คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Past1 Himesama
ณ อาณาจักรแห่งหนึ่ง เมื่อครั้งอดีตมีพระราชาผู้ยิ่งใหญ่นามโอราฟปกครองและสู้รบขยายอาณาเขตออกไปจนกลายเป็นอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ แต่ไม่มีผู้ใดร่วงรู้ว่าพระราชาโอราฟได้รับความช่วยเหลือจากราชันย์มืด จอมเวทย์ผู้หนึ่งซึ่งภักดีและรับใช้พระองค์ในฐานะจอมเวทย์ประจำราชสำนัก ราชันย์มืดได้ศึกษาศาตรเวทย์ดำจนมีอาคมในการสร้างกับดักมรณะเป็นเวทมนต์ที่แสนน่ากลัว เพียงแค่ราชันย์มืดนึกถึงเครื่องทรมานมนุษย์ที่ใช้ในคุกนานาชนิดขึ้นมา วัตถุเหล่านั้นก็จะปรากฏขึ้นตรงเข้าเล่นงานศัตรูให้เสียชีวิตไปในที่สุด พระราชาโอราฟได้ประจักษ์ถึงพลังของราชันย์มืดเมื่อครั้งที่พระองค์ร่วมรบในสงครามแย่งชิงดินแดนกับอาณาจักรทางตอนใต้ ราชันย์มืดยืนอยู่ข้างกายของพระองค์ไม่ได้ใช้อาวุธอันใดเพียงแค่ยกมือขวาที่มีสิ่งพันธนาการคล้ายเถาวัลย์รูปงูชี้ไปทางเหล่าทหารม้า เกิดก้อนหินขนาดใหญ่ในอากาศและหล่นลงมาทับร่างของเหล่าทหารจนแหลกเหลว ไม่เพียงเท่านั้นเหล่ากองทัพแห่งอาณาจักรทางตอนใต้กับถูก กับดักสัตว์เล็กๆโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินหนีบขาเอาไว้เพื่อสกัดการเคลื่อนไหว ฝูงลูกธนูมากมายพุ่งมาทั่วสารทิศตรงเข้าปักร่างที่หมดทางหนีอย่างแม่นยำ ด้วยฝีมือของจอมเวทย์เพียงผู้เดียวกลับฆ่าผู้คนทั้งกองทัพได้โดยไม่ใช้อาวุธอันใด
พลังของราชันย์มืดสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนในอาณาจักรรวมปถึงเหล่าขุนนางในปราสาท พระราชาโอราฟได้ออกคำสั่งแก่จอมเวทย์บารันผู้เป็นดั่งอาจารย์ของเหล่าจอมเวทย์ในพระราชสำนักให้จับกุมตัวราชันย์มืดไปคุมขังที่ปราสาทลับของราชวงศ์ซึ่งซ่อนเร้นอยู่ภายในป่าใกล้ปราสาทแห่งนี้ ราชันย์มืดได้ถูกทรมานจนสิ้นชีวิตด้วยความแค้นวิญญาณของจอมเวทย์กลายปีศาจร้าย พลังของราชันย์มืดเพิ่มมากขึ้นจนยากที่จอมเวทย์บารันจะรับมือได้ เหล่าจอมเวทย์ในราชสำนักได้รวมพลังผนึกราชันย์มืดเอาไว้ในศิลาศักดิ์สิทธิซึ่งอยู่ภายในห้องผนึกของปราสาทลับ หลังจากเหตุการณ์ทุกอย่างจบสิ้นลง พระราชาโอราฟได้ปกครองอาณาจักรพร้อมทั้งแต่งตั้งราชีนีของพระองค์ผู้ซึ่งให้กำเนิดทายาทเพียงหนึ่งเดียว เจ้าหญิงอลิเซีย
