ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dark Tales นิทานก่อนตาย

    ลำดับตอนที่ #8 : กักบริเวณชั่วโมงที่ 2 :: วิ่งเร็วๆสิ!

    • อัปเดตล่าสุด 19 ส.ค. 55


      


              คุณจำครั้งล่าสุดที่คุณกำลังวิ่งได้ไหม? คุณวิ่งทำไม? คุณอาจวิ่งไปซื้อของ วิ่งเล่นกับเพื่อน วิ่งกลับบ้าน วิ่งไปโรงเรียน แต่สำหรับผมแล้ว วิ่งครั้งล่าสุดเท่าที่จำได้ ก็คือตอนที่ผมวิ่งแข่งกีฬาสีตอนอายุสิบห้า..
     
              เนื่องจากขาดนักวิ่งอีกคนนึง และไม่มีใครสมัคร เราจึงจับฉลากกัน และแน่นอนว่าผมเป็นผู้โชคร้าย ซึ่งทั้งห้องไม่มีใครสนอยู่แล้วว่าผมจะแพ้หรือชนะ เขาสนแต่ว่าเจนเซ่นจะสามารถชิงรางวัลชนะเลิศบาสเก็ตบอลได้หรือเปล่าต่างหาก... แต่ถึงกระนั้นผมก็ทุ่มเท ฝึกซ้อม วิ่งให้เร็วที่สุด หวังลึกๆว่าถ้าผมชนะ ทุกคนอาจสนใจผมขึ้นมาบ้างก็ได้.. หลังจากนั้นทั้งสัปดาห์ผมก็ไม่ทำอะไรนอกจากวิ่ง วิ่ง แล้วก็วิ่ง ไอดอลของผมคือนางเอกหนังสยองขวัญที่มักวิ่งหนีฆาตกรเร็วได้โล่
     
              และเมื่อถึงวันแข่งจริง ผมตื่นเต้น... แม้ว่าคนที่มาชมการแข่งขันในรอบนั้น คือพวกเพื่อนๆของคู่แข่งก็ตาม ทันทีที่สิ้นเสียงปืนของผู้ปล่อยตัวนักวิ่ง ผมก็วิ่งสุดชีวิต!.. ในหัวคิดแต่ว่ามีฆาตกรอยู่ข้างหลังผม!! ถ้าไม่รีบวิ่ง ผมตายแน่!! ซึ่งมันได้ผล! ผมวิ่งแซงมาเป็นที่หนึ่ง จินตนาการในตอนนั้น คู่แข่งทุกคนคือฝูงซอมบี้ที่คิดจะกินเนื้อผมเป็นอาหารเที่ยง... เพื่อนต่างห้องทึ่งกับความเร็วที่ผมทำ แต่ว่า.... แน่ละ! ผมดีใจได้ไม่นาน ระยะห่างของผมกับซอมบี้ก็แคบลง แคบลง ท้ายที่สุด ซอมบี้ก็กินผม กินเนื้ออย่างเอร็ดอร่อย แล้วปล่อยให้ร่างไร้วิญญาณของผมวิ่งไปถึงเส้นชัยเป็นคนสุดท้าย... ในตอนนั้นเองที่ผมตระหนักได้ว่า หากผมเป็นตัวเอกในหนังสยองขวัญ ผมไม่มีทางรอดแน่ๆ
     
              แต่ใครจะรู้!!.. เพราะในตอนนี้ต่างหากที่ผมเพิ่งจะตระหนักอย่างแท้จริงเลยว่า จินตนาการว่าหนีซอมบี้ กับหนีฆาตกรจริงๆนั้นต่างโดยสิ้นเชิง ความเร็วในตอนนั้นไม่ถึงครึ่งกับที่ผมวิ่งอยู่นี่ด้วยซ้ำ!
     


    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
     

    วิ่งเร็ว!! วิ่งเร็ว!! วิ่งเร็ว!!
     

