คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3
“โรคหัวใจ!” บันตกใจมากแล้วรีบหันไปหายามะ
“ทำไม ยามะปล่อยให้มันเป็นมานานแบบนี้ครับ”
“ก็แค่โรคหัวใจ”
“ไม่ใช่นะ เธอเป็นโรคหัวใจระยะน่าเป็นห่วงเชียวล่ะ” หมอแย้งยามะ
“แล้วผู้ปกครองของเธอล่ะ หมอจะต้องแจ้งให้เขารู้”
“ไม่ต้องหรอกครับ” ยามะปฏิเสธ
“แล้วจะต้องทำยังไงล่ะครับ?”
“ก็ต้องปฏิบัติเหมือนคนเป็นโรคหัวใจรายอื่นๆ คือพยายามอย่าให้เขาต้องใช้กำลังมาก แล้วอย่าให้ต้องตกอยู่สภาวะสะเทือนใจ”
“ครับ” บันพูด แล้วทั้งคู่เดินออกจากโรงพยาบาล
“บันฉันขอแกได้ไหม? อย่าบอกคุมะ เคตะ และเพื่อนคนอื่นๆ” ยามะขอร้อง
“ทำไมล่ะครับ? อาการของยามะหนักขนาดนี้”
“ถือว่าฉันขอล่ะกัน”
“แต่...”
“นะ...” ยามะทำเสียงออดอ้อน บันใจอ่อน ทั้งคู่ต่างแยกกันกลับบ้าน
ยามะเดินกลับเข้าหอไป
“ยามะ” อาจารย์ที่คุมหอเรียก ยามะเดินมาหาอาจารย์
“ช็อกโกแล็ตจ๊ะ” อาจารย์ยื่นช็อกโกแล็ตให้ยามะ ยามะยิ้มแล้วรับแล้วเอามาใส่รวมในถุง
“อืม.. แม่เธอโทรมาด้วย บอกให้โทรกลับจ้ะ”
“ครับ” ยามะเดินไปที่หน้าลิฟท์ ตรงนั้นมีตู้โทรศัพท์อยู่
“ฮัลโหล... แม่เหรอครับ”
“ยามะเหรอ?” แม่พูด
“ครับ”
“เป็นไง สบายดีไหม” คำถามของแม่ทำให้ยามะไม่อยากบอกเรื่องของตน
“สบายดีครับ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
“มีอะไรขาดไหม?”
“มีครับ เงินครับ”
“ไอ้ลูกคนนี้อะไรก็เงินหมด สงสัยแกคงจะสบายดีจริงๆ ถึงได้ใช้เงินเก่งนัก” ยามะหัวเราะ
“เออ.. เดี๋ยวแม่ส่งไปให้”
“ขอบคุณครับ” ยามะวางสายลง เขาเดินมาถึงห้อง แล้ววางกระเป๋าเอาช็อกโกแลตเดินแจกเพื่อนที่อยู่บนชั้นเดียวกัน จนหมดถุง เขากลับเข้าห้องเพื่ออาบน้ำ รูมเมทของยามะกลับมา ยามะออกมาจากห้องน้ำก็เห็นรูมเมทของตนนั่งอ่านหนังสืออยู่
“หมอนี่ท่าจะเป็นเด็กเรียน” ยามะคิดในใจ แล้วค่อยล้มตัวลงนอน สักพักยามะได้ยินเสียงกรนที่ดังมากก็ลุกขึ้นมาหยิบนาฬิกาดู
“ตีสอง โห... แกเงียบเป็นไหม? มาปลุกกันตอนที่สองเนี่ยนะ” ยามะไม่ชอบให้ใครมาปลุกก็เกิดอาการโมโห เขาเดินไปที่เตียงของรูมเมทคนนั้น แล้วถีบหมอนั่นตกจากเตียง ยามะรีบกระโดดขึ้นเตียงของตนต่อ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ รูมเมทคนนั้นยังนอนไม่ตื่นแถมยังมีเสียงกรนที่ไม่หยุดอีก ยามะได้ทนเอาไว้เท่านั้น
จนรุ่งเช้าของอีกวันมาถึง ซึ่งวันนี้เป็นวันเกิดคุมะ คุมะตื่นแต่เช้า พอมาถึงโรงเรียนก็ไม่เจอเพื่อนๆของตน
“อะไรว่ะ? ไม่มีใครมาเลยหรือไง” คุมะเดินไปนั่งที่ของตน แล้วก็วางกระเป๋าลงบนโต๊ะ สักพักเคตะเดินเข้ามา ทำหน้าเศร้าๆ
“เคตะ” คุมะตะโกนเรียก เคตะเดินมาที่โต๊ะของคุมะ พวกเพื่อนคนอื่นๆหันมาดูสอง
“มองอะไร?” คุมะถามเพื่อนที่หันมาดู พวกเพื่อนก็รีบหันกลับไป
“ทำไมหน้าแกเศร้าๆว่ะ” คุมะถาม
“นี่.. บันไม่ได้โทรหาแกเหรอ?”
