คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Past3 Real or Lie
เจ้าหญิงผู้น่าสงสารเดินสะเปสะปะไปตามทาง ภายในปราสาทมีแต่ความเงียบกับกลิ่นคาวเลือดที่ล่องลอยอยู่ในอากาศซึ่งเกิดจากซากศพของนายทหารติดเกราะ2นายที่เจ้าหญิงอลิเซียเพิ่งลงมือฆ่าสังเวยราชันย์มืดไป
พลังของราชันย์มืดรุนแรงขึ้น รุนแรงขึ้น จนเจ้าหญิงสร้างกับดักมรณะได้ในเวลาอันรวดเร็ว หลังจากสังเวยวิญญาณของลอร์ดฟีเนแกนไป จิตใจของเธอก็ยิ่งอ่อนแอลง
....ฉันพยายามเดินออกไปจากห้องโถงท้องพระโรง เวลานี้ฉัน อยากพบเรเชียเหลือเกิน
ตั้งแต่เมื่อยังเป็นเด็กนางจะคอยอยู่เคียงข้าง ดูแลฉัน ปลอบใจฉันทุกครั้งทีหวาดกลัว เรเชียเป็นที่พึ่งของฉันเสมอ ถึงจะเป็นเจ้าหญิงแต่บางครั้งฉันก็ทำตัวเหมือนเด็กเล็กๆออดอ้อนนาง เมื่อหวนคิดถึงความหลังเก่าๆทำให้ฉันยิ้มออกมาได้
รอยยิ้ม....... นั่นสินะตั้งแต่ถูกใส่ความให้เป็นผู้สังหารท่านพ่อจนทำให้ต้องหนีไปซ่อนในปราสาทเพื่อหลบหลีกการตามล่า อา... ฉันแทบจะไม่เคยได้ยิ้มออกมาเลย ฉันอยากจะเจอเรเชีย อยากเจอเหลือเกิน.......
“ท่านอลิเซีย”
เสียงทุ่มเข้มทำให้ฉันสะดุ้งเฮือก เสียงของขุนพลเฮอร์แซ็ก! ชายร่างสูงร่างกายกำยำถูกปกปิดด้วยเครื่องแต่งกายของขุนนาง หากท่านอาจารย์บารันได้รับการยกย่องดุจดังอาจารย์ของจอมเวทย์ ขุนพลเฮอร์แซ็กเองก็ได้รับการยกย่องดุจดังอาจารย์ของเหล่าองค์รักษ์ เพราะความสามารถในการใช้อาวุธนานาชนิดและฝีมือการรบเลิศยิ่งจึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นองค์รักษ์ของท่านพ่อ
“เหตุใดท่านจึงยังอยู่ที่อาณาจักรแห่งนี้อีก”
ฉันส่ายหน้าไปมา ไม่เข้าใจขุนพลเฮอร์แซ็กตั้งใจจะพูดอะไรกับฉันกันนะ
“ท่านโอราฟในตอนนี้ ไม่ได้เห็นอาณาจักรสำคัญอีกต่อไปแล้ว พระองค์ทำทุกอย่างเพื่อคืนชีพราชันย์มืด”
“มันเรื่องอะไรกัน ทำไมข้าไม่รู้อะไรเลย!!!!”
ฉันรู้สึกปั่นป่วนไปหมด ขุนนางในปราสาททุกคนรับรู้เรื่องของราชันย์มืดและเรื่องร่างทรง แต่ฉันไม่เคยรู้อะไรเลยเรื่องทุกอย่างถาโถมเข้ามา มันมากมายเกินกว่าที่ฉันจะทำความเข้าใจกับมัน
“ท่านไม่จำเป็นต้องรู้อะไรไปมากกว่านี้ เพียงแค่ท่านเดินทางออกนอกอาณาจักรทุกอย่างก็จะจบ”
ฉันตรงเข้าไปดึงแขนของขุนพลเฮอร์แซ็กเอาไว้ สิ่งที่ท่านผู้นี้พูดมาฉันไม่เข้าใจอะไรซักอย่าง ดูเหมือนการดึงรั้งของฉันจะไร้ประโยชน์ ขุนพลเฮอร์แซ็กไม่ได้ใส่ใจเลยเพียงแค่ก้าวเดินไปข้างหน้าก็สามารถสะบัดมือของฉันให้หลุดออกจากตัวเค้าได้ง่ายดาย
“ได้โปรดเถอะ ช่วยเล่าทุกอย่างให้ข้าฟังที”
เสียงวิงวอนของฉันไม่ทำให้จิตใจที่แกร่งดังหินผาอ่อนโอนลงเลยซักนิด ร่างที่เดินมุ่งไปด้านหน้าทำให้ฉันหมดความพยายามในการดึงรั้งเอาไว้ต้องปล่อยให้ขุนพลเฮอร์แซ็กจากไปโดยที่ตัวฉันไม่ได้คำตอบของเรื่องที่ค้างคา
หากหลบหนีออกไปจากอาณาจักรแห่งนี้ ฉันก็เหมือนทำบาปอันใหญ่หลวงทอดทิ้งประชาชน ทอดทิ้งอาณาจักร
ในเวลานี้อาณาจักรกำลังระส่ำระส่าย คาตาริน่าเองก็ก่อการกฎบอยู่ลับๆ เหล่าขุนนางที่ฉันไว้ใจช่างยากเย็นนักที่จะมองเห็นผู้ใดในเวลานี้ ฉันเดินออกมาจากปราสาทหากได้กลับไปปรึกษากับเรเชียที่ปราสาทลับ ฉันคงจะคิดหาทางออกได้มากกว่านี้ ก่อนจะเดินมาถึงประตูทางออกสู่ด้านนอกฉันต้องหยุดชะงัก ผู้ที่ยืนขวางกั้นทางออกคือ ลอร์ดเจส ทั่วทั้งร่างมีบาดแผลจากการสู้รบเต็มไปหมดราวเพิ่งผ่านการต่อสู้ที่อันตรายมา
“ลอร์ดเจส!!!”
ทำไมลอร์ดเจสที่ไม่น่าไว้วางใจถึงมีบาดแผลเต็มตัวไปหมด ไม่นานร่างที่เปรอะไปด้วยโลหิตก็ทรุดลง
“ท่านอลิเซียหนีไป.....”
ยังไม่ทันที่ฉันจะเข้าไปใกล้ลอร์ดเจสก็ยกมือห้าม ด้วยสัญชาติญาณของทหารกล้าบางที ลอร์ดเจสอาจจะรู้ตัวว่ากำลังจะตาย แต่จะให้ฉันหนีไปโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยงั้นหรอ ฉันไม่ฟังสิ่งที่ลอร์ดเจสร้องขอกลับเดินตรงเข้าไปประคองร่างจวนเจียนจะไร้สติเอาไว้
“เกิดอะไรขึ้น!!! อุปราชโฮซอนไนกับหัวหน้าองค์รักษ์ล่ะ”
“ตายแล้ว.....”
เสียงที่เย็นยะเยือกของลอร์ดเจสทำให้ฉันรู้สึกหนาวไปถึงหัวใจ ฉันสูญเสียผู้ช่วยเหลือไปทีเดียวถึง2คน และตอนนี้อาจจำลังสูญเสียลอร์ดเจสไปอีก
“เรเชีย....นางเป็นฆ่าท่านทั้งสอง”
.............!!!!!!! เหมือนถูกพายุโถมกระหน่ำ เรเชียนะหรอจะเป็นคนทำ ฉันไม่อาจจะทำใจให้ยอมเชื่อสิ่งที่ลอร์ดเจสพูดได้ ถึงยังไงเรเชียก็คือคนที่ฉันเชื่อใจมากที่สุด
“ไม่มีทาง นางต้องถูกใครบางคนบงการอยู่แน่ๆ”
ฉันรู้ตัวว่ากำลังขึ้นเสียง พูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวแบบไม่มีเหตุผลไม่ว่ายังไงเรเชียก็ไม่มีทางทรยศฉันอย่างแน่นอน
“เจ้าหญิง .....ท่านเชื่อมั่น........ในตัวนางมาก.........นางก็ใช่สิ่งนี้สร้างแผนการทั้งหมดขึ้นมา..... ”
หยุดนะ!!! อย่าพูดแบบนี้ฉันไม่ได้อยากได้ยิน
“อัก........”
โลหิตสีแดงพุ่งทะลักออกจากร่างที่บาดเจ็บเจียนตาย ลูกธนูที่พุ่งมาจากด้านข้างตรงเข้าเสียบศีรษะของลอร์ดเจส ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่ฉันจะตั้งตัว เมื่อยกแขนขวาขึ้นเจ้าสิ่งที่พันรั้งกำลังบีบรัดสร้างความทรมาน
ร่างอันไร้ลมหายใจของลอร์ดเจสค่อยๆทรุดและล้มลงบนพื้น
ฮ่า.....ฮ่า.....ฮ่า..... ฆ่าอีก ฆ่าอีก
“หยุดนะ...!!! ทั้งที่ข้าไม่ได้ต้องการฆ่าเค้า ทำไม!!!!”
หึ..หึ....สาวน้อย เจ้ายังไม่รู้สึกสนุกกับพลังที่แสนยิ่งใหญ่ยิ่งนี้อีกหรือ ไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้ ไม่มีใครมาฆ่าเจ้าได้.....
“ พลังปีศาจแบบนี้ข้าไม่ต้องการ ไม่ต้องการ!!!!!”
..เจ้าหนีข้าไม่ได้หรอกเจ้าเป็นร่างทรงของข้า..........
“ทำไมต้องเป็นข้า ผู้คนตั้งมากมายทำไม ถึงเลือกข้า”
........เจ้าถูกสังเวยให้ข้าในฐานะร่างทรงเมื่อ4ปีที่แล้ว ทุกสิ่งถูกกำหนดมาแล้ว.........
“อ...อะไรนะ เมื่อ4ปีที่แล้ว ไม่จริงๆ บอกมานะทำไมฉันถึงโดนสังเวย”
......มันเป็นโชคชะตาแล้วเจ้าจะได้รู้เอง...............
หลังจากนั้นฉันก็ตะโกนกู่ร้องถามราชันย์มืดราวกับคนเสียสติแต่ก็ไม่มีคำตอบอะไร เหมือนฉันกำลังอยู่ในหนทางที่มืดมน ไม่มีเสียงสว่าง ผู้คนที่พอจะบอกความจริงได้ก็พากันล้มตายจากไป ทั้งที่ไม่อยากจะฆ่าใครแต่แขนขวาของฉันก็สร้างกับดักฆ่าผู้คน แม้แต่ทหารยามที่พยายามหนีเอาตัวรอด ฉันก็ยังฆ่าพวกเค้า
อา.....สีแดงที่ย้อมไปทั่วปราสาทช่างดูสวยงามจริงๆ กลิ่นคาวเลือดทำให้ฉันรู้สึกว่าหอมหวานตั้งแต่เมื่อไรกัน
ฉันเดินกลับเข้าไปในปราสาท ยุติความคิดที่หนีออกไป ยังมีขุนพลเฮอร์แซ็กอีกผู้หนึ่ง ชายผู้นั่นจะต้องตอบคำถามไขข้อข้องใจของฉันได้แน่ๆ
....เมื่อฉันเดินมาถึงห้องทรมานนักโทษ ประตูโลหะขนาดใหญ่ถูกเลื่อนลงมาปิดทางออก ฉันรู้ว่ามีใครบางคนอยู่ที่นี่ เพื่อรอคอยการมาปรากฏตัวของฉัน
“ช่างเป็นพลังที่ยอดเยี่ยมจริง....เจ้าหญิงอลิเซีย”
“คาตาริน่า”
ฉันยิ้มเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าจะได้ผู้หญิงที่เป็นตัวการให้ฉันกับเรเชียต้องหลบหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ถ้าเจ้าทำตัวน่ารักกว่านี้ ข้าคงจะเอ็นดูเจ้าไปแล้ว”
นางหัวเราะโบกพัดในมือไปมา เสียงหัวเราะที่ระคายประสาทหูทำให้ฉันหงุดหงิด
“หุบปากนะ...เพราะเจ้าทำให้ข้าต้องไปที่ปราสาท ทำให้ข้าต้องฆ่าคนด้วยพลังบ้าๆนี่”
ฉันยกแขนขวาขึ้นอย่างไม่ลังเล นางแค่คนเดียวไร้ซึ่งทหารติดตามคงไม่มีทางจะทำอะไรฉันได้
“เจ้าคิดว่ามันง่ายดายขนาดนั้นเชียวหรือเจ้าหญิง หึ..หึ...”
อีกไม่นานเสียงหัวเราะที่น่ารังเกียจกำลังจะหายไปแล้ว เพียงแค่นึกถึงลูกธนู ไม่น่านร่างที่ยืนอยู่ก็จะโดนทิ่มแทง
นางไม่ก้าวหนี เพียงแค่สะบัดพัดในมือเบาๆเท่านั้น
“............!!!!!!”
ลูกธนูที่ควรจะพุ่งเข้าใส่นางกลับกลายเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านคาตาริน่าไป
“พลังของราชันย์มืดคือการสร้างวัตถุขึ้นในอากาศตามใจนึก พลังของข้าคือการหักล้างพลังของราชันย์มืด เจ้าหญิงเจ้าไม่มีทางฆ่าข้าได้ง่ายๆหรอก”
.ดูท่าทางนางจะยิ้มด้วยความภาคภูมิใจเหลือเกิน เป็นครั้งแรกที่ฉันอยากจะฆ่าคนจากความตั้งใจของตัวเอง
ฉันยอมยืนนิ่งปล่อยให้คาตาริน่าเดินเข้ามา มือขวายกขึ้น กับดักหมีที่นายพรานใช้ล่าสัตว์ป่า กลายเป็นเพียงเศษฝุ่นเมื่อคาตาริน่าโบกพัดไปมา
...แต่ฉันก็คิดเอาไว้แล้วว่านางจะลบล้างได้ทันท่วงที
จึก.......................
ไม่มีเวลาให้นางได้กรีดร้องแม้แต่วินาทีเดียว ใบมีดกิโยตินก็หล่นลงมาตัดศีรษะของนางให้กระเด็นไปไกลห่างจากร่างที่ล้มลง มือของคาตาริน่าที่ถือพัดยังกะตุกอยู่เลย ไม่เพียงแค่นั้น แขนทั้งสองข้างและขายังสั่นไปมา
ทำให้ฉันนึกถึงเวลานักโทษถูกประหาร เมื่อศีรษะของพวกเค้าหลุดกระเด็นไปจากร่าง แขน ขายังสั่นไปมา คงเพราะพวกเค้าตายแบบกะทันหัน ร่างกายกับจิตถูกแยกออกจากกันรวดเร็วทำให้กายยังคงจดจำสิ่งที่จิตสั่งการก่อนตายเอาไว้ ฉันมองดูร่างไร้ซีรษะของคาตาริน่าก่อนจะตัดสินใจเดินออกไปจากห้องทรมานนักโทษ
....ที่ปราสาทแห่งนี้คงไม่มีผู้ใดเหลือรอดชีวิตแล้วสินะ ถึงเวลาที่ฉันควรจะกลับไปหาเรเชียแล้ว
ฉันเชื่อ นางจะต้องรอฉันอยู่ ยิ้มต้อนรับฉันเหมือนทุกครั้ง...........
.............................................................................................................................................................................
ในระหว่างที่ปราสาทกำลังเกิดความวุ่นวาย จอมเวทย์บารันและเหล่าจอมเวทย์ในราชสำนักได้เดินทางไปยังปราสาทลับของราชวงศ์เพื่อทำพิธีสะกด วิญญาณของราชันย์มืดอีกครั้ง ทว่า..........
“จ... เจ้าเป็น.....ร่างทรง...ของราชันย์มืด..!!!!”
ชายชราถอยหลังหนี เหล่าจอมเวทย์ที่พามาบัดนี้เหลือแต่ร่างไร้วิญญาณ กลายเป็นเศษซากเนื้อ หรือเป็นเถ้าธุลีเพราะถูกแผดเผาจากเปลวเพลิง หากร้ายแรงซักนิดก็คือการถูกสับหั่นจนร่างกาย แยกกระจัดกระจายไปคนละทิศ
บัดนี้จึงเหลือแต่จอมเวทย์บารันผู้ซึ่งมีอาคมแกร่งกล้าที่สุด ช่างน่าเศร้าเสียจริง จอมเวทย์ที่ยิ่งใหญ่กำลังกระเสือกหระสนหนีเอาตัวรอดจากหญิงสาวเพียงคนเดียว
“....ท่านโอราฟ ขอประธานอภัย ที่ข้าไร้ความสามารถ”
จอมเวทย์เฒ่ารู้ชะตาชีวิตเมื่อเห็นก้อนหินขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในอากาศเหนือศีรษะ มันหล่นลงมาทันทีเมื่อหญิงสาวตวัดฝ่ามือ
ตึง!!!!!!!!
ก้อนหินขนาดใหญ่แหลกสลายหายไปหลังจากได้บดทับร่างของชายแก่จนเละเทะ จากร่างกายมนุษย์บัดนี้เป็นเพียงเศษซากกองเนื้อที่ปนเปอยู่ในโลหิตสีแดง หญิงสาวหัวเราะเบาๆ นางมองดูประตูสู่ห้องผนึกที่เปิดเชื้อเชิญ
“เจ้าหญิงอลิเซียรีบกลับมาเร็วสิคะ เรเชียกำลังรอท่านอยู่”
เรเชียหัวเราะออกมา สิ่งที่เดิมพันด้วยชีวิตของเธอกำลังจะสิ้นสุด ผู้รู้ความลับอันดำมืดก็เหลือเพียงไม่กี่คน ตอนนี้หญิงสาวกำลังรอให้เจ้าหญิงอลิเซียผู้เป็นร่างทรงอีกคนมาที่ห้องผนึก เมื่อนั้นการบูชายันดวงวิญญาณแก่ราชันย์มืดก็จะสำเร็จ
“เจ้าหญิง ท่านจะทำอย่างไรเมื่อรู้ความจริงทุกอย่าง เรเชียอยากเห็นจริงๆ”
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของหญิงสาว ดวงตาสีแดงเหม่อมองไปทางประตูไม้บานใหญ่ ก่อนจะเอนกายให้แผ่นหลังภายใต้ชุดสาวใช้สีดำเอนพิงผนังอิฐ
...................................................................................................................................................................................
ฉันพยายามวิ่งกลับมาจนถึงปราสาทลับ บรรยากาศภายในเงียบไม่ต่างจากปราสาทที่เพิ่งหนีออกมาเลย
ฉันพยายามเดินลึกเข้าไปในปราสาท เดินหลงวนเวียนอยู่นานจนในที่สุดฉันก็พบ ทางเข้าห้องผนึก
โครม.....!!!
“โอ๊ย....”
ฉันเยียบอะไรกันแน่ถึงได้ล้มลงเจ็บขนาดนี้ เมื่อมองดูสิ่งที่อยู่บนพื้นมันคือคทาของจอมเวทย์ที่เปรอะโลหิต
จริงสิ มิสเทอร์บอกกับฉันนี่นาว่า ท่านอาจารย์บารันจะพาเหล่าจอมเวทย์มาผนึกราชันย์มืด แต่คทาที่ฉันเห็นทำให้รู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก จะต้องเกิดเรื่องอะไรร้ายแรงขึ้นที่นี่แน่ๆ
“ท่านอลิเซีย ข้าบอกให้ท่านออกไปจากอาณาจักรนี้ซะ ทำไมท่านยังอยู่อีก”
เสียงของขุนพลเฮอร์แซ็กทำให้ฉันต้องหันไปมอง ใบหน้าที่หนวดเคราบางๆมองฉันด้วยความโกรธ
ฉันรีบลุกขึ้นวิ่งหนีขุนพลเฮอร์แซ็กโดยไม่รอให้ชายผู้นั้นใช้หอกยาวในมือพุ่งมาทางนี้แน่
“อย่าเข้าไปท่านอลิเซีย”
ฉันไม่ฟังเสียงร้องห้ามของขุนพลเฮอร์แซ็กและหยุดตามที่เค้าต้องการหรอก ฉันผลักประตูไม้บานใหญ่เข้าไป
คงเพราะความรีบร้อนทำให้ฉันถลาล้มลงบนพื้นจนได้ พื้นห้องผนึกแห่งนี้สร้างขึ้นมาจากหินทำให้ฉันเจ็บมากกว่าที่สะดุดคทาของจอมเวทย์เสียอีก
“ทำดีมากอลิเซีย”
...........เสียงของท่านพ่อ เป็นไปไม่ได้ท่านพ่อตายไปแล้วนี่นา ฉันเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่ยืนตรงกลางห้อง ท่านผู้นั่นคือพระราชาโอราฟ ท่านพ่อของฉัน!!!!
“ท่านพ่อ!!!”
ท่านหัวเราะเบาๆเอามือทาบกับก้อนศิลาขนาดใหญ่ที่ถูกตรึงด้วยโซ่ตั้งเด่นอยู่กลางห้องผนึกแห่งนี้
“อีกไม่นานราชันย์มืดก็จะคืนชีพแล้ว เจ้าทำได้ดีมาก อลิเซีย”
“ท่านพ่อนี่มันอะไรกัน ข้าไม่เข้าใจ!!”
