ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dark Tales นิทานก่อนตาย

    ลำดับตอนที่ #12 : กักบริเวณชั่วโมงที่ 3 :: ความช่วยเหลือมักไม่มา เมื่อเราต้องการมัน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 832
      5
      19 ส.ค. 55

     

     
    ความช่วยเหลือมักไม่มา ในเวลาที่เราต้องการ...  ผมคิดถึงคำนี้อยู่บ่อยครั้ง... และมันก็เป็นจริง บางครั้งเวลาที่เราตกอยู่ในปัญหา หรือสถานการณ์อันแสนยากลำบาก สิ่งเดียวที่เราต้องการคือ ความช่วยเหลือจากใครสักคน...  ใครสักคนที่ทำให้เรารู้ว่าเราไม่ได้สู้อยู่คนเดียว... ใครสักคนที่ทำช่วยแบ่งเบาความโหดร้ายนี้ไปบ้าง สักครึ่งก็ยังดี...

    แต่ไม่...

    ซูเปอร์แมนไม่เคยบินมารับผู้หญิงที่ลื่นตกตึก

    แบทแมนไม่เคยมาช่วยคุณตาที่ถูกโจรปล้นตรงมุมถนน

    และ เพื่อนดีๆไม่เคยมาช่วย ในเวลาที่คุณถูกนักเรียนเกเรแกล้ง

    ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้เหละ.. บางครั้งเรามัวแต่รอให้ใครมาช่วยไม่ได้.. บางครั้งเราก็ต้องช่วยตัวเอง บางครั้งเราก็ต้องสร้างความเข้มแข็งขึ้นเอง บางครั้งเราต้องเรียนรู้ที่จะช่วยคนอื่น...

     

    เพราะบางครั้ง เรานี่เหละ อาจเป็นความช่วยเหลือที่ใครบางคนกำลังต้องการ

     

     - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - 

     

              “อยู่ไหน?..... ผมกล่าวเบาๆในขณะที่เอื้อมมือปาดเหงื่อตัวเอง  เหลือเวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้นที่จะช่วยเจนเซ่นกับลิลลี่... ทั้งคู่อยู่ที่ไหน..?

     

              โอเค.... ผมต้องมีสติ  และใจเย็นๆ ใจเย็นเข้าไว้....  นึกถึงหนังสยองขวัญที่เคยดูสิ... หนังสืบสวนก็ได้!... คิดซะว่าเราเป็นตัวเอกของเรื่อง  เป็นนักสืบแสนฉลาดที่กำลังใขคดีฆาตกรรมอยู่  ในเวลานี้เราต้องคิดแบบมีเหตุผล... อืม... 

     

              ในตอนนั้นผมมองทั้งคู่วิ่งมาหาครูที่ตึกนี่.. ผมแน่ใจว่าเขามาถึง... ซึ่งนั่นมีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาอาจจะอยู่ในตึกกิจกรรม.. แต่ตรงไหนล่ะ?  ตึกนี่มีเป็นสิบๆห้อง อาจจะเป็นหอประชุม โรงละคร โรงอาหาร ห้องคหกรรม ห้องเพาะปลูกพันธุ์พืช...

     

              ผมยืนครุ่นคิด แต่เสียงเพลงที่ดังมาจากโรงยิมนั้นแทบจะทำให้ผมไม่มีสมาธิเลย มันต้องมีอย่างอื่นที่บ่งบอกได้... อาจมีคำไบ้...

     

    เหลือเวลาอีก 4 นาที

     

    จงแหวกว่ายหาบุคคลอันเป็นที่รัก

              เป็นไปได้ไหม ที่แม่มดจะหมายถึงสถานที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับน้ำ? ห้องน้ำงั้นเหรอ?  ไม่สิ... สระว่ายน้ำต่างหาก!.. ใช่แล้ว! ถ้าเป็นสระว่ายน้ำล่ะก็ ไม่มีใครเข้าไปที่นั่นแน่ๆ.. มันเหมาะเหม็งที่สุดที่จะซ่อนใครบางคนไว้..