หลายสิบปีต่อมา พระราชาโอราฟย่างก้าวสู่ความชราภาพบ่อยครั้งที่อาณาจักรได้ถูกรุกราน ถึงจะมีขุนพลที่แข็งแกร่งแต่พระราชาโอราฟก็ยังหวั่นวิตก หากมีพลังของราชันย์มืดอาณาจักรและกองทัพก็จะไร้เทียมทาน จอมเวทย์บารันได้ถูกเรียกตัวมาเข้าเฝ้าเพื่อทำหน้าเป็นผู้นำทางไปสู่ปราสาทลับในป่า ในครั้งนี้ราชินีได้ขอติดตามพระราชาไปด้วย ราชันย์มืดที่สูญเสียพลังไปต้องการร่างทรงเพื่อฆ่าคนสังเวยดวงวิญญาณให้แก่ตนและยอมทำตามคำสั่งของพระราชาเพื่อแลกกับอิสระภาพ พระราชาได้ทำสัญญามอบร่างทรงให้กับราชันย์มืด ร่างทรงนั้นคือ เจ้าหญิงอลิเซียผู้ไร้เดียงสาในวัย13ปี และบุตรีของพระราชาอีกผู้หนึ่งซึ่งเกิดจากนางสนม ราชินีผู้น่าสงสารได้ถูกฆ่าในฐานะเครื่องสังเวยดวงวิญญาณชิ้นแรกแก่ราชันย์มืด การสิ้นพระชนของราชินีถูกปิดเป็นความลับต่อเจ้าหญิงอลิเซีย เจ้าหญิงได้รู้เพียงว่าพระมารดาล้มป่วยกะทันหันและสิ้นพระชนจากไป
พระราชาโอราฟได้ผู้ร่วมคิดในการทำสัญญามอบร่างทiงจาก นางสนม คาตาริน่า ซึ่งนางเคยศึกษาศาสตร์มืดแขนงเดียวกับราชันย์มืดมาก่อน คาตาริน่าเองก็มีความทะเยอทะยานอยากจะครอบครองพลังของราชันย์มืด เรื่องราชันย์มืดได้ถูกล่วงรู้ในหมู่ขุนนางชั้นสูง ผู้มีความทะเยอทะยานใฝ่สูงหวังเป็นใหญ่และภักดีต่อคาตาริน่า มีเพียงอุปราชโฮซอนไนผู้รักความเที่ยงธรรมที่คัดค้านความคิดของพระราชา ไม่นานคาตาริน่าก็ได้รับแต่งตั้งเป็นราชินีคนใหม่ พระราชาได้ทรงเลี้ยงดูเจ้าหญิงอลิเซียอย่างถนุถนอมเพื่อรอเวลาให้เจ้าหญิงได้เติบโตมากพอที่จะเป็นร่างทรงชั้นเลิศแก่ราชันย์มืด เจ้าหญิงน้อยไม่โอกาสได้รับรู้ความจริงอันแสนโหดร้ายเลยซักนิดและยังคงรักเคารพในตัวพระบิดาเสมอมา
.
4ปีต่อมา
....................................................................................................................................
พระราชาโอราฟและเจ้าหญิงอลิเซียเสร็จไปยังสุสานของราชวงศ์ซึ่งอยู่ในสวนอันกว้างใหญ่ของปราสาท โดยมีหัวหน้าองครักษ์เป็นผู้ติดตามอารักษ์ขาความปลอดภัย และเรเชียสาวใช้ประจำตัวของเจ้าหญิงอลิเซียติดตามผู้สูงศักดิ์ทั้งสองไปด้วย
แสงตะวันสาดส่องลงมากระทบกับป้ายหิน ท่านแม่ ท่านคงจะนอนหลับใหลอยู่ที่นี่อย่างมีความสุขใช่ไหมคะถึงจะรู้ว่าท่านแม่ได้สิ้นพระชนไปแล้ว แต่ฉันรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่มาเคารพหลุมศพของท่าน ท่านพ่อซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ปกครองดูแลคนทั้งอาณาจักร หลังจากเสียท่านแม่ไปท่านก็ดูเศร้าโศกประกอบกับวัยที่ร่วงเลยย่างก้าวเข้าสู่ความชราภาพ ท่านพ่อดูอ่อนแอลงไปมาก
"ท่านโอราฟ ท่านควรจะไตร่ตรองถึงอาณาจักรบ้างนะครับ ยามนี้อาณาจักรจำเป็นต้องมีผู้นำ แล้วตอนนี้ไม่มีผู้ใดที่จะเหมาะสมไปกว่าท่านอลิเซียแล้ว"
