คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 5 :: (ไม่) ยินดีต้อนรับสู่โลกออนไลน์
ผมมองไม่เห็นตัวเอง ผมรู้สึกถึงตัวเองแต่มองไม่เห็นว่าร่างกายอยู่ไหน ผมคิดว่าผมขยับ แต่กลับไม่เห็นอะไรเลย สมองลองสั่งให้เอามือแบขึ้นมาตรงหน้าดู ผมคิดว่าผมทำไปแล้ว แต่กลับไม่เห็นอะไรอยู่ดี ผมก้มมองเท้าตัวเอง แต่ไม่เห็นแม้กระทั่งลำตัวด้วยซ้ำ ผมมองเห็นแต่ไม่มีตัวตน ขยับได้แต่ไม่มีรูปร่าง รู้สึกได้แต่ไม่อาจเคลื่อนไหว
อย่างเดียวที่ผมรับรู้คือสีขาว
รอบตัวผมมีแต่สีขาว มันขาวสะอาด สว่างจ้า ขาวสะอาดเกินไปจนน่าขนลุก ผมไม่เคยอยู่ในสถานที่ที่สะอาดหมดจดขนาดนี้มาก่อน เท่าที่นึกออกในความทรงจำมีเพียงอุโมงใต้ดินฝุ่นเขรอะ ป่ารกชื้น เมืองร้างสกปรก ยังไม่เคยเห็นอะไรที่สะอาดกระจ่างตาแบบนี้ ผมคิดว่ามันมีรูปร่าง มันมีพื้น มีผนังห้อง มีเพดาน เพียงแต่ทุกที่ขาวเหมือนกันหมดจนมองไม่เห็นความแตกต่าง มันเหมือนทางเดิน เหมือนโถงทางเดินที่ไม่มีสิ้นสุด
ผมเดินไปเรื่อยๆ ผมรู้สึกอย่างนั้นแม้จะมองไม่เห็นขาตัวเองก้าวไป ผมกำลังเคลื่อนไหว ผ่านไปเรื่อยๆ คิดในใจว่ามันต้องมีอะไรสักอย่าง ผมเดินอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งสิ่งที่เรียกว่าความทรงจำกลับมา ผมจำได้แล้ว ผมจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฐานใต้ดินของเราถล่มลงมา ไม่มีใครรอดชีวิต พ่อ… กับแม่ ผมถูกจับเข้าเครื่องขนส่งมวลสารหรืออะไรสักอย่าง เพื่อที่จะได้แทรกซึมตัวเข้าไปในโลกออนไลน์ ผมยังจำความรู้สึกที่เห็นร่างกายของตัวเองสลายไปต่อหน้าต่อตาได้ แต่ภาพคงไม่ชัดเจนเท่าตอนที่เห็นแม่จมอยู่ในกองดินถล่ม…
ผมตัวคนเดียวแล้ว ไม่มีใครเหลือแล้ว ยังไงต่อล่ะ? จะเกิดอะไรขึ้นต่อ? สิ่งประดิษฐ์นั่นผิดพลาดหรือเปล่า? กลายเป็นว่าผมไม่ได้ถูกส่งตัวไปโลกออนไลน์หรือเปล่า? ผมจินตนาการว่ามันควรมีอะไรมากกว่านี้ ผมไม่รู้ว่าโลกออนไลน์เป็นยังไง แต่ก็ไม่น่าจะใช่ความว่างเปล่า ผมไม่อยากติดอยู่ที่นี่ แต่ถ้าติดอยู่จริงๆ ผมฆ่าตัวตายได้หรือเปล่า? ผมมองไม่เห็นมือตัวเองด้วยซ้ำ ผมลองกัดลิ้นดู แล้วมันเจ็บ โอเค ได้รสชาติของเลือดในปากด้วย แสดงว่ายังพอทำร้ายตัวเองได้ เอาไว้เป็นทางออกเผื่อทุกอย่างผิดพลาดจริงๆ