     

              ผมเริ่มขยับฝีเท้าทันที ใบหน้าสัมผัสกับสายลมเย็น หัวใจเต้นรัวเป็นเป็นจังหวะกลอง เท้าสองข้างปวดเมื่อยจนแดงก่ำ คืนนี้ช่างเป็นคืนที่แสนหฤโหด สองชั่วโมงที่ผ่านมายาวนานเหมือนทั้งชีวิต กว่าจะถึงหน้าประตูทางเข้าสระว่ายน้ำก็ใช้เวลาประมาณ นาทีกว่าๆ อาจจะเหลือเพียง 2 นาทีเท่านั้น!

     

    ผลัก!

     

              ผมพรวดพราดเข้าไปในห้อง เพ่งสายตามองไปทั่ว ข้างในนี้มืดสนิท ไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิต มีเพียงสระว่ายน้ำอันว่างเปล่าซึ่งถูกปล่อยน้ำออกจนหมดเสียด้วยซ้ำ...

     

              นี่ผมคิดผิดเหรอ? พวกเขาไม่อยู่ที่นี่... ไม่ทันแล้ว... ผมช่วยพวกเขาไม่ทัน... ถ้าเป็นในหนังมันต้องทันเสมอสิ... ฮีโร่ต้องมาช่วยคนอื่นทันเสมอ และถึงจะรู้อย่างนั้นเราก็ยังคอยลุ้นไปกับตัวละครอยู่ดี...

     

    หมดเวลา

     

              ผมยืนนิ่งอยู่ที่เดิม และได้เรียนรู้อีกครั้งว่าชีวิตจริงนั้น แตกต่างกับในหนังขนาดไหน ให้ตายสิ.. ผมอยากให้ตัวเองเป็นตัวละครเอกของเรื่องจัง คนที่ทำอะไรก็มักจะสำเร็จเสมอ ต่อให้เปิดประตูสุ่มๆมั่วๆ ก็จะบังเอิญเจอเพื่อนที่ถูกจับตัวไปอยู่ดี...

     

              “เสียงอะไร?ผมคิด...  เสียงเหมือนน้ำกำลังไหล น่าจะเป็นจากสายยาง... ผมพยายามเพ่งมองในความมืด ใครบางคนเปิดน้ำจากสายยางใหญ่ซึ่งเอาไว้เติมน้ำในสระ  ผมรีบคลำหาสวิทซ์ไฟแล้วเปิดมัน ทั่วทั้งห้องสว่างขึ้นในพริบตา น้ำที่ไหลจากสายยางนั้นแรงมาก ใครเป็นคนเปิด? 

     

    ผมสูดลมหายใจลึกเดินเข้าไปใกล้สระน้ำ ก่อนจะโน้มตัวลงดู

     

    เจอแล้ว!!”

     

              ทั้งคู่อยู่ก้นสระนี่เอง สภาพย่ำแย่มาก มือและเท้าถูกเชือกมัดไว้ ปากถูกปิดด้วยเทปกาว แถมยังใช้ผ้าปิดตาอีก แล้วตอนนี้น้ำที่ไหลลงสระเรื่อยๆกำลังเพิ่มระดับ ทั้งคู่ดิ้นพราด ผมต้องหาทางปิ......

     

    เหวอ!!
              รองเท้าเจ้ากรรมดันลื่นผิดจังหวะ ผมเสียการทรงตัว ร่างกายเซไปเซมา ตอนแรกกะจะให้เซไปอีกด้านนึง แต่ทำอีท่าหน้าไม่รู้ ผมตกลงไปหลังกระแทกขอบสระอย่างแรง โชคดีที่ผิวน้ำช่วยต้านน้ำหนักไว้ 

     

              ช่วยไม่ได้ แบบนี้คงต้องช่วยสองคนนี้ก่อน ขนาดทั้งคู่นั่งอยู่ น้ำยังเกือบมิดจมูก ถ้าปล่อยไว้ จมน้ำตายชัวร์ ผมทำท่าจะแก้มัดให้ทั้งสองโดยเริ่มจากเจนเซ่นก่อน แต่ทันทีที่ผมแตะตัวเขา เจนเซ่นก็ดิ้นอย่างแรง แถมใช้เท้าทั้งสองข้างยันผมไว้จนผมเกือบล้มลง ให้ตายสิ! ขนาดลงทุนวิ่งมาช่วยจนตัวเปียกน้ำแล้วยังไม่สำนึกบุญคุณ คิดว่าผมเป็นแม่มดรึไงก็ไม่รู้? กว่าจะพูดกันรู้เรื่องลิลลี่ที่ตัวเตี้ยกว่าก็เริ่มจม ผมผละจากเขาไปช่วยเธอก่อน

