ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ficonline-Some one for me- Yuri 18+

    ลำดับตอนที่ #3 : 02 คิมเร มิริน

    • อัปเดตล่าสุด 10 ส.ค. 51


     

     

     "....โอ้ย..."

    คังวอนหงุดหงิด เธอจะทำอย่างไรดี   ในเมื่อป้อนไปแล้วต้มมิได้เข้าปากของเด็กสาวเลย

     

     "แล้วจะป้อนยาไงเล่า"

    หญิงสาววางข้าวต้มลง เธอจะจับยากรอกปากยัยเด็กสำออยตรงหน้าเลยดีไหมเนี่ย...แต่ก็ทำไม่ได้

     

      "เธอทำให้ฉันโมโหมากรู้ตัวบ้างไหม"

    คังวอนเริ่มหัวเสียหนักขึ้น..คราวนี้หญิงสาวจับยามากำไว้ในมือแล้วยัดใส่ริมฝีปากของเด็กสาวแต่พอกรอกน้ำจากแก้วใสเข้าไปริมฝีปากที่เม้มอยู่ทำให้น้ำไหลหกเลอะเสื้อผ้าของมิริน

     

    "โอ้ยเวรกรรมอะไรของฉันเนี่ย"

    หญิงสาวแทบอยากจะร้องกรี๊ด นอกจากจะมีงานป้อนยาแล้วยังแถมงานเปลี่ยนเสื้อให้อีก

     

     "ยัยเด็กบ้านี่ต้องให้ฉันป้อนยาเธอด้วยปากใช่ไหม"

    แม้จะพูดไปเพราะโมโหแต่ก็ต้องจำใจทำ ทำให้คังวอนอดคิดไมได้ว่าตั้งแต่ได้เจอมิรินความวุ่นวายและน่ารำคาญใจก็วิ่งเข้ามา หากมิรินป่วยหนักถึงขั้นทรุดเข้าโรงพยาบาลไปก็จะกลายเป็นเรื่องวุ่นวายหนักขึ้นกว่านี้

     

     "ก็ได้ๆจงภูมิใจเลยนะที่ได้ทำแบบนี้กับฉัน"

    หญิงสาวยกแก้วน้ำขึ้นจรดริมฝีปากเพื่อตักตวงน้ำ  พอควรแล้วจึงจ้องมองเด็กสาวที่หลับสนิทอีกครั้ง ก่อนจะยอมหลับตาค่อยๆประทับริมฝีปากของบนเรียวปากนุ่มของมิริน คังวอนค่อยๆใช้ริมฝีปากและปลายลิ้นแทรกเข้าไป

    อย่างะวังเพื่อถ่ายเทน้ำให้มิริน  จากนั้นเธอก็ทำแบบเดิมซ้ำอีกถึงสองครั้งเพื่อให้แน่ใจดีว่ามิรินกลืนเม็ดยาลงไปแล้ว

     

    "..แค่กๆ..."

    มิรินสำลักเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้คายยาที่อีกคนอุส่าห์ลำบากลำบนป้อนให้  คังวอนส่ายหน้าเซ็งๆ แล้วก็เอาแต่มองร่างของมิรินที่ยังคงไร้สติอยู่เช่นเดิม

     

    "..ก็อกๆ "

     คังวอนสะดุ้งหันไปมองที่ประตู ใครกันที่กล้ามารบกวนเธอ ปกติ ทุกคนจะรู้กันดีว่าคังวอนเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงมาก ยิ่งตั้งแต่แม่เลี้ยงวัยละอ่อนที่อายุต่างจากเธอไม่กี่ปีย้ายเข้ามาอยู่ร่วมชายคาเดียวกันด้วยแล้วนั้น คังวอนก็ยิ่งเก็บตัวหนักกว่าเดิม เธอเดินไปเปิดประตูด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนัก

     

    "....อาหารเย็นค่ะ คุณหนู..."