แต่ดูเหมือนคงไม่ต้องทำอย่างนั้นอีกต่อไป มีบางอย่างเริ่มปรากฎ ในที่สุดผมก็เริ่มเห็นอะไรที่มากกว่าสีขาว มันก่อตัวขึ้น วิธีเดียวกับที่ร่างกายผมสลายตอนถูกส่งมา เพียงแต่คราวนี้มันย้อนกลับ เศษชิ้นส่วนข้อมูลสี่เหลี่ยมเล็กๆ ค่อยๆ ก่อตัวเป็นรูปร่าง มันคือประตู ผมคิดว่าใช่ มีหลายประตูด้วยกัน เป็นประตูเหล็กสีเทาปรากฎขึ้นสองข้างทาง แต่มีประตูหนึ่งที่สะดุดตา มันใหญ่กว่าบานอื่นๆ อยู่ปลายสุดทางเดินตรงหน้าผมพอดี เหนือประตูบานนั้นมีป้ายเขียนสั้นๆ เป็นภาษาอังกฤษว่า ‘ออนไลน์’
และแล้วผมก็เริ่มมองเห็นร่างกายตัวเอง ทุกอย่างก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ผมเห็นขาตัวเองแล้ว เริ่มเห็นมือแล้วด้วย ทุกอย่างนี่มันช่าง… แปลกประหลาด แต่น่าทึ่ง ผมทำใจไว้ก่อนหน่อยนึงแล้วสำหรับสิ่งไม่ปกติต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นจากนี้ เพียงแค่ต้องเปิดรับ ต้องไม่ตกใจ อย่างน้อยผมก็มีร่างกายอีกครั้ง ลองเอามือลูบไปทั่วตัวก็รู้ว่าทุกอย่างยังอยู่ครบ แม้แต่แจ๊กเก็ตหนังตัวโปรด กระเป๋าเป้ และสไนเปอร์ไรเฟิลก็ถูกสะพายไว้ข้างหลัง ยิ่งไปกว่านั้นคือทุกอย่างสะอาดเหมือนใหม่เอี่ยมอ่อง ไม่มีเศษดินหรือฝุ่นเกาะอยู่ เนื้อตัวผมไม่เคยดูเนียนขนาดนี้ ตอนอาบน้ำในฐานใต้ดิน เราต้องใช้น้ำอย่างประหยัด แต่นี่ดูเหมือนว่าผมถูกจับไปขัดถูร่างกายเป็นร้อยครั้ง เหมือนใหม่ทุกอย่าง
ผมเริ่มได้ยินเสียงฝีเท้าตัวเองสะท้อนไปทั่วทางเดินเมื่อก้าวขา มันดัง ตึก ตึก ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าควรจะไปทางไหนดี ประตูที่อยู่สองข้างทางนี้มีไว้ทำอะไรกัน? ไม่มีป้ายติดไว้เหมือนประตูบานใหญ่ แต่ผมคิดว่าตัวเองไม่ควรเสี่ยง ผมไม่คุ้นกับที่นี่ ไปตามทางที่ดูจะเข้าท่าที่สุด ไปที่ประตูบานใหญ่ดีกว่า ผมก้าวไปช้ากว่าที่คิด อาจเป็นเพราะกำลังกังวล สัญชาติญาณในตัวบอกให้ต้องระแวดระวังภัยตลอดเมื่อย่างเข้าสู่ที่แปลกๆ
ผมเดินถึงประตูใหญ่ในที่สุด ยืนรอความพร้อมในใจตัวเองตรงนั้นสักแปป สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะยืดมือสองข้างออกไปผลักประตู มันเปิดอย่างง่ายดาย ผมก้าวเข้าไป แล้วประตูก็ปิดตามหลังโดยอัตโนมัติ ผมรู้ว่าสายเสียแล้วที่จะย้อนกลับ ผมเจอกับผนังสีขาวอีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้เป็นห้อง ห้องไม่กว้างนัก อาจพอๆ กับห้องนอนของคนในสมัยที่คนยังมีห้องนอนอยู่ ความมันของพื้นผิวทำให้ผมเห็นภาพสะท้อนมัวๆ ของตัวเอง ทั้งบนพื้น บนผนัง และบนเพดาน รอบทิศทาง
“โปรดระบุชื่อ”
เสียงหนึ่งเอ่ย เป็นเสียงผู้หญิง เพียงแต่ฟังดูเรียบๆ ไม่มีสำเนียง ไม่มีอารมณ์ ผมหันมองรอบตัวเสาะหาที่มาของมันแต่ไม่เจอ
“โปรดระบุชื่อ”
เสียงนั้นดังอีกครั้ง ย้ำชัดเจนกว่าครั้งแรก ผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นแค่เสียงในหัวผมหรือมันเกิดขึ้นจริงๆ เขาถามชื่อผมหรือ? ถามไปทำไม? มันเป็นรหัสผ่านอะไรหรือเปล่า? ถ้าผมบอกชื่อไปแล้วเกิดไม่ตรงกับที่เขาต้องการ ผมจะโดนเชือดกลางห้องนี้หรือไม่? ในสถานที่แปลกๆ แห่งนี้ มีความเป็นไปได้ที่อยู่ๆ จะมีปืนกลโผล่ออกมารัวกระสุนจากผนัง
“อาคินทร์”
ผมออกเสียงเบาเหมือนกระซิบเพราะความไม่แน่ใจ แต่เสียงนั้นก็สะท้อนก้องไปทั่วห้องทึบ แล้วทุกอย่างก็เงียบไป ไม่มีอะไรเกิดขึ้น… แค่นี้เหรอ? ต้องการแค่ชื่อแล้วก็ทิ้งผมไว้ที่นี่ตลอดไปเลยหรือเปล่า? ถ้าทำแบบนั้นเราจะได้เห็นดีกันแน่ ผมยืนเกร็งตัวรออะไรบางอย่าง หายใจในห้องขาวแบบไม่ทั่วท้อง
“ทำการลงทะเบียนเรียบร้อย สถานะออนไลน์”
เสียงนั้นกล่าวเรียบๆ ผมยังคงพยายามหาดูว่ามันมาจากไหนกันแน่ ห้องนี้ไม่มีลำโพงหรือเครื่องกระจายเสียงติดอยู่ตรงไหนเลย แต่แล้วก็ต้องหยุดค้นหา เมื่อเจ้าของเสียงปรากฎขึ้นตรงหน้า จู่ๆ ก็มีรูปร่างแปลกๆ โผล่ขึ้นมาจากพื้นกลางห้อง เหมือนโผล่ออกมาจากผิวน้ำอย่างนิ่มนวลเพียงแต่นี่เป็นพื้นห้องแข็งๆ ผมคิดว่ามันเหมือนโครงร่างของคน เพียงแต่ไม่มีตา ไม่มีปาก ไม่มีคิ้วหรือผม มีโครงดั้งจมูกแต่ไม่มีรูจมูก ตัวสีเนื้อเป็นมันเงาคล้ายหุ่นลองเสื้อในห้าง อันที่จริงมันคือหุ่นลองเสื้อเลยแหละ เพียงแต่ไอ้ตัวนี้มันกำลังขยับอยู่เหมือนมีชีวิต
“กรุณายืนตรง จะทำการแสกนสมองเพื่อเข้าถึงความทรงจำและค้นหาบุคลิคลักษณะนิสัย การแสกนครั้งนี้จะมีผลไปถึงพลังธาตุที่ท่านจะสังกัด หากเกิดความผิดพลาดอาจอันตรายถึงชีวิต”
หุ่นลองเสื้อส่งเสียงเตือน ยิ่งทำให้ผมเกร็งกล้ามเนื้อตัวเองเข้าไปใหญ่ โดยเฉพาะคำว่าอันตรายถึงชีวิต ฟังดูไม่น่าอุ่นใจเลย คำว่า ‘ไม่ขยับ’ นี่หมายถึงต้องไม่ขยับทุกส่วนจริงๆ หรือเปล่า? แล้วถ้าหน้าอกผมกระเพื่อมเพราะกำลังหายใจอยู่ล่ะ จะถือว่าขยับหรือเปล่า? จะส่งปืนกลมายิงผมไหม?
มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น มีลำแสงเลเซอร์สีเขียวเป็นเส้นเล็กๆ บางๆ แผ่ขยายจนทั่วเพดานกลายเป็นแผ่นสีเขียวที่เคลื่อนผ่านวัตถุได้ แผ่นนั้นค่อยๆ เลื่อนระดับลงมา อาจเพื่อแสกนตัวอย่างที่เขาว่า ผมมองลำแสงสีเขียวเคลื่อนลงแล้วพาดผ่านไปตามตัว ไม่ได้รู้สึกเจ็บหรือแสบอย่างที่คิด แทบจะไม่รู้สึกอะไรเลย หลังแสงนั่นแสกนลงไปถึงพื้นมันก็หายไป แล้วจากนั้นก็รอพักหนึ่งจนกระทั่งหุ่นลองเสื้อประกาศด้วยเสียงแปลกๆ ว่า
“การแสกนผิดพลาด ไม่พบตัวผู้เล่น”
อะไรนะ! เอาแล้วไง ต้องมีปืนกลโผล่มาจากผนังแน่
“ทำการแสกนอีกครั้ง”
เกิดเลเซอร์สีเขียวแบบเดิม ค่อยๆ แสกนอีกรอบ ใจผมเริ่มเต้นตึกตัก รู้ตัวแล้วว่าจะไม่มีอะไรง่ายอย่างที่คิด ที่แน่ๆ คือแสงนั่นจะไม่มีทางแสกนเจอผม เพราะผมไม่ใช่ผู้เล่น ผมไม่ได้เล่นผ่านหมวกโพรงกระต่าย ผมเป็นโปรแกรมที่ถูกส่งมา โลกออนไลน์จะต้องไม่ชอบใจผมแน่ๆ
“ไม่ใช่ผู้เล่น!” เสียงนั้นเปลี่ยนโทนเป็นทุ้มต่ำจนน่ากลัว “พบสิ่งแปลกปลอม จะทำการแสกนภัยคุกคาม!”
ลำแสงเลเซอร์ปรากฎขึ้นเป็นรอบที่สาม แต่คราวนี้กลับเป็นแสงสีแดงจ้า ผมเงยหน้ามองมันกำลังเลื่อนลงมา รู้ทันทีว่าจะต้องไม่โดนแสงนั่น จะต้องรีบหนีออกไป ผมหันหลังกลับ พยายามจะเปิดประตูเหล็ก แต่กลับพบว่ามันไม่มือลูกบิดหรือด้ามจับ ผมหนีไปไหนไม่ได้! เลเซอร์เลื่อนลงมาแล้ว! มันโดนหัวผม และมันแสบมาก! เจ็บเหมือนโดนไฟคลอก ผมร้องเสียงหลง ล้มลงไปนอนกับพื้นแต่ก็รู้ว่าไม่มีทางหนีแสงนั่นพ้นจนกว่ามันจะหายไปเอง
“พบไวรัส!! ภัยคุกคามระดับร้ายแรง! ปลดล็อกมาตรการณ์ ป้องกันขั้นสุดท้าย” เสียงนั้นตะคอกดังแต่ยังคงความไร้อารมณ์ “ส่งคำเตือนสู่โลกออนไลน์ รหัสแดง RJV9KP ย้ำ!! รหัสแดง RJV9KP”
เกิดเสียงแอดดดดังๆ เป็นไซเรนเตือนภัย ทั่วทั้งห้องถูกย้อมไปด้วยไฟสีแดงที่กะพริบถี่ๆ บ่งบอกว่ามีอันตราย ผมยันตัวลุกขึ้นยืนหันซ้ายขวาไปไหนไม่ถูก แย่แล้ว! มันตรวจเจอผมแล้ว! มันรู้แล้ว ผมจะต้องหาทางหนี เจ้าหุ่นลองเสื้อตัวนั้นจ้องผมเขม็ง อาจจะใช้คำนั้นไม่ได้เพราะมันไม่มีตา แต่ผมรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ ราวกับว่ามันจ้องจะกินเลือดกินเนื้อผมสดๆ อย่างนั้นแหละ