     

              แต่เอิ่ม.... เขาแก้เชือกกันยังไงเหรอ?.......  อย่ามองผมแบบนั้นสิ! ผมไม่เคยเข้าชมรมลูกเสือเยาวชนซะหน่อย แค่ดึงๆปลายเชือกเดี๋ยวมันก็คงคลายเองมั้ง..    รึว่าต้องดึงตรงนี้เนี่ย?... กรรม  ไม่ใช่สิ! เอ่อ... แบบนี้ล่ะมั้ง! ใช่ๆ.. แล้วก็ตรงนี้ แจ๋ว!.. ผมแก้เชือกได้แล้ว!! แค่ตรงที่ข้อมือของลิลลี่อ่ะนะ...  แต่นั้นก็พอทีจะให้เธอยันตัวลุกขึ้นและแก้ส่วนอื่นๆเอาเอง ส่วนเจนเซ่น... เฮ้ย!!! เขาจมแล้ว!!  ผมก้มตัวต่ำลงไปใต้น้ำ พยายามแก้เชือกเขาต่อ แต่เวลาเปิดตามองลงในน้ำทำให้ผมแสบตามาก ผมจึงพยายามดึงตัวเขาให้ขึ้นมาจากน้ำก่อน แต่มันโครตหนัก!... หนักผิดมนุษย์มนาไปแล้ว!... เหมือนเศษเหล็กที่หนักเป็นตันๆ แถมเวลาเขาจมน้ำทำไมถึงยังดูปกติแบบนี้ล่ะ นิ่งไปแล้วมั้ง!

     

              ลิลลี่ที่ปลดเปลื้องพันธนาการเสร็จแล้วก็มาช่วยผมแก้เชือกเจนเซ่นบ้าง เธอใช้เวลาแปปเดียวเชือกก็หลุดออก เห็นได้ชัดว่าเธอแก้เชือกเป็น..

     

               เจนเซ่นขยับตัวแก้เชือกตัวเองในทันที โล่งอก.. เห็นนิ่งๆแบบนั้นนึกว่าจะเป็นอะไรไปซะอีก ในที่สุดเราทั้งสามก็เป็นอิสระ น้ำใกล้จะเต็มสระ ในขณะที่พวกเราค่อยลอยตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ใกล้ถึงขอบสระ  เราก็ค่อยๆเห็นร่างทะมึนกำลังจดจ้องคอยพวกเราอยู่แล้วเช่นกัน

     

    ตูม!!

     

              แม่มดฟาดขวานด้ามสีแดงลงตรงบริเวณน้ำใกล้ขอบสระ ผมรีบว่ายหลบ เธอยิ้มแย้มอย่างน่าสะพรึงกลัว ลิลลี่กรีดร้อง เรารีบว่ายไปอีกฟาก แต่แม่มดเร็วกว่ามาก  ในทันทีที่มือของพวกเราเตะขอบสระ คมขวานก็แหวกอากาศกระทบกับผิวน้ำ พวกเราชักมือออกแทบไม่ทัน แม่มดหัวเราะร่า

     

              เวลาหมดแล้ว เธอไม่มีสิทธิ์ช่วยใคร แหกกฎกันนี่จ๊ะ!” เสียงเล็กแหลมลอดออกมาจากปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยว นิ้วผอมแห้งคล้ายกิ่งไม้กำด้ามขวานแน่น เธอเหวี่ยงขวานด้ามสีแดงอีกรอบ จนพวกเราต้องว่ายกลับไปอยู่กลางสระ ผมสงสัยจริงๆว่าเธอไปหาอาวุธมาจากไหนเยอะแยะ จำได้ว่าขวานอันก่อนยังอยู่ในห้องสมุดนี่นา....


