ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dark Tales นิทานก่อนตาย

    ลำดับตอนที่ #11 : กักบริเวณชั่วโมงที่ 3 :: เงือกน้อยผจญภัยในปาร์ตี้ฮาโลวีน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 990
      6
      19 ส.ค. 55

     

    ยินดีต้อนรับสู่ปาร์ตี้!!!
    พร้อมรึยังเอ่ย!!!!!!

    ถ้าพร้อมแล้วก็เปิดเพลงเบาๆบิ๊วอารมณ์ได้เลย..





     

    ถ้าคุณเคยฟังนิทานเรื่อง "เงือกน้อย ผจญภัย" คุณคงจะรู้เนื้อเรื่องของนิทานเรื่องดีใช่ไหม?  มันเกี่ยวกับเจ้าหญิงเงือกแห่งมหาสมุทรผู้หลงรักเจ้าชายมนุษย์ซึ่งอยู่บนพื้นดิน เธอได้ช่วยเจ้าชายไว้จากเรือที่กำลังอับปาง แล้วที่มีแม่มดปลาหมึกตัวอ้วนๆที่แอบคอยขัดขวางความรักเธอตลอด นางเงือกยอมเเลกเสียงอันเเสนไพเราะเพื่อให้เธอสามารถมีขาขึ้นไปเดินบนโลกมนุษย์ได้ (ประมาณว่ารักไร้พรมเเดนว่างั้นเหอะ)  สุดท้ายหลังจากฝ่าฟันอุปสรรค์บลาๆๆๆ มากมาย แม่มดก็ตาย ทั้งคู่ก็ครองรักอย่างมีความสุขชั่วนิรันด์~~ 

              แต่.. เฮ้! นั่นมันแบบฉบับของดิสนีย์ คุณก็รู้ว่านิทานของจริงแต่ละเรื่องนั้นถูกดิสนีย์เอาไปดัดแปลงซะจนไม่เหลือชิ้นดี!!  ดิสนีย์ไม่เคยบอกความจริงเลยว่า สโนไวท์ถูกคนเเคระทั้ง 7 รุมโทรม เจ้าหญิงนิทราถูกเจ้าชายจิตไม่ปกติข่มขืนตอนหลับจนท้อง ซินเดอเรลล่าแก้เเค้นแม่เลี้ยงโดยการเอานกมาจิกตาสดๆให้บอด แล้วปล่อยให้เป็นขอทาน ไหนจะหนูน้อยหมวกแดงที่ตอนจบถูกหมาป่ากินตายอยู่ในท้องอีกล่ะ...  ไม่เหมือนที่คุณคิดเลยใช่ไหม? ความจริงมันก็เจ็บปวดอย่างงี้เหละ

              เงือกน้อยผจญภัยก็เหมือนกัน มันมีเรื่องที่ค่อนข้างจะต่างจากฉบับดิสนีย์อยู่ เช่นตอนจบเจ้าชายไม่รับรักนางเงือก เพราะเขาไม่รู้ว่าเธอเป็นคนช่วยชีวิตเขาไว้    แถมดั๊นนน ไปเข้าใจว่าหญิงอีกคนต่างหาก ที่ช่วยเขา นางเงือกเลยช้ำรัก พี่ๆของเธอต้องไปหาของมาเเลกกริชกับแม่มด เพื่อที่นางเงือกจะได้เอากริซนั้นแทงเข้าที่หัวใจของเจ้าชาย โดยให้เลือดอาบที่ขาของเธอ (นั่นเป็นวิธีเดียวที่นางเงือกจะกลับมามีหางปลา และกลับมาใช้ชีวิตใต้ท้องสมุทรดังเดิมได้) แต่แน่ล่ะ นางเงือกไม่ยอมทำ ผลสุดท้าย เธอก็วิ่งกระโดดหน้าผาทั้งน้ำตา ยอมตายโดยการกลายเป็นฟองน้ำ (ซึ่งนั่นเจ็บปวดเหมือนกับโดนมีดบาดเป็นพันๆเล่ม ทุกๆวินาทีเลยล่ะ!)  


    เป็นยังไง ช่างเป็นเรื่องที่น่ารักซะไม่มี?!!~~

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - 



    กลับมาที่ผมต่อ...

