ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dark Tales นิทานก่อนตาย

    ลำดับตอนที่ #4 : ก่อนการกักบริเวณ(ครึ่งหลัง) :: แม่มดไม่ได้ใจดีเสมอไป!...

    • อัปเดตล่าสุด 19 ส.ค. 55


      


             “วันนี้... คือวันฮาโลวีน ครูโจเซฟินกล่าวเพื่อเป็นการเปิดชั้นเรียน “ครูจึงถือโอกาสขอเล่าตำนานลึกลับของวันนี้บ้าง


              ปกติ เวลาที่มีคนเล่าถึงประวัติศาสตร์ของอะไรก็ตาม คุณมักจะรู้สึกเบื่อ เพราะมันช่างไร้สาระที่คุณต้องมานั่งฟังเรื่องของอดีตที่ผ่านมาแล้ว ต้องมาฟังว่าใครคิดค้นอะไร? สร้างอะไร?... แล้วมันสำคัญตรงไหน ผมเคยเรียนประวัติของผู้คิดค้นรถยนต์คันแรก ต้องจำแม้แต่ปีค.ศ.เกิดของเขาด้วยซ้ำแล้วไง ทุกวันนี้ผมยังขับรถไม่เป็นเหมือนเดิม...

      
            “ครูรู้ว่าพวกเธอคงจะเคยฟังตำนานวันฮาโลวีนมาตั้งแต่เด็ก มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง? เกิดตั้งแต่เมื่อไหร่  หรือเราทำอะไรในวันนี้? แน่นอนว่านั่นไม่ใช่เรื่องที่ครูจะเล่า.. เพราะเรื่องต่อไปนี้ถือเป็นเรื่องต้องห้าม ไม่ค่อยมีใครอยากเล่าให้เด็กๆ รู้นัก เพราะมันเป็นตำนานลึกลับประจำเมืองของเรา...


              โห… เจ๋งแฮะ!  ตำนานพื้นเมืองที่ไม่ค่อยมีใครอยากให้เด็กๆรู้ผมหันกลับมานั่งตัวตรง ขณะเดียวกันเพื่อนๆ ในชั้นก็ดูจะมีท่าทีสนใจขึ้นมาทันตา น้อยครั้งนักที่เราจะเป็นแบบนี้... คุณคงเข้าใจนะ... การเรียนมักจะตรงข้ามกับอะไรที่มันตื่นเต้น ภาพปกติที่เราเห็นจนชินตาคือเหล่านักเรียนฟุบหลับบนโต๊ะ บางคนเอามือเท้าคางด้วยความเบื่อหน่าย บางคนแอบเล่นโทรศัพท์มือถือ บางคนจูบกันหลังห้องโดยไม่แคร์สายตาชาวบ้านก็มี(เชื่อผมเถอะ เพราะผมเองก็นั่งหลังห้อง ผมเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นหมดแหละ)


              ครูโจเซฟินกวาดสายตาไปทั่วห้องอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าทุกคนอยากจะฟังเรื่องของเธอเต็มแก่ “ตำนานของแม่มด” เธอพูด   


              ผมสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อครูพูดคำว่า “แม่มด” ซึ่งนั่นทำให้เจนเซ่นที่นั่งข้างๆ ผมหันมาสะกิดผมอย่างแรง แล้วทำหน้าล้อเลียนด้วยความสนุก ผมลืมบอกใช่ไหมว่าเขานั่งข้างผม แหงอยู่แล้ว เขาจะได้แกล้งผมได้ง่ายๆไง... จะให้พูดก็เถอะ ห้องเรียนของเราแบ่งโต๊ะเรียนออกเป็น 6 แถว และผมบอกได้เลยว่าแต่ละคนที่ครองที่นั่งข้างหลังสุดนั้นไม่ธรรมดาสักคน ถ้าเรียงตามลำดับจากประตูห้องก็คือ เจนเซ่น ผม เกล เรสซ์ ลีออน และผู้ที่นั่งติดหน้าต่างคือลิลลี่ ผมคงยังไม่ทันได้แนะนำสองคนหลังใช่ไหม ไว้โอกาสหน้าก็แล้วกัน