    เราต้องแยกกัน..เจนเซ่นกระซิบในขณะที่เรากำลังลอยตัวอยู่บนน้ำ ขึ้นกันคนละฝั่ง ใครขึ้นได้ก่อนให้รีบหนีไปซะ

     

              ผมกับลิลลี่พยักหน้า เราสูดหายใจลึกก่อนจะรีบว่ายแยกฝั่ง แม่มดยืนมอง ในขณะว่าย ต่างคนต่างลุ้นว่าแม่มดจะตามไปดักใคร ผมได้แต่เดา เพราะหัวกำลังจมอยู่ใต้น้ำ ท่ามกลางอุณหภูมิสระที่เกือบติดลบ มือผมสั่นในขณะที่พยายามจ้วงน้ำอย่างต่อเนื่อง

     

    ตูม!!

     

              คมขวานเฉียดศีรษะผมที่อยู่ใต้น้ำเพียงนิดเดียว โชคดีที่แรงหน่วงในน้ำทำให้ควานช้าลง ทำไมต้องเป็นผมทุกที!! แม่มดยื่นหน้าเข้ามา เธอจิกเส้นผมอย่างแรงพร้อมกับหัวเราะ ผมสำลักก่อนจะรู้ตัวว่ามืออีกข้างของเธอกำลังเงื้อขวาน แขนทั้งสองข้างพยายามแงะมือเธอออกจากหัว แต่แม่มดกำมันแน่นจนผมต้องกรีดร้องด้วยความเจ็บ 

     

    ฟิ้วววววว

     

              ภาพของขวานที่เคลื่อนเข้ามาใกล้คออย่างรวดเร็วนั้นกระตุ้นสัมผัสความกลัวเพิ่มขึ้นสุดขีด  ก่อนที่คมขวานจะสะบั้นลงบนผิวเนื้อ เจนเซ่นก็วิ่งเข้ามาผลักแม่มด ทำให้เธอเสียหลักเล็กน้อย แทนที่ผมจะโดนตัดคอ กลับโดนปลายขวานด้านข้างกระแทกเข้าที่หัวอย่างแรงแทน  ผมเจ็บมากจนสติแทบดับวูบ ในหัวขาวโพลน เห็นเพียงภาพของเจนเซ่นที่กำลังสู้กับแม่มดอยู่ลางๆ

     

              รู้สึกถึงก้อนน้ำเย็นวาบที่ผ่านทางปอดเข้ามาจมูก ร่างกายลำสักโดยอัตโนมัติ คอรู้สึกแสบ ตัวกระตุกแรง เวลาที่ได้ฟังเสียงจากใต้น้ำ เสียงนั้นฟังดูตลก เหมือนใครบางคนกำลังดัดเสียงเล็กๆแล้วก็พูดเร็วๆให้ฟัง ภาพเหนือผิวน้ำนั้นดูเลือนรางและไหวไปมา

     

    ความรู้สึกต่อมา เหมือนว่าตัวเองถูกใครบางคนดึงตัวขึ้น...

     

    ใคร...

     

    แม่มด!!

     

              เธอคร่อมตัวผมอยู่ สายตาผมเหลือบไปเห็นเจนเซ่น... เขานอนอยู่บนพื้น ตาเหลือก อ้าปากค้างอย่างน่าเวทนา เลืองไหลนองลงสระ สีนั้นผสมกับน้ำจนหลายเป็นสีดำแปลกๆ  ในสระมีอีกร่างนึง... ลิลลี่ เธอกำลังค่อยๆจมลงไป ในสระ... ผมหันกลับมามอง แม่มดแลบลิ้นยาวเหมือนกำลังจะได้ลิ้มรสอาหารอันโอชะ เธอเงื้อขวานขึ้นสูง...  ไม่.... ขอให้มันเป็นแค่ฝัน!! ขอให้เป็นแค่ฝัน!! ขอให้เป็นแค่ฝัน!!!

     

     







    โชคดีที่มันเป็น...