“เด็กโง่เอ้ย....ที่เจ้าเห็นในสวนมันคัวปลอม ข้ากำลงรอให้เจ้าสังเวยวิญญาณแก่ราชันย์มืด”
“ทำไมถึงต้องเป็นข้า !!!”
“หึ...เมื่อ4ปีก่อนข้าสังเวยแม่เจ้าให้ราชันย์มืด แล้วก็ยกเจ้าให้เป็นร่างทรง ที่พันแขนขวาของเจ้าตอนนี้คือพลังของราชันย์มืด หากเจ้าฆ่าคนสังเวยอีกไม่นานราชันย์มืดก็จะคืนชีพแล้ว ฮ่า.....ฮ่า.....ฮ่า.......”
ฉันรู้สึกจุกจนพูดอะไรออกมาไม่ได้น้ำตาที่น่าจะรินไหลกลับแห้งเหือดไป ชายผู้นี้คือท่านพ่อที่ฉันเคารพรักมาตลอด เป็นพระราชาที่ปกครองอาณาจักรด้วยความเที่ยงธรรม แต่แล้ว....ทำไม ท่านถึงส่งฉันไปเป็นร่างสังเวยให้ราชันย์มืด ทำไมละคะ ท่านพ่อ!!!!!!! ฉันทรุดตัวลงนั่งบนพื้นภาพที่เห็นผ่านนัยน์ช่างดูเลือนลางเหลือเกิน
ตอนนี้ฉันไม่ได้ยินเสียงพูดของท่านพ่อเลย ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงฝีเท้าของขุนพลเฮอร์แซ็กที่เดินผ่านร่างฉันไป
..
ขุนพลเฮอร์แซ็กส่ายศีรษะไปมา พระราชาที่ทรงคุณธรรมเหมือนตายจากใจของชายผู้นี้ไปแล้ว ตอนนี้พระราชาโอราฟที่ยืนอยู่เป็นเพียงชายแก่ที่ลุ่มหลงอำนาจของมารร้าย
“เจ้าทำได้ดีมาก เฮอร์แซ็ก อีกไม่นานราชันย์มืดก็จะคืนชีพแล้ว ข้าจะมีพลังอันยิ่งใหญ่อีกครั้ง ฮ่า....ฮ่า...ฮ่า...”
เฮอร์แซ็กกระชับหอกในมือ หากไม่ทำสิ่งนี้ก็จะนำภัยมาสู่อาณาจักร มีหรือขุนพลที่รักความถูกต้องประดุจชีวิตจะยอม
จึกกกกกกกกก..................................!!!!!!!!!
“อ๊ากกกก...........”
“อยากสังเวยมากนักใช่ไหมท่านโอราฟ.....”
เสียงคมเอ่ยอย่างไร้ความปรานีถอนดึงเอาปลายหอกที่แหลมคมออก ทำให้โลหิตสีแดงพุ่งทะลักจากบาดแผล
เสียงร้องที่ทรมานทำให้เจ้าหญิงอลิเซียได้สติคืนมาอีกครั้ง เมื่อเห็นภาพผู้เป็นบิดากำลังจะสิ้นใจ
“.......!!!!”
ท่านพ่อกำลังล้มลง แต่ฉันไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะพยุงกายอีกแล้ว ท่านพ่อช่างมีความมานะ ขนาดบาดเจ็บสาหัสท่านก็ยังคลานไปหมายจะแตะก้อนผนึกศิลาขนาดใหญ่ให้ได้ แล้วท่านก็ล้มลง ดูเหมือนขุนพลเฮอร์แซ็กจะยังไม่บรรลุจุดประสงค์ และเดินมาหาฉัน
“ท่านอลิเซีย เพื่ออาณาจักรข้าจำเป็นต้องทำ”
หอกอันแหลมคมกำลังถูกยกขึ้นไม่นานก็ปักลงที่ร่างของฉัน...... อาตอนนี้ไม่มีแรงที่จะยกแขนขวาขึ้นมาเลย
แม้แต่จะนึกอะไรในสมองรู้สึกสับสนไปหมด....... ฉันคง...กำลังจะถูกฆ่าแล้วสินะ
ครึกกก...................