      
              “เมื่อประมาณสองร้อยปีก่อน ตอนที่เมืองนี้ถูกสร้างขึ้น ว่ากันว่าผืนที่ดินเก่าบริเวณเมืองเคยเป็นถิ่นของเหล่าหมอดูพเนจร ผู้ก่อตั้งเมืองพยายามกล่อมให้คนพื้นเมืองเหล่านี้ย้ายที่อยู่ออกไปเพื่อที่จะสร้างเมืองใหม่  แต่ทว่าพวกเขาไม่ยอม กลับยืนกรานที่จะอยู่ที่นี่ต่อ... หลังจากการประท้วงและต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายเป็นเวลานาน ผู้ก่อตั้งเมืองและนายหน้าที่ดินทั้งหลายก็ได้ตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง...” ครูโจเซฟินเว้นระยะไปพักหนึ่ง สีหน้าของเธอดูเหมือนกำลังบิดเบี้ยวอย่างแปลกประหลาด....


               นี่ไม่มีใครรู้สึกหนาวบ้างเหรอเนี่ย? จู่ๆ เหมือนกับว่าไอเย็นลอยเข้ามาในห้องมากขึ้นเรื่อยๆ ลมหายใจของทุกคนเริ่มกลายเป็นควัน เกลและลิลลี่เหมือนจะรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ ทั้งคู่เอามือทั้งสองข้างโอบไหล่ตัวเอง เจนเซ่นเองก็เริ่มจะมีอาการสั่นเล็กน้อย อากาศทวีความหนาวขึ้นเรื่อยๆจนผิวหนังของผมเริ่มแห้งและแสบราวกับโดนแช่แข็ง ในขณะที่นักเรียนคนอื่นๆ ต่างนั่งเรียนอย่างปกติสุข บางคนยังเอาสมุดมาพัดยังกับว่าอากาศร้อนด้วยซ้ำ นี่ทุกคนไม่รู้สึกถึงความเย็นยะเยือกเลยเหรอ? บ้าไปแล้ว!


          “ทุกคนเปิดหนังสือหน้า 42 !!” ครูโจเซฟินสั่งด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำลงจนน่ากลัว นักเรียนคนอื่นรีบเปิดหนังสืออย่างรวดเร็ว ในขณะที่พวกนั่งหลังห้องหกคนอย่างพวกเราใช้มือที่แข็งทื่อเปิดหน้าหนังสือด้วยความลำบาก เมื่อพวกเราค่อยๆเปิดไปถึงหน้าที่ 42 เราก็พบว่ามีตัวอักษรสีแดงตัวใหญ่ๆเขียนเต็มหน้ากระดาษ



    พวกเขาฆ่าฉันเพื่อที่จะสร้างเมืองแห่งนี้ 
    คราวนี้ฉันก็จะฆ่าพวกเธอบ้าง!

    ฆ่า ฆ่าฆ่า!! .... ฆ่า!.... ฆ่า!!!!..........ฆ่า!ฆ่า!!!...ฆ่า!..................ฆ่า!!”

     




    โผล๊ะ!!!

     



              ทันใดนั้นนักเรียนทุกคนที่นั่งแถวหน้าก็ระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ.....   ผมหมายถึงพวกเขาระเบิดจริงๆ เริ่มจากเศษชิ้นเนื้อที่กระจายไปทั่วห้อง บางชิ้นติดกับเพดานหรือหน้าต่าง บางชิ้นกระเด็นมาติดใบหน้าของเพื่อนที่นั่งแถวถัดมา ของเหลวสีแดงสดจำนวนมากสาดกระเซ็นไปทั่วห้อง ส่วนที่พุ่งขึ้นเพดานก็ค่อยๆ ตกลงมาราวกับสