คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 5 : เจอกันครั้งแรก... ก็ต้องยิ้มให้กัน
“รอยยิ้ม?”
เพียงเสี้ยววินาทีที่ผมก้มลงไปดู ใบหน้านั่น…. ราวกับว่า มันไม่มีหน้าตา…. มีเพียงเนื้อเปล่าๆ ว่างๆ…. ไม่มีเส้นผม มีเพียงเนื้อเรียบๆทั้งหัว ตรงตำแหน่งที่น่าจะเป็นปาก มีร่องรอยของการใช้อะไรบางอย่างกรีดเป็นทางยาวให้เหมือนรอยยิ้ม และส่วนที่น่าจะเป็นดวงตา มันก็แค่ใช้มีดกรีดให้เป็นเส้นตรงเท่านั้น
ราวกับว่า.. มันกรีดหน้าตาให้ตัวเอง…..!
“พระเจ้า!!!”
ผมผงะถอยหลังครูดจนติดกำแพงพร้อมกับอุทานเสียงดัง สามสาวที่ยืนอยู่ข้างๆเองก็ตกใจปนงุนงง ผมยังคงพูดอะไรไม่ออก ราวกับมีอะไรติดอยู่ในลำคอ รูปร่างใบหน้าอันวิปริตของมัน… เพียงเห็นแค่แวบเดียว ก็ทำเอาผมแทบคลั่ง..
“แมต เกิดอะไรขึ้น? มีอะไรอยู่ในนั้น” เมแกนถามเสียงดังด้วยความตระหนก เธอกับเพื่อนๆถอยออกหากจากห้องส้วมห้องนั้นโดยอัตโนมัติ ผมเงยหน้าขึ้นไปมองพวกเธอ พยายามบอกบางอย่างผ่านสายตา สามสาวเหมือนจะรู้ว่าผมจะสื่ออะไร พวกเธอเริ่มรู้สึกกลัว
“วิ่ง….” ผมกล่าวด้วยเสียงอันสั่นเครือ แต่ทุกคนยังคงนิ่งเงียบ เชย์เหมือนพยายามจะถามผมว่ามีอะไรอยู่ในห้องนั้นกันแน่
ปัง!!!!
“วิ่ง!!” ผมย้ำอีก เสียงดังกว่าเดิม โซอี้จึงรีบช่วยผมยันตัวลุกขึ้น พวกเราพุ่งตัวไปยังประตูห้องน้ำอย่างรวดเร็ว เชย์เป็นคนแรกที่ไปถึงก่อน เธอยื่นมือจับลูกบิดแล้วหมุน แม้ผมจะยืนอยู่หลังสุดของกลุ่ม แต่แค่มองแวบเดียวก็รู้ว่าลูกบิดนั่นหมุนไม่ออก
“มัน… ล็อค!!!” เชย์ตะโกน โซอี้รีบเข้าไปช่วยหมุนลูกบิด แต่มันติด! ไม่มีประโยชน์! หัวใจผมเต้นเร็วและแรงด้วยความกลัว รอยยิ้มที่ถูกกรีดบนใบหน้านั้นกลายเป็นภาพติดตา เมแกนหันกลับไปมองข้างหลัง ห้องส้วมห้องสุดท้ายที่อยู่ริมสุดนั้นเงียบสนิทราวกับไม่มีใครอยู่ ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆเกิดขึ้นมาสักพักแล้ว พวกเราเห็นดังนั้นจึงหยุดโวยวาย….
“แมต เธอเห็นอะไรกันแน่?” โซอี้ถาม ผมจ้องไปยังห้องส้วมห้องนั้นอย่างไม่วางตา
“ฉันไม่แน่ใจ… ฉันคิดว่า… มันคือ…”
“เธออาจจะแค่ตาฝา….” ยังไม่ทันที่เมแกนจะพูดจบ เธอก็เงียบลง พวกเราเงียบตาม หันไปมองยังห้องส้วมอย่างพร้อมเพรียงกัน…..
.......................
................
..........
.....
...
“กริ๊ก!!”
เสียงกลอนประตูของห้องส้วมถูกปลดออก!!
