ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิวาห์รักแดนทราย

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1-1

    • อัปเดตล่าสุด 23 พ.ค. 62







    ชีคฟารีส บิน วาลิด ฟาร์ดาน
    Image : harshad chopda



    นีน่า คาสซาโน่

    Image : jennifer winget

    ซีรีส์ชุด แดนทรายซ่อนรักลำดับที่ 1

    บทที่ 1



    บุรุษร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีดำเรียบหรูที่ได้รับการตัดเย็บอย่างประณีต ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตร ผมตัดสั้นสีดำสนิท จมูกโด่งเป็นสันงดงามรับกับริมฝีปากหยักได้รูป กรามแกร่งมีไรเคราเขียวครึ้ม นัยน์ตาสีน้ำตาลทองทอดมองออกไปเบื้องหน้าทะลุผ่านกระจกใส ความงดงามในยามค่ำคืนของกรุงโรมไม่ได้ทำให้เจ้าของร่างสูงเผยรอยยิ้มเพราะความชื่นชมอย่างที่หลายต่อหลายคนมักจะแสดงสีหน้าออกมาหากพบกับความงดงามชวนให้หลงใหลในยามค่ำคืนในเมืองใหญ่เช่นนี้ มีเพียงสีหน้าเรียบเฉยเย็นชาปราศจากรอยยิ้มเท่านั้นที่เด่นชัด มือหนาทั้งสองข้างสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกงสแล็ก ก่อนจะค่อยๆ หันกลับมามองที่ประตูภายในห้องพักหรูของโรงแรมคาสซาโน่แกรนด์



    ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก…



    “เข้ามา”



    สิ้นเสียงที่แฝงไปด้วยอำนาจอย่างผู้สูงศักดิ์ ฮาบิบก็ก้าวเข้ามาในห้อง องครักษ์หนุ่มหยุดเท้าที่เบื้องหน้าของชีคฟารีส บิน วาลิด ฟาร์ดาน พระโอรสขององค์วาลิด ฟาร์ดาน กษัตริย์แห่งประเทศคาดาร์ และมีตำแหน่งเป็นองค์รัชทายาทลำดับที่หนึ่ง ฮาบิบองครักษ์หนุ่มคู่ใจค้อมศีรษะถวายความเคารพ



    “ใกล้เวลางานแล้ว เสด็จเลยไหมพ่ะย่ะค่ะ”



    ชีคฟารีสพยักหน้ารับ ก่อนจะขยับเท้าเดินนำองครักษ์หนุ่มอย่างฮาบิบไปก่อน ฮาบิบเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเท้าตามร่างสูงสง่าออกไป ด้านนอกมีผู้ชายร่างสูงในชุดสูทดำสนิทคล้ายบอดี้การ์ดอีกสี่คนที่ยืนนิ่งราวกับหุ่นยนต์ ซึ่งเป็นทหารส่วนพระองค์ที่ทำหน้าที่คอยอารักขาความปลอดภัย ทั้งหมดทำท่าจะเดินตาม แต่เสียงทุ้มที่เต็มไปด้วยอำนาจปรามไว้



    “พวกเจ้าไม่ต้อง ฮาบิบคนเดียวก็พอ”



    ทหารอารักขาหยุดเท้าแล้วยืนเฝ้าที่หน้าประตูห้องด้วยท่าทางแข็งขันเฉกเช่นเดิม ในขณะที่ชีคฟารีสยังคงสาวเท้าไปเรื่อยๆ ฮาบิบเองก็เช่นกัน คำสั่งเฉียบขาดของชีคหนุ่มถือว่าเป็นที่สิ้นสุด แม้แต่ฮาบิบเองก็ไม่กล้าค้านแม้จะกังวลเรื่องความปลอดภัยอยู่หลายส่วน แต่ถึงกระนั้นองครักษ์หนุ่มก็พร้อมจะปกป้องชีคฟารีสด้วยชีวิต









    ห้องจัดเลี้ยง โรงแรมคาสซาโน่แกรนด์



    ภายในห้องจัดเลี้ยงถูกตกแต่งไว้อย่างหรูหรา ด้วยเป็นงานแต่งงานของสเตฟาน นักธุรกิจเจ้าของสื่อสิ่งพิมพ์ ที่เข้าพิธีวิวาห์กับแฟนสาวที่คบหากันมาได้ห้าปีเต็ม และสเตฟานก็เป็นเพื่อนสนิทของชีคฟารีสตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยในอเมริกา



    และสเตฟานก็คือเหตุผลที่ทำให้ชีคฟารีสต้องบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงกรุงโรม



    ชีคฟารีสกับฮาบิบไม่ทันได้ก้าวเข้าประตูงานด้วยซ้ำ สตรีสาวสวยในชุดราตรีสีชมพูอ่อนยาวกรอมเท้า อวดสัดส่วนชวนน่ามองแต่ไม่ได้ดูเปิดเผยจนเกินไปนัก เส้นผมสีดำถูกเกล้าขึ้นสูงโชว์ลำคอระหง ปอยผมบางส่วนถูกปล่อยลงล้อมกรอบหน้า ส่วนผมที่เกล้าขึ้นถูกประดับด้วยเครื่องประดับรูปดอกไม้สีเงินที่พอต้องกับแสงไฟแล้วส่องประกายระยิบระยับ ใบหน้าเรียวรูปไข่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์อย่างพอเหมาะพอเจาะ หญิงสาวมีดวงตากลมโตสีดำ ปลายจมูกเชิดรั้นรับกับริมฝีปากอวบอิ่ม ร่างเพรียวระหงสาวเท้าอย่างคล่องแคล่วถึงแม้ภายใต้เท้าเล็กจะถูกห่อหุ้มด้วยรองเท้าส้นสูงราวๆ สี่นิ้วก็ตาม หญิงสาวหยุดเท้าตรงหน้าชีคฟารีสกับฮาบินที่ยืนเยื้องอยู่ทางด้านหลัง พลางคลี่ยิ้มชวนให้คนที่พบเห็นแทบจะลืมหายใจ แม้กระทั่งบุรุษสูงศักดิ์อย่างชีคฟารีสก็เช่นกัน



    “ถวายบังคมเพคะ หม่อมฉันคือนีน่า คาสซาโน่ บิดาของหม่อมฉันคือฟอซโซ คาสซาโน่เพคะ”



    คิ้วหนาที่พาดเหนือดวงตาเรียวรีสีน้ำตาลทองที่เคยยกขึ้นอย่างแปลกใจคลายลงเมื่อสตรีที่น่าสนใจแนะนำตัวออกมาแบบนั้น เมื่อวานตอนที่เขามาถึงโรงแรม คนที่มาต้อนรับเขาคือฟอซโซ คาสซาโน่ เจ้าของโรงแรม ทว่าวันนี้อีกฝ่ายกลับส่งบุตรสาวมาแทน แต่นั้นไม่ใช่ปัญหา เพราะเจ้าชายฟารีสไม่ได้สนใจในเรื่องนี้ แต่ที่สนใจก็คือสตรีตรงหน้าต่างหาก เขาเคยเห็นผู้หญิงมามาก แต่ไม่เคยสตรีคนใดที่ทำให้เขาแทบลืมหายใจได้เช่นนี้มาก่อน



    น่าสนใจดี



    ชีคฟารีสเก็บความพึงพอใจที่มีต่อสตรีตรงหน้าเอาไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยเย็นชา ส่วนนีน่าก็สบสายตากับบุรุษตรงหน้า โดยที่รอยยิ้มบนดวงหน้าหวานซึ้งยังคงไม่เปลี่ยนแปลง



    “อืม”



    เมื่อชีคฟารีสตอบรับการมีตัวตนของเธอ แม้จะเป็นแค่การขานรับสั้นๆ แต่นั่นก็ทำให้นีน่าสามารถกล่าวถึงเหตุผลที่ทำให้เธอต้องมาหยุดตรงหน้าชีคหนุ่มได้



    “วันนี้หม่อมฉันมาทำหน้าที่ดูแลพระองค์แทนคุณพ่อเพคะ”



    ชีคฟารีสทำเพียงพยักหน้ารับ นีน่ายังมีรอยยิ้มอยู่บยใบหน้า ทว่าคิ้วสวยที่พาดเหนือดวงตากลมโตที่ขมวดเข้าหากันนิดๆ คล้ายลำบากใจไม่อาจทำให้คนช่างสังเกตุอย่างชีคฟารีสปล่อยผ่านได้



    “มีอะไรจะพูดหรือเปล่า”



    เสียงทุ้มกังวานที่ดังขึ้นแม้จะไม่ได้นุ่มนวลแต่ก็ไม่แข็งกระด้าง นัยน์ตาสีน้ำตาลทองที่ดูลึกลับน่าค้นหาที่กำลังมองมา ทั้งคำพูดที่ดูคล้ายกำลังมอบโอกาส ทำให้นีน่ากล้าหาญที่จะบอกความต้องการของตัวเองออกไป



    “หากพระองค์จะไม่ทรงกริ้ว หม่อมฉันอยากขอพระราชทานอนุญาตใช้คำสุภาพแทนคำราชาศัพท์เวลาสนทนากับพระองค์ได้ไหมเพคะ คือหม่อมฉันไม่ค่อยเชี่ยวชาญในเรื่องนี้เพคะ”



    “ได้สิ ผมอนุญาต”



    “ขอบพระทัยเพคะ”



    “หืม”



    เมื่อคนที่ขอพระราชทานอนุญาตกลับเป็นฝ่ายย้อนแย้งเสียเอง ชีคฟารีสเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นสูงแล้วมองพวงแก้มที่กำลังเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นมากกว่าเดิม ทว่าหญิงสาวสามารถเก็บอาการประหม่าเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน



    “หม่อมฉันขอบพระทัยที่ทรงเมตตา”



    “...”