     เมดสาวเพื่อนเล่นตั้งแต่ยังเล็กยกถาดอาหารมาให้ คังวอน เบี่ยงตัวหลบเพื่อให้ เมดสาวได้วางถาดอาหารลงบนโต๊ะกลางห้อง

     

    "คุณหนูไม่ได้ให้ทานอาหารก่อนหรอคะแล้วให้ทานยาอย่างไรคะเนี่ย"

    ยูอินยิ้มน้อยๆ และแอบสงสัยว่าคังวอนใช้วิธีไหนกันหนอ

     

    "ช่างเถอะฝากต่อหน่อยได้ไหมฉันอยากไปเดินเล่น"

    หญิงสาวรู้สึกเบื่อหน่ายจึงโยนภาระให้ยูอินทันที

     

     "ได้ค่ะแต่ไม่ทานมื้อเย็นก่อนหรอคะ?"

    น้ำเสียงของยูอินแฝงด้วยอาการดุ

     

    "รู้แล้วๆแค่นี้พอใจไหม"

    คังวอนเดินมาหยิบขนมปังไปแล้วกัดกินทันทีต่อหน้าเมดสาว

     

    "ค่ะ"

    ยูอินยิ้มที่คังวอนไม่อยากขัดใจยูอินเป็นเพราะรู้นิสัยอันน่ากลัวของยูอินเป็นอย่างดีนั่นเองว่ายูอินเป็นคนที่แก้แค้นได้น่ากลัวมากหากทำให้เธอโกรธ   เพราะเมื่อคราวที่คังวอนปฏิเสธไม่รับอาหารเย็น  วันต่อมาอาหารเย็นของหญิงสาวถูกปรุงด้วยสิ่งที่เกลียดทั้งสิ้นทำเอาคังวอนรู้สึกขยะแขยงซุปเห็ดใส่มะเขือเทศไปอีกนานเลย 

    ............................................................................................................................................................................

     

                คังวอนลงไปเดินเล่นในสวนอย่างอารมณ์ดีโดยหลบเลี่ยงทั้งพ่อตัวเองและยัยแม่เลี้ยงโลภสมบัติ

     

    ..."เซระเข้าไปร่วมโต๊ะเดี๋ยวนี้"

    เสียงชายวัยกลางคนดังขึ้นทำให้หญิงสาวหันไปมอง

     

    "อาหารวันนี้ไม่ถูกปาก"

    สายตาที่คมกริบจนแทบจะเชือดเฉือนมองไปทางอินยังที่ควงแขนผู้เป็นบิดา

     

     "เซระ!!"

    บิดาขึ้นเสียงสูงใบหน้าเดือดดาล ลูกคนนี้ช่างหยิ่งเชิดทรนงเหมือนมารดามิมีผิด  ผู้หญิงที่เขาต้องจำใจแต่งเข้ามาเป็นสะใภ้บ้านคังวอนอีกทั้งหล่อนยังเป็นสาวญี่ปุ่นเสียอีก

     

    "เรื่องนี้ให้แม่ลูกได้พุดคุยกันดีกว่าไหมคะคุณคัง"

    อินยังกระซิบเบาๆทำให้ชายวัยกลางคนใจเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด

     

    "ขอโทษนะที่ฉันมีลูกไร้มารยาทแบบนี้"

    ชายวัยกลางคนถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าไปภายในทิ้งให้สองสาวอยู่กันตามลำพัง

     

     "รังเกียจฉันขนาดนั้นเชียวเซระ"

     

    "เธอไม่มีสิทธิ์เรียกชื่อฉัน"

    หญิงสาวปรายตามองด้วยความชิงชัง

     

    "ทำเป็นเชิดหน้าไปเถอะอีกหน่อยคุณคังก็จะยกสมบัติให้ฉันแล้วเมื่อนั้นฉันจะไล่แกออกไปเหมือนหมาตัวนึงเลย  เซระ"

     

    "ก็ลองดูสิ"

    คังวอนยิ้มเยียดยังผลให้อินยังรู้สึกโดนดูถูกด้วยสายตาที่ทิ่มแทง อินยังเดินเข้ามาใกล้ฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าของคังวอน  ใบหน้าของหญิงสาวหันไปตามแรงของฝ่ามือแต่เธอกลับมิรู้สึกอะไร