     

              ผมยังจมอยู่ในน้ำ.... ไม่แน่ใจว่าการเห็นภาพหลอนเป็นอาการนึงของคนที่ใกล้จมน้ำตายหรือเปล่า  แต่ทันทีที่นึกถึงภาพของเจนเซ่นและลิลลี่ที่ถูกฆ่า ผมก็สะดุ้งพรวด!!   ตัวโผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำ!!  ผมมองไปทั่ว แม่มดนั่งคร่อมอยู่บนตัวเจนเซ่น เธอกำลังจะบีบคอเขา แต่ลิลลี่พยายามดึงเธอออกสุดแรง

     

              ผมรีบว่ายตรงไปยังขอบสระ  เท้าและมือชาไปหมด เมื่อขึ้นจากสระได้ ก็เริ่มรู้สึกอุ่นขึ้นเล็กน้อย ผมสำลักน้ำพักใหญ่ก่อนจะเดินโซเซตรงไปยังพวกเขา

     

              “ปล่....อย....แม้จะเป็นเจนเซ่นจอมพลังก็ไม่อาจสู้พลังของแม่มดได้ ราวกับว่าเธอใช้เวทมนต์ที่ทำให้ตัวเองแข็งแรงกว่าใครในโลกยังงั้นเหละ... ลิลลี่เองก็พยายามงัดมือของแม่มดออก แต่ดูเหมือนเธอกำลังดึงดาบออกจากก้อนหินมากกว่า

     

              “ลิลลี่.... ผมพูดเสียงแหบอย่างเหนื่อยอ่อน  เธอหันมา สีหน้าเธอดูแย่   จำไว้นะ.... เธอต้องทำแบบนี้!! ผมแทงเข่าตรงหลังของเธออย่างจัง แม่มดปล่อยตัวเจนเซ่นแล้วล้มไปนอนข้างๆ แต่สีหน้าเธอยังคงยิ้มแย้ม ไม่แสดงน้ำเสียงเจ็บปวดใดๆทั้งสิ้น เธอหยิบขวานที่อยู่ข้างๆแล้วเขวี้ยงมันมาอย่างรวดเร็วโดยไม่คาดฝัน ขวานนั้นหมุนเข้ามาบาดขาของผมพอดีจนล้มลง เลือดไหลตามแผลเป็นทางยาว ผมไม่มีเสียงจะกรีดร้อง

     

    ฟิตซ์!!!”

              เจนเซ่นรีบพยุงผมขึ้น เราเดินโซซัดโซเซออกจากที่นี่อย่างรวดเร็ว  เมื่อออกมาถึงประตู เขาปล่อยผมลงพักนึงก่อนจะรีบช่วยลิลลี่ดันกระถางต้นไม้หนักมาขวางประตูไว้ สักพักก็มีเสียงเหมือนคนพยายามพังประตูออกมา

     

               เราทั้งสามวิ่งไปตามทางเดินในสภาพย่ำแย่และเปียกโชก นักเรียนคนอื่นที่เราวิ่งผ่าน ต่างพยายามเดาว่าพวกเราใส่ชุดฮาโลวีนคอนเซ็ปแบบไหนกัน..

     

    เราจะทำยังไงต่อไปดี!” ลิลลี่ถาม


              “ฉันมี... เอ่อ...เจนเซ่นใช้มือข้างนึงล้วงกระเป๋าอย่างลำบาก ในขณะที่อีกข้างกำลังพยุงผมอยู่ กุญแจรถ!” เขาหยิบพวงกุญแจขึ้นมา


    เยี่ยม!! รีบออกไปจากที่นี่เถอะ!!.. รถนายอยู่ไหนล่ะ?

     

    ลานจอดรถ... เขาพูดสั้นๆ

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - 


    ณ ตอนนี้ความรู้สึกชาจากความเย็นของน้ำค่อยๆจางหายไป แผลที่ขาจึงเริ่มเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิมแบบเป็นทวีคูณ ผมเริ่มตระหนักได้ว่าผมกำลังเสียเลือดหนัก ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน มันเป็นความรู้สึกเหน็บหนาวจากภายนอก แต่ร้อนรุ่มอยู่ภายใน เมื่อทั้งสองความรู้สึกตัดกัน มันคือความเจ็บปวด ผมคิดในขณะที่ยังคงพยายามบังคับให้ขาก้าวต่อไป... แย่ชะมัดที่ต้องกลายเป็นเหมือนตัวถ่วง.. ถ้าเขาไม่คอยพยุงผมไว้ละก็ ป่านนี้คงจะวิ่งไปถึงลานจอดรถ แล้วออกไปจากที่นี่ได้แล้ว...