              ผมเดาว่าที่คราวนี้ แม่มดใช้มุขนางเงือกน้อย คงเพราะเรสซ์เป็นนักร้องมืออาชีพ เธอมีพรสวรรค์ทางด้านดนตรี คล้ายกับนางเงือกในนิทานที่มีเสียงอันแสนไพเราะที่สุดในมหาสมุทร...

    "หมายความว่ายังไง?....." เสียงของเรสซ์แทรกจังหวะที่ผมกำลังเหม่อลอยคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่ 

     

    เธอหมายถึงอะไร?


              “ก็หมายถึงข้อความที่แม่มดส่งมาไงเล่า!!” สายตาเธอจ้องเขม็งอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์พักใหญ่แล้ว ที่ว่าให้เราแหวกว่ายหาบุคคลอันเป็นที่รักให้เจอภายใน 30 นาที.... หมายถึงให้เราตามหาใคร?


    "อาจจะเป็นพ่อแม่ของพวกเธอก็ได้มั้ง? ผมเดา

     
              “หรือไม่ก็อาจจะเป็น...... เธอเว้นช่วงไปก่อนจะหันหน้าไปยังตึกกิจกรรมที่กำลังจัดปาร์ตี้อยู่ สีหน้าเธอดูหวาดวิตกอย่างเห็นได้ชัด  ผมเข้าใจความหมายของเธอทันที


    หมายความว่า... เจนเซ่นกับลิลลี่.. พวกเขาอาจ...
       
          “อาจถูกจับตัวไป... เรสซ์ต่อคำให้   ผมมองเธออยู่พักนึง  ซึ่งคิดดูดีๆแล้วก็น่าจะเป็นไปได้ อย่างแรกพวกเขาไปหาครูนานเกินไป อย่างที่สองคือแม่มดไม่มีทางยอมให้พวกเราบอกใครเป็นแน่  เธอคงต้องหาทางขัดขวางพวกเขา...

              “ถ้าเป็นแบบนั้นจริง หมายความว่าพวกเขาไม่ทันไปบอกครู... ยังไม่มีใครรู้เรื่องพวกเราเรสซ์กล่าว ดูเหมือนความกลัวของเธอจะหายไป หรือไม่เธอก็ซ่อนมันไว้ เรสซ์พยายามเหมือนตัวเองเข้มแข็งขึ้น เหมือนเป็นสาวมั่นแบบที่เธอเคยเป็น

     

    งั้นเราต้องรีบตามหาพวกเขา ผมพูด

     

              “ไม่!” เรสซ์ปฎิเสธเสียงดังจนผมสะดุ้ง ฉันไม่มีทางหลงกลนังแม่มดมันอีก!  มันไม่ต้องการให้เราบอกใคร ถึงได้จับตัวพวกเขาไป...  ถ้าเรามัวแต่หาพวกเขาทั่วโรงเรียน สามสิบนาทีก็ไม่รู้จะเจอหรือเปล่า... แต่ถ้าเรารีบไปบอกให้ครูรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตำรวจจะมาภายในไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ!”

     

              ผมเห็นด้วยกับเธออย่างยิ่ง เวลาแค่นิดเดียว เดินรอบตึกกิจกรรมก็ยังไม่พอเลย ถ้าแจ้งตำรวจซะ ทุกอย่างคงจบ...... เว้นเสียแต่ว่าแม่มดคงจะไม่มีทางยอมให้พวกเราบอกใครแน่ๆ..

     

     เราไปกันเถอะ!...” เรสซ์กล่าว ไปหาครูในงานปาร์ตี้ข้างในตึกกัน 

     