ฉันได้ยินท่านหัวหน้าองค์รักษ์กล่าวโน้มน้าวท่านพ่อ เรื่องที่ท่านไม่ยอมแต่งตั้งให้ใครเป็นผู้ปกครองแผ่นดินหรือแม้กระทั้งเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทน ท่านพ่อยังคงตอบเหมือนเช่นเคย ตอนนี้ท่านอยู่ในภาวะเศร้าเสียใจเกินกว่าจะคิดเรื่องอื่นได้
"ผู้หญิงที่เหมาะสมกับตำแหน่งนั้นคือใครนะท่าน หัวหน้าองค์รักษ์"
เสียงของใครบางคนที่ฉันไม่อยากจะนึกถึงเลย เสียงของ คาตาริน่าราชินีคนปัจจุบัน ใช่ฉันเกลียดนาง ทั้งที่นางเป็นแค่สนมของท่านพ่อ แต่ก็ขึ้นเป็นราชินีแทนท่านแม่ของฉัน มีประชาชนมากมายที่ไม่พอใจรวมไปถึงเหล่าขุนนางในปราสาทด้วย ตัวฉันเองก็เคยได้ยินข่าวลือว่านางเป็นพวกเล่นไสยเวทย์มนต์ดำอยู่ลับๆ เมื่อคาตาริน่าเดินเข้ามาหัวหน้าองค์รักษ์ก็โค้งทำความเคารพและเดินจากไป ฉันต้องทำความเคารพตามมารยาทอย่างเลี่ยงไม่ได้
"เจ้าหญิงอลิเซีย เจ้าไม่คิดจะเอ่ยทักทายท่านแม่หน่อยหรือ"
นางเริ่มอีกแล้ว ฉันก็พอจะรู้อยู่ว่านางเกลียดท่านแม่และเกลียดฉันแค่ไหน แต่จะให้เอ่ยทักทายนางในฐานะ "ท่านแม่" ไม่มีทางเสียหรอก
"ท่านแม่ของข้ามีเพียงคนเดียวและตอนนี้ท่านแม่ก็ไม่ได้อยู่อีกแล้ว"
ฉันตอบโต้วาจากับนางออกไป ถึงท่านพ่อจะยืนอยู่ด้วยท่านก็ไม่เอ่ยว่าฉันแม้แต่น้อย
"เจ้าว่าอะไรนะ!!"
คาตาริน่าโกรธ น้ำเสียงของนางเกรี้ยวกราด แต่ฉันไม่สนใจหรอก
"เจ้าหญิง ได้โปรดเถอะค่ะ"
หญิงสาวชุดสีดำที่ยืนนิ่งมาตลอด และติดตามฉันกับท่านพ่อมาที่สวนแห่งนี้พูดด้วยความวิงวอน นาง
ยังไม่ทันที่คาตาริน่าจะเอ่ยวาจาอันใดออกมา มีดสั้นที่พุ่งมาจากไหนก็ไม่รู้ตรงเข้าปักแผ่นหลังของท่านพ่ออย่างแม่นยำ ท่านพ่อทรุดลงต่อหน้าฉัน เรเชีย และคาตาริน่า
"ใครอยู่นี้ รีบมาที่นี้เดี๋ยวนี้!!!!"
คาตาริน่าร้องตะโกนเพื่อเรียกทหาร ฉันเลือกที่จะวิ่งเข้าไปดูท่านพ่อมากกว่า ไม่อยากจะเชื่อเลยท่านตายแล้วจริงๆมีดสั้นที่ปักลงไปอยู่ในตำแน่งตัดขั้วหัวใจท่านพอดี ไม่นานทหารในวังก็วิ่งมาตามเสียงร้องของคาตาริน่า
"เกิดอะไรขึ้นครับท่านคาตาริน่า!!!"
"ท่านโอราฟตายแล้ว อลิเซียเป็นคนทำ นางใช้พลังของราชันย์มืด ฆ่าท่านโอราฟ"
อะไรกันเนี่ย!!!! คาตาริน่ากล่าวความเท็จออกไป พวกทหารลังเลใจแต่เมื่อนางกล่าวถึงราชันย์มืดดูเหมือนพวกเค้าจะเชื่ออย่างสนิทใจ กำชับอาวุธในมือและค่อยๆเดินมาหมายจะคุมขังตัวฉันไป ทำไมกัน ทั้งที่ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ถึงจะพูดออกไปพวกทหารก็ไม่เชื่อคำพูดของฉันอีกแล้ว
"ท่านอลิเซีย!!!"
