเลือดที่รุนแรงทำให้ฉันอยากจะอาเจียน  ขาก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะวิ่งหนีไปเสียสนิท

                 
    เสียงประตูถูกเปิดขึ้น  ทหารอีกคนคงจะตามมาพบปราสาทลับแห่งนี้แล้ว   เสียงฝีเท้ากำลังก้าวเยียบบันไดไม้ขึ้นมา  และหยุดนิ่งเมื่อเห็นฉันกับร่างที่ไร้ศีรษะของเพื่อนทหารด้วยกัน    ขวานยักษ์ที่แกว่งไปมาอันธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย ลูกธนูทั้ง3ก็เช่นเดียวกัน   แต่สิ่งที่พันรั้งแขนขวาของฉันยังอยู่

    ".....พลังของราชันย์มืด!!!"

    ฉันไม่มีแรงพอจะพยุงกายขึ้นมา   แต่แขนขวากลับยกขึ้นชี้ไปยังร่างของนายทหาร   แล้วก้อนหินขนาดใหญ่ยักษ์ก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของชายผู้นั้นราวๆ2เมตรก่อนจะหล่นลงมาด้วยความรวดเร็วทับร่างเบื้องล่างเสียงดังสนั่นลั่นไปหมด   ก้อนหินแตกกระจายค่อยๆสลายหายไปในอากาศเหลือแต่กองเศษเนื้อที่เละเทะปะปนกันยากที่จะจำแนกว่ามันเคยเป็นร่างกายของมนุษย์มาก่อน    ถ้านี่คือความฝันฉันก็อยากจะตื่นขึ้นมา 

      ทว่า.... มันคือความจริง   คราบเลือดอุ่นๆยังเปรอะใบหน้าอยู่  แล้วตอนนี้ชุดสีขาวของฉันก็มีเศษเนื้อที่กระเด็นมาติดเป็นหลักฐานอย่างดี 


    ….เป็นอะไรไป  ฆ่าต่อไปซะ  ฆ่าต่อไป รีบเอาดวงวิญญาณของพวกมนุษย์มาสังเวยข้าเร็วๆ.....


    เสียงแหบแห้งที่ก้องอยู่ในหัวจะต้องเป็นราชันย์มืดแน่ๆ   

    "ทำไม....ต้องเป็นข้า...ทำไม.......!!!!"


    ......เจ้าเป็นร่างทรงของข้า สาวน้อย  .....จงฆ่า  จงบูชายันดวงวิญญาณพวกมันให้ข้าเสีย..........


    อา.....  ฉันเป็นร่างทรงอย่างงั้นหรอ  นี่มันอะไรกัน.....ไม่มีใครที่จะอธิบายให้ฉันได้กระจ่างเลย 

    ถ้าเรเชียอยู่ด้วย นางคงจะ.......อธิบายทุกสิ่งที่เกิดขึ้นได้...สินะ....

    เรเชีย.....เจ้าอยู่ที่ไหน.......  เรเชีย.........

    ...................................................................................................................................................................................

      


                                    เสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นเบาๆปลุกให้ฉันได้สติขึ้นมาอีกครั้ง  มีใครบางคนกำลังเดินเข้ามา   ฉันพยายามพยุงตัวลุกขึ้นเดินช้าๆใช้มือเกาะขอบบันไดไม้ลงมา    จนพบผู้มาเยือน       เรเชีย นางปลอดภัยดี ช่างดีเหลือเกิน     แต่..ท่าเดินของนางดูแปลกๆแล้วมือที่กุมท้องเอาไว้นั่นอีก 

    "เจ้า.....หญิง....หนี..ไป...."

