ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dark Tales นิทานก่อนตาย

    ลำดับตอนที่ #6 : กักบริเวณชั่วโมงที่ 1 :: เจ้าหญิงนิทรา ผู้หลับใหลในความมืด

    • อัปเดตล่าสุด 19 ส.ค. 55


             
     
     
     
                       

     

              คุณเคยเห็นหนูทดลองไหม? แบบว่า... คุณเคยสงสัยมั้ยว่าหนูทดลองรู้สึกยังไงเวลาโดนขัง? เวลาที่มันได้แต่วิ่งไปมาในกรง  นอนรอความตาย... คุณรู้ไหมว่ามันรู้สึกยังไง?... สำหรับผมแล้ว ตอนนี้ผมว่าผมเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งเลยล่ะ...


               ผมคงจะเคยบอกคุณไปแล้ว ผมไม่สนว่าตัวเองจะตายยังไง  ผมไม่เคยคิดเลย... แต่สำหรับตอนนี้ ทุกอย่างมันอยู่ในหัวผม บางทีคนเรามักจะรู้ตัวว่ามีความตายตามติดตลอดเวลา ก็ต่อเมื่อมันสะกิดหลังคุณ และบอกคุณว่า “เฮ้อีกเดี๋ยวเจอกัน!!” ปฎิกิริยาแรกที่คุณจะรู้สึกคือ “กลัวแต่หลังจากนั้น คุณก็จะถูกบังคับให้ทำใจ” และตอนนั้นเอง ที่คุณเริ่มรู้ตัวว่าอะไรที่สำคัญจริงๆ อะไรที่คุณอยากทำจริงๆ อะไรที่คุณอยากจะได้มันมาตลอดชีวิต แต่สังคมรอบข้างบอกไม่ให้คุณทำ สำหรับผมแล้ว ผมเพิ่งจะรู้ตัวว่าผมอยากจะทำอะไรตั้งหลายอย่าง มีหลายสิ่งที่อยากจะแก้ มีหลายสิ่งที่อยากจะลอง ถ้าผมรู้ว่าผมจะตาย ผมก็คงจะทำมันไปนานแล้ว... แต่อย่างไรก็ดี ผมเองก็ยังมีเวลาเล็กๆเหลืออยู่ และผมจะไม่ยอมใช้เวลาที่เหลืออยู่ในห้องสมุดนี่แน่ๆ



    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -  


              “เปิดสิ!!”ผมกับลิลลี่พยายามงัดประตูไม้ใหญ่สุดแรงเกิด พวกเราดิ้นรนที่จะเปิดประตูนี่มาเป็นสิบนาทีแล้ว ในขณะที่คนอื่นๆ ต่างแยกย้ายไปนั่งตามมุม คำเดียวที่พอจะอธิบายสภาพของพวกเขาคือ “หมดหวัง” สุดหล่อเจนเซ่นดูเงียบลงมาก เขานั่งนิ่งๆบนเก้าอี้ตัวเดิม ท่าทางเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ขอให้สิ่งที่เขาคิดคือการหาวิธีที่จะช่วยให้พวกเราออกไปจากที่นี่” ด้วยเถอะ ส่วนเกลดูเหมือนจะเสียศูนย์ไปเลย แม่ดาวโรงเรียนของเราคงจะรู้สึกผิดที่พยายามดึงให้ครูตกลงไปใน...ตอนนั้น เรสซ์สาวแกร่งดูเหมือนจะเป็นอีกคนที่มีประโยชน์ เธอกำลังพยายามหาสิ่งของที่จะช่วยงัดประตูให้พวกเราออกไปได้ ส่วนลีออน รายนี้เดินหายเข้าไปในซอกมุมของตู้หนังสือตั้งนานสองนาน ไม่เข้าใจว่าเวลาแบบนี้เขายังจะมีกะใจจะอ่านหนังสืออีกหรือยังไง? นี่ถ้าเป็นหนังสยองขวัญ ทุกคนจะต้องลุกลี้ลุกลน ร้องไห้ กลัว แล้วก็ทะเลาะกันเอง ดราม่าๆ ตามแบบฮอลลีวู๊ดแหงๆ

     



              “ลองอันนี้ดู” เรสซ์เดินเข้ามา เธอยื่นท่อนเหล็กเก่าๆ รูปร่างเรียว ยาว ขนาดเหมาะมือเหมือนไม้เท้า ตรงปลายแบนๆ พอทีจะงัดประตูได้ ยอดไปเลย!!