เรเชียตะโกนลั่นนางตัดสินใจอย่างรวดเร็วดึงมือของฉันให้วิ่งหนี ฉันต้องวิ่งตามเรเชียไปอย่างเลี่ยงไม่ได้เบื้องหลังคือทหาร2นายที่ติดตามมาตามคำสั่งของคาตาริน่า พวกเราวิ่งไปจนพบ ลอร์ดเจส และหัวหัวหน้า
องค์รักษ์บริเวณโถงทางเดินก่อนถึงห้องโถงใหญ่ของปราสาท
"ท่านอลิเซีย จะไปไหนหรือครับ"
ลอร์ดเจสเอ่ยทักทายพร้อมกับทำความเคารพ ท่าทางเรื่องที่คาตาริน่ากุขึ้นยังไม่แพร่กระจายไปทั่วปราสาท แต่ฉันก็ไม่รู้จะบอกเล่าเหตุการณ์ที่เลวร้ายนี้ให้ลอร์ดเจสและหัวหน้าองค์รักษ์ฟังได้อย่างไร สุดท้ายเรเชียก็อธิบายทุกอย่างออกมา หัวหน้าองค์รักษ์และลอร์ดเจสเป็นขุนนางที่ฉันไว้ใจมากพอๆกับเรเชีย พวกเค้าทั้งสองคอยช่วยเหลืองานของท่านพ่อในการรวบรวมอาณาจักรแห่งนี้อยู่ไม่น้อย ลอร์ดเจสและหัวหน้าองค์รักษ์ได้เปิดทางให้เรเชียพาฉันหนีออกไปในป่าใกล้ปราสาท และจะอยู่คอยรับมือกับพวกทหารที่ทำตามคำสั่งของคาตาริน่า
ทั้งหมดเป็นแผนของคาตาริน่า ยังงั้นสินะ นางจ้างมือสังหารมาลอบปลงพระชนท่านพ่อและโยนความผิดให้ฉัน คาตาริน่าอาจจะก่อการกฏบเพื่อยึดครองบังลังค์ แต่ไม่เข้าใจเลย ราชันย์มืดที่นางพูดถึงเกี่ยวข้องอะไรกับตัวฉันกันแน่ หากไม่มีเรเชียอยู่เคียงข้างตอนนี้อาจะได้นั่งอยู่ในคุกใต้ดินของปราสาทไปแล้ว ฉัน มองดูเรเชียที่วิ่งอยู่ข้างหน้า ผ่ามือของนางที่กุมมือของฉันเอาไว้ช่างอุบอุ่นนัก
ถึงเรเชียจะไม่มีความสามารถในการสู้รบเยี่ยงทหารและไม่มีอะไรเป็นหลักประกันว่าจะคุ้มครองฉันได้ แต่ก็รู้สึกไว้วางใจเมื่ออยู่กับนางเหลือเกิน
พวกเราไปแอบหลบอยู่หลังพุ่มไม้ดูท่าทางนายทหารทั้งสองคนจะมองไม่เห็นและเดินผ่านพุ่มไม้ที่ฉันกับเรเชียหลบอยู่
"เจ้าว่า เจ้าหญิงจะสังหารท่านโอราฟจริงหรือ"
"ข้าก็ไม่คิดเช่นนั้น แต่ท่านคาตาริน่าบอกว่าเจ้าหญิงมีพลังชองราชันย์มืด"
พวกทหารพูดถึงราชันย์มืดอีกแล้ว มันคืออะไรกันแน่
"เจ้าหญิง มีปราสาทลับของราชวงศ์อยู่ไม่ไกล ท่านรีบหนีไปที่นั่นก่อนเถอะค่ะ"
ปราสาทลับของราชวงศ์!?! ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้ว่ามีของแบบนี้อยู่ในป่า เหมือนความลับบางกำลังถูกเปิดเผยออกมาทีละนิดทีละนิด
"เจ้าพูดอะไรออกมา"
ฉันไม่อยากหนีไปเพียงลำพังหรอกนะ ถ้าจะไปก็ต้องพาเรเชียไปด้วย นางมองตาของฉันก่อนจะลุกขึ้นยืน
"เจ้าหญิง นี่เป็นสิ่งเดียวที่เรเชียจะทำเพื่อท่านได้ เรเชียจะรีบตามไปให้ไวที่สุด โปรดดูแลตัวเองด้วยคะ"
ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดอะไรออกไปนางก็วิ่งออกจากที่กำบังให้ทหารเห็นตัว นางเสี่ยงชีวิตเอาตัวเองเป็นเหยื่อล่อให้พวกทหารไขว่เขว เพื่อถ่วงเวลาให้ฉันได้วิ่งหนีไปที่ปราสาทลับ ถึงจะไม่อยากไปแต่ฉันก็ต้องรีบวิ่งเข้าไปในป่า