     

     "ผู้หญิงชั้นต่ำ"

    คังวอนใช้ปลายนิ้วถูที่แก้มแรงๆแล้วสะบัดหน้าหนีไป  ตั้งแต่แม่ผู้แสนใจดีของเธอจากไป ผู้เป็นบิดาก็พาแม่เลี้ยง

    คนใหม่เข้ามา  จากที่จะเดินเล่นคังวอนก็หมดอารมณ์สุนทรีย์ไปเสียแล้วหญิงสาวเดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อขึ้นไปบนห้องนอน

    ……………………………………………………………………………………………………………………

     

              ทันทีที่คังวอนเดินกลับขึ้นมาบนห้องเธอก็กระแทกตัวนั่งลงที่ปลายเตียงอย่างไม่พอใจ ความรู้สึกน้อยใจค่อยๆประดังเข้ามา พ่อบังเกิดเกล้าแท้ๆยังหลงผู้หญิง คนนั้นอย่างไม่ลืมหูลืมตา ทั้งๆที่ แม่เลี้ยงคนนี้ ก็เป็นเพื่อนที่แสนเลว  แล้วทำไม.... คังวอนนึกถึงเพียงเท่านี้ น้ำหยาดหยาดใสก็ไหลลงอาบแก้ม เธอรู้สึกหดหู่ใจเป็นที่สุด

         หญิงสาว หันมามองร่างเล็กๆที่ยังคงหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียง..

     

          "หลับแบบนั้นคงไม่ต้องคิดอะไรเลยสินะ..."

     คังวอน แค่นยิ้มให้กับร่างบางที่ไม่รู้เรื่อง พลันสายตาก็เหลือบไปเห็น กระเป๋าสะพายสีดำใบเล็กที่คงจะเป็นของมิรินวางอยู่ข้างๆ และไม่ต้องสงสัยคนอย่างคังวอนไม่เคยกลัวอะไรหรือเกรงใจ ใครทั้งนั้น เธอหยิบกนะเป๋าใบเล็กขึ้นมาสำรวจภายในทันที

     

    "...คนอย่างยัยนี่จะพกอะไรบ้างนะ.."

    คังวอนนึกและลอบยิ้มมุมปาก

     

    "นี่มัน..."

    สิ่งที่หญิงสาวเจอคือบันทึกเล่มเล็กหน้าปกสีสันสดใส  คังวอนเปิดดูโดยทันทีแม้มันจะเป็นการถือวิสาสะไปบ้างก็ตามที 

     

      13/01เห็นพี่เซระที่ห้องสมุด  อาเรียกแบบนี้จะดีไหมนะ ท่าทางพี่เขาจะไม่ชอบเท่าไร ดีใจจังที่ได้เจอ แต่ทำไมถึงทำหน้าเศร้าขนาดนั้นด้วยนะ   ถึงจะถามไปพี่ก็ไม่ตอบออกมาเหมือนเดิม   มีอะไรทุกข์ใจหรอคะ มิรินอยากช่วยพี่นะ     

      15/01วันนี้เห็นพี่เซระไปที่ชมรมอีกแล้ว ดีจังที่ว่ายน้ำเก่งแบบนั้น  ถึงกระนั้นพี่ก็ไม่เคยยิ้มเลย  

       17/01จะบอกยังไงดีนะว่าชอบ  อยากเข้าใกล้มากกว่านี้   มิรินรู้นะพี่เซระกำลังขังตัวเองเอาไว้ในความทุกข์เพียง

          ลำพัง    ฉันอยากจะช่วยพี่นะ

       19/01 ทั้งที่พยายามแล้วแต่พี่เซระก็ไม่ยอมคุยกับฉันเลย  แต่ฉันไม่ท้อหรอกนะ

       22/01ดีใจจังชมรมว่ายน้ำประกาศรับสมัครผู้จัดการชมรมด้วย  ถ้าไปสมัครไว้จะได้ไหมนะ

       25/01พี่เซระคะ ทำไมทำหน้าเศร้าอีกแล้วล่ะ  ฉันรู้สึกเหมือนพี่มีเรื่องทุกข์ใจและยังพยายามสร้างเกราะกำบังขึ้นมา

