คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1-2
นีน่าพาชีคฟารีสมาที่ซุ้มทางเข้างานแต่ง ซึ่งตรงนั้นบ่าวสาวกำลังยืนรับแขกเหรื่อ ทันทีที่เจ้าบ่าวอย่างสเตฟานเหลือบมาเห็นชีคฟารีส เจ้าตัวถึงกับรีบสาวเท้าเข้ามากอดร่างสูงสง่าที่ยังคงแสดงสีหน้าเรียบเฉยได้อย่างคงเส้นคงวา จนคนที่ลอบมองอย่างนีน่าคิดว่าบุรุษผู้สูงศักดิ์ผู้นี้สามารถแย้มยิ้มได้หรือไม่ หรือว่าจะถูกแดดร้อนๆ ของทะเลทรายดูดกลืนรอยยิ้มของพระองค์ไปเสียแล้ว แม้จะสงสัยอยู่มาก แต่นีน่าทราบดีว่าสิ่งที่สามารถทำได้นั่นก็คือการคิดในใจ
“กระหม่อมคิดว่าพระองค์จะไม่มาเสียแล้ว นี่กะว่าถ้าพระองค์ไม่ยอมมาร่วมงานวิวาห์ของกระหม่อม กระหม่อมจะจ้างให้คนเอาระเบิดไปทิ้งที่ตำหนักส่วนพระองค์สักสามสี่ลูกเผื่อจะไล่ต้อนพระองค์ออกมาจากตำหนักได้”
“หากนายไม่ต้องการเห็นหน้าลูกในอนาคตของนาย ก็ลองดู”
ชีคฟารีสตอบด้วยเสียงราบราบ หากแต่ดวงตาสีน้ำตาทองมีประกายตาแห่งความขบขับเจืออยู่ในนั้น ก่อนจะเลือนหายไปเป็นราบเรียบตามเดิม สเตฟานรีบผละออกมา
“กระหม่อมเป็นสหายของพระองค์นะพ่ะย่ะค่ะ พระองค์จะไม่ทรงเมตตากระหม่อมหน่อยหรือ”
ชีคฟารีสยังคงมองสเตฟานด้วยสายตานิ่งๆ ติดจะเย็นชาด้วยซ้ำ นีน่าที่ลอบมองชีคหนุ่มเห็นว่าอีกฝ่ายจงใจพ่นลมหายใจออกมาคล้ายเบื่อหน่ายเต็มทน
“ต่อหน้าคนอื่นนายเลิกเสแสร้งแกล้งทำเป็นเกรงอกเกรงใจฉันเสียทีเถอะ ฉันรู้ว่านายกำลังเรียกร้องความเห็นใจจากภรรยาของนาย แต่ก็เอาเถอะ เห็นแก่วันนี้เป็นวันฉลองมงคลสมรสของนาย ฉันจะยอมละเว้นให้สักวันก็แล้วกัน”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”
สเตฟานยิ้มกว้างซ้ำยังกลั้วหัวเราะในลำคอเบาๆ เจ้าสาวของสเตฟานก็อมยิ้มนิดๆ ส่วนนีน่าถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นเมื่อได้ยินชีคหนุ่มสนทนากับสเตฟาน
‘องค์ชายสามารถพูดประโยคยาวเหยียดขนาดนี้ได้ด้วยเหรอเนี่ย’
นีน่าลอบคิดแบบนั้น หญิงสาวเกือบจะสะดุ้งตัวไปแล้วดีว่าควบคุมอาการเอาไว้ได้ทันตอนที่หันมาเจอนัยน์ตาสีน้ำตาลทองมองมาที่เธอด้วยสายตาที่ยากต่อการคาดเดา หญิงสาวขยับยิ้มอย่างพอประมาณ ก่อนที่ชีคฟารีสจะดึงสายตากลับไปที่สเตฟานอีกครั้ง เมื่ออีกฝ่ายเปิดบทสนทนา
“นี่เจ้าสาวของกระหม่อม ซิดนีย์”
สเตฟานแนะนำภรรยาของตัวเองให้ชีคฟารีสได้รู้จัก เจ้านายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ ซิดนีย์จึงทำความเคารพต่อผู้สูงศักดิ์ด้วยการถอนสายบัว
“ถวายบังคมเพคะ”
“ผมขอแสดงความยินดีด้วย ขอให้มีชีวิตคู่ที่ราบรื่น”