              “เอ้า!!... ฮึบบบ ผม ลิลลี่ กับเรสซ์ออกแรงงัดสุดขีดจนกระทั่งขอบประตูไม้เกิดรอยผุ มันร้าว และในที่สุดเศษไม้ก็หลุดออกมา  แต่ทว่าเนื้อไม้เป็นเพียงแค่เปลือกนอกของประตูเท่านั้น พองัดผิวมันออก เราก็พบว่ามันเป็นเหล็กกล้า....  นี่จะบ้าเรอะ? ห้องสมุดนะไม่ใช่ที่หลบภัยของประธานาธิบดี จะทำประตูเหล็กกันนิวเคลียร์รึยังไง? ไหนจะ “ระบบล็อคอัติโนมัติ” อีก ผมว่าโรงเรียนของเราไม่ธรรมดาแล้วนะ



              “โถ่เว้ยแบบนี้ไม่ไหวแน่เรสซ์หมดแรง เราทั้งสามทรุดตัวลงหน้าประตู ต่างคนต่างมองหน้ากัน ดูเหมือนยกเว้นผมกับลิลลี่ ทุกคนเป็นห่วงพ่อกับแม่ของตัวเองมาก นังแม่มด ปิศาจ หรืออะไรก็ตาม เลือกที่จะใช้จุดอ่อนนี้เล่นงานพวกเรา ไม่เข้าใจว่ามันมีแผนการอะไรกันแน่ ทำไมถึงทำกับพวกเราแบบนี้ แบบว่า สองสามวันก่อนผมยังไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติด้วยซ้ำ ขนาดโดนแม่มดแทงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมยังคิดว่าเธอเป็นมนุษย์ที่ใส่หน้ากากอยู่เลย แต่ดูสิ!... ตอนนี้ผมเป็นอะไร  หนูทดลองนั่งรอความตายที่แม่มดกำลังจะหยิบยื่นให้


               แม้ผมจะดูหนังสยองขวัญมาเป็นสิบๆเรื่อง แต่ก็ไม่ช่วยให้ผมเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นเลยสักนิด


    ทำไมต้องเป็นเรา?


    ทำไมถึงเป็นที่นี่?... ตอนนี้?

     





    ฟิตซ์…” ลิลลี่เรียกผม “โทรศัพท์นายสั่นแหนะ...


              จะว่าไปทำไมในห้องสมุดที่ไม่มีสัญญาณ กลับมีข้อความส่งมาได้นะ? คิดอีกที คนที่ส่งมาใช่มนุษย์ซะที่ไหน...



    ยินดีต้อนรับสู่ดินแดนที่หลับใหล เด็กๆจ๋า

    ขอเตือนนะ ถ้าเธอไม่อยากกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา

    ก็จงเริ่มวิ่งได้แล้ว!!!

    รักนะคะ – จากแม่มดใจร้าย

     

    อ๊ะ  ของฉันก็ได้ข้อความเหมือนกัน” ลิลลี่กล่าว เธอกำลังอ่านข้อความ



     

    เจ้าหญิงมักบอบบาง

    เข็มเย็บผ้าอันเดียวก็ฆ่าเธอได้

     



    ฉันก็ได้” คราวนี้เรสซ์เปิดข้อความอ่านบ้าง



     

    แต่หากเข็มเย็บผ้ามีหลายเล่ม

    ฉันก็อยากดูว่าเธอจะตายสักกี่รอบ!