หลังจากพยายามวิ่งผ่านชายป่าฉันก็พบปราสาทลับของราชวงศ์มีรั้วโลหะสีเงินลายล้อมเอาไว้ ปราสาทลับของราชวงศ์ไม่ใหญ่โตเท่าไรนักดูไปเหมือนปราสาทที่จงใจสร้างไว้ให้เป็นคุกคุมขังนักโทษมากกว่า
"เร็วเข้า!!ข้าเห็นเงาคนมาทางนี้"
เสียงตะโกนโวกเวกของทหารดังแว่วมาแต่ไกล ไม่มีทางเลือกแล้วฉันต้องหนีเข้าไปข้างในรั้วโลหะสีเงินจนได้ ต้องรีบเปิดประตูเข้าไปก่อนที่ทหารจะมาพบตัวฉัน!!!
ประตูไม้บานใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าดูเก่าคร่ำคร่าคล้ายกับถูกปิดตายมานาน
".....!!!"
เมื่อฉันทาบฝ่ามือขวาลงไปที่ประตูเหมือนคลื่นพลังมหาศาลไหลเวียนเข้ามา รู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกเปลวเพลิงแผดเผา
.....ในที่สุดเจ้าก็มา สาวน้อย.....
เสียงแหบพร่าที่ก้องอยู่ในหัวมันทำให้ฉันรู้สึกหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก ประตูบานใหญ่ตรงหน้าที่ดูหนาแน่นกลับเปิดออกราวกับเชื้อเชิญให้เข้าไปด้านใน ภายในตกแต่งไม่ต่างจากภายในปราสาทที่ฉันคุ้นเคยเท่าไรนัก ฟอนิเจอร์ทุกชิ้น เครื่องประดับตกแต่งทุกอย่างเหมือนในปราสาทไม่มีผิด
"เจ้าหญิง....ได้โปรดยอมกลับไปเถอะครับ"
นายทหารผู้หนึ่งเดินเข้ามาในมือของเค้ามีดาบอันแหลมคมถืออยู่ ฉันถอยหลังหนีทีละนิด เรเชียล่ะ!!!เกิดอะไรขึ้นกับนาง!? แล้วฉันจะทำยังไงกับนายทหารผู้นี้ จะหนีไปยังไง!!
อะ.............!!!!"
แขนขวาเจ็บแปล๊บขึ้นมา ราวกับถูกเข็มนับพันทิ่มแทง อา แขนขวาของฉันมีบางสิ่งพันอยู่ มันคล้ายกับกิ่งเถาวัลย์สีเขียมเข้มจนคล้ำแทบจะเป็นสีดำพันเลื้อยเอาไว้ไม่ต่างจากงูเลย แถมเจ้าสิ่งนี้ยังบีบรัดจนแน่นไปหมด
"อ....อ๊า......พลังของราชันย์มืด"
สีหน้าของนายทหารผู้นั้นเปลี่ยนไป กำอาวุธในมือแน่นตัวสั่นเทาและพุ่งเข้าใส่ฉัน
.
...... เริ่มการบูชายันดวงวิญญาณให้ข้าได้แล้ว.....สาวน้อย..........
เสียงแหบพร่าลึกลับดังก้องในหัว จนต้องหลับตาแน่น แขนขวาที่ถูกบีบรัดจากสิ่งประหลาดเพิ่มความเจ็บทุรนทุรายเหลือเกิน ฉันพยายามวิ่งหนีขึ้นบันไดไม้ไปสู่ชั้นบนแต่ก็โดนนายทหารไล่ต้อนจนติดผนัง คมดาบอันแหลมคมสะท้อนกับแสงไฟกำลังถูกยกขึ้น ถ้าฟันลงมาร่างของฉันคงจะขาดเป็น2เสี่ยงได้อย่างง่ายดายแบบไม่ต้องสงสัยเลย
"ขอโทษครับเจ้าหญิง แต่ข้าจำเป็นต้องทำเพราะท่านมีพลังของราชันย์มืดในตัว"
ไม่นะ!!! ยังไงฉันก็ไม่อยากโดนหั่นเป็น2ส่วนจริงๆ
จึก..........................