              ขาทั้งสองข้างวิ่งผ่านซากตู้หนังสือทั้งหลาย ผมไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปมองข้างหลัง เพียงเสียงฝีเท้าที่ดังถี่อย่างต่อเนื่องกำลังใกล้เข้ามาทุกที ทุกที ผมรู้สึกเสียววาบไปทั้งตัว มีดเล่มนั้นตวัดไปมาอย่างน่าหวาดหวั่น ผมกำลังวิ่งไปถึงหลังห้องที่มีแต่ผนัง ผมกำลังจะถึงทางตัน..
     


    “ลีออน!!! เสร็จหรือยัง!!?”
     

              ไม่มีเสียงตอบรับจากเขา.... ให้ล่อฆาตกรโรคจิตเนี่ยนะ? เป็นความคิดที่แย่ที่สุดเท่าที่เคยได้ยิน! นี่เขาไม่เคยดูหนังสยองขวัญหรือไง? ใครก็ตามที่ลองดีโดยการวิ่งล่อฆาตกร มักจะโดนเชือดตายห่านก่อนเป็นคนแรก นี่เป็นกฎคลาสสิกของหนังเลยนะเนี่ย!
     

    “ฉึก”
     
     
             เสียงมีดเสียบเข้าไปในอะไรบางอย่าง วินาทีแรกผมคิดว่าเป็นตัวผม แต่ดูเหมือนแม่มดจะพลาด เสียบเอาโต๊ะไม้มากกว่า ในจังหวะที่แม่มดพยายามดึงมีดออก ผมก็เลี้ยวจากผนังไปสู่อีกด้านของห้อง
     

    แต่เธอเร็วกว่ามาก
     

              ไม่กี่วินาทีเธอก็ยืนอยู่ตรงหน้าเหมือนหายตัวได้ รอยยิ้มนั้นกว้างกว่าเดิม มือเหี่ยวๆทั้งสองข้างพุ่งมายังลำคอ พร้อมกับใช้นิ้วอันซูบผอมเหมือนขาแมงมุมบีบแน่น ผมหายใจไม่ออกแล้วทรุดตัวลง แม่มดบีบแรงขึ้นอีก ในหัวผมขาวโพลนไปหมด คิดอะไรไม่ออก ลมหายใจจุกอยู่ที่ลำคอ รู้สึกถึงแรงดันที่จะระเบิดออกมา  ผมพยายามดิ้นสุดชีวิต แต่พละกำลังเธอเยอะเหมือนกับหุ่นยนต์  ผมจึงรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายใช้เท้าถีบเข้าที่ท้องเธออย่างจัง เธอไม่แสดงอาการเจ็บปวด แต่ชะงักไปชั่วขณะนึง ผมได้โอกาสจึงรีบลุกขึ้นวิ่งอีกครั้ง
     

    อ๊ากกก!!...
     
              เสียงร้องของลีออนดังมาจากหน้าประตู! เขากำลังสะบัดมือตัวเองอย่างแรง ดูเหมือนเขาเพิ่งจะโดนไฟช็อต ลีออนทำท่าทางชักแปลกๆแม้จะอยู่ห่างจากแผงวงจรแล้วก็ตาม
     

    “ลีออน!! เป็นอะไรมั้ย?!!!”
     

              ความจริงนี่ไม่ใช่เวลาจะมาห่วงคนอื่นเลย เพราะพอผมกล่าวจบมีดเล่มยาวก็บาดเข้าที่หลังตั้งแต่ไหล่ไปถึงกลางหลัง ผมกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างยิ่งยวด สัญชาตญาณบอกให้วิ่งต่อไป ขาทั้งสองข้างยังคงเคลื่อนไหวอยู่ แม้กล้ามเนื้อจะปวดระบมไปหมดแล้วก็ตาม
     
               ในวินาทีนั้นเอง ผมก็ได้ทำสิ่งโง่ๆ ที่ผู้หญิงในหนังสยองขวัญมักจะทำกันก็คือสะดุดก้อนหินล้ม! ต่างนิดเดียวตรงที่ผมไม่ได้สะดุดก้อนหิน แต่ผมสะดุด “ศพ” ของเกลล้มต่างหาก ซึ่งนั้นทำให้เท้าผมเกี่ยวเข้ากับผ้าที่เราใช้คลุมร่างของเธอ สภาพศพของเธอจึงถูกเผยออก อีกครั้งที่ผมรู้สึกแปลกๆกับ “ศพ” ของเกล... มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!.. แต่ไม่มีเวลาให้คิดมาก เพราะแม่มดตวัดมีดเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้ผมรีบพลิกตัวอย่างรวดเร็ว...
     