แล้วความสยดสยองก็เพิ่มระดับ เมื่อหุ่นลองเสื้อเริ่มปรับเปลี่ยนรูปร่าง มีแสงสีแดงก่ำเกิดขึ้นบนเบ้าตาของมันทั้งสองข้าง ส่วนที่น่าจะเป็นปากแยกออกเป็นเส้นตรง เผยให้เห็นเขี้ยวที่แหลมพอๆ กับปลายมีด เขี้ยวของมันเหมือนทำมาจากหินอ่อนสีขาว สะท้อนกับแสงเตือนภัยสีแดงในห้องได้ดี มันเริ่มส่งเสียงกรีดร้องไม่เป็นภาษาแบบผู้หญิง มันก้มลงคุกเข่ากับพื้น มีอะไรบางอย่างงอกมาจากข้างหลัง… มันคือมือ! มีมืออีกสี่ข้างงอกออกมากลางหลังช่วงลำตัว แล้วจากนั้นหุ่นลองเสื้อปิศาจก็ค่อยๆ ใช้มือทั้งหก บวกกับขาอีกสอง รวมเป็นแปด กระโดดขึ้นไปไต่บนผนังเหมือนแมงมุม จากนั้นก็เอี้ยวคอกลับหลังหันสามร้อยหกสิบองศามาถลึงตาแดงแยกเขี้ยวขู่ฟ่อๆ
ฝันร้ายของแท้!!
ผมเอื้อมมือไปข้างหลังหยิบสไนเปอร์ไรเฟิลที่สะพายไว้ออกมาตั้งท่า จ่อปลายปืนไปที่แมงมุมหุ่นลองเสื้อ แต่มันไวมาก! มันไต่ขึ้นไปบนเพดานแล้วใช้ขายั๊วเยี๊ยะของมันวิ่งวนไปมาจนแทบมองไม่ทัน จนกระทั่งวินาทีที่มันกระโดดทิ้งตัวลงใส่ผมอย่างจัง หัวผมกระแทกกับพื้นแข็ง ทำปืนหล่นข้างตัว พอลืมตาก็พบว่ามันคร่อมร่างผมอยู่ ใช้มือสองข้างจับแขน อีกสองจับขา เหลืออีกสองที่กำลังบีบคอผมแน่นจนช่องหลอดลมปิด ผมหายใจไม่ออก!
“เริ่มกระบวนการกำจัดไวรัส!!” มันกรีดร้อง
ผมพยายามใช้แรงขัดขืนแต่มันมีพละกำลังมากเหลือเกิน ผมไม่ยอมแพ้ บิดแขนออกด้วยความยากลำบาก จนกระทั่งจังหวะที่มันเผลอ มือข้างหนึ่งเป็นอิสระเพียงเสี้ยววินาที ผมเอื้อมไปจับปืนข้างตัว ลั่นไกโดยไม่เล็ง เสียงปังดังก้อง กระสุนลอดไปโดนขาหลังของมัน แต่กระสุนกระเด้งออก ยิงไม่เข้าเลย! ทำเอาผมอ้าปากค้าง แต่โชคดีที่อย่างน้อยมันก็เสียการทรงตัว ผมปัดตัวมันออกไปข้างๆ หลุดพ้นจากพันธนาการ ยกปืนขึ้นมายิงอีกนัด กระสุนยังเด้งออก แต่แรงกระแทกก็ทำให้มันถอยไปข้างหลังเล็กน้อย
ผมรู้ว่าไม่มีทางต่อกรกับฝันร้ายตัวนี้ได้แน่ ผมต้องหาทางหนี ผมหันหลังกลับ เห็นประตู สมองรีบคิดหาทางเปิดมันในขณะที่กระโดดหลบการจู่โจมอันน่าหวาดหวั่นของปิศาจแมงมุม ต้องลองยิงประตูดู ผมเล็ง แล้วยิง นัดแรกไม่เกิดอะไรขึ้น มีเพียงเหล็กที่ยุบลง ปืนของผมใช้ได้ในโลกออนไลน์ มันก่อให้เกิดความเสียหายได้ รู้แค่นั้นก็มากพอแล้ว ผมยิงอีกรอบ คราวนี้เกิดเสียงภายในประตูดังกึ๊ก แล้วประตูก็ค่อยๆ แง้มออก!