    เพื่อไม่ให้ใครรู้อีกด้วย แต่ฉันน่ะรับรู้นะคะ แล้วก็อยากจะเป็นคนที่ให้พี่พึ่งพิงในยามท้อใจ

     27/01วันนี้ที่ชมรมเรียกตัวฉันไปทำงานเป็นวันแรก...กลางวันเจอพี่เซระที่ห้องสมุด  คราวนี้พี่โซระก็ยอมมองฉันแล้ว 

    ได้ยิ้มให้พี่ด้วยดีใจจัง   ฉันอยากบอกให้พี่เซระมากเลยนะคะ    ฉัน  ชอบ  พี่เซระ  ค่ะ.. 

     คังวอนปิดไดอารี่ลงเมื่ออ่านจนจบแล้ว

     

      "ยัยนี้รู้ว่าฉันรู้สึกยังไง?"

    เธอหัวเราะขำๆน่าแปลกเมื่อครูยังรู้สึกเศร้าอยู่เลย   แต่ทำไมตอนนี้น้ำตาถึงจางหายไปพร้อมกับรอยยิ้มกันนะ

     

     "มิรินงั้นหรอ..อยากจะอยู่ข้างๆฉันเตรียมใจมาแล้วใช่ไหม"

    คังวอนยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยแล้วก้มลงไปมองใบหน้าของเด็กสาวก่อนจะใช้ปลายนิ้วไล้ผมที่ปรกใบหน้าของมิรินเบาๆ

     

    "....เธอยังไม่รู้หรอกว่าจริงๆแล้ว..ฉันน่ะเป็นยังไง..."

    คังวอน ยิ้มมุมปาก ชีวิตนี้เธอไม่เคยคิดจะสนใจในเพศเดียวกันเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเธอจะป็อปปูล่า ขนาดว่ามีสาวๆคอยห้อมล้อม คอยส่งดอกไม้และจดหมานรักอยู่ไม่ขาดก็ตามที และสิ่งที่เธอคิดก็คือ มิริน คงจะรวมอยู่ในหนึ่งในพวกนั้น ..

     

    "..ฉันจะทำยังไงกับเธอดีนะ มิริน.."

    คังวอนไล้ปลายนิ้วร้อนไปตามใบหน้าหวานช้าๆ มิริน ครางออกมาเบาๆแต่เธอรู้ดีว่าอีกคนคงไม่มีสติหรอก คังวอนตัดสินใจ ปล่อยให้มิรินนอนอยู่ในห้องนอนขอเธอเพียงลำพัง ส่วนตัวเธอเองนั้น ตัดสินใจที่จะนอนที่โซฟาหนังสีดำสนิท แทน

    ……………………………………………………………………………………………………………………….

     

        แสงแดดสาดส่องเข้าทำให้เด็กสาวขยับกายแผ่วเบาอยู่ในผ้าห่มผืนใหญ่

     

    "คุณมิรินคะตื่นได้แล้วค่ะ"

    เสียงเพราะหูที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้นเบาๆ ทำให้มิรินลืมตาตื่นขึ้นมา

     

     "อรุณสวัสดิ์ค่ะ นี่เสื้อผ้ากรุณารีบอาบน้ำนะคะ"

    ยูอินยื่นชุดนักเรียนรวมไปถึงชิ้นเล็กชิ้นสำคัญทั้ง2ชิ้นนั่นด้วย   ทำเอามิรินคว้ามาด้วยอาการหน้าแดง เด็กสาวเข้ามาในห้องน้ำไม่ต้องลำดับเหตุการณ์อะไรมากเธอตากฝนจนจับไข้และได้รุ่นพี่คนสวยช่วยปฐมพยาบาลอีกทั้ง