    “ลีออน!!!”
     
              “ได้แล้ว!!!” ลีออนตะโกนพร้อมกับเสียงดัง “กริ๊ก!” เขารีบกระโดดออกจากเคาน์เตอร์แล้วผลักประตูออกไปอย่างแรง เขาออกไปแล้ว!! ผมเองก็รีบวิ่งไปยังประตูนั้น แต่ทว่ามันไม่ง่ายเลย เพราะแม่มดกระชากคอเสื้อผมพร้อมกับจ้วงมีดลงตรงแขน คมมีดปักลงบนเนื้อนุ่มได้เพียงนิดเดียว ความเจ็บปวดมากมายก็ถาโถมเข้ามา ผมปัดมีดนั้นออกสุดแรงจนมันกระเด็นไปอีกด้านนึงของห้อง! แม่มดมองตามมีดที่ลอยไป ผมได้โอกาส จึงวิ่งไปที่ประตู....
     
              แต่ทว่า....ดันเกิดประกายไฟอย่างแรงตรงตู้วงจร!!  คล้ายกับไฟฟ้าเกิดลัดวงจรจนประกายไฟกระเด็นไปโดนทั่วพื้นและผนังไม้ซึ่งไวไฟ   ไม่ช้าเปลวเพลิงก็ลุกโชนและขยายวงใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันที่สุดคือเสียงดัง “กริ๊ก” คล้ายเมื่อกี้ดังขึ้นอีกครั้ง!... ผมรู้มันหมายความว่ายังไง ...
     

    ไม่!!!!!
     

              ผมออกแรงดันประตู แต่ทว่าดันเปิดไม่ออก พระเจ้าช่วย!!! ประตูเหล็กกลับมาล็อกอีกครั้งเพราะไฟฟ้าลัดวงจร! ความร้อนจากเปลวเพลิงกำลังจ่อที่หลัง และเมื่อผมหันกลับไป ร่างสีดำอันน่าสะพรึงของแม่มดก็กระชากศีรษะผมโขกกับประตูอย่างแรง
     


    ผมหมดทางหนีแล้ว... 
     




    “กริ๊ก!”
     
              เสียงนั้นดังอีกครั้ง ผมรีบใช้เท้าถีบประตูออก แต่ทว่ามันยังล็อกอยู่เหมือนเดิม? ไม่ใช่ตำแหน่งเดิม ไม่ใช่ประตูบานนี้ เสียงนั้นดังมาจากปลายห้อง! ผมสังเกตเห็นตู้หนังสือตู้ที่ใหญ่ที่สุดอยู่ปลายห้อง มันกำลังค่อยๆเลื่อนออก! เลื่อนออกพร้อมกับเสียงดังก้องกังวาน อย่าบอกนะว่า!...ที่นี่มีทางลับ!
     
              ในขณะที่ความร้อนเพิ่มขึ้นทุกขณะ ห้องสมุดกำลังไฟไหม้! แต่ทว่ากริ่งเตือนภัยกลับไม่ทำงาน ประตูและหน้าต่างปิดหมด ไม่มีใครรู้ว่าที่นี่ไฟไหม้! ผมกำลังถูกรมควันตายในห้องนี้... ไม่ทันตั้งตัว แม่มดก็ดันผมติดผนัง แล้วยกร่างของผมลอยขึ้นไปอย่างง่ายดาย สายตาของมันจ้องหน้าผมเขม็ง ความรู้สึกนี้มัน... คุ้นๆ เหมือนตอนที่ผมถูกเจนเซ่นแกล้งทุกเช้า สุดท้ายแล้วสิ่งที่ผมถูกกระทำก่อนตายก็ไม่ต่างอะไรกับโดนเพื่อนแกล้งตอนเช้างั้นเหรอ?..
     