“ขอบพระทัยเพคะ”
ซิดนีย์รับคำอวยพรแล้วขยับเท้าถอยออกไปยืนที่เดิม ส่วนสเตฟานเองก็ยิ้มกว้าง เมื่อไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาอีก นีน่าจึงหันไปถามชีคฟารีส
“คุณฟารีสจะไปที่โต๊ะเลยไหมคะ ฉันจะได้พาไป”
ชีคหนุ่มไม่ทันได้ขยับริมฝีปากให้คำตอบแก่นีน่า สเตฟานก็เอ่ยแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงติดจะประหลาดใจอยู่หลายส่วน
“ท่านชีค กระหม่อมไม่เข้าใจ”
“นายไม่เข้าใจเรื่องอะไร”
“ไม่เข้าใจว่าเหตุใดกระหม่อมจึงไม่ได้รับสิทธิพิเศษเหมือนคุณนีน่า กระหม่อมเป็นสหายของพระองค์มาหลายปี แต่พระองค์ไม่เคยอนุญาตให้กระหม่อมใช้แค่คำสุภาพแทนคำราชาศัพท์กับพระองค์ได้เลย แล้วเหตุใดคุณนีน่าถึงได้รับสิทธิพิเศษนั้น ช่วยบอกให้กระหม่อมทราบได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ”
สเตฟานแสร้งเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นอย่างกวนประสาท มองชีคฟารีสคล้ายจะจับผิด แท้ที่จริงแล้วนั้น หากอยู่ด้วยกันเพียงลำพังสเตฟานก็ได้รับอนุญาตจากชีคฟารีสให้งดเว้นการใช้คำราชาศัพท์ยามที่สนทนากันได้ แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าเป็นเพื่อนกันมานาน ทว่าเจ้าชายฟารีสเพิ่งจะเจอนีน่าเป็นครั้งแรก เหตุใดจึงอนุญาตให้งดเว้นคำราชาศัพท์ยามสนทนากันได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ หรือว่าทั้งคู่จะเคยพบกันมาก่อนแล้ว และสเตฟานก็ไม่ทนเก็บความสงสัยในส่วนนี้เอาไว้ให้ค้างคาใจ
“หรือว่าพระองค์เคยพบกับคุณนีน่ามาก่อน”
นีน่าอยากจะเป็นคนให้คำตอบออกไปเหลือเกินว่าไม่ใช่เป็นเพราะสิทธิพิเศษแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเธอไม่ค่อยถนัดการใช้คำราชาศัพท์ต่างหาก ทว่าหญิงสาวทำได้เพียงลอบมองสถานการณ์เพราะคนที่สเตฟานต้องการคำตอบก็คือชีคฟารีส
“เรื่องของฉันไม่ใช่เรื่องของนาย”
“...”
“ยืนนาน เมื่อย อยากนั่ง”
ชีคฟารีสให้คำตอบเพียงเท่านั้นแล้วเป็นฝ่ายเดินนำออกไปก่อน นีน่าจึงรีบขยับเท้าตามไป ส่วนฮาบิบไม่ทันได้ก้าวเท้า สเตฟานก็เดินเข้ามาจับที่บ่าขององครักษ์หนุ่มเอาไว้
“คุณฮาบิบ คุณคิดเหมือนผมหรือเปล่า”
ฮาบิบสบตากับสเตฟาน ก่อนทั้งคู่สื่อสารกันผ่านสายตาอย่างเข้าอกเข้าใจ แล้วหันไปมองชีคฟารีสกับนีน่าที่กำลังนั่งลงที่โต๊ะวีไอพีที่ตั้งอยู่ด้านหน้าเวที ทั้งคู่หันมาสบสายตากันอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“พระเป็นเจ้าช่วยคุ้มครองคุณนีน่าด้วย”
ความคิดเห็น