    ยังให้ที่พักพิงด้วย  เมื่อคิดแล้วก็อดหน้าแดงไม่ได้ความปลาบปลื้มเกิดขึ้นในใจเด็กสาว   เมื่อแต่งตัวเสร็จมิรินก็เดินลงมาชั้นล่าง ซึ่งตอนนี้มีเพียงคังวอนที่นั่งรับประทานอาหารเช้าอยู่เพียงลำพัง

     

     "นั่งลงสิรีบๆหน่อยนะจะสายแล้ว"

    เจ้าของบ้านบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย   มื้อเช้าผ่านไปด้วยบรรยากาศเงียบสนิททั้งมิรินที่ก้มหน้าก้มตาตลอดกับคังวอนที่เอาแต่นั่งอ่านหนังสือวารสารโดยไม่สนใจอาหารตรงหน้า   เมื่อเตรียมตัวร้อยแล้วทั้งคู่ก็ออกจากบ้านทันที    คังวอนเลือกที่จะเดินไปขึ้นรถบัสเองโดยปฏิเสธที่จะนั่งรถคันเดียวกับอินยัง อีกทั้งวันนี้มีมิรินมาด้วย

     

       "มิริน"

     

    "คะ"

    เด็กสาวหยุดกระทันหันแล้วเงยหน้ามองตามเสียงเรียก

     

    "เธออยากเป็นแฟนของฉันใช่ไหม"

    มิรินหน้าแดงขึ้นมาแม้จะพยายามพูดอธิบายก็พูดไม่ออกเอาเสียเลยในสมองคิดอะไรไม่ถูก

     

     "ถ้างั้นตั้งแต่นี้ไปเธอเป็นแฟนของฉันก็แล้วกัน"

    มิรินยิ่งอึ้งกว่าเดิมและทำอะไรไม่ถูก

     

    "...พี่คังวอน..."

    มิรินอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะรู้สึกอย่างไรดี ใจหนึ่งก็แสนจะดีใจ อีกใจก็ไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นจะเป็นความจริง 

     

    "...ทำไม...ก็เธอชอบฉันไม่ใช่หรอไง..."

    คังวอนเอ่ยถาม เมื่อมิรินไม่ได้เป็นไปตามที่เธอคิด

     

     "...ตะ..แต่ว่า..พี่คังวอนไม่ได้ชอบฉันนี่ค่ะ"

    มิรินกลั้นใจถาม เธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายดูจะไม่ได้มีใจให้เลยด้วยซ้ำแล้วเพราะอะไรล่ะ

     

     "...อย่าถามมากได้มั้ย.. ตกลงจะเป็นหรือไม่เป็น.."

     คังวอนฟึดฟัด นึกรำคานคนตัวเล็กช่างสงสัย

     

    "....ฉัน...ฉัน..."

    มิรินอ้ำอึ้ง

     

    "...ฉันอะไรล่ะ...ตกลงว่าไง เป็นหรือไม่เป็น..."

    คังวอนรีบถามย้ำ...ยัยนี่ก็ดูน่ารักดีเหมือนกันแฮะ...คังวอนแอบนึก แล้วรอดูปฎิกริยาที่จะได้รับจากอีกคน

     

    "....คะ..."

    มิริน พยักหน้าน้อยๆ และบทเรียนแรกของคนที่เป็นแฟนกันก็คือ.....

     

    "แล้วก็เลิกเรียกฉันว่าคังวอน เรียกเซระก็แล้วกัน"

     

     "แต่ว่า..."

    มิรินท้วงขึ้นเพราะปกติแล้วคังวอนแสนจะเกลียดหากใครเผลอเรียกชื่อที่เป็นญี่ปุ่นของเธอ

     

     "บอกให้เรียกก็เรียกไปเถอะแล้วอย่าถามว่าทำไม  รู้ไหมมันน่ารำคาญ"

    คังวอนเดินนำไปก่อนโดยไม่คอยอีกคนเลยด้วยซ้ำ  รถเมล์ยามเช้าผู้คนไม่เนืองแน่นเหมือนเช่นเย็นวานคังวอนกับมิรินได้เลือกที่นั่งติดหน้าต่าง  โดยที่มิรินขอนั่งข้างในติดหน้าต่างเพราะเด็กสาวชอบมองผ่านหน้าต่างเวลารถเคลื่อนที่

     

     "มิรินถึงโรงเรียนแล้วปลุกนะ"

    พูดจบคังวอนก็เอนศีรษะไปซบไหล่เล็กทันทีโดยไม่ฟังเสียงจากมิรินเลย

     

    "พี่เซ..ระ"

    มิรินได้แต่เรียกชื่อคังวอนแผ่วเบา แม้อยากจะเชื่อจากใจจริงว่าความฝันได้เป็นจริงแล้วแต่อีกใจก็ย้ำเตือนให้กลัวมาตลอด...บางทีเธออาจจะกำลังกลายเป็นของเล่นของคังวอน  เซระคนนี้ก็ได้  เมื่อรถถึงที่หมายคังวอนก็ตื่นขึ้นมาพอดีหญิงสาวได้แต่ดึงลากมือของมิรินให้ลงจากรถแล้วเดินเข้าไปภายในโรงเรียน  แน่นอนว่ามีสายตานับหลายสิบคู่จับจ้องพวกเธอพร้อมคำพูดต่างๆนาๆซึ่งคังวอนหาสนใจมันไม่ผิดกับมิรินที่ก้มหน้าหนักเข้าไปอีก

     

     "กลางวันฉันจะไปกินข้าวด้วย...เลี้ยงหน่อยนะฉันจะรออยู่ที่ด่านฟ้าของตึกนี้"

    คังวอนออกคำสั่งแก่เด็กสาวแล้วชี้มือไปทางตึกสูงกว่า5ชั้นซึ่งเป็นอาคารเรียนรวมของม.ต้นและม.ปลาย มิรินได้ก้มหน้ารับโดยไม่พูดอะไร คังวอนคงไม่รู้ว่าตอนนี้มิรินกำลังถังแตกเพราะรายจ่ายที่มากกว่าทุกเดือน

     

    "..มิรินๆ มากับพี่คังวอนได้ไงน่ะ"

    ...ยูจีน เพื่อนซี้ย้ำปึกของมิรินเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

     

            "...ก็..เรื่องมันยาวน่ะ..."

           มิรินก้มหน้างุดแล้วลากมือเพื่อนสาวให้รีบเดินไปด้วยกันเพราะตอนนี้มีสายตาหลายสิบคู่กำลังจ้องมาที่เธอ

     

    "...มิรินๆ..."

     หือ ใครกันอีกนะที่เรียกเธอ มิรินหันไปมองตามเสียงเรียก ฮีวอนนั่นเอง ฮีวอนเป็นนักศึกษาปีสุดท้ายที่มาฝึกสอนเป็นอาจารย์ วิชาวิทยาศาสตร์ที่ รร ของเธอ  อีกทั้งยังเป็นครอบครัวบุญธรรมของเธอด้วย

     

     

     

    มิริน ยิ้มทักทาย   ฮีวอนใจดีกับเธอมากเธอจึงรักและเคารพเหมือนเป็นพี่ชายคนหนึ่ง

     

     "..ทานข้าวเช้ามาหรือยังครับ"

    ฮีวอนยิ้มกว้างเอ่ยถาม

     

     "...เอ่อ...ก็พอทานมาแล้วนิดหน่อยค่ะ..."

    มิรินตอบอายๆ

     

    "....เหรอครับ ..."

    ฮีวอนยิ้มกลับอายๆเช่นเดียวกัน แต่ทั้งคู่คงไม่ได้สังเกตุหรอกว่าที่ชั้น5 ของตึกฝั่งตรงข้าม ได้มีสายตาคู่คมของคังวอนจ้องมาที่คนทั้งคู่อยู่

    …………………………………………………………………………………………………………………

        

          เมื่อถึงเวลาพักกลางวัน  มิรินก็ไปเข้าแถวเบียดเสียดกับผู้คนหน้าร้านขนมปัง  เพราะเงินของเธอมีเพียงพอจะซื้อของแบบนี้ได้เท่านั้น  จากนั้นเด็กสาวก็วิ่งขึ้นไปที่ด่านฟ้าอันเป็นจุดนัดหมาย