     

              ลานจอดรถของโรงเรียนจะเป็นลานกว้างที่อยู่ตรงชั้นใต้ดินของตึกกิจกรรม มีแค่ชั้นเดียว ส่วนใหญ่จะเป็นที่จอดสำหรับครู แต่ก็มีนักเรียนรวยๆบางคนทีสามารถซื้อรถแพงๆมาขับเองได้ คุณคงจะเข้าใจอ่ะนะ พ่อแม่ส่วนใหญ่ไม่เคยไว้ใจให้ลูกตัวเองขับรถอยู่แล้ว นับตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุที่วัยรุ่นเมาขับชนรถขนแก๊สระเบิด กลายเป็นโศกนาฎกรรมครั้งใหญ่ของเมือง

     

              ในที่สุดพวกเราก็ลงมาถึงลานจอดรถ คืนนี้มีรถของเด็กๆอัดกันแน่นเต็มไปหมด เดาว่าคืนนี้คงจะเป็นคืนเดียวที่ผู้ปกครองอนุญาตให้เด็กๆเอารถมา เจนเซ่นพยายามกวาดสายตามองหารถของตัวเองไปทั่ว ผมบอกให้เขาวางผมลงก่อนแล้วไปหารถตัวเองซะ ลิลลี่อาสาจะอยู่เป็นเพื่อน เขาจึงพยักหน้าแล้วเดินหายเข้าไปในเขาวงกตรถยนต์

     

               แม้เวลาแบบนี้เราก็ไม่อาจจะวางใจอะไรได้.. แม่มดมักจะโผล่มาแบบไม่คาดคิดเสมอ ทำให้ผมต้องกลับมาคิดอีกครั้ง... ทั้งหมดเธอทำเพื่ออะไร ทำไมต้องเป็นพวกเรา? ทำไมต้องฆ่า.. ทำไมต้องเล่นเกม ไหนยังจะเรื่องแปลกๆเกี่ยวกับสภาพศพของแต่ละคนอีก แล้วก็เรื่องของตึก... ทำไมถึงได้มีการป้องกันแน่นหนาขนาดนั้น และเสียงเครื่องจักรทำงานที่ผมได้ยินตลอดเวลาเกี่ยวอะไรกับตึกนี้หรือไม่...

     

    ได้ยินมั้ย!...ลิลลี่ถาม

     

              ผมเงี่ยหูฟัง... เสียงเหมือนคนกำลังเดินลงบันใดมา.. อาจเป็นเสียงของเด็กคนอื่นที่จะกลับบ้านกัน แต่ผมคิดว่าไม่..! ผมคิดว่าผมจำเสียงฝีเท้านี้ได้ดี!!  เราต้องรีบซ่อน....

     

    ปัง!!!

     

                 ประตูถูกผลักออกมาอย่างแรง ผมแน่ใจได้ในทันทีว่ามันคือแม่มด... ผมกับลิลลี่แอบหลบอยู่หลังรถคันหนึ่ง หญิงชราเดินเข้ามาในลานจอดรถอย่างรวดเร็ว เธอกำลังมองหาพวกเรา!

     
    มาแล้ว!!