“ช่วยด้วยย!!!” เมแกนตะโกน เชย์และโซอี้พากันเคาะประตูห้องน้ำดังปึงปัง ส่วนผมหยุดนิ่งมองดูราวกับคอยว่าสิ่งใดกำลังจะออกมา…
“ร้องให้ดังกว่านี้ ต้องมีใครได้ยินแน่!” เมแกนว่า พวกเราพยายามกรีดร้องขอความช่วยเหลือ หวังว่าใครสักคนจะได้ยินเสียงของพวกเราในห้องน้ำ แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาเลิกเรียน และทุกคนก็กลับบ้านกันเกือบหมดแล้วก็ตาม ผมพยายามถีบประตูอย่างแรง แต่แผ่นไม้กลับแข็ง ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่นิด
ตอนนั้นเองที่ประตูห้องส้วมค่อยๆแง้มออกมา! พร้อมกับรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่าน ผมรู้สึกได้ถึงความน่าสะพรึงกลัว อะไรบางอย่างต้องการสับเราเป็นชิ้นๆ และอะดรีนาลีนผมยิ่งพุ่งสูงเมื่ออะไรบางอย่างค่อยๆโผล่ออกมาจากประตู เริ่มจากปลายมีดอันแหลมคมสะท้อนแสงไฟวิบวับ มันเผยให้เห็นถึงความยาวอย่างช้าๆ ยาวพอๆกับแขนของผมเลยทีเดียว จากนั้นด้ามจับก็โผล่ออก พร้อมกับมือเล็กเรียวยาวราวกับกิ่งไม้ที่ถูกปกคลุมด้วยถุงมือหนังสีดำ
“ไม่!!!!” เมแกนร้องเสียงดังกว่าเดิม ทุกคนรู้อย่างแน่ชัดแล้วว่ามันกำลังจะฆ่าเรา! แขนที่โผล่ออกมาจากประตูนั้นแกว่งขึ้นลงเป็นจังหวะ ราวกับจะข่มขู่ให้พวกเราเห็นถึงอาวุธปลิดชีพเล่มยาวนั่น ไม่นานเสียงหัวเราะอันแสนสะใจก็ดังขึ้น เป็นเสียงที่รุนแรงและแสบแก้วหู เป็นเสียงของมัน!! เสียงของ ‘รอยยิ้ม’ เสียงที่น่าสยองขวัญราวกับมีดกำลังทิ่มแทงและกรีดของแหลมลงบนเนื้อเรา
“แกเป็นใคร!!!” โซอี้ตะโกนถาม!! ในขณะที่เชย์และผมยังช่วยกันพังประตูอยู่ แต่มันกลับไม่ตอบ ทว่ายิ่งทวีเสียงอันแสนวิปลาสให้ดังกว่าเดิมเป็นทวีคูณ มันกำลังดีใจ… ดีใจที่จะได้ฆ่า!
“โถ่เว้ย!!” ผมสบถ แบบนี้ไม่ได้การแน่! ในหัวกำลังสับสนและตื่นกลัว หากแต่ความจริงแล้วสิ่งที่อยู่ในห้องส้วมนั่นก็ไม่ใช่อะไรนอกจากฆาตกรโรคจิต! ทำอย่างกับไม่เคยเจอไปได้! -- อะไรบางอย่างในหัวผมประมวลผมอย่างรวดเร็ว! ไม่ช้าสัญชาติญาณก็สั่งให้ผมวิ่งเข้าหาห้องส้วมนั้นด้วยความเร็ว ผมพุ่งตัวไปแม้จะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร รู้เพียงแต่ต้องหาทางออกไปจากที่นี่!
ในตอนที่ ‘รอยยิ้ม’ กำลังยื่นมือออกมาจากประตูแล้วกวัดแกว่งมีดเล่น ผมก็โฉบตัวมาถึงหน้าประตู จากนั้นผมก็ตัดสินใจถีบประตูห้องส้วมที่เจ้าฆาตกรอยู่อย่างเต็มแรง ส่งผลให้ประตูหนีบแขนของมัน! จากเสียงหัวเราะก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงร้องที่เจ็บปวดและตกใจ มันดึงแขนของตัวเองกลับเข้าไปในห้องด้วยความเจ็บปวด จังหวะนั้นเองที่ผมรีบเอามือรั้งประตูไว้ไม่ให้มันออกมา!