    ไม่นานร่างของนางก็ล้มลงไป   เรเชียไม่ได้มาเพียงลำพังมีชายร่างยักษ์ถือค้อนไม้อันใหญ่กับ ชายรูปร่างเล็กถือมีดพกขนาดสั้นในมือท่าคล่องแคล่วติดตามมาด้วย   ฉันคาดการณ์ได้ทันที   คนทั้งสองคือ พวกนักล่าที่คาตาริน่าส่งมาเพื่อจับตัวฉันอย่างแน่นอน    หากวิ่งหนีเรเชียที่นอนไร้สติบนพื้นก็จะโดนจับตัวไป 

    เป็นแบบนั้นฉันไม่ยอมหรอก   เมื่อยกแขนขวาขึ้นมา  เจ้าสิ่งที่พันรั้งยังไม่หายไปมันคือพลังของราชันย์มืดจริงๆสินะ



    .........เอาเลย   สังเวยวิญญาณของพวกมันให้กับข้า......


    เสียงที่รบกวนจิตใจดังขึ้นอีกแล้ว   ช่างมันเถอะ   สิ่งที่ฉันควรทำคือฆ่าชายทั้งสอง  เพื่อช่วยเรเชีย 

    เพียงแค่คิดเท่านั้น  กับดักหมีขนาดใหญ่ที่นายพรานใช้ในการล่าสัตว์ป่าปรากฏขึ้นบนพื้นและหนีบรั้งขาทั้งสองของชายร่างใหญ่เอาไว้   ส่วนคู่หูของเค้าก็โดนหอกติดผนังดึงร่างเข้าไปกระแทกอย่างแรงและล้มลงโดยไม่ทันตั้งตัว   ปิดฉากด้วยก้อนหินขนาดยักษ์ที่ปรากกฎขึ้นและหล่นลงมา  แต่คราวนี้กลับกลายเป็นก้อนหินที่มีประกายไฟอันร้อนแรงรายล้อม   เสียงดังสนั่นและพื้นกระเบื้องที่สะเทือนเล็กน้อย    ทันทีที่ก้อนหินแตกออกก็เพิ่มซากเศษเนื้อกับเลือดสีแดงย้อมพื้นกระเบื้อง     


    "หึ..หึ.. เป็นพลังที่น่ากลัวจริงๆ"

    เสียงหัวเราะที่อยู่ในเงามืดทำให้ฉันหันไปตามเสียง   นอกจากเรเชียกับฉัน  ยังมีคนอื่นอยู่ในปราสาทแห่งนี้อีกหรือ!?! 



    "เจ้าเป็นใคร?"

    ฉันร้องถามจนร่างลึกลับเดินออกมาจากเงามืด  นางเป็นหญิงสาวที่แต่งตัวคล้ายพวกมือสังหารในราชสำนัก 



    "ท่านคือร่างทรงของราชันย์มืดจริงเสียด้วย"


    "ราชันย์มืดคืออะไร  แล้วทำไมข้าถึงต้องเป็นร่างทรงด้วย"



    "นี่ท่านไม่รู้อะไรเลยหรือ  เจ้าหญิงผู้น่าสงสาร"

    นางแสร้งเอ่ยท่าทีเห็นใจฉัน   ดูเหมือนการสนทนาระหว่างฉันกับนางจะปลุกให้เรเชียตื่นขึ้น   เรเชียตรงเข้ามาดึงตัวฉันไปอยู่ด้านหลังและหยิบมีดสั้นที่ซ่อนเอาไว้ในเสื้อออกมา

    Photobucket - Video and Image Hosting

    "เจ้ามาที่นี่ได้ยังไง เอด้า   เจ้าหญิงรีบไปเถอะค่ะ เรเชียจะคอยถ่วงเวลาให้เอง"

    เรเชีย   นางปกป้องฉันเอาไว้อีกแล้ว  ถ้าไปฉันก็คงจะไม่ได้รู้เรื่องราชันย์มืดและเรื่องร่างทรง



    "ใจเย็นน่าเรเชีย  ข้าไม่คิดจะทำร้ายเจ้ากับท่านอลิเซียหรอกนะ  ข้าเพียงมาดูให้รู้ความจริงเรื่องราชันย์มืดก็เท่านั้น"

