แด่เธอผู้เป็นนิรันดร์
นิยามของคำว่า 'รัก' คืออะไร คำ ๆ เดียว สามารถสาธยายได้ไม่สิ้นสุด แต่สำหรับใครบางคนนั้น คำว่า 'รัก' หมายถึง ตลอดไป ชั่วนิรันดร์...
ผู้เข้าชมรวม
370
ผู้เข้าชมเดือนนี้
7
ผู้เข้าชมรวม
แท็กนิยาย
แสงแรกในยามเช้าเริ่มสาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างบานใหญ่ กิจวัตรช่วงเช้าของทุก ๆ วัน สิ่งแรกที่พบในขณะที่อนาสตาเซียลืมตาตื่นขึ้นมาคือ ใบหน้าของสามีผู้เป็นที่รักและเสียงนุ่มทุ้มทักทายอรุณสวัสดิ์เธอในรุ่งเช้า เธอทักทายตอบกลับสามีด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน
การทักทายในยามเช้าของสองสามีภรรยามักจะเป็นเช่นนี้สม่ำเสมอ ตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันมาเกือบ 8 ปี
ทุก ๆ เช้าเวลา 8.00 น. อนาสตาเซียผูกเนคไทและจัดเครื่องแต่งกายให้กับสามีอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนที่บารอนจะเตรียมตัวออกไปทำงาน แม้ในคฤหาสน์จะมีพ่อบ้านและคนรับใช้อยู่พอสมควร แต่เธอก็มักจะทำหน้าที่ของภรรยาในการดูแลปรนนิบัติสามีเป็นอย่างดี
หลังจากที่บารอนออกไปทำงาน อนาสตาเซียหาได้ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์ สามีของเธอไม่ให้ออกไปทำงาน ขอเพียงเธออยู่ในคฤหาสน์อย่างสุขสบาย ไม่ต้องออกไปทำงานหนักเหมือนคนทั่วไป บารอนทะนุถนอมเธอราวกับไข่ในหิน
แต่กระนั้น... อนาสตาเซียก็มิใช่หญิงสาวที่งอมืองอเท้ารอใช้เงินที่สามีหามาให้ แม้เธอจะเป็นถึงนายหญิงแห่งตระกูลสมิธก็ตาม เธอมักจะทำงานบ้านทำไปพลาง ๆ เพื่อฆ่าเวลาให้ผ่านพ้นไปในแต่ละวัน
ขณะที่เธอใช้ไม้ขนไก่ปัดฝุ่นที่อยู่บนกรอบรูปภาพขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงกึ่งกลางทางลงบันได รูปนั้นเป็นภาพแต่งงานของบารอนกับอนาสตาเซียเมื่อ 8 ปีก่อน ในรูปคู่ทั้งมีความสุข สิ่งเหล่านั้นสะท้อนออกมาผ่านดวงตาและรอยยิ้มที่สดใส อีกทั้งยังมีรูปโฉมที่ดูอ่อนเยาว์อยู่ในวัยหนุ่มสาว ต่างจากปัจจุบัน
บารอนในตอนนี้เริ่มมีรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า ซึ่งเธอก็ไม่แปลกใจเนื่องจากสังขารของมนุษย์นั้นย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่ใบหน้าของเธอนั้นกลับไม่มีรอยเหี่ยวย่นเพียงสักนิด รูปโฉมงดงามเช่นเดิมเหมือนในรูปภาพ สิ่งนี้เริ่มเป็นข้อสงสัยเล็ก ๆ ในใจของอนาสตาเซียมาได้หลายปีแล้ว
นอกจากนี้ตั้งแต่แต่งงานจนถึงปัจจุบันเธอกลับยังไม่มีบุตรแม้แต่คนเดียวเพื่อเป็นหน้าเป็นตาแก่ตระกูลสักที บัดนี้บารอนหมดความหลงใหลในรูปโฉมของเธอ ? หรือหากหนักกว่านั้นคือบารอนเป็นหมันหรือ ? อนาสตาเซียได้แต่คิดไปเรื่อยและเริ่มกังวล
หากแต่คิดได้เพียงชั่วครู่ สายตาของเธอกลับเหลือบไปเห็นประตูบานหนึ่งที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโถงบันได ประตูบานนั้นเป็นประตูเหล็กล็อคด้วยโซ่กุญแจเส้นหนา ซึ่งเป็นประตูเหล็กบานเดียวที่แตกต่างจากประตูอื่น ๆ ในคฤหาสน์ที่เป็นเพียงประตูไม้
ในใจของอนาสตาเซียก็เกิดความกังวลและความสงสัยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากในคฤหาสน์หลังนี้ไม่มีกฎเกณฑ์ที่เคร่งครัดมากนัก แต่มีกฎเพียงข้อเดียวเท่านั้นที่บารอนตั้งขึ้นมา คือ ‘ห้ามผู้ใดเข้าไปในห้องที่เป็นประตูเหล็กเด็ดขาด’ ไม่เว้นแม้แต่ ‘อนาสตาเซีย’ ที่เป็นภรรยาเพียงคนเดียวของเขา บารอนประกาศกฎข้อนี้ตั้งแต่เมื่อใดนั้น อนาสตาเซียกลับจำไม่ได้สักนิด...