“เปล่า โทรศัพท์บ้านฉันถูกน้องสาวตัวดีจองเมื่อวานทั้งคืน มือถือแบทหมดลืมชาร์ทด้วย”
“เมื่อวานมันโทรหาฉัน” เคตะพูดเสียงค่อยลง คุมะยื่นหน้ามาใกล้ๆเคตะ
“มันบอกว่ายามะเป็นโรคหัวใจ”
“โรคหัวใจ!” คุมะเผลอพูดออกมาเสียงดังพวกเพื่อนหันมาดูอีกครั้ง
“ทำไมไม่เคยเห็นคนหล่อเหรอ?” คุมะพูด พวกเพื่อนรีบหันกลับไปทันที คุมะเอาหน้าเข้าไปใกล้ๆเคตะอีกครั้ง
“ยามะมันบอกบันไม่ให้บอกพวกเรา”
“ไอ้หมอนี่มันบ้าเปล่าหรือเนี่ย? เรื่องใหญ่อย่างนี้ไม่ให้บอก”
“ฉันคิดว่า มันคงไม่อยากให้พวกเราเป็นห่วงมั้ง?”
“เฮอะ... ก็บ้าอยู่ดี แล้วต้องทำไง”
“ก็ทำเป็นไม่รู้” เคตะพูด
บันเดินเข้ามากับยามะ ยามะไปวางกระเป๋าที่นั่งตัวเองแล้วก็เดินไปที่โต๊ะของคุมะ
“เออ.... บันเมื่อวานพายามะไปหาหมอหรือเปล่า?” เคตะแกล้งถามทั้งที่ตัวเองรู้อยู่แล้ว
“พาไปครับ”
“แล้วเป็นไงบ้าง” บันมองหน้ายามะ ยามะก็ทำตาดุใส่
“หมอบอกว่าไม่เป็นอะไร คงจะนอนไม่พอ”
“เห็นไหม? ฉันบอกพวกแกแล้วว่าไม่เป็นอะไร” ยามะพูดพร้อมกับยิ้ม
“เออ... แกไม่เป็นอะไรก็ดี” คุมะพูด
“แล้วจะไปตีกับพวกมันเมื่อไหร่?” เคตะถาม คุมะมองหน้ายามะ
“จะไปตีจริงๆเหรอครับ” บันรู้สึกกังวลใจ
“ใช่... แต่...” คุมะตอบแบบลังเล
“แต่อะไร?” ยามะถามขึ้น
“เออ..” คุมะมองหน้าเคตะ
“นี่ คุมะแกมองหน้าคนนั้น คนนี้อยู่ได้ ตอบมาสักทีซิ” ยามะเริ่มหงุดหงิด
“เออ... เอาเป็นพรุ่งนี้ล่ะกัน”
“พรุ่งนี้เหรอครับ?” ทุกคนพยักหน้า
“ดูท่าแกไม่อยากให้เราตีกับพวกเสือดำเลยนะ บันมีอะไรหรือเปล่า?” เคตะแกล้งพูดขึ้น บันมองหน้ายามะ ยามะทำตาน่ากลัวใส่บันอีกแล้ว
“ไม่มีอะไรครับ”
“ฉันรู้ว่าแกไม่อยากให้ไปตี แต่..มันมาเหยียบถิ่นเราก่อน ถึงพวกมันจะเก่งแค่ไหน เราก็ต้องจัดการ”
“ใช่.. วันก่อนฉันเห็นมันซ้อมนักเรียนของโรงเรียนเรา ฉันก็เลยไปต่อยพวกมัน กะว่าครั้งนี้พวกมันจะต้องเอาพวกเราตายแน่” เคตะพูด
“กลัวเหรอ?” คุมะถาม
“กลัว” ยามะตอบ
“ไม่กลัวว่ะ ถ้ากลัวครั้งนั้นฉันก็คงไม่เข้าไปช่วยนักเรียนโรงเรียนเราหรอก” เคตะพูด
“แล้วแกกลัวทำไมว่ะ ยามะ”
“ก็กลัวเจ็บตัวเท่านั้นแหละ” ยามะพูดพร้อมกับยิ้ม ไซมะเดินมานั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง แล้วมองคุมะ
“คุมะ สุขสันต์วันเกิดนะ” ไซมะหันไปมองยามะ
“ยามะ” ไซมะเรียกยามะ
“ ได้ข่าวว่าได้อยู่ห้องคนเดียวเหรอ?” ยามะพยักหน้า
“โคตรดีเลย ได้อยู่คนเดียว”
“อิจฉาล่ะซิ” ยามะยิ้ม เคตะกับคุมะก็งง
“เอ้า ก็ไหนแกบอกว่า แกอยู่กับรูมเมทคนใหม่นิ” เคตะสงสัย