               วินาทีนั้นที่ผมคิดได้.... จะต้องให้โดนแบบนี้อีกกี่ครั้งผมถึงจะรู้สักทีว่าตัวเองต้องสู้!.. ที่ผมกลายเป็นคนห่วยแตกแบบนี้เพราะผมเองนี่เหละที่ยอมให้เขาเหยียบย่ำผม!... ผมเองนี่เหละที่ยอมให้ทุกคนแกล้ง... ผมเองนี่เหละที่ไม่ยอมตอบโต้อะไรเลย!!... 
     
    สิ่งที่ผมต้องทำ... ก็แค่.. ต่อยมันให้สุดแรง!!!
     


    “ผัวะ!!”
     
               แม่มดกระเด็นอย่างแรง กลิ้งหลุนๆเข้าไปในกองไฟ เสียงหวีดร้องแหลมด้วยความทรมานดังกังวานไปทั่ว ผมหล่นลงมากองกับพื้นร้อนๆ ก่อนจะรีบลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ควันสีเทาอบอวลคละคลุ้งไปทั่วทำให้เห็นทางไม่ถนัด กลิ่นเหม็นแสบคอทำให้ผมสำลัก เท้าสองข้างรีบหลบกองไฟแล้วเดินไปยังหลังห้อง สู่ช่องว่างที่ตู้หนังสือเปิดออก มันมีทางลับจริงๆด้วย!... โรงเรียนของเราไม่ใช่โรงเรียนธรรมดาแน่!.. ก่อนผมจะเดินเข้าไปสู่ความมืด จู่ๆผมก็นึกอยากจะพูดทิ้งท้ายบางอย่างไว้..
     
              “เฮ้!! แม่มด! จำเรื่องแฮนแซลและเกรเทลได้ไหมล่ะ! ที่ตอนจบแม่มดถูกเผาอยู่ในเตาอบไง เหมือนกันเปี๊ยบ ตามแบบที่เธอชอบเลยไม่ใช่เหรอ?!!”
     

    แหม.... สะใจพิลึกแฮะ..
     


    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
     
     
            ความลับของโรงเรียนฮอลโลเวลที่ผมเพิ่งค้นพบ คือทางลับที่ต่อจากห้องสมุดไปสู่บันไดวนแคบๆ มืดๆ ลงไปเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ในความมืดผมค่อนข้างจะลงไปได้ลำบากมากจึงต้องลงอย่างช้าๆ ไม่รู้ว่าทำไมช่วงนี้ผมถึงต้องอยู่ในที่หนาวๆตลอด มันเป็นบรรยากาศที่ปกติหรือคำสาปเวทมนต์ของแม่มดกันแน่ พูดถึงเรื่องคำสาป... เป็นไปได้หรือไม่ที่แม่มดจะไม่ใช่ของจริง...
     
              ไม่รู้สิ.... ตอนที่ผมสู้กับแม่มดไปเมื่อกี้นี้ มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนว่าเธอไม่ใช่สิ่งที่เหนือธรรมชาติ... เธอจับต้องได้ เธอตอบสนองได้... เหมือนเธอเป็นมนุษย์คนนึง... แต่ท่าทางการเคลื่อนไหวก็ดูเหมือนไม่ใช่มนุษย์.. ยังไงกันแน่เนี่ย...? ไม่ใช่สิ่งที่เหนือธรรมชาติ แต่ก็ไม่ใช่มนุษย์? งั้นจะเป็นอะไรล่ะ?
     