     

              เราทั้งคู่ต่างพยายามคลานอย่างช้าๆ ไปอีกด้านนึงของรถเพื่อไม่ให้เธอเห็น....   แต่แม่มดเหมือนจับพิรุธได้!! เธอจึงเดินเข้ามาในซอกรถ.. เรารีบย้ายจากคันนึงไปยังอีกคันหนึ่งทันที  ลิลลี่เอามือปิดปากด้วยความหวาดกลัว ผมเองก็กลัวเช่นกัน  ภาวนาให้เขาหารถเจอเร็วๆด้วยเถิด

     

    ฮิๆ”   แม่มดหัวเราะเบาๆราวกับจะบอกว่า เธอเจอพวกเราแล้ว หญิงชราวิ่งข้ามไปยังอีกคันอย่างรวดเร็ว พวกเราคลานหลบไปทางด้านหลังของรถอีกแทบไม่ทัน ผมกลั้นหายใจ แม่มดเหลือบตาไปทางซ้ายและขวา เธอเดินมายังหลังรถช้าๆ ผมรีบคลานไปหลบอีกคัน แต่คราวนี้ลิลลี่ไปอีกทางนึง เธอไปหลบข้างรถคันเดิม หัวใจผมเต้นแรงราวกับมันจะหลุดออกมา แม่มดลากขวานไปตามพื้นปูน ส่งเสียงครืดน่าเสียวไส้!

     

    กึก!..

     

              เท้าของลิลลี่เผลอกระทบกับพื้น แม้เสียงจะดังเพียงเล็กน้อย แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้แม่มดรู้ตำแหน่งของลิลลี่!!  แม่มดหัวเราะอย่างร้ายกาจอีกครั้ง  เธอค่อยๆค้อมตัวลงช้าๆ ผมรู้ทันทีว่าเธอกำลังจะลอดมองจากข้างใต้ ลิลลี่เหมือนจะรู้ตัว เธอจึงรีบหลบตรงส่วนของล้อรถ แม่มดก้มมอง ส่องสายตาไปทั่วรถคันนั้น ผมเองก็ต้องรีบหลบเช่นกัน ทุกอย่างเงียบไปพักใหญ่ๆ ผมรอฟังเสียง แต่ไม่มีเสียงใดเลยที่ดังผ่านโสตประสาทเข้ามา ผมจึงรวบรวมความกล้า โผล่หน้าออกไปดูอีกครั้ง...

     

    เธอหายไปแล้ว!!

     

              หายไปไหน? ผมมองดู... เธอหายไปไหนแล้ว!! ลิลลี่เองก็มองหาแม่มดเช่นกัน เธอหันมามองหน้าผมก่อนที่เธอจะทำท่าเหมือนตกใจสุดขีด... ผมเข้าใจทันที มันอยู่ข้างหลัง!!!

     

    โครม!!!

     

              ขวามด้ามใหญ่ฟาดลงใส่รถคันที่ผมแอบ สัญญาณกันขโมยส่งเสียงดังก้องกังวานไปทั่วลาน วิ่งงง!!” ผมตะโกน ก่อนที่จะรีบคลานออกจากซอกรถสุดแรงเกิด ลิลลี่รีบลากผมวิ่งออกไป เราทั้งคู่เร่งฝีเท้าผ่านรถยนต์เป็นสิบคัน แม่มดเองก็วิ่งไล่ตามมาไม่หยุด

     

              “เจนเซ่นน!!!!” ลิลลี่ตะโกน พร้อมกันนั้นเสียงเครื่องยนต์ทำงานก็ดังขึ้น เราสังเกตุเห็นรถคันที่อยู่ปลายสุดของแถวมีไฟหน้ารถส่องสว่าง เจนเซ่นอยู่ตรงนั้น!.... แต่แม่มดฟาดขวานอย่างบ้าคลั่ง เสี้ยววินาทีนึง มันเฉียดหลังของลิลลี่ไป เธอหยุดชะงัก แต่ผมรีบลากให้เธอวิ่งต่อ เจนเซ่นถอยรถออกมารอ แต่ดูเหมือนเขาจะทนดูไม่ไหวจึงรีบลงมาจากรถ


              รีบขึ้นไป เร็ว!!!” เขาตะโกนพร้อมกับวิ่งเข้ามา  จากนั้นก็ลากผมไปที่รถ ลิลลี่รีบเปิดประตูหลังแล้วพรวดพราดเข้าไปนั่ง เจนเซ่นรีบขึ้นนั่งส่วนคนขับ ผมต้องลากขาตัวเองไปอ้อมไปนั่งข้างๆเขา 

     