สำเร็จ!! ผมคิดแล้วรีบกระโจนเข้าหาทางออก แมงมุมตามมาติดๆ ส่งเสียงคำรามเหมือนสัตว์ร้าย เพียงแต่นั่นเป็นเสียงของมนุษย์ผู้หญิง ผมเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองเหงื่อออกในโลกออนไลน์ได้ และรู้สึกเหนื่อยในโลกออนไลน์ได้เช่นกัน ผมวิ่งกลับมาสู่ทางเดินโถงสีขาวอีกครั้ง เห็นประตูสองข้างทาง รู้ว่าหากวิ่งต่อไปคงไม่มีประโยชน์ มันเร็วกว่าผมมาก คงตามทันแน่ จะต้องหาที่หลบ ที่ประตูใดสักประตูหนึ่ง
ประตูแต่ละบานมีป้ายติดอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ทว่าสิ่งที่เขียนอยู่บนป้ายกลับเป็นคำแปลกๆ ที่ผมไม่เข้าใจ อีกทั้งผมไม่มีเวลาให้ยืนอ่าน แมงมุมคลั่งกำลังไต่ออกมาจากห้องเมื่อครู่ ต้องรีบเข้าไปที่ห้องไหนก็ได้สักห้องหนึ่ง ผมพุ่งตัวไปจับลูกบิด เปิดประตู ก่อนเข้าสายตาเหลือบเห็นป้ายที่หน้าประตูนั้นเขียนว่า “วัลคาเนีย” แล้วจากนั้นผมก็รีบปิดประตูตามหลังกระแทกใส่ผนังดังปัง
ผมเข้าใจผิด มันไม่ใช่ห้อง มันเป็นแคปซูล มันแคบมากๆ ทันทีที่เข้ามาถึง ผมก็ต้องหยุดอยู่กับที่ เพราะพื้นที่ให้ยืนมันมีแค่นี้จริงๆ มันเป็นแค่แคปซูลเล็กๆ หลอดแก้วที่พาผมมาที่นี่ยังใหญ่กว่าในนี้หน่อยนึงเสียอีก ผมจะต้องทนติดอยู่ในนี้หรือ? มันคืออะไรกันแน่? ผนังรอบตัวเป็นเหล็กเทาๆ ดูท่าจะบางมากด้วยซ้ำ ใช้มือเคาะก็รู้ได้ทันทีเลย ถ้าลองชกใส่สักทีคงจะบุบได้โดยง่าย
แต่ก็นั้นแหละ นี่คือชีวิตของผม การวิ่งหนีในโลกของผมหมายถึง การหนีจากสิ่งหนึ่งเพื่อไปเจออีกสิ่งหนึ่ง ผมคิดว่ามันมีสำนวนสำหรับเหตุการณ์แบบนี้นะ… อ้อ ใช่! หนีเสือปะจระเข้ไง ผมเพิ่งหนีเสือมา ตอนนี้จระเข้ก็กำลังเรียกหาผมอยู่พอดีเลย เพราะตอนนี้แคปซูลที่ผมยืนอยู่มันกำลังส่งเสียงครางกระหึ่มเหมือนอะไรสักอย่างทำงาน แถมยังออกอาการสั่นหน่อยๆ เพิ่มความตื่นกลัวให้ผมได้เป็นอย่างดี
ผนังเปลี่ยนรูปไป จู่ๆ ก็มีรูกลมๆ ขนาดเท่าสอดนิ้วโป้งเข้าไปได้ค่อยๆ ปรากฎขึ้นทั่ว รูนั่นรายล้อมผมเต็มไปหมด ผนังจะมีรูไปทำไม?