                ไม่ทันที่ผมจะตอบตกลง เรสซ์ก็เริ่มพุ่งตัวไปยังตึกที่อยู่ห่างไม่ไกล ผมวิ่งตามเธอไป เราแค่ต้องวิ่งผ่านลู่วิ่งและอัฒจรรย์ขนาดใหญ่มหึมา เท่าสนามกีฬาประจำเมือง (ซึ่งอันที่จริง อัฒจรรย์ของที่นี่เหละ ที่ถูกใช้เป็นสนามกีฬาประจำเมือง)  ผ่านสนามฟุตบอลกลางแจ้ง ซึ่งทุกเที่ยงคืนของปาร์ตี้ฮาโลวีน เราทุกคนจะมารวมกันแล้วเล่นเกมกันตรงสนามนี้ (แบบเกมของปีที่แล้วก็คือ ผู้ชายคนไหน ยอมกระโดดลงสระว่ายน้ำทั้งชุดก่อนเป็นคนแรก คนนั้นจะได้ไปเดทกับเกล 1 วัน ซึ่งผลก็คือผู้ชายเกือบทั้งโรงเรียนอัดกันอยู่ในสระน้ำราวกับปลากระป๋อง)

     

              เราทั้งคู่วิ่งฝ่าอากาศอันเย็นยะเยือกจนขนแขนทั้งสองข้างตั้งชัน ปากผมสั่นเล็กน้อย ไหนจะทางที่มืดจนมองไม่ค่อยเห็นอะไรเลย สิ่งเดียวที่นำทางคือแสงไฟตกแต่งจากตึกกิจกรรม และเสียงเพลงจังหวะมันๆที่ยิ่งวิ่งเข้าไปใกล้ เพลงนั้นก็ยิ่งดังจนเกือบทำให้หูอื้อ

     

              “นั่นไง ทางเข้าเรสซ์พูดในขณะที่วิ่ง แสงไฟหลากสีที่ติดๆดับๆตามจังหวะของเสียงเพลง สาดส่องออกมาทางประตูหน้า บ่งบอกว่าปาร์ตี้ข้างในกำลังสุดเหวี่ยง ซึ่งข้างนอกตึกจะมีพวกนักเรียนที่แต่งชุดแฟนซีสองสามกลุ่มยืนอยู่  กลุ่มนึงกำลังอ้วกแตกบนพื้นโดยมีเพื่อนๆคอยลูบหลัง อีกกลุ่มกำลังจู๋จี๋กันในความมืด ดูแล้วเลี่ยนสนิท และอีกกลุ่มที่กำลังยืนเงียบๆ จ๋อยๆ ผมพอจะเดาออกว่าพวกนี้คือกลุ่มเด็กเนิร์ดจากการแต่งตัวที่แม้จะแฟนซีแต่ก็ยังเรียบร้อยสุดๆ ผมว่าถ้าคืนนี้ผมไม่มาเจอเรื่องบ้าบอคอแตกละก็ ผมคงจะกำลังเป็นหนึ่งในกลุ่มนั้นชัวร์ๆ!...

     

              มองหาครูไว้นะ แล้วก็อย่าหลงด้วย ข้างในเสียงดังมาก เราอาจจะไม่ได้เสียงที่พูดกัน เรสซ์บอกก่อนที่เธอกับผมจะเข้าไปในตึกกิจกรรม เราเดินไปตามห้องโถงที่เสียงเพลงดูจะอึกทึกมากขึ้นทุกที ตามทางก็มีตุ๊กตาน่ากลัวๆติดเต็มผนัง ไฟทางเดินถูกปิดไว้ให้มืดๆเพื่อเสริมบรรยากาศ แต่เป้าหมายของพวกเราคือโรงยิมขนาดใหญ่ซึ่งเป็นที่จัดงานปาร์ตี้ ทุกคนรวมอยู่ที่นั่น...

     



    ก้าวแรกที่พวกเราเปิดประตูโรงยิมเข้าไป พวกเราก็พบกับนักเรียนเป็นพันกว่าคนซึ่งกำลังโยกตัวไปมาตามจังหวะเสียงเพลงอย่างสุดเหวี่ยง ผมพยายามอุดหูเนื่องจากความดังขนาดเกินมาตรฐานแทบจะทำให้แก้วหูแตก แสงไฟฉายไปมาวนเวียนไปรอบๆ แถมยังเปิดปิด เปิดปิด จนผมตาลาย เราแทบมองไม่ออกว่าใครเป็นใคร แต่ละคนแต่งตัวเป็นผีทั้งที่แบบดูตลกๆ และแบบที่น่ากลัวจริงๆจนฮอลลีวู๊ดต้องยกนิ้วให้

     

