คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 3-2
หญิงสาวเดินนำชีคฟารีสที่ห้องรับแขก
ร่างสูงสง่าทิ้งตัวลงนั่งโซฟาสีครีมอ่อนที่บุหนังอย่างดี ยกท่อนแขนกำยำข้างหนึ่งพาดไปตามแนวยาวพนักพิง
ในขณะที่ดวงตาคมกริบคู่นั้นยังคงจับจ้องเธอ เป็นเพียงสายตานิ่งๆ
ไม่ใช่สายตาที่ดูจาบจ้วง แต่มันทำให้หญิงสาวรู้สึกประหม่า
และแน่นอนว่าตอนนี้นีน่าแทบจะรับมือกับความรู้สึกนั้นไม่ไหวแล้ว
“ฝ่าบาทจะทรงรับเครื่องดื่มไหมเพคะ
หากพระองค์ไม่ปรารถนาเสวยน้ำเปล่าหม่อมฉันก็พอจะมีน้ำผลไม้ติดตู้เย็นอยู่บ้าง”
“คุณชอบดื่มน้ำอะไร”
แทนที่จะให้คำตอบเธอ
แต่เจ้าชายหนุ่มดันถามกลับเสียอย่างนั้น
ดวงตากลมโตสบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลทองแว่บหนึ่งแล้วหลุบลงต่ำ
ก่อนจะให้คำตอบแก่ผู้สูงศักดิ์
“หม่อมฉันชอบดื่มน้ำทับทิมเพคะ”
“งั้นผมขอน้ำทับทิม”
คำตอบจากริมฝีปากได้รูปส่งผลให้ดวงตากลมโตของหญิงสาววูบไหว
เหตุใดพระองค์จึงจงใจเลือกน้ำผลไม้ที่เธอชอบด้วย และนั่นเป็นเหตุให้ร่างบอบบางถูกอาการเคอะเขินเล่นงานอย่างหนักหน่วงจนเผลอขบริมฝีปากล่างของตนเองเบาๆ
แล้วรีบคลายออกเพราะนึกขึ้นมาได้ว่าดวงตาคมกริบยังคงจับจ้องอยู่ที่เธอ
คำถามผุดขึ้นในใจ
‘ทำไมท่านชีคต้องเลือกดื่มน้ำผลไม้ที่เราชอบด้วยนะ’
แต่ถึงแม้จะคิดแบบนั้น
สุดท้ายนีน่าก็เลือกเก็บความสงสัยเอาไว้ในอก
“รอสักครู่นะเพคะ”
นีน่าบอกแล้วสาวเท้าไปที่โซนห้องครัว
มือบางหยิบน้ำทับทิมแบบขวดออกมาจากตู้เย็น
จัดการเปิดฝาแล้วเทน้ำลงในแก้วใสก้านสั้น
หญิงสาวจัดการวางแก้วบนถาดแล้วยกไปให้เจ้าชายฟารีสอย่างระมัดระวัง
“ขอบใจ”
เจ้าชายฟารีสบอกก่อนจะหยิบแก้วน้ำทับทิมขึ้นมาจิบ
ระหว่างนั้นนีน่าจึงขอเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้อง
โดยมีดวงตาคมกริบของเจ้าชายหนุ่มมองตามร่างบอบบางไปจนลับสายตา
มุมปากได้รูปยกยิ้มอย่างพึงพอใจ
ไม่ถึงสิบนาทีนีน่าก็ออกมาในชุดทะมัดทะแมงพร้อมกระเป๋าเดินทางที่พาดเอาไว้บ่นบ่า
หญิงสาวเลือกใส่กางเกงยีนส์เข้ารูปกับเสื้อยืดคอวีสีขาวที่ชายเสื้อถูกซ่อนเอาไว้ในกางเกงแล้วสวมทับด้วยแจ็กเก็ตยีนส์อีกที
ร่างบอบบางพาตัวเองมาหยุดตรงหน้าเจ้าชายฟ้ารีสที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม
“หม่อมฉันพร้อมแล้วเพคะ”
ใบหน้าคมคายแหงนเงยขึ้น
กวาดสายตามองสตรีร่างเล็กตรงหน้า ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นเต็มความสูง