มันตอบผมกลับทันที มีน้ำไหลทะลักออกมาจากรูเล็กๆ นั่นทุกรู ฉีดเป็นสายเข้ามาในแคปซูล โดนทั้งตัวผม ผมอาจจะรู้สึกสดชื่นที่ได้อาบน้ำกระแสแรงแบบนี้ แต่มันไม่น่าจะดีเท่าไหร่หากน้ำเริ่มสะสมตัวจมท่วมขึ้นมา ตัวผมเปียกปอน ใช้มือสองข้างทุบผนังไปทั่ว พยายามจะอุดรูแต่ก็ไร้ผล มันมีตั้งหลายร้อยกว่ารู อย่างน้อยก็ไม่ให้มันฉีดเข้าใส่เบ้าตาผมก็พอ
ใช้เวลาเพียงครู่เดียวก่อนที่น้ำจะเริ่มท่วมมาถึงหน้าอก น้ำนั้นค่อนข้างเย็นจัด ผมรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่วิ่งเข้ามาหลบในนี้ อย่างน้อยถ้าวิ่งหนีเจ้าแมงมุมหุ่นลองเสื้อนั่นต่อไปเรื่อยๆ อาจมีโอกาสหนีพ้น แต่ตอนนี้ผมกำลังจะจมน้ำ แถมประตูก็เปิดไม่ออกด้วย ผมได้แต่ถูกฝืนใจให้ยอมรับชะตากรรม เตรียมพร้อมที่จะดำดิ่งอยู่ภายในกล่องเหล็กทึบ ตอนที่น้ำไต่ระดับมาถึงคอ ผมสูดลมหายใจเข้าลึกทันที ก่อนที่ผมจะจมอยู่ในนั้น สองมือวาดไปรอบๆ ตัว หวังเพียงจะหาทางออก
ผมค่อนข้างดำน้ำอึดเพราะฝึกบ่อยๆ ตอนอยู่ป่า แต่นี่มันคนละเรื่อง ผมควานหาอะไรก็ตามที่จะพอช่วยได้อย่างสิ้นหวัง ความอดทนเริ่มลดน้อยลงทุกที รู้สึกเหมือนโดนกระทุ้งปอดครั้งใหญ่ แอบสำลักอากาศไปทีนึงจนอากาศเหลือน้อยกว่าเดิมอีก สมองสั่งให้ผมต้องหายใจแม้จะรู้ว่าไม่มีทาง ผมหลับตาลง ตัวลอยอยู่อย่างนั้น ต้องใช้แรงน้อยลง ก่อนที่จะหายใจไม่ได้อีก
แล้วผมก็รู้สึกถึงกระแสน้ำ พัดพาผ่านร่างผมไป รู้สึกว่าตัวเองกำลังเคลื่อนไหวไปเรื่อยๆ แต่เป็นไปไม่ได้ ผมจะเคลื่อนไหวไปไหนได้หากยังอยู่ในแคปซูลแคบๆ นี่ ผมคิด จากนั้นก็ลืมตาขึ้น พบว่าผมไม่ได้อยู่ในแคปซูลอีกต่อไปแล้ว รอบตัวผมไม่มีผนังเหล็กหรือประตูกั้นอยู่ มีแต่น้ำสุดลูกหูลูกตา ก้มลงจะเห็นความลึกอันแสนดำมืด เงยหน้าก็เห็นผิวน้ำที่ส่องสะท้อนต้องแสงอาทิตย์
ดวงอาทิตย์เหรอ?
อย่าบอกนะว่า....
= = = = = = = = = = = = = =
โปรด ติด ตาม ตอน ต่อ ไป
ความคิดเห็น