              เจนเซ่นรีบเร่งเครื่องยนต์ก่อนจะขับรถเลี้ยวเพื่อตรงไปทางออกซึ่งอยู่อีกฟากนึง แม่มดจึงรีบวิ่งไปดัก ไม่น่าเชื่อว่าความเร็วของเธอนั้นพอๆกับรถ ในขณะที่รถกำลังจะออกจากลาน แม่มดก็วิ่งมาถึงพอดี เธอฟาดขวานเข้ากระจกรถของส่วนคนขับ กระจกข้างเจนเซ่นแตกกระจาย เขาจึงชะงักแล้วเอาใช้แขนบังเศษกระจก จังหวะเดียวกัน แม่มดเอื้อมมือเข้ามาในรถ เธอปลดล็อกประตูส่วนคนขับ ก่อนจะเปิดประตูอย่างง่ายดาย เธอลากเจนเซ่นลงไปกองกับพื้น!!

     

    "ไม่!!!"  ผมร้อง

     

              เจนเซ่นยกขาเตะเข้าที่ท้องของหญิงชรา แต่เธอกลับไม่สะทกสะท้าน เขาจึงใช้ขาเตะเข้าที่มือของเธอ ขวานตกลงไปบนพื้น แม่มดจนก้มลงไปบีบคอเขาพร้อมกับหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง!!

     

    เจนเซ่น!!!!”

     

    ไปซะ!!” เขาตะโกน ขับรถออกไปเลย!!!” เจนเซ่นกัดฟันพูด เขาพยายามบีบคอแม่มดกลับ

     

    ไม่!! ฉันจะช่วยนาย!!” นี่เขานึกว่าตัวเองเป็นฮีโร่รึไงกัน จะน้ำเน่าไปใหญ่แล้ว!! นี่ไม่ใช่หนังนะ!

     

    โถ่เว้ย!! รีบไปซะ!! ไปแจ้งตำรวจ แล้วค่อยมาช่วยฉัน!!” เขาตะโกนเสียงดังขึ้นอีก แม่มดได้ยินดังนั้นจึงผละออกจากเขา แล้วรีบตรงจะเข้ามาในรถ เธอพยายามจะดึงกุญแจออก!!  ผมปัดมือเธอออก แต่เธอกำกุญแจแน่น เจนเซ่นลุกขึ้นมาดึงแม่มดออกไป ได้โปรดเถอะ!” เขากล่าวน้ำเสียงราวกับกำลังอ้อนวอน

     

              ผมนั่งนิ่ง... งงงัน... ครุ่นคิด.. ฉันจะมาช่วยนาย...” ผมพูดเสียงเบา ไม่แน่ใจว่าเขาจะได้ยินไหม แต่กว่าจะรู้ตัวอีกที ผมก็นั่งอยู่บนเก้าอี้คนขับ เหยียบคันเร่ง แล้วรถก็พุ่งตัวออกจากลาน ผมไม่อยากหันกลับไปมองเขา ถ้านี่เป็นหนังสยองขวัญละก็... คนที่เสียสละอะไรสักอย่างนึง มักจะตายเสมอ... ไม่...  ผมมองกระจกข้างรถ เห็นเจนเซ่นที่รีบวิ่งเข้าตึกไป ส่วนแม่มดนั้นกลับยืนนิ่งพักใหญ่ เหมือนกำลังมองรถของพวกเราอย่างเกรี้ยวกราด เธอโกรธที่พวกพวกเราหนีออกมาได้... ไม่นานนักเธอก็วิ่งเข้าไปในตึก ไล่ตามเจนเซ่นไป... ผมภาวนาให้เขาปลอดภัย... เขาต้องปลอดภัย... ผมจะไปหาตำรวจ... ไปตามคนมาช่วย...!!

    บางครั้ง... ความช่วยเหลือ มักจะมาในเวลาที่เราไม่ต้องการ
    เพราะบางครั้ง... ความช่วยเหลืออาจต้องเเลกด้วยชีวิตของผู้ที่ช่วยเรา 

     







    KiT Ta
    ขอขอบคุณธีมสวยๆจากคุณ
    THE'KITTA .ด้วยครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×