              เท้าผมเหยียบอะไรบางอย่างดัง “แผละ” ในความมืด ความรู้สึกเหมือนเหยียบซากของอะไรที่เละๆ เหนียวๆ นุ่มๆ ผมพยายามจะไม่นึกว่ามันคืออะไร ถึงกระนั้น ภาพของสภาพ “ศพ” ครูโจเซฟินที่หล่นลงไปถึงชั้นล่างก็ผุดเข้ามาในหัว จะว่าไป ศพของครูกับเกลก็มีอะไรแปลกๆที่ผมนึกไม่ออกค้างคาใจอยู่ ให้ตายสิ! ถ้านี่เป็นหนังสยองขวัญละก็ คนดูคงจะเดาทุกอย่างออกหมดแล้วตั้งแต่ต้นเรื่อง.. แล้วเขาก็คงจะนั่งก่นด่าผมในใจที่ผมดันโง่เกินกว่านึกเรื่องง่ายๆออก จะให้ทำไงล่ะ! ผมนึกไม่ออกจริงๆนี่...
     
               บันไดนี่จะพาผมไปไหนนะ? อาจจะฟังดูแปลกที่ผมเพิ่งจะมาตั้งคำถามเอาตอนที่เดินลงมาหลายชั้นแล้ว ผมใช้เวลาเป็นสิบนาทีในการลงมาข้างล่างอย่างระมัดระวัง ในที่สุด หลังจากสะดุดขั้นบันไดหลายรอบ ผมก็เริ่มเห็นแสงสว่างลางๆ เมื่อเดินลงไปจนถึงขั้นล่าง ผมก็ยืนอยู่ในห้องเล็กๆที่ว่างเปล่า.... ว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย... ยกเว้นประตู!!
     
    ไชโย!! ในที่สุดผมก็เจอทางออก
     
               แต่ว่านอกเหนือไปจากประตูแล้ว ผนังด้านเดียวกันก็มีกระจกติดผนังบานใหญ่ กระจกนั้นส่องให้เห็นอีกด้านนึงของห้อง... นั่นมัน.. ห้องเรียนของเรานี่นา!! ไม่ผิดแน่ อีกด้านนึงคือห้องเรียนที่ผมเรียนเมื่อเช้านี้นี่เอง!..
     
               อ๋อ... เข้าใจแล้ว.. ไม่มีใครเคยสงสัยเลยว่าหลังประตูบานที่ล็อกอยู่ตลอดเวลานั้นคือห้องอะไร คุณครูเองก็ไม่รู้ พวกเราจึงคิดเอาเองว่ามันคือห้องเก็บของธรรมดาแบบที่หลายห้องมี ไม่นึกว่าที่แท้มันจะเป็นทางลับที่นำเราไปสู่ห้องสมุด!.. แถมกระจกบานนี้ ในด้านของห้องเรียนมันคือกระจกธรรมดาที่สะท้อนเงาพวกเรา ที่แท้มันก็คือกระจกเงาแบบเดียวกับที่ใช้ในห้องสอบปากคำของตำรวจนี่เอง..
     
              ผมทำท่าจะเดินไปเปิดประตู แต่ทว่าผมกลับได้ยินเสียงของใครบางคนกำลังเดินเข้ามาในห้องนั้น ผมรอดูสักพักก่อนจะเห็น เจนเซ่น เรสซ์ ลิลลี่ และ ลีออนเดินเข้ามา!.. นี่พวกเขาออกมาได้แล้วเหรอเนี่ย? แถมลีออนก็เจอพวกเขาแล้วด้วย
     
              “เราจะทำยังไงดี?”เรสซ์พูด “ระบบล็อกอัติโนมัติทำให้เราออกไปจากตึกไม่ได้ แถมกระจกที่นี่ก็แข็งยังกับกระจกกันกระสุนอีก”
     
              “ฉันว่า... เท่าที่ดูแล้วกระจกทุกบานในตึกเป็นกระจกกันกระสุนของจริงนะ” ลีออนกล่าว
     
               “โรงเรียนนี้มันบ้าไปแล้ว ฉันว่าต้องมีความลับอะไรบางอย่างที่ทางโรงเรียนปิดบังพวกเราไว้แน่!”เรสซ์ท่าทางอารมณ์เสียมาก เธอเดินไปนั่งบนเก้าอี้หลังห้อง ตัวที่เธอนั่งประจำเวลาเรียน
     