“ทุกคน!! มาทางนี้ วิ่งออกทางหน้าต่าง!” ผมบุ้ยหน้าไปยังหน้าต่างที่อยู่ติดกับห้องส้วมของฆาตกร มันอยู่ใกล้กันแค่เอื้อมเท่านั้น ผมจำเป็นต้องถ่วงเวลาไว้ให้ทุกคนวิ่งออกไปได้ ทั้งสามเองก็ไม่รอช้า วิ่งเข้ามาดันหน้าต่างขึ้น โซอี้กระโดดผ่านหน้าต่างลงบนอย่างรวดเร็วเป็นคนแรก เธอตกลงบนพุ่มไม้ที่ปลูกไว้ใกล้ๆ
“ระวัง!!” เมแกนร้อง… ฆาตกรจ้วงมีดเข้ามาตรงตำแหน่งที่ผมใช้นิ้วรั้งประตูไม้ไว้ ผมตกใจจนเกือบปล่อยมือออก มันจ้วงมาอย่างรวดเร็วและน่าหวาดเสียว ผมเลื่อนมือไปมาในขณะที่ยังคงต้องรั้งประตูไว้ ตอนนั้นเองที่เมแกนลงไปสำเร็จ เชย์ที่กำลังจะปีนเป็นคนต่อไปกรีดร้อง เมื่อรอยยิ้มเปลี่ยนเป็นจ้วงมีดออกมาทางช่องใต้ประตู มันตวัดมีดไปมา ผมไถลเท้าตัวเองออกไปให้ไกลจากรัศมีของมีด ในที่สุด เชย์ก็ลงไปได้สำเร็จ เหลือเพียงแต่ผมคนเดียว ที่ยังคงพยายามไม่ให้รอยยิ้มออกมา
“แมต! ลงมาเร็วเข้า!” โซอี้ตะโกน ส่วนเชย์นั้นรีบวิ่งไปหาคนช่วย ผมที่ยังคงค้างอยู่ในท่าที่พยายามรั้งประตูไว้อย่างยากลำบาก รอจังหวะด้วยความพรั่นพรึง ในที่สุด เมื่อรอยยิ้มจ้วงมีดผ่านแผ่นไม้ประตูจนปลายมีดทะลุออกมาเฉียดลูกนัยน์ตาผมเพียงนิดเดียว ผมผงะออกแล้วปล่อยประตู จากนั้นก็รีบปีนข้ามหน้าต่าง พวกเมแกนรีบวิ่งเข้ามาดึงตัวผมเอง แต่ทว่า….
“มันติด!!” เส้นด้านสองสามเส้นตรงปรายเสื้อพันเข้ากับตะปูที่โผล่ออกมาตรงขอบหน้าต่าง ผมออกมาได้เพียงครึ่งตัวแล้วติดอยู่ตรงนั้น โซอี้ดึงมือผมอย่างแรงเพื่อให้ด้ายขาด แต่แทนที่จะขาดด้ายกลับรูดออกจากเสื้อเป็นเส้นยาวเรื่อยๆ
“ปัง!!!!”