"อั๊กกก...........!!!!!"
เสียงร้องด้วยความทรมานของชายผู้นั้นดังขึ้น อะไรอุ่นๆบางอย่างกระเด็นมากระทบโดนใบหน้าของฉันไม่นานเสียงต่างๆที่อยู่รอบตัวก็เงียบลง ฉันจึงค่อยๆลืมตาขึ้นมองดูรอบๆโดยทันที ร่างของนายทหารถูกขวานขนาดใหญ่เสียบอยู่กลางลำตัว ร่างของเค้าแกว่งไปมาตามจังหวะการเคลื่อนไหวของโซ่เหล็กที่เป็นสิ่งยึดติดระหว่างใบขวานขนาดยักษ์กับเพดานเอาไว้
......เอาเลย สังเวยดวงวิญญาณของชายผู้นั้นกับข้าเสีย........
เสียงแหบพร่านั่นอีกแล้ว มือขวาของฉันยกขึ้นตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ชี้ไปทางชายผู้นั้น
"จ..เจ้าหญิง......"
ริมฝีปากที่พยายามจะพูดกระอักโลหิตสีแดงออกมา เค้ายังไม่ตายแต่ก็สาหัสเต็มที ใกล้ๆกับร่างที่แกว่งไปมา ปรากฏลูกธนู3ดอกขึ้นในอากาศและพุ่งตรงเข้าเสียบศีรษะที่ไร้เครื่องป้องกันอย่างแม่นยำ เลือดสีแดงสาดกระจายเศษเนื้อและมันสมองทะลักออกมา กลิ่นคาวเลือดที่รุนแรงทำให้ฉันอยากจะอาเจียน ขาก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะวิ่งหนีไปเสียสนิท
เสียงประตูถูกเปิดขึ้น ทหารอีกคนคงจะตามมาพบปราสาทลับแห่งนี้แล้ว เสียงฝีเท้ากำลังก้าวเยียบบันไดไม้ขึ้นมา และหยุดนิ่งเมื่อเห็นฉันกับร่างที่ไร้ศีรษะของเพื่อนทหารด้วยกัน ขวานยักษ์ที่แกว่งไปมาอันธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย ลูกธนูทั้ง3ก็เช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่พันรั้งแขนขวาของฉันยังอยู่
".....พลังของราชันย์มืด!!!"
ฉันไม่มีแรงพอจะพยุงกายขึ้นมา แต่แขนขวากลับยกขึ้นชี้ไปยังร่างของนายทหาร แล้วก้อนหินขนาดใหญ่ยักษ์ก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของชายผู้นั้นราวๆ2เมตรก่อนจะหล่นลงมาด้วยความรวดเร็วทับร่างเบื้องล่างเสียงดังสนั่นลั่นไปหมด ก้อนหินแตกกระจายค่อยๆสลายหายไปในอากาศเหลือแต่กองเศษเนื้อที่เละเทะปะปนกันยากที่จะจำแนกว่ามันเคยเป็นร่างกายของมนุษย์มาก่อน ถ้านี่คือความฝันฉันก็อยากจะตื่นขึ้นมา
ทว่า.... มันคือความจริง คราบเลือดอุ่นๆยังเปรอะใบหน้าอยู่ แล้วตอนนี้ชุดสีขาวของฉันก็มีเศษเนื้อที่กระเด็นมาติดเป็นหลักฐานอย่างดี
.เป็นอะไรไป ฆ่าต่อไปซะ ฆ่าต่อไป รีบเอาดวงวิญญาณของพวกมนุษย์มาสังเวยข้าเร็วๆ.....
เสียงแหบแห้งที่ก้องอยู่ในหัวจะต้องเป็นราชันย์มืดแน่ๆ
"ทำไม....ต้องเป็นข้า...ทำไม.......!!!!"
......เจ้าเป็นร่างทรงของข้า สาวน้อย .....จงฆ่า จงบูชายันดวงวิญญาณพวกมันให้ข้าเสีย..........