     



             หมายความว่ายังไง? แม่มดคิดจะทำอะไรอีก? ผมรีบลุกขึ้น สอดส่องสายตาไปทั่ว แต่ทุกอย่างยังคงดูปกติ... ในขณะที่เท้าก้าวย่างไปตามพื้นห้อง ผมก็รู้สึกอีกครั้ง กลิ่นเหม็นโชยคละคลุ้งไปทั่วห้อง กลิ่นที่น่าสะอิดสะเอียนราวกับซากศพของแมลงสาปเป็นพันหมกอยู่ในนี้ ผมชะงักและหยุดเดินกลางคัน เสียงหวีดหวิวของสายลมพัดเข้ามาในห้องอีกครั้ง แสงจันทร์สาดส่องมาทางหน้าต่างบานนั้น... บานที่เราเห็นครูตกลงไป... ใครเปิดหน้าต่าง?

     


              “ตึก..... ตึกเสียงฝีเท้าสั้นๆเดินจากที่ไหนสักแห่งในห้อง ผมมั่นใจว่าไม่ใช่เสียงของพวกเรา ฝีเท้าที่หนักแน่น แต่ละย่างก้าวเหมือนจะบ่งบอกถึงความเคียดแค้นที่ซ่อนอยู่ ความเย็นกลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับหนาวกว่าทุกครั้ง ลมหายใจกลายเป็นไอ คอแห้งแสบ ผิวหนังรู้สึกเจ็บราวกับว่าโดนมีดขูด บรรยากาศเงียบสงัด ไม่มีใครพูดอะไร สิ่งเดียวที่เคลื่อนไหวคือความกลัวซึ่งกำลังก่อตัว

     



    พรึ่บ!!

     


              จู่ๆแสงสว่างในห้องก็ดับลงอย่างพร้อมเพรียงกัน ผมได้ยินเสียงใครบางคนกรีดร้องด้วยความตกใจ บรรยากาศในห้องกำลังชุลมุน สับสน และวุ่นวาย ทุกคนต่างกลัวและส่งเสียงร้องเพื่อเรียกหากัน การคลำทางในความมืดคือสิ่งที่ยาก เมื่อตู้หนังสือมากมายขวางทางเราอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นคือ เสียงฝีเท้านั่นชัดเจนขึ้น มันกำลังเดินอย่างใจเย็น ราวกับกำลังจ้องมองพวกเราหวาดผวาอย่างพอใจ

     


    ตึก.... ตึก

     



              “เธออยู่ไหน!!” เสียงลิลลี่ตะโกนเสียงดังด้วยความกลัวแทรกผ่านความมืดเข้ามา ผมแทบจะไม่รู้ว่าทิศไหนเป็นทิศไหน บางครั้งก็เดินชนสิ่งของเข้า แม้แต่สิ่งของก็ยังเย็นเจี๊ยบ ความหนาวบวกกลิ่นเหม็นกลายเป็นความรู้สึกขยะแขยงจนผมอยากอาเจียนออกมา

     


    นั่นใคร!!...”เรสซ์ตะโกนถาม ผมมั่นใจว่าจากเสียงของลิลลี่ และตำแหน่งที่ผมยืนอยู่ เราทั้งคู่ไม่ได้อยู่ใกล้เรสซ์


     
              “เจนเซ่น... นายเหรอ?” เรสซ์ถามด้วยเสียงอันสั่นเครือ เมื่อเพ่งมองตามเสียง ผมก็เริ่มจะเห็นเรสซ์ลางๆ ข้างเธอมีร่างสีดำทะมึนยืนอยู่ น่าแปลกที่ร่างนั่นกลับยืนนิ่งมาก นิ่งจนน่ากลัว



    ฉันอยู่นี่กับลีออน ส่วนเกลยืนอยู่ที่ตู้หนังสือตู้ท้ายสุดเจนเซ่นตอบ



              “เดี๋ยวสิ ถ้างั้น....เธอเป็นใครล่ะ!!?” เรสซ์เดินถอยหลังจนติดผนัง ร่างสีดำปริศนาเดินตามเธอช้าๆ ดูราวกับผู้ล่าที่กำลังเดินไปหาเหยื่ออย่างเลือดเย็น