ตูมมมมม!!!!!!
เพียงเวลาไม่ถึง5วินาที ก้อนหินขนาดใหญ่หล่นลงมาจากเพดานทับร่างของขุนพลเฮอร์แซ็กจนแหลกเหลว เพราะขุนพลเฮอร์แซ็กจดจ่ออยู่กับการฆ่าฉันทำให้ไม่ได้ระวังอะไรเลย แต่ก้อนหินที่หล่นลงมาไม่ใช่ฝีมือฉันแน่ๆ
ใครกัน............!!!!!
เสียงฝีเท้าครูหนึ่งกำลังเดินใกล้เข้า ใกล้มา จนฉันได้เห็นร่างผู้มาเยือน
“เรเชีย!!!”
ดีจริงที่นางปลอดภัย ฉันรู้สึกดีใจเหลือเกิน เรเชียเดินเข้ามาใกล้ฉัน ทว่า แววตาสีทับทิมแสดงความไม่เป็นมิตรออกมาเลย รอยยิ้มที่เย็นชาเหมือนไม่ใช่เรเชียที่ฉันเคยรู้จัก
“ท่านอลิเซียปลอดภัยดีนะคะ”
นางก้มลงพยุงฉันขึ้นมา ทำไมถึงรู้สึกอืดอัดแบบนี้ อ้อมกอดที่คุ้นเคยของเรเชียทำให้ฉันรู้สึกกลัวขึ้นมา
แต่ฉัน....ก็กอดกระชับตัวนางเอาไว้ทั้งความกลัวและความดีใจ
.อีกแค่หนึ่งเดียวข้าก็จะเป็นอิสระแล้ว.......
เสียงของราชันย์มืดดังก้องอีกครั้ง ไม่นะ....นี่ราชันย์มืดต้องการให้ฉันฆ่าเรเชียยังงั้นหรอ
“ท่านได้ยินแล้วใช่ไหม อีกแค่หนึ่งเดียวราชันญ์มืดก็จะคืนชีพ”
เรเชียพูดอะไรออกมา นางพูดอะไรออกมา!!!! พอคิดจะผละอออกก็โดนรั้งให้อยู่ในอ้อมกอดที่แน่นสนิท
“เรเชียรักท่านมากนะ ท่านอลิเซีย.....”
เสียงของเรเชียกระซิบแผ่วเบา ฉัน....ฉัน...สับสนเกินกว่าจะเชื่ออะไรอีกแล้ว ร่างกายไร้การต่อต้านได้แต่ปล่อยให้เรเชียค่อยๆปล่อยฉันให้เป็นอิสระ นางหยิบมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ในเสื้ออกมา
“ฉะนั้นตายเพื่อเรเชียเสียเถอะ ท่านอลิเซีย”
จึก.............
ฉันล้มลงอีกครั้ง รู้สึกเจ็บปวดที่แขนขวาอย่างแรง นี่อาจเป็นการจู่โจมพลาดของเรเชีย นางไม่รอให้ฉันได้มีโอกาสลุกขึ้น ร่างในชุดดำนั่งคร่อมทับฉันเอาไว้ แววตาสีทับทิมดูโหดร้ายไม่ใสซื่อเหมือนที่ฉันเคยเห็น
เธอไม่ใช่เรเชียคนเดิมอีกต่อไปแล้ว เลือดจากบาดแผลที่ได้รับทำให้สิ่งพันธนาการปรากกฎขึ้นและพันรั้งแขนขวาของฉัน
“.......!!!!”
เรเชียรีบผละออกจากฉันด้วยความตกใจ ดูเหมือนนางจะหวาดกลัวกับเจ้าสิ่งที่พันแขนของฉันอยู่
ฉันพยายามใช้มือซ้ายจับรั้งไม่ให้ยกมือขวาขึ้นมา
.เอาเลย ฆ่านางซะ.....ฆ่านางซะ.........
“หยุดนะ....ข้าจะไม่ทำร้ายเรเชียเด็ดขาด”
ถึงเรเชียจะเปลี่ยนไป แต่ฉัน.....ฉัน.....ไม่อยากจะฆ่านาง
...ถึงจะต้องฆ่าคนสังเวยหมดปราสาท แต่ฉันก็จะไม่ฆ่าเรเชีย..............
..................................................................................................................................
.....................................................................................................................................
ความคิดเห็น