เมื่อความสงสัยหลายๆ สิ่งปะทุขึ้นมา เธอจึงเกิดความเครียดและความอยากรู้ อนาสตาเซียตั้งข้อสงสัยว่าหากประตูเหล็กบานนั้นเกิดซุกซ่อนสิ่งที่บารอนไม่อยากให้เธอรับรู้ หรือหากว่าห้องภายในประตูเหล็กบานนั้นเป็นรังรักของเขากับหญิงคนอื่น? ด้วยความที่คิดไปต่าง ๆ นา ๆ เธอจึงบอกกล่าวให้คนรับใช้ที่อยู่ภายในคฤหาสน์เลิกทำความสะอาดและไปพักผ่อน จากนั้นไม่กี่นาทีภายในคฤหาสน์จึงไม่มีผู้ใดอยู่นอกจากตัวเธอเอง
ขณะนั้นเองเธอจึงควานหาค้อน 1 อันจากห้องเก็บอุปกรณ์เครื่องมือในคฤหาสน์ จากนั้นจึงเดินไปที่หน้าประตูเหล็กที่คล้องด้วยโซ่กุญแจเส้นหนา ต่อมาเธอจึงตัดสินใจใช้ค้อนกระแทกไปที่โซ่กุญแจเส้นนั้นไปหลายที ใช้เวลานานเกือบ 10 นาทีกว่าจะหลุดออก ไม่กี่วินาทีถัดมาโซ่กุญแจจึงได้ร่วงหล่นไปที่พื้น รวมไปถึงค้อนที่เธอถืออยู่
ตรงหน้าของเธอมีเพียงประตูบานเหล็กที่แค่ผลักมือเข้าไปก็สามารถเปิดออกได้อย่างง่ายดาย ข้างในประตูเหล็กบานนั้นจะเปิดเผยความจริงที่เธออยากรู้และสงสัย…
ด้วยความใคร่รู้และสงสัยเหล่านั้นจนทำให้เธอประหม่าและไม่ได้สังเกตสิ่งรอบข้าง หารู้ไม่ว่าตั้งแต่ที่เธอยืนถือค้อนอยู่หน้าประตูเหล็ก กล้องวงจรปิดตัวเล็กจิ๋วที่บารอนติดเอาไว้หน้าประตูเหล็กได้ส่งสัญญาณเตือนเสียงดังไปที่โทรศัพท์ของเขาตั้งแต่ 10 นาทีที่แล้วว่ามีผู้กำลังบุกรุกเข้าประตูต้องห้าม
อนาสตาเซียยืนนิ่งเงียบด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่หลายนาที... เงียบจนได้ยินเสียงกลืนน้ำลายตนเองหลายอึกและเสียงหัวใจที่เต้นระรัวจวนจะระเบิดออกมา สุดท้ายเธอจึงตัดสินใจผลักเข้าประตูเข้าไป
พลันสายตามองเข้าไป ความจริงจึงปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอในทันที!
สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ากลับทำให้เธอสบสน มึนงง กลัว และ...ขนลุก หลาย ๆ อารมณ์เกิดขึ้นพร้อมกันจนเธอตั้งตัวไม่ทัน สิ่งตรงหน้าคือส่วนประกอบของหุ่นยนต์ แขน ขา ลำตัว และที่สำคัญส่วนหัวมีใบหน้าเหมือนกับเธอราวถอดแบบกันมา แต่ที่ทำให้ขนลุกกว่านั้นคือ มันไม่ได้มีเพียงตัวเดียว ภายในห้องกลับมีหุ่นยนต์ที่รูปร่างเหมือนเธอราวกับคน ๆ เดียวกันเกือบ 10 ตัว! มีทั้งที่ประกอบเสร็จสมบูรณ์และส่วนที่ยังประกอบไม่เสร็จดี
สติของเธอเริ่มแตกกระเจิง มือไม้เริ่มสั่นจนควบคุมไม่อยู่ ขณะนั้นเองได้มีเงามืดกำลังเดินมาเงียบ ๆ อยู่ด้านหลัง และเริ่มคลืบคลานเข้ามาจนเงามืดทาบทับตัวเธอจนมิด เธอจึงหันหน้าไปด้วยความสั่นกลัวและเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่มาใหม่ บุคคลตรงหน้ากำลังยกค้อนอันเดียวกับที่เธอถือมาพร้อมกับเอ่ยเสียงครั่นเครือ ‘ขอโทษ’
สติของเธอกลับมาโดยเร็วพลันหลังจากที่เห็นใบหน้าผู้มาใหม่ บุคคลนั้นคือ ‘บารอน’ สามีของเธอ ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ดวงตาเศร้าสร้อยมีหยาดน้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย เสียงสุดท้ายที่เธอได้ยินเหมือนกับเสียงลูกมะพร้าวที่โดนเฉาะ และภาพสุดท้ายที่เห็นคือ บารอนใช้ค้อนทุบไปที่ศีรษะของเธอ จากนั้นเธอจึงได้จมลงสู่ความมืดมิด
เช้าวันถัดมา
แสงอรุณเริ่มสาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างบานใหญ่ สิ่งแรกที่พบในขณะที่อนาสตาเซียลืมตาตื่นขึ้นมาคือ ใบหน้าของสามีผู้เป็นที่รักและเสียงนุ่มทุ้มทักทายอรุณสวัสดิ์เธอในรุ่งเช้า เธอทักทายตอบกลับสามีด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน เหมือนทุก ๆ เช้าที่ผ่านมา
มักจะเป็นเช่นนี้เสมอ และจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป…
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ YODEER ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ YODEER
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ความคิดเห็น