               “โทรศัพท์!! ใช้แสงของโทรศัพท์เร็วเข้า!!!”ลิลลี่ตะโกนด้วยความตื่นตระหนก ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วส่องไปทิศทางที่เรสซ์น่าจะยืนอยู่ แต่เมื่อแสงอันเบาบางเปิดเผยให้เห็นร่างสีดำทะมึน ทุกคนต่างก็กรีดร้อง

     



               “ไม่!!! เรสซ์ วิ่งเร็ว!!!”เรสซ์วิ่งตามแสงที่ส่องมาทางผม แม่มด... มันคือแม่มด!! รอยยิ้มแสนโหดเหี้ยมฉีกไปถึงหู เผยให้เห็นเขี้ยวแหลมคมของสัตว์ประหลาดเรียงตัวบนปากอย่างสวยงาม แม่มดหัวเราะบ้าคลั่ง ก้องกังวานอย่างน่าขนลุกในขณะที่เธอใช้ ขวานด้ามสีแดงตวัดไปมาอย่างน่าเสียวไส้ ในที่สุดเรสซ์ก็วิ่งมาถึงจุดที่ผมยืน


                แต่ทว่าเสียงดังฉึกที่คล้ายกับของมีคมหนักๆฝังลงบนโต๊ะไม้ไล่ตามหลังเธอมา ทำให้ผมต้องรีบวิ่งอีกคน ทุกอย่างสับสนไปหมด แต่สิ่งที่เหนือไปกว่านั้นคือความหวาดกลัว ผมแทบจะรู้สึกถึงแรงลมที่เกิดจากการตวัดคมขวานทางข้างหลัง

            

                “โอ๊ยยย!! เสียงของเจนเซ่นดังข้างๆในความมืด ตามด้วยเสียงของเขาที่กำลังล้มลงชนกับตู้หนังสือ ผมไม่มีเวลาเดาว่าเขาโดนอะไร เรสซ์วิ่งไปสักพักก็ชนเข้ากับใครบางคน ซึ่งน่าจะเป็นลีออน พวกเขาทั้งคู่เซและกระเด็นเข้าไปในมุมระหว่างตู้หนังสือตู้หนึ่ง ทว่าแม่มดไม่สนใจพวกเขา คราวนี้เสียงฝีเท้าของเธอยังคงวิ่งตามผม...


               ลิลลี่ที่อยู่ใกลออกไปใช้แสงจากโทรศัพท์ส่องมาบ้าง นั่นยิ่งทำให้หัวใจผมแทบหยุดเต้น ใบหน้าของหญิงชราบิดเบี้ยวและน่ารังเกียจ รอยยิ้มแสนบ้าคลั่ง และเสียงหัวเราะแสนสะใจ ทั้งหมดอยู่ห่างจากผมไม่ถึงคืบ


               ในที่สุดผมก็ตัดสินใจทำในสิ่งที่พลาดที่สุดในชีวิต ผมวิ่งเข้าไปในทางเดินระหว่างตู้หนังสือ ซึ่งเป็นทางตัน... ร่างของแม่มดเดินบิดเบี้ยวแปลกๆตามผมเข้ามา เธอยิ้มเหี้ยมในความมืดอย่างพึงพอใจ

     



    ผมเสร็จเธอแล้ว...

     




              โครม!!  เสียงของหนักล้มลงชนกับของหนักอีกอย่างนึงดังขึ้น ในไม่ช้ามันก็ดังตามๆกันมา เหมือนกำลังดังไล่มาทางผม และยิ่งมันเข้ามาใกล้เท่าไหร่ เสียงโครมนั้นก็ดังมากยิ่งขึ้น ผมจินตนาการในความมืดอย่างรวดเร็ว... ตู้หนังสือ!! มันกำลังล้มลงมา... ล้มทับกันเหมือนโดมิโน่!!...

     


             โครม!!!!! เสียงล่าสุดฟังดูใกล้มากๆ แม่มดเดินถอยไป แล้วลากคมขวานออกจากตู้หนังสืออย่างรวดเร็ว ผมจ้องมองร่างที่เพิ่งเดินหายไปสักพัก ในที่สุดตู้หนังสือข้างๆผมก็โดนกระแทกจากตู้ที่แล้วอย่างแรง มันเริ่มเอียง ผมจึงรีบคลานออกไปโดยไม่ลังเล ตู้หนังสือที่ล้มลงแทบจะบีบตัวผมจนเกือบออกมาไม่ได้ ตู้นั้นล้มต่อๆไปจนถึงตู้สุดท้าย แล้วก็เงียบลงในที่สุด....