    “ขอบคุณค่ะคุณฟารีส”



    นีน่าช้อนสายตาขึ้นบุรุษตรงหน้า น่าแปลกที่เธอรู้สึกเคอะเขินนิดๆ ยามที่ต้องสบสายตากับนัยน์ตาสีน้ำตาลทองเนิ่นนาน ทั้งที่เธอไม่เคยมีอาประหม่าต่อหน้าบุรุษคนใดมาก่อน แต่ดูเหมือนชีคฟารีสแห่งคาดาร์จะกลายเป็นข้อยกเว้นสำหรับเธอไปเสียแล้ว หรือไม่ก็เป็นเพราะความเป็นเชื้อสายกษัตริย์กระมังที่ทำให้เธอรู้สึกประหม่าเช่นนี้



    นีน่าพยายามสลัดความรู้สึกต่างๆ ออกไป หญิงสาวหลุบสายตาลงต่ำเล็กน้อยก่อนจะทำใจกล้าช้อนสายตาขึ้นประสานเข้ากับนัยน์ตาสีน้ำตาลทองอีกครั้ง



    “ฉันเรียกแบบนี้ได้ใช่ไหมคะ”



    แม้ว่าใบหน้าคมคายสง่างามจะไร้รอยยิ้มเฉกเช่นเดิม แต่แววตาที่ดูอ่อนโยนลงนั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้องครักษ์คู่ใจอย่างฮาบิบเริ่มกังวลในความปลอดภัยของสตรีตรงหน้า



    ‘ผมขออ้อนวอนต่อพระเป็นเจ้า ให้ช่วยคุ้มครองคุณจากองค์ชายด้วย’



    ฮาบิบทำได้เพียงภาวนาในใจ ก่อนที่ความกังวลขององครักษ์หนุ่มจะยิ่งเพิ่มพูนเมื่อชีคฟารีสเอ่ยกับสตรีตรงหน้าอย่างสุภาพ ด้วยน้ำเสียงที่ชวนให้ลุ่มหลง



    “ได้ ผมอนุญาต”



    “ขอบคุณค่ะ งั้นเชิญทางนี้ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวฉันจะพาไปพบเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวก่อนแล้วจะพาไปที่โต๊ะนะคะ”



    “อืม”



    ชีคหนุ่มครางรับก่อนจะขยับเท้าเดินเคียงคู่ไปพร้อมกับนีน่า ฮาบิบมองตามแผ่นหลังของทั้งคู่แล้วรีบขยับเท้าตามไปโดยเว้นระยะห่างพอประมาณ ในขณะที่ภายในใจกำลังครุ่นคิดอย่างหนักหน่วง เพราะหญิงสาวดูไม่ได้ให้ความสนใจชีคฟารีสเหมือนสตรีคนอื่นๆ ที่เพียงเห็นหน้าต่างก็ยอมสิโรราบให้ผู้สูงศักดิ์ เธอเพียงแค่ตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเอง



    และนั่นเป็นการปลุกสัญชาตญาณนักล่าจากแดนทะเลทรายของชีคฟารีส



    ‘คุณสวยเกินไปคุณนีน่า ความสวยของคุณมันกำลังจะเป็นภัยต่อตัวคุณเอง พระเป็นเจ้าคงช่วยอะไรคุณไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่าท่านชีคของผมจะเมตตาละเว้นคุณ ซึ่งผมคิดว่าความเป็นไปได้อยู่ที่ศูนย์จุดศูนย์หนึ่งเปอร์เซ็นต์จากร้อยเปอร์เซ็นต์’



    ฮาบิบลอบพ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่ องครักษ์มีแต่ความเห็นใจมอบให้สาวสวยลูกเจ้าของโรงแรมที่ชื่อว่านีน่า หากแต่เขาก็ทำได้แค่เพียงเห็นใจเธอ และหวังว่าเธอจะอยู่รอดปลอดภัยจนถึงพรุ่งนี้เช้า และหากว่าเป็นเช่นนั้น นับว่าพระเป็นเจ้ายังทรงเมตตาหญิงสาวอยู่บ้าง



    แต่หลังจากนั้นคงต้องลุ้นกันอีกที



    เอาตอนแรกมาส่งค่า
    ฝากเมนต์ ฝากโหวตด้วยนะคะ

    พูดคุยสอบถามได้ที่แฟนเพจวรินทร์นารี
    Twitter : @NokhongyokA
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×