“ใช่... ก็มันกรนดังกว่าฉัน ฉันเลยไปขออาจารย์เปลี่ยนห้องให้ ก็เลยได้อยู่คนเดียว”
“เออ... ดี คราวนี้พวกเราจะได้ใช้หอแกเป็นที่วางแผน” เคตะพูด
“ทำเหมือนทุกครั้งไม่ได้ใช้หอฉันเป็นที่วางแผนอย่างนั้นน่ะ” ยามะพูดจบ อาจารย์ก็เข้ามา
“เอ้า นั่งที่ได้แล้ว เห็นห้องเรียนเป็นอะไรกัน” อาจารย์พูด
“เป็นขยะกองโต” คุมะพูดลอยๆเบาๆ ทำให้เคตะกับยามะยิ้มออกมา แล้วพวกนักเรียนก็กลับไปนั่งที่ตัวเอง
เวลาการเรียนการสอนได้ผ่านไป ตอนกลางวันเพื่อนและสาวๆก็เข้ามาให้ของขวัญคุมะ จนถึงเวลากลับบ้าน เพื่อนๆทยอยกลับบ้านกัน
นิโนะก็มาหาเคตะที่ห้อง
“เฮ้ย... ฉันกลับบ้านก่อนนะ” เคตะพูด ยามะพยักหน้า คุมะโบกมือบ๊ายบาย เคตะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับนิโนะ
“คุมะไม่กลับบ้านเหรอ?” ยามะถาม
“ยัง”
“รอใคร?”
“ ดีเลย แกอยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อยเด่ะ”
“อยู่ที่โรงเรียนเหรอ?” คุมะพยักหน้า
“ก็ได้” คุมะยิ้ม
ทั้งคู่เดินไปที่สนามหลังและนั่งอยู่ที่เก้าอี้ที่ติดอยู่กับสนามวอลเล่ย์บอล
“แกมาทำอะไรตรงนี้ว่ะ?” ยามะถาม คาเกะเดินมาซ้อมวอลเล่ย์ ยามะเห็นก็เข้าใจทันที
คุมะนั่งดูคาเกะซ้อมวอลเล่ย์ ยามะเบื่อก็เผลอหลับไป
“แกว่าคาเกะน่ารักเปล่าว่ะ?” คุมะถามยามะ แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา เขาหันไปมองก็เห็นยามะนอนอยู่ เขาดึงยามะขึ้นมาแล้วเขย่าตัวยามะอย่างแรง
“เฮ้ย.. ตื่นซิเว้ย” คุมะตะโกน ยามะสะดุ้งตื่น
“เออ.. ตื่นแล้ว” คุมะปล่อยมือจากยามะ คาเกะก็เดินมา
“พี่คุมะ สุขสันต์วันเกิดค่ะ” คาเกะพูดพร้อมกับยิ้ม
“คาเกะ ขะ.... ขอบใจนะ” คุมะหัวใจเต้นเร็วมาก
“ยังไม่กลับอีกเหรอคะ” คาเกะถาม คุมะพยักหน้า
“ทำไมไม่บอกเขาไปล่ะว่าชอบน่ะ?” ยามะกระซิบคุมะ
“ไม่ได้โว้ย” คุมะพูดเบาๆ
“มีอะไรหรือเปล่า?” คาเกะถามในท่าทีของทั้งสอง
“ไม่มีจ้ะ” คุมะพูด ยามะลุกขึ้น
“เฮ้ย.. คุมะเดี๋ยวฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะเว้ย เดี๋ยวกลับมา” ยามะเดินไปเพื่อเปิดโอกาสให้คุมะ
“เออ... แล้วคาเกะไม่กลับหอเหรอ?”
“ใกล้แล้วค่ะ”
“เออ...เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“ไม่เป็นหรอก ไม่ต้องเกรงใจ” เพื่อนๆของคาเกะก็เรียกให้ไปซ้อมต่อ
“คาเกะไปซ้อมต่อก่อนนะคะ” คุมะพยักหน้า คาเกะเดินไป สักพักยามะกลับมานั่ง
“ไม่เห็นหวานเลย” ยามะพูด
“นี่แกไม่ได้ไปห้องน้ำเหรอ?”
“ไป แต่ดูก็รู้ว่าแกไม่ได้บอกรักคาเกะ”
“รู้ได้ไง?”