รอยยิ้ม!! มันถีบปะตูห้องส้วมออกมาอย่างแรง! โซอี้กรีดร้องเกือบปล่อยมือ เมแกนรีบเข้ามาช่วย ผมพยายามดันตัวเองออกมา หัวใจเต้นเป็นเสียงกลองรัวราวกับมันจะหลุดออกมาให้ได้ ตอนนั้นเองที่ผมเห็น‘รอยยิ้ม’แบบเต็มตา! รูปร่างสูงยาว ผอมจนหน้ากลัว เสื้อผ้าทั้งหมดเป็นสีดำ ไม่ว่าจะเป็นถุงมือ รองเท้า เสื้อคลุม กางเกง มีเพียงใบหน้าสีเนื้อของมันเท่านั้นที่ยังคงมีรอยยิ้มแฉ่ง มันเดินเข้ามาหาผมอย่างไม่รอช้าด้วยท่าทางเดินที่ดูเหมือนเด็ก มันขยับซอยเท้าเล็กๆเหมือนกำลังเต้นอย่างดีใจ ในที่สุด เมื่อมันเข้ามาใกล้ผมอย่างแนบชิด มือข้างนั้นก็เงื้อมีดมัจจุราชขึ้นเหนือหัว
“ไม่!!!” ผมกรีดร้องเสียงดัง เมแกนและโซอี้ดึงผมแรงยิ่งขึ้น ผมใช้ขาถีบไปด้านหลังสุดแรงเกิด รอยยิ้มถูกเท้าของผมถีบเข้าเต็มๆที่ท้อง เป็นผลให้ผมดันตัวออกจากหน้าต่างลงมาได้ในที่สุด ผมลุกขึ้นจากพุ่มไม้แล้วดึงด้ายเส้นที่ติดอยู่บนเสื้อออกอย่างแรงโทษฐานที่ทำให้ผมเกือบตาย เมแกนรีบดึงตัวผม บอกให้ผมหนี ผมเงยหน้ามองหน้าต่างห้องน้ำหญิง แต่รอยยิ้มยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น มันมองดูพวกเราพร้อมกับรอยยิ้มอันแสนวิปริตของมัน….
แต่ผมไม่อยากหยุดยืนมองแม้แต่วินาทีเดียว เรารีบวิ่งอ้อมตึกจนไปถึงหน้าตึกเรียน เจอะเข้ากับเชย์พอดี เราทั้งสี่จึงหยุดอยู่ตรงนั้น แล้วหอบอย่างเหนื่อยอ่อน
“ฉันไปหาพวกตำรวจในตึกแล้ว… แต่ไม่มีใครเลย พวกนั้นกลับไปหมดแล้ว… “ เชย์กล่าว
“ยังไง… เราก็ต้องแจ้งตำรวจนะ” โซอี้ว่า
“อย่าบอกใครได้ไหมว่าฉันอยู่ในห้องน้ำหญิงกับพวกเธอน่ะ? เดี๋ยวคนหาว่าฉันโรคจิต” ผมกล่าวทั้งๆที่ยังหอบอยู่
“ที่เห็นเมื้อกี้คืออะไรกันแน่? มันเป็นใคร?” เมแกนดูท่าทางยังคงตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้น “เธอเห็นหน้ามันใช่ไหม?... มันเหมือนกับ… รอยยิ้ม….”
“ฉันว่ามันเป็นคนใส่หน้ากากมากกว่านะ มนุษย์ที่ไหนจะมีหน้าตาแบบนั้นได้?”โซอี้กล่าว ผมเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน บางทีนั่นอาจจะไม่ใช่หน้าจริง อาจเป็นเพียงหน้ากากหนังที่เจอะรูสำหรับปากและตาเอาไว้.. ว่าแต่.. ทำไมมันถึงจะฆ่าเรา? เราไปทำอะไรให้มัน? แล้วไอ้ตัวนี้หรือเปล่า ที่อยู่ในเรื่องเล่านั่น ตัวนี้หรือเปล่าที่ฆ่าเด็กพวกนั้น? -- ในขณะที่ผมยืนครุ่นคิดอยู่นั่นเอง คนกลุ่มนึงก็วิ่งเข้ามาท่าทางแตกตื่น พอมองให้ดีก็รู้ว่าเป็นพวกญาติๆคนใหญ่ของผมนั่นเอง…
“เฮ้!! ฉันซ้อมบาสในโรงยิมอยู่ดีๆก็ได้ยินเสียงร้อง พวกนายได้ยินเหมือนกันหรือเปล่า?” คริสเตียนวิ่งเข้ามาถามกลุ่มของพวกเรา “ฉันเองก็ได้ยินเหมือนกัน กำลังซ้อมบทละครกับคนในชมรมอยู่เลย!” อเล็กซ์กล่าวบ้าง “ส่วนฉันกำลังอ่านหนังสือกับเพื่อนที่ห้องสมุดอยู่ดีก็ได้ยินเสียง เลยลงมาดู” เนธานบอก