แล้วสาวเท้าไปยืนข้างๆ เธอ
มือหนาเอื้อมมาคว้ากระเป๋าสะพายจากไหล่บอบบางไปถือเอาไว้เสียเอง
“เอ่อ
ฝ่าบาทเพคะ” นีน่าจะร้องท้วง
เพราะคงเป็นการไม่สมควรที่ชีคหนุ่มจะเป็นคนถือกระเป๋าสัมภาระของเธอแบบนั้น
แต่ดูเหมือนว่าคนสูงศักดิ์กว่าจะไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนี้
จึงเอ่ยตัดบททำให้เธอไม่อาจปฏิเสธได้
“ไปเถอะ”
“เพคะ”
นีน่ายั้งเท้าเอาไว้
หญิงสาวรอให้ชีคฟารีสเป็นฝ่ายเดินนำออกไปก่อน
แต่จนแล้วจนรอดร่างสูงสง่ากลับไม่ยอมขยับเท้า หญิงสาวมองใบหน้าคมคายแล้วสอบถาม
“เหตุใดพระองค์
เอ่อ ยังทรงอยู่ที่เดิมล่ะเพคะ”
“นีน่า
หากการใช้คำราชาศัพท์กับผมสร้างความลำบากให้กับคุณ
ผมอนุญาตให้คุณละเว้นการใช้คำราชาศัพท์กับผมได้โดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตผมอีก”
นัยน์ตาดำขลับวูบไหวยามที่สบเข้ากับนัยน์ตาสีน้ำตาลทองของชีคฟารีส
ความร้อนพวยพุ่งขึ้นที่ใบหน้านวลเนียน เรียวปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันนิดๆ
ก่อนจะค่อยๆ คลายออก
“ขอบพระทัยเพคะ
แต่หม่อมฉันต้องการฝึกเอาไว้เพคะ หากมีการต้อนรับราชวงศ์อีกจะได้คุ้นชิน”
นั่นไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริง
นีน่าไม่ต้องการให้ตัวเองรู้สึกสนิทสนมกับชีคฟารีส แม้ดูคล้ายกับว่าพระองค์จะเมตตามอบโอกาสนั้นมาให้
เธอไม่ต้องการตกอยู่ในบ่วงของชีคฟารีสไม่ว่าในฐานะใดก็ตาม
ยิ่งคิดถึงคำพูดของน้องสาวฝาแฝด นีน่าก็ยิ่งรู้สึกหวาดหวั่น
มีเพียงเธอเท่านั้นที่จะทราบว่าต้องปกป้องตัวเองได้อย่างไร
และเธอจำต้องทำ
“หากคุณปรารถนาเช่นนั้น
ผมก็ไม่ขัดข้อง”
“...”
“และหากคุณต้องการฝึกใช้คำราชาศัพท์บ่อยๆ
แล้วละก็”
“...”
“วังของผมยินดีต้อนรับคุณ”
ม่านตาของหญิงสาวสว่างวาบ
เรียวปากอวบอิ่มเผยอออกนิดๆ ตอนที่ได้ยินในสิ่งที่ชีคฟารีสบอก ดวงตาคู่สวยไหวระริกก่อนจะหลุบลงต่ำ
“ขอบพระทัยเพคะ”
นีน่าขอบคุณในความเมตตาที่คนสูงศักดิ์กว่ามอบให้
แต่ไม่ได้หมายความว่าหญิงสาวต้อนรับคำเชิญชวนนั้น
ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยทว่าแววตาของชีคหนุ่มเผยความพึงพอใจเอาไว้เต็มเปี่ยมกับการตอบรับอย่างชาญฉลาดของหญิงสาว
และชีคหนุ่มก็ทราบอีกด้วยว่าเจ้าตัวดูไม่ได้เต็มใจเลยสักนิดที่ต้องมาใกล้ชิดกับเขา
แต่ก็ช่วยไม่ได้ ในเมื่อเป็นความปรารถนาของเขา
เพราะไม่มีสิ่งใดที่เขาปรารถนาแล้วไม่เคยได้
มีแต่คำว่าต้องได้เท่านั้น
ความคิดเห็น