              นอกจากเสียงเพลงแล้ว ยังมีเสียงของนักเรียนที่ร้องตะโกนเมามันไปทั่วทั้งโรงยิม เราแหวกไปตามฝูงจนเหมือนปลาที่แหวกอยู่ในน้ำ เรสซ์พยายามพูดอะไรบางอย่าง แต่ผมไม่ได้ยินเธอ เราใช้เวลาเป็นนาทีกว่าจะเข้าใจว่า หากผมกับเธอหลงหรือคลาดกัน ให้ไปเจอกันที่น้ำพุสีแดงซึ่งอยู่ใจกลางโรงยิมตรงนั้น..!”  ผมมองไปยังน้ำพุที่เธอว่า... ทางโรงเรียนลงทุนไปยกน้ำพุมาตั้งไว้กลางโรงยิม โดยน้ำที่พ่นออกมานั้นเป็นสีแดงสดเหมือนเลือด ตรงคอนเซ็ปฮาโลวีนดีมาก....

     

              นักเรียนที่กำลังเต้นอยู่นั้นเบียดเสียดยัดเยียดกันไปมา ผมอึดอัดและหายใจไม่ออก แถมแต่ละคนยังเต้นออกท่าทางกันสุดฤทธิ์จนเหงื่อท่วมตัว กลิ่นเหม็นเปรี้ยวสุดๆ    ผมกับเรสซ์ยังคงแหวกฝูงชนไปหาครูอย่างยากลำบาก  จู่ๆก็มีผู้ชายคนนึงที่แต่งตัวเป็นฆาตกรเจสันจากศุกร์ 13 ถือมีดปลอมๆมาวิ่งไล่ผู้หญิงไปทั่ว  ทุกคนในบริเวณนั้นหัวเราะกันกับการเล่นสนุก ไม่ช้าผู้ชายอีกคนที่แต่งตัวเป็นเฟร็ดดี้ ครูเกอร์(ตัวละครโปรดของผม) จากเรื่องนิ้วเขหมือบก็เข้ามาร่วมวงวิ่งไล่นักเรียนอีกคน ไหนยังจะคนที่แต่งตัวเป็นไอ้หน้าหนังจากเรื่องสิงหาสับ แล้วก็ลอร์ดโวลเดอมอร์ที่ถือกิ่งไม้ ตะโกนร่ายเวทย์มนต์ไปมาจนหลายคนเลิกเต้นแล้วหันมาวิ่งไล่กันแทน ทุกอย่างชุลมุลวุ่นวายไปหมด ยิ่งทำให้ผมตาลายและคลื่นไส้

     

              ในตอนนั้นเองที่ผู้ชายตัวใหญ่แต่งเป็นมนุษย์หมาป่าวิ่งมาชนที่ไหล่ผมอย่างจังจนผมล้มลง ผมรีบยันตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพบว่า..............   เรสซ์ไม่อยู่ข้างๆผมแล้ว

     

              บ้าจริง! ผมรีบเรียกชื่อเธอสุดเสียง แม้จะไม่ได้ยินเสียงของตัวเองเลยก็ตาม ผมมองซ้ายขวาผ่านกลุ่มนักเรียนที่วิ่งไปมาจนสังเกตุเห็นเธอในที่สุด เรสซ์อยู่ไกลออกไป กลุ่มฝูงชนผลักผมจนไม่สามารถเข้าไปหาเธอได้ มันค่อยดันผมให้ไหลไปตามกระแส  ดูเหมือนเรสซ์พยายามยกมื้อชี้ไปที่จุดๆหนึ่ง ผมมองตามมือของเธอ สายตาหยุดลงที่เวทีใหญ่ซึ่งมีดีเจกำลังเปิดเพลงและโยกไปมา เมื่อมองไปหลังเวทีอีกนิดผมมองเห็นครูใหญ่กำลังยืนอยู่...  