     


    ทุกอย่างเงียบสงัด

     


                เราทุกคนเงียบอยู่อย่างนั้นนานแสนนาน ไม่มีใครกล้าขยับเขยื้อนไปไหน จนกระทั้งไฟฟ้าเริ่มกลับมาอีกครั้ง ไฟสว่างขึ้นไล่จากทางเข้าห้องสมุด



    พรึ่บ!!  

    ไฟดวงแรกเผยให้เห็นลิลลี่ เธอนั่งด้วยความหวาดกลัวอยู่ที่ตู้หนังสือตู้แรก ดูเหมือนเธอนี่เองที่เป็นคนที่ผลักให้ตู้ทั้งหมดล้มลง

     


    พรึ่บ!!

    ไฟดวงที่สองเผยให้เห็นเจนเซ่น เขากำลังนั่งบนเก้าอี้ เอามือปิดแผลตรงแขนที่โดนลูกหลงเมื่อกี้

     


    พรึ่บ!!!

    ไฟดวงที่สามเผยให้เห็นเรสซ์กับลีออน ทั้งคู่ยืนตัวแข็ง แต่ท่าทางจะปลอดภัยดี

     


    พรึ่บ!!!

    ไฟดวงสุดท้ายเผยให้เห็นผมที่ยืนอยู่ท้ายห้องสมุดและ....

     



    เกล!!!

     



              ร่างของเกล นอนอยู่บนพื้นอย่างน่าสยดสยอง ขวานด้ามสีแดงฝังลึกไปถึงครึ่งคอหอยของเธอ ดวงตาเธอเบิกโพลง ร่างของเธอกำลังดิ้น และกระตุกไปมาราวกับโดนไฟช๊อต โลหิตสีแดงสดกระจายไปทั่วบริเวณ ส่วนนึงเปื้อนเสื้อผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ผมแทบจะเบือนหน้าไม่อยากมอง แต่กลิ่นคาวเลือดก็ยังทำให้ผมอยากจะอาเจียน ปากเธออ้าค้าง เหมือนกับพยายามจะพูดอะไร แต่ผมไม่ได้ยิน เลือดย้อมผมบลอนด์เงางามของเธอกลายเป็นสีแดงหม่น ไม่น่าเชื่อว่าผมจะยืนอยู่ข้างเธอมาโดยตลอด...


                แม้ไม่อยากจะมองแต่สายตาเจ้ากรรมก็ดันสังเกตุเห็นเข็ม... เข็มเย็บผ้าเล่มเล็กๆ ปักนิ้วของเธอทะลุไปถึงเล็บอีกด้านนึง จนทั้งสิบนิ้วดูเหมือนกับมือของตุ๊กตาที่ตอกหมุดเพื่อติดกับผนัง เข็มเล่มนึงตรงนิ้วโป้งของเธอ มีกระดาษแผ่นเล็กๆเสียบอยู่

     


    เจ้าหญิงนิทราผู้บอบบาง

    ด้วยเข็มเย็บผ้าที่ตำนิ้ว จึงต้องหลับใหลไปตลอดกาล

    ลองจุ๊บๆที่ปากของเธอดูสิจ๊ะ เผื่อเธอจะฟื้นขึ้นมา 

    ป.ล.

    เธอคนนี้ เป็นเพียงคนเดียวที่ยอมเล่นตามเกม

    ฉันจึงให้รางวัลเธอด้วยการให้เธอได้ไปสบายก่อน

    แล้วพวกเธอจะเสียใจที่ต้องมีชีวิตอยู่

    รักนะคะ -จากแม่มดใจร้ายมาก  

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - 

    KiT Ta
    ขอขอบคุณธีมสวยๆจากคุณ
    THE'KITTA .ด้วยครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×