     

     "มาช้า"

    คังวอนตวาดทำเอามิรินสะดุ้ง

     

    "ขอ..โทษค่ะพอดีช่วยพี่ฮิวอนขนของน่ะค่ะ"

    มิรินก้มหน้าตอบ แต่คำตอบนั้นชวนน่าโมโหจริงๆ

     

     "ต่อไปก็ไม่ต้องช่วยแล้ว"

     

    "เอ๋"

    มิรินเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย

     

    "จำไว้เธอเป็นแฟนฉันต้องมีเวลาให้ฉันคนเดียว ตั้งแต่วันนี้ไปห้ามยุ่งเกี่ยวกับอาจารย์ฮิวอนอีก"

    เหมือนคำสั่งปรากาศิษย แต่ว่าฮิวอนก็เป็นเสมือนพี่ชายแท้ๆจะให้ตัดขาดก็คงไม่ดีแน่

     

    "ฉันนับถือพี่ฮิวอนเหมือนพี่ชายน่ะค่ะถ้าไม่พูดเลยจะเป็นการกระด้างกระเดื่อง"

    มิรินพูดแผ่วเบา เพียงเท่านั้นคังวอนก็กระชากถึงขนมปังและน้ำผลไม้จากมือของมิรินมา    ก่อนจะใช้อีกมือดันมิรินให้ติดกับผนัง

     

     "ฉันเป็นแฟนของเธอแล้วอย่างไหนสำคัญกว่ากัน"

    คังวอนกำกล่องน้ำผลไม้เอาไว้แล้วค่อยๆบีบมันแน่นขึ้นจนในที่สุดกล่องน้ำผลไม้ก็ปริแตกน้ำส้มกระเด็นเปื้อนใบหน้าของมิรินรวมถึงเสื้อนักเรียนสีขาวด้วย  หญิงสาวขว้างกล่องน้ำผลไม้ลงบนพื้นแล้วใช้ปลายเท้าเยียบลงทันที

     

    "พี่เซ..ระ"

    เด็กสาวรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจทำไมช่างรุนแรงได้ถึงเพียงนี้

     

    "เอาไป หมดอารมณ์กินแล้ว"

    ส่วนขนมปังในถุงก็ถูกขว้างใส่ใบหน้าของเด็กสาวอย่างไร้ความปราณี

     

     "แล้วก็เย็นนี้ฉันจะไปที่บ้านของเธอ อย่าลืมซะล่ะ"

    คังวอนปรายตามองกล่องน้ำส้มที่เธอเป็นคนเยียบแล้วจึงหันไปมองเด็กสาวที่ยืนตัวสั่นเป็นลูกนกเปียกฝน

     

    "คงรู้ใช่ไหมถ้าไม่ทำตามที่บอกจะเป็นไง"

    หญิงสาวเดินจากไปเหลือเพียงเด็กสาวอยู่เพียงลำพัง  พอคังวอนจากไปมิรินถึงกลับทรุดเข่าลง สาวสวยดุจเทพธิดาแต่กริยานั้นยิ่งกว่ามารร้าย  น่ากลัวเหลือเกิน มันคงสายไปแล้วใช่ไหมที่หลงรักปีศาจในคราบนางฟ้าผู้นี้

     

    "...มิริน เป็นอะไรครับ..."

     ฮีวอนตกใจเมื่อเห็นสาวน้อยหน้าหวานวิ่งลงมาจากบันได ดาดฟ้า ด้วยน้ำตานองหน้าแถมเสื้อผ้าก็ยังเลอะเประเปื้อนไปด้วยน้ำผลไม้

     

    "...ป่ะ..ป่าวค่ะ...ไม่มีอะไร พี่ฮีวอน อย่าใส่ใจเลยค่ะ..."

    มิรินเอ่ยบอกเบาๆ ตอนนี้เธอรู้สึกแย่ที่สุด หรือเธอคิดผิดที่ดันไปหลงรัก คังวอน

    ………………………………………………………………………………………………………………….

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×