     

               เจ๋ง! นั่นไงล่ะ! ครูใหญ่ของโรงเรียนเรา เธอเป็นผู้หญิง และค่อนข้างจะเป็นคนหัวสมัยใหม่ หลักฐานก็คือการที่เธอยอมให้นักเรียนจัดปาร์ตี้สุดเหวี่ยงแบบนี้ได้... เธอคงกำลังยืนสังเกตการณ์อยู่ เรสซ์คงส่งสัญญาณให้ผมรีบไปหาเธอ ผมจึงพยายามแหวกกลุ่มนักเรียนเข้าไปใกล้ ผมใช้เวลาประมาณ 2-3 นาที กว่าจะถึงเวที ไหล่ผมแทบจะระบมไปหมด ความรู้สึกอึดอัดและอากาศที่แย่งกันหายใจทำให้ผมอยากสลบเหมือดไปตรงนั้นเสียเลย

     

               ไม่นะครูใหญ่หายไปแล้ว!!  ผมพยายามมองหาเธอ แต่ปรากฏว่าครูใหญ่เดินออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้   โธ่เอ้ย!! แย่จริง  แบบนี้คงต้องเบียดกับคนไปที่น้ำพุเลือดเพื่อไปเจอเรสซ์ลูกเดียวเท่านั้น บางทีเธออาจจะเจอครูแล้วก็ได้...

     

               ผมขี้เกียจจะอธิบายแล้วว่าผมเบียดคนอื่นท่าไหนบ้าง เสียงเพลงจังหวะมันยิ่งเร่งให้ทุกคนบ้าคลั่ง ขนาดโรงเรียนไม่อนุญาตให้นักเรียนเอาแอลกอฮอล์เข้ามาในงานนะเนี่ย (แต่เชื่อเถอะว่าต้องมีคนแอบเอามา)  ในที่สุดผมเดินมาถึงจุดที่นักเรียนวิ่งไล่จับกันอีกครั้ง ผู้คนใส่ชุดต่างๆตามคอนเซ็ปปะปนกันไป

     

                แต่ทว่าในขณะที่ผมมองชุดที่คนอื่นใส่อยู่ สายตาก็สะดุดเข้ากับชุดๆหนึ่ง... ชุดคลุมสีดำ... หมวกทรงสูงปลายแหลม และมีดทำครัวเล่มยาวเปื้อนเลือดบนมือ....

     

     

     

     

    แม่มด!!!




    พระเจ้า!!!  ผมสาบานว่าผมเห็นเธอจริงๆ  เธอกำลังหยุดยืนนิ่งท่านกลางฝูงชน สายตาจดจ้องมายังผม ปากฉีกยิ้มกว้างจนน่าขนลุก ก่อนที่ผมจะรู้สึกตัว  เธอวิ่งเงื้อมีดขึ้นและพุ่งเข้ามา!!!

     

    ไม่!!!

     

    ผมรีบวิ่ง! แต่คนที่อัดกันเหมือนกับกำแพงทำให้ผมหนีไปไหนไม่ได้ ทำได้เพียงวิ่งปะปนกับกลุ่มที่กำลังวิ่งไล่กันอยู่

     

    หลีกไป!!”

     

               ผมตะโกนเสียงดัง นักเรียนคนอื่นคิดว่าผมกำลังเล่นด้วย จึงวิ่งถือมีดปลอมไล่จับผมบ้าง  ผมชนกับคนนู้นที คนนี้ที ต่างคนต่างหัวเราะด้วยความคึกคะนอง ในขณะที่แม่มดกำลังเงื้อมีดจ่อหลังอยู่ห่างเพียงไม่กี่คืบ!

     

    ตาย!!!”

     

                 คนที่แต่งตัวเป็นเจสันพยายามดัดเสียงทุ้มต่ำเพื่อให้คนอื่นตกใจ ต่างไม่มีใครรู้เลยว่าหญิงที่กำลังจ้วงมีดอย่างบ้าคลั่งข้างหลังคือของจริง!  ผมวิ่งสุดชีวิต แม่มดเอื้อมมือเหี่ยวๆคว้าคอเสื้ออย่างแรงทำให้ผมล้มลง เธอขึ้นคร่อมและกดทับน้ำหนักจนผมดิ้นไม่ไหว คนอื่นๆมองผมโดยคิดว่าเป็นเพียงแค่การเล่นตลก

     

    ช่วยด้วย!!!!”