อา..... ฉันเป็นร่างทรงอย่างงั้นหรอ นี่มันอะไรกัน.....ไม่มีใครที่จะอธิบายให้ฉันได้กระจ่างเลย
ถ้าเรเชียอยู่ด้วย นางคงจะ.......อธิบายทุกสิ่งที่เกิดขึ้นได้...สินะ....
เรเชีย.....เจ้าอยู่ที่ไหน....... เรเชีย.........
...................................................................................................................................................................................
เสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นเบาๆปลุกให้ฉันได้สติขึ้นมาอีกครั้ง มีใครบางคนกำลังเดินเข้ามา ฉันพยายามพยุงตัวลุกขึ้นเดินช้าๆใช้มือเกาะขอบบันไดไม้ลงมา จนพบผู้มาเยือน เรเชีย นาง
"เจ้า.....หญิง....หนี..ไป...."
ไม่นานร่างของนางก็ล้มลงไป เรเชียไม่ได้มาเพียงลำพังมีชายร่างยักษ์ถือค้อนไม้อันใหญ่กับ ชายรูปร่างเล็กถือมีดพกขนาดสั้นในมือท่าคล่องแคล่วติดตามมาด้วย ฉันคาดการณ์ได้ทันที คนทั้งสองคือ พวกนักล่าที่คาตาริน่าส่งมาเพื่อจับตัวฉันอย่างแน่นอน หากวิ่งหนีเรเชียที่นอนไร้สติบนพื้นก็จะโดนจับตัวไป
เป็นแบบนั้นฉันไม่ยอมหรอก เมื่อยกแขนขวาขึ้นมา เจ้าสิ่งที่พันรั้งยังไม่หายไปมันคือพลังของราชันย์มืดจริงๆสินะ
.........เอาเลย สังเวยวิญญาณของพวกมันให้กับข้า......
เสียงที่รบกวนจิตใจดังขึ้นอีกแล้ว ช่างมันเถอะ สิ่งที่ฉันควรทำคือฆ่าชายทั้งสอง เพื่อช่วยเรเชีย
เพียงแค่คิดเท่านั้น กับดักหมีขนาดใหญ่ที่นายพรานใช้ในการล่าสัตว์ป่าปรากฏขึ้นบนพื้นและหนีบรั้งขาทั้งสองของชายร่างใหญ่เอาไว้ ส่วนคู่หูของเค้าก็โดนหอกติดผนังดึงร่างเข้าไปกระแทกอย่างแรงและล้มลงโดยไม่ทันตั้งตัว ปิดฉากด้วยก้อนหินขนาดยักษ์ที่ปรากกฎขึ้นและหล่นลงมา แต่คราวนี้กลับกลายเป็นก้อนหินที่มีประกายไฟอันร้อนแรงรายล้อม เสียงดังสนั่นและพื้นกระเบื้องที่สะเทือนเล็กน้อย ทันทีที่ก้อนหินแตกออกก็เพิ่มซากเศษเนื้อกับเลือดสีแดงย้อมพื้นกระเบื้อง
เสียงหัวเราะที่อยู่ในเงามืดทำให้ฉันหันไปตามเสียง นอกจากเรเชียกับฉัน ยังมีคนอื่นอยู่ในปราสาทแห่งนี้อีกหรือ!?!
"เจ้าเป็นใคร?"