“ถ้าแกบอกรัก มีเหรอจะไม่หน้าแดง หรือไม่ก็เขินจนไม่มีสติ” ยามะพูดถูกทุกอย่าง คุมะนั่งดูคาเกะต่อไป จนคาเกะซ้อมเสร็จ เขารีบเดินไปหาคาเกะ
“รอคาเกะไปเก็บลูกก่อนนะ” คาเกะเดินไปกับเพื่อนๆ
“ฉันว่าคุมะต้องชอบเธอแน่” เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้น
“ไม่หรอก” เธอไม่กล้าแน่ใจกับเรื่องแบบนี้หรอก
“ไม่หรอกอะไร ไม่มีใครไม่รักไม่ชอบแต่มาตามรับตามส่งแบบนี้หรอก”
“ใช่เขาต้องชอบเธอแน่” เพื่อนอีกคนพูดขึ้น
“ดีเหมือนกันนะ ถ้าเธอได้เป็นแฟนกับคุมะ พวกเราก็มีสิทธิ์ไปห้องพวกเขาได้แล้วก็จะได้เจอยามะ เคตะ ดีออกได้เจอแต่คนหล่อๆ” คาเกะส่ายหัว เธอไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้นเลย
“ไม่ดีหรอก ฉันไม่ชอบเป็นข่าวกับคนดังๆในโรงเรียนหรอก” คาเกะเดินกลับมาหาคุมะที่ยืนรออยู่ คุมะและยามะเดินไปถึงหน้าประตูโรงเรียน คุมะเดินไปส่งคาเกะถึงหน้าหอพักหญิง
“ขอบคุณค่ะ” คาเกะเข้าไปในหอพัก คุมะส่งยิ้มหวานๆให้เธอ
“ขอบคุณค่ะ” ยามะดัดเสียงเล็กเพื่อล้อคุมะ คุมะยิ้มแล้วหันไปตบหัวยามะ
“เออ... ฉันกลับก่อนนะเว้ย” คุมะพยักหน้า ยามะก็เดินไป
“เฮ้ย... เดี๋ยวนี่..... แกแต่เช้าแล้วแกยังไม่ได้สุขสันต์วันเกิดฉันเลยนะเว้ย” คุมะพูดแบบน้อยใจนิดๆ
“เออ.. จริงด้วย” ยามะพูด
“สุขสันต์วันเกิด” เคตะ นิโนะ บัน และยามะพูดพร้อมกัน คุมะหันหลังกลับไป
“เอ้า... ทำไมพวกแกมาอยู่ล่ะ? ก็กลับบ้านไปแล้วไม่ใช่เหรอ?” คุมะสงสัย
“แผนไอ้ยามะมัน” เคตะพูด
“เออ... เอาเถอะไปกินที่ไหนดีล่ะ?” ยามะพูดขึ้น
“ที่ร้านตรงหัวมุมถนนที่ร้านดูใหม่ๆนะครับ” บันเสนอ
“เออ....ดี แล้วใครจ่ายล่ะ?” ยามะพูด
“ก็ต้องเจ้าภาพจ่ายซิถึงจะถูก” เคตะพูดทุกคนก็หัวเราะ
“เออ... เลี้ยงก็ได้” คุมะปั่นจักรยานนิโนะก็ซ้อนคุมะไป พวกเคตะ บันและยามะเดินตามจนมาถึงร้านที่ว่า ทุกคนทานอาหาร คุยเล่น จนถึงเวลา 2 ทุ่มกว่า
“สองทุ่มแล้ว ฉันต้องกลับบ้านแล้วว่ะ” คุมะพูดพร้อมกับลุกขึ้น
“เออ... ฉันก็เหมือนกัน เดี๋ยวอาจารย์ที่คุมหอหาเรื่องฉันอีก...เบื่อ” ยามะสะพายเป้ของตน
“งั้นก็แยกกันตรงนี้เลยนะ” เคตะพูด ทุกคนต่างก็เดินกลับทางใครทางมัน คุมะปั่นจักรยานกลับบ้าน
“กลับมาแล้วเหรอ?” แม่พูด คุมะไม่ตอบอะไรเดินยิ้มขึ้นไปข้างบนอย่างมีความสุข อาจจะดีใจที่คาเกะพูดสุขสันต์วันเกิดตนหรือที่เพื่อนเซอร์ไพส์วันเกิด หรือไม่ก็ทั้งสองอย่าง
“ลูกชายแม่คงบ้าไปแล้วมั้ง?” โชโกะพูด
“อือ... ไปพูดแบบนั้นได้ไงล่ะลูกคนนี้ อืม.... แต่แม่ว่าก็อาจจะใช่นะ” โชโกะหันมามองหน้าแม่ของตนก่อนที่จะยิ้ม
“สงสัยจะเป็นหนักนะแม่”
“นั่นนะสิ ใครมาทำให้ลูกชายฉันบ้าล่ะเนี่ย” แม่เริ่มกลุ้มใจ
“ไปนอนเถอะแม่”
“ดี” แล้วทั้งคู่ก็เดินไปนอน
ความคิดเห็น