    หญิงลึกลับเอ่ยทิ้งท้ายและเปิดประตูเดินออกไป  ทิ้งคำพูดเป็นปริศนาให้ฉันต้องครุ่นคิด



    "เดี๋ยวสิ เอด้า  คนอย่างเจ้าต้องมีแผนการณ์อะไรอยู่แน่ๆ"

    เรเชียรีบวิ่งตามนางไป  ฉันรู้สึกได้ทันที เรเชียน่าจะรู้จักกับผู้หญิงที่ชื่อ เอด้าอยู่ไม่น้อย     

                     
    เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดที่เปรอะใบหน้าฉันรู้สึกพะอืดพะอมกับคราบเลือดและเศษเนื้อที่เปรอะเนื้อตัวอยู่เต็มทน     ในปราสาทแห่งนี้น่าจะมีแหล่งน้ำให้ฉันได้ล้างทำความสะอาดเอาสิ่งที่ชวนอาเจียนเหล่านี้ออกไปจากตัว   เมื่อขึ้นบันไดไม้ผ่านโถงด้านหน้าเข้าไป  กลายเป็นห้องกว้างผนังทำจากอิฐสีหม่นรูปทรงของห้องโถงคล้ายคลึงคุกกุมขังนักโทษ  มีเครื่องประหารอย่างกิโยตินตั้งเด่นให้เห็นอยู่กลางห้อง  แต่สิ่งที่สร้างความประหลาดให้กับฉันคือ  ธารน้ำเล็กๆที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อรับน้ำจากแหล่งน้ำที่อยู่ภายนอกปราสาทให้ไหลเข้าภายใน   ในเมื่อมีแหล่งน้ำก็ถึงเวลาที่จะได้ชำระล้างเอาคราบเลือดออกไปเสียที  เงาของฉันที่สะท้อนในน้ำ ยังสะท้อนสิ่งประหลาดที่พันธนาการแขนขวาเอาไว้  มันยังไม่หายไป   เสียงฝีเท้าคู่หนึ่งเดินใกล้เข้ามาพร้อมกับเสียงบานประตูเปิดออก ปรากฏร่างทหารเกราะเหล็กถือหอกขนาดใหญ่เป็นอาวุธคู่กาย


    "เจ้าหญิงอลิเซีย...ยอมไปกับพวกเราแต่โดยดี"

    ท่าทางคาตาริน่าคงไม่ยอมปล่อยให้ฉันได้หลบหนีอย่างสบายๆ  นางส่งคนมาตามจับฉันเพิ่มขึ้น   
    ทั้งที่ฉันไม่อยากจะทำเลย   ไม่อยากจะยกแขนขวา

    คงเลี่ยงไม่ได้แล้วล่ะ...............



    อ๊ากกกกกกกกกกกก.....................................................................................


    "พ...พลังของราชันย์มืด....อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก"

    เสียงร้องที่แสนทรมาน  กับสีแดงของโลหิตทะลักล้นออกมาจากร่างกายมนุษย์   เมื่อแรกมันแทบจะทำให้ฉันรู้สึกอยากอาเจียน    จากหนึ่งเป็นสอง   สาม สี่และห้า   พอมาถึงทหารเกราะเหล็กคนที่หก ฉันรู้สึกเฉยชาแล้วล่ะ    สีแดงที่สาดกระจาย แขน   ขา   หัว ลำตัวที่แยกไปคนละทิศ   น่าแปลกที่ฉันยอมรับภาพเหล่านี้ได้  เสียงแหบแห้งของราชันย์มืดที่พูดกรอกโสตประสาทด้วยประโยคเดิมๆ   รวมทั้งสิ่งประหลาดที่พันธนาการแขนขวาเอาไว้ก็หายไปตอนไหนโดยที่ฉันไม่รู้ตัวเลย  


    Photobucket - Video and Image Hosting

    ............Past 1  END..................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×