ฉันร้องถามจนร่างลึกลับเดินออกมาจากเงามืด นางเป็นหญิงสาวที่แต่งตัวคล้ายพวกมือสังหารในราชสำนัก
"ท่านคือร่างทรงของราชันย์มืดจริงเสียด้วย"
"ราชันย์มืดคืออะไร แล้วทำไมข้าถึงต้องเป็นร่างทรงด้วย"
"นี่ท่านไม่รู้อะไรเลยหรือ เจ้าหญิงผู้น่าสงสาร"
นางแสร้งเอ่ยท่าทีเห็นใจฉัน ดูเหมือนการสนทนาระหว่างฉันกับนางจะปลุกให้เรเชียตื่นขึ้น เรเชียตรงเข้ามาดึงตัวฉันไปอยู่ด้านหลังและหยิบมีดสั้นที่ซ่อนเอาไว้ในเสื้อออกมา
"เจ้ามาที่นี่ได้ยังไง เอด้า เจ้าหญิงรีบไปเถอะค่ะ เรเชียจะคอยถ่วงเวลาให้เอง"
เรเชีย นางปกป้องฉันเอาไว้อีกแล้ว ถ้าไปฉันก็คงจะไม่ได้รู้เรื่องราชันย์มืดและเรื่องร่างทรง
"ใจเย็นน่าเรเชีย ข้าไม่คิดจะทำร้ายเจ้ากับท่านอลิเซียหรอกนะ ข้าเพียงมาดูให้รู้ความจริงเรื่องราชันย์มืดก็เท่านั้น"
หญิงลึกลับเอ่ยทิ้งท้ายและเปิดประตูเดินออกไป ทิ้งคำพูดเป็นปริศนาให้ฉันต้องครุ่นคิด
"เดี๋ยวสิ เอด้า คนอย่างเจ้าต้องมีแผนการณ์อะไรอยู่แน่ๆ"
เรเชียรีบวิ่งตามนางไป ฉันรู้สึกได้ทันที เรเชียน่าจะรู้จักกับผู้หญิงที่ชื่อ เอด้าอยู่ไม่น้อย
เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดที่เปรอะใบหน้าฉันรู้สึกพะอืดพะอมกับคราบเลือดและเศษเนื้อที่เปรอะเนื้อตัวอยู่เต็มทน ในปราสาทแห่งนี้น่าจะมีแหล่งน้ำให้ฉันได้ล้างทำความสะอาดเอาสิ่งที่ชวนอาเจียนเหล่านี้ออกไปจากตัว เมื่อขึ้นบันไดไม้ผ่านโถงด้านหน้าเข้าไป กลายเป็นห้องกว้างผนังทำจากอิฐสีหม่นรูปทรงของห้องโถงคล้ายคลึงคุกกุมขังนักโทษ มีเครื่องประหารอย่างกิโยตินตั้งเด่นให้เห็นอยู่กลางห้อง แต่สิ่งที่สร้างความประหลาดให้กับฉันคือ ธารน้ำเล็กๆที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อรับน้ำจากแหล่งน้ำที่อยู่ภายนอกปราสาทให้ไหลเข้าภายใน ในเมื่อมีแหล่งน้ำก็ถึงเวลาที่จะได้ชำระล้างเอาคราบเลือดออกไปเสียที เงาของฉันที่สะท้อนในน้ำ ยังสะท้อนสิ่งประหลาดที่พันธนาการแขนขวาเอาไว้ มันยังไม่หายไป เสียงฝีเท้าคู่หนึ่งเดินใกล้เข้ามาพร้อมกับเสียงบานประตูเปิดออก ปรากฏร่างทหารเกราะเหล็กถือหอกขนาดใหญ่เป็นอาวุธคู่กาย
"เจ้าหญิงอลิเซีย...ยอมไปกับพวกเราแต่โดยดี"
ท่าทางคาตาริน่าคงไม่ยอมปล่อยให้ฉันได้หลบหนีอย่างสบายๆ นางส่งคนมาตามจับฉันเพิ่มขึ้น
ทั้งที่ฉันไม่อยากจะทำเลย ไม่อยากจะยกแขนขวา
คงเลี่ยงไม่ได้แล้วล่ะ...............
อ๊ากกกกกกกกกกกก.....................................................................................
"พ...พลังของราชันย์มืด....อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก"
เสียงร้องที่แสนทรมาน กับสีแดงของโลหิตทะลักล้นออกมาจากร่างกายมนุษย์ เมื่อแรกมันแทบจะทำให้ฉันรู้สึกอยากอาเจียน จากหนึ่งเป็นสอง สาม สี่และห้า พอมาถึงทหารเกราะเหล็กคนที่หก ฉันรู้สึกเฉยชาแล้วล่ะ สีแดงที่สาดกระจาย แขน ขา หัว ลำตัวที่แยกไปคนละทิศ น่าแปลกที่ฉันยอมรับภาพเหล่านี้ได้ เสียงแหบแห้งของราชันย์มืดที่พูดกรอกโสตประสาทด้วยประโยคเดิมๆ รวมทั้งสิ่งประหลาดที่พันธนาการแขนขวาเอาไว้ก็หายไปตอนไหนโดยที่ฉันไม่รู้ตัวเลย
............Past 1 END..................................
ความคิดเห็น