     

              ผมกรีดร้อง แต่แม่มดเงื้อมีดขึ้นเหนือหัว ซึ่งนั้นทำให้ผมเห็นภาพซ้อนกับเหตุการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว.. ครั้งแรกที่ผมเจอเธอ ตั้งแต่ผมถูกแทงคราวนั้นผมคิดเสมอว่าถ้าตัวเองตกอยู่ในเหตุการณ์นั้นอีกครั้งจะทำอย่างไร... ผลสุดท้ายที่คิดได้ และคิดตลอดว่าหากมีโอกาสให้แก้ตัว จะทำมันอย่างสุดแรง! ซึ่งนั้นก็คือ ถีบแม่งเลย!!!

     

    ผัวะ!!

     

              ผมถีบเข้าที่ท้องเธออย่างจัง แม่มดกระเด็นไปข้างหลังพร้อมกับมีด เธอพยายามควานหามันอย่างรวดเร็ว  ต้องให้ได้อย่างนี้สิ!! ฉันล้างแค้นแกได้แล้ว!! ผมได้โอกาสจึงรีบลุกขึ้นหนีไป.... แต่ทว่าแม่มดคว้ามีดได้ทันในตอนที่ผมกำลังถูกกลืนเข้ากลุ่มฝูงชนพอดี เธอตวัดมีดบาดหลังอย่างแรง จนผมต้องร้องด้วยความเจ็บปวด โชคยังดีที่คนค่อยๆดันให้ผมออกห่างจากแม่มดมากยิ่งขึ้น ท้ายที่สุดแม่มดผู้ซึ่งแหวกเข้ามาไม่ได้ ก็เดินปะปนกับฝูงชนหายไป

     

              สิ่งต่อมาที่ผมพอจะคิดได้ก็คือวิ่งไปเตือนเรสซ์ที่น้ำพุ และพาเธอหนีออกไปจากที่นี่ซะ ดูเหมือนการตามหาครูจะเป็นสิ่งที่ยากกว่าตามหาเจนเซ่นและลิลลี่ด้วยซ้ำ  ผมเบียดฝูงชนอีกครั้ง แต่คราวนี้มันช่างเจ็บปวด เพราะยิ่งเบียด แผลที่หลังก็ยิ่งฉีกออก

     

              นั่นไง!! ผมเห็นน้ำพุลางๆแล้ว เรสซ์กำลังยืนรอผมอยู่  เธอเหมือนกำลังมองหาผมเช่นกัน แต่กลุ่มคนที่กำลังเต้นอยู่กันให้ผมไปหาเธอไม่ได้ ผมจึงต้องพยายามส่งสัญญาณแทนโดยการชูมือขึ้นสูงแล้วโบกไปมา ไม่ช้าเรสซ์ก็สังเกตเห็น เธอพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เสียงเพลงกลบหมด

     

    เรสซ์!” ผมตะโกน...

     

     

     

     

     

     

    เรสซ์!!! ข้างหลัง!!!!!!”

     

              ผมตะโกนสุดเสียง! ข้างหลังของเธอ!! แม่มด!!  มันอยู่ข้างหลัง!!  เรสซ์ไม่รู้เรื่องอะไรเลยแม้แต่นิด เธอทำท่าเหมือนงง ในขณะที่ผมพยายามชี้ไปยังข้างหลังเธออย่างเอาเป็นเอาตาย

     

    กรี๊ดดดดดดดด!!” เรสซ์ร้องเสียงดัง

     

    ไม่!!!”  

     

               ทุกคนรอบข้างหยุดเต้นและหันมามองที่น้ำพุเป็นตาเดียว แม่มดกำลังจับตัวเรสซ์แน่น เธอเหวี่ยงเรสซ์อย่างแรงจนเธอหล่นลงไปในน้ำพุ เสื้อเปื้อนสีแดงจนดูเหมือนเลือด แม่มดตวัดมีดใส่ตัวเธออย่างรวดเร็ว แต่เรสซ์กลับหลบได้

     

                "เฮ้ย! พวกเรา คราวนี้เรสซ์เล่นเป็นเหยื่ออีกแล้วว่ะ ฮ่าๆๆ!!” หนึ่งในกลุ่มคนดูโพล่งขึ้น คนอื่นๆจึงต่างโห่ร้องเสียงดัง พวกเขาไม่รู้เลยว่าเรสซ์กำลังจะถูกฆ่าจริงๆ!

     

    ช่วยด้วย!!!!” เธอกรีดร้องในขณะที่ตัวเธอจมอยู่ในบ่อน้ำพุ เสียงของเธอนั้นฟังดูหวาดกลัวสุขีด

     

    แสดงไม่ค่อยเหมือนจริงเลยอ่ะ ฮ่าๆหญิงคนนึงกล่าว



    ฉึก!!

     
              แม้เสียงเพลงจะดังขนาดไหน แต่เสียงมีดกลับก้องอยู่ในหูผม เรสซ์พยายามใช้มือปัดป้อง แต่มีดกลับแทงทะลุมือเธอ!

     

    โห ลงทุนใช้มือปลอมด้วย!!” ต่างคนต่างปรบมือราวกับมันเป็นเพียงโชว์เล็กๆฆ่าเวลาเท่านั้น

     

              “จะบ้าเหรอ!! นั่นมันของจริงนะ รีบช่วยเธอเร็วเข้า!!” ผมพยายามร้องบอกทุกคน แต่ดูเหมือนไม่มีใครสนใจสักคนเดียว

     

    ได้โปรด!” หญิงสาวร้องเสียงสะอื้น เธอกรีดร้องอีกครั้งตอนที่แม่มดดึงมีดออกจากมือเธอ

     

    ไม่!!!” เรสซ์กำลังจะถูกฆ่า แต่ไม่มีใครช่วยเธอเลย!! มีแต่เสียงหัวเราะที่เหมือนจะซ้ำเติมเธอเท่านั้น

     

     “ไอ้เอ๋อ! นายช่วยเงียบจะได้มั้ย!! ปัญญาอ่อนไปได้!! เขาแค่แสดงกันเฉยๆเว้ย!” ชายคนที่ยืนขวางผมหันมาต่อว่า เพี้ยนว่ะ!” อีกคนเสริม

     

    ฉึก!!!

     

                 คราวนี้แม่มดจ้วงมีดแทงทะลุท้องของเธอ ตาของเรสซ์เบิกโพลง ตัวเธอกำลังสั่นระริก เหมือนเธอพยายามจะพูดอะไร แต่เสียงกลับติดอยู่ในลำคอ ไม่ช้าเธอก็ล้มลง ร่างที่ชักกระตุกกำลังจมลงไปในน้ำ แม่มดจ้วงมีดเข้าไปอีกครั้ง เธอจ้วงแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในขณะที่ผมทำได้แค่ร้อง

     

               “เหมือนจริงมากว่ะ!! ตบมือหน่อยเร็ว!!”  ผู้คนต่างพากันปรบมือเสียงดัง บางคนโห่ร้อง บางคนผิวปากให้ เสียงหัวเราะปะปนกันไป แม่มดดึงมีดออกจากร่างของเรสซ์ เธอค่อยๆก้าวขึ้นมายืนบนขอบน้ำพุตัวตรง ก่อนจะโค้งคำนับช้าๆให้คนดู ไม่มีใครรู้เลย ว่าตอนนี้เรสซ์ตายไปแล้วจริงๆ....

     

              แม่มดกลับมายืนนิ่งอีกครั้ง เธอจ้องมองด้วยสีหน้ายิ้มเย้ย มือเหี่ยวๆชี้นิ้วผ่านฝูงชนมาทางผม ทุกคนหันมามองผมด้วยเป็นตาเดียว ผมจ้องตาเธอ ในใจเต็มไปด้วยความโกรธ เมื่อแม่มดเห็นว่าผมรู้ตัวแล้ว เธอจึงชี้ไปยังผนังสูงด้านขวา  ผมมองตามมือเธอ มันคือนาฬิกาดิจิตอลขนาดใหญ่ที่ติดอยู่...

     

    เหลืออีก 5 นาที!!

     

              ผมเหลือเวลาอีก 5 นาทีเท่านั้นที่จะช่วยเจนเซ่นกับลิลลี่!! พอผมมองกลับมา แม่มดก็แบกร่างไร้วิญญาณของเรสซ์ผ่านฝูงชนหายไป....





     

    KiT Ta
    ขอขอบคุณธีมสวยๆจากคุณ
    THE'KITTA .ด้วยครับ

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×