              “เราอย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องหนีเลย ฟิตซ์ยังติดอยู่ข้างบนนะ ไม่คิดจะช่วยเขาเลยหรือไง?!!” ลิลลี่ท้วง ผมล่ะซึ้งใจจริงๆที่เธอยังคิดถึงผมอยู่
     
              “ฉัน... ว่าฟิตซ์อาจจะไม่รอด..”เจนเซ่นเดินเข้ามา เขาหันหลังพิงกระจกทำให้ผมเห็นคนอื่นไม่ชัด ว่าแต่ผมจะมัวแอบอยู่ตรงนี้ทำไมเนี่ย? รีบเดินออกไปหาทุกคนดีกว่า
     
               ผมตั้งท่าจะผลักตัวออกจากกระจกแล้วเดินไปยังประตูอีกครั้ง แต่ทว่า จู่ๆเสียงโทรศัพท์ของทุกคน(ยกเว้นของลีออนที่พังแล้ว และของผมที่แบตหมด)ก็สั่นเตือนข้อความใหม่ ผมจึงหันหน้ามองดูเจนเซ่นเปิดข้อความใหม่ผ่านกระจก 
     
              “ไม่!!!” ลีออนที่ขอดูข้อความกับเรสซ์ร้องเสียงดัง สิ่งที่ผมเห็นผ่านโทรศัพท์ของเจนเซ่นคือรูปพ่อกับแม่ของพวกเขาที่ยังถูกจับมัดรวมกันอยู่ แต่สิ่งที่แย่กว่าครั้งที่แล้วก็คือสีหน้าของพวกเขาดูแย่ลง และตามตัวก็มีรอยแผลเหมือนถูกทรมาน!.... ลืมเรื่องพ่อกับแม่ของพวกเขาเสียสนิทเลย! แม่มดจับตัวพ่อแม่พวกเขาไว้ และการที่เธอส่งก็ความมาได้ก็หมายความว่า...
     
    เธอยังไม่ตาย!!
     
    ผมหันไปมองข้างหลังอย่างระแวง  นี่....เธอจะตามผมลงมาหรือเปล่า?
     
              “นังแม่มดชั่ว!! แกทำอะไรกับพ่อแม่ของฉัน!!” เจนเซ่นสบถเสียงดังอย่างเกรี้ยวกราด
     
              “ดูสิ! เธอส่งข้อความมาด้วย!” ลิลลี่บอก เจนเซ่นจึงกดอ่านข้อความ ผมชะโงกดูหน้าจอโทรศัพท์อย่างตั้งอกตั้งใจ
     
     
    การกักบริเวณของพวกเธอยังไม่จบนะจ๊ะ
    หนูน้อยหมวกแดงทั้งหลาย
    คราวนี้ฉันจะไม่ไว้ชีวิตพ่อกับแม่ของพวกเธอแน่ๆ
    ถ้าเธอยังไม่ยอมเล่นตามกฎ!
     


              “โอไม่นะ! รอบนี้เธอไม่ขู่จะตัดอวัยวะแล้ว คราวนี้เธอจะฆ่าพ่อกับแม่ของพวกเขาเลย!”  ผมคิดในขณะที่รอให้เจนเซ่นเลื่อนข้อความสู่บรรทัดต่อไป และทันทีที่ผมอ่าน ผมก็แทบจะช็อกจนตัวแข็งกลายเป็นหิน
     



    ฉันทำหมาป่า(เพื่อนตัวเล็กของเธอ)หลุดไป
    ในฐานะหนูน้อยหมวกแดง
    จงฆ่าหมาป่าตัวนั้นภายใน 10 นาที!
    แล้วฉันจะไว้ชีวิตพ่อกับแม่ของพวกเธอ
    ฆ่าเสร็จแล้วคุณยายใจดีคนนี้ก็จะเปิดประตูตึกให้นะจ๊ะ
    รักหนูน้อยหมวกแดงทุกคน
    -จากคุณยายของหนู

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    KiT Ta
    ขอขอบคุณธีมสวยๆจากคุณ
    THE'KITTA .ด้วยครับ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×