ยังไม่ทันที่พวกเราจะบอกว่า ‘เสียงที่พวกนายได้ยินน่ะ เป็นเสียงของพวกเราเอง แล้วทำไมถึงเพิ่งจะมาตอนนี้ห๊ะ!!’ เหล่าฟิตซ์ทั้งสามคนก็ขัดจังหวะ “ฉันว่าเสียงมาจากห้องน้ำหญิงชั้นหนึ่งนะ! เราเข้าไปดูกันเถอะ!” ว่าแล้วพวกนั้นก็วิ่งเข้าไปในตึกโดยทันที
“เฮ้!! เดี๋ยวก่อน!!” ผมพยายามเรียกให้พวกเขากลับมา – บ้าจริง! ถ้ารอยยิ้มยังอยู่ในห้องน้ำล่ะ ทำไง!!? – ผมและสามสาวจึงวิ่งตามพวกเขาเข้าไปในตึกเพื่อที่จะห้าม แต่ยังไม่ทันที่ผมจะจับตัวพวกเขาได้ เราทั้งหมดก็มายืนตรงหน้าห้องน้ำหญิงพอดี
“อย่าเปิดประตูนะ!“ เมแกนห้าม แต่คริสไม่ฟัง เขาบิดลูกบิดออกอย่างง่ายดาย ทั้งๆที่เมื้อกี้เรากลับเปิดมันไม่ออกแท้ๆ เมื่อประตูแง้มออก สิ่งที่เผยให้พวกเราเห็นกลับมีแต่ความว่างเปล่า.. แค่ห้องน้ำธรรมดา เนธานเดินเข้าไปเช็คที่ห้องส้วมแต่ละห้องอย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่พบใคร ยกเว้นเพียงสิ่งเดียว….
“นั่นอะไรน่ะ?...” อเล็กซ์มองไปยังกระจกห้องน้ำ เราทั้งสี่มองตาม อีกครั้งที่ผมเห็นตัวอีกษรสีแดง ลายมือคุ้นๆ ถูกเขียนลงบนกระจกห้องน้ำ
“หุบปาก แล้วจงอยู่เงียบๆซะ!
ไม่อย่างนั้นสิ่งที่จะเอามาเขียนบนกระจกอาจจะไม่ใช่ลิปสติก…
แต่เป็นเลือดของพวกเธอเอง!!
- รอยยิ้ม! (:
พวกเราทุกคนตกใจกับสิ่งที่เขียนอยู่บนกระจก โดยเฉพาะสามหนุ่มญาติผม ที่เมื่อเห็นคำว่า “รอยยิ้ม” ใบหน้าก็ดูซีดลงอย่างเห็นได้ชัด เชย์กับโซอี้จ้องมองไปที่ใบหน้าตกตะลึงของเหตุของพวกเขา ราวกับมันมีนัยยะสำคัญบางอย่าง… ทั้งสามคนนี้รู้เรื่อง ‘ความลับของรอยยิ้ม’ จริงๆเหรอ? ทำไมพวกเขาถึงดูมีลับลมคมนัยอะไรบางอย่าง ผมและกลุ่มนางพญาต่างสงสัยในสิ่งเดียวกัน… แล้วที่สำคัญ… ข้อความที่รอยยิ้มมันเขียนไว้ หมายความว่ายังไง? มันกำลังจะบอกให้พวกเราอยู่เงียบๆ อย่าแจ้งตำรวจ อย่างนั้นหรือเปล่า?
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
เมแกนกรีดร้องเสียงดังจนผมแทบจะเอามืออุดหู เธอทรุดลงไปกับพื้น เชย์กับโซอี้ตกใจอย่างแรง ผมรีบเดินเข้าไปถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้น ในขณะที่อีกสามคนยังคงยืนอึ้งอยู่
“ลิป….. ลิปสติก… สีแดง” เมแกนเริ่มสะอึกสะอื้น
ผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “อะไรนะ?”
“ลิปสติกของชาแนล…สีแดงเลือดนกฮัมมิ่งเบิร์ด รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น! ราคาแท่งละตั้งหมื่นเหรียญของช้านนนนน!!!”
“………………….”
ติดตามตอนต่อไป!
(คำเตือน ตอนหน้าอาจมีคนตายมากกว่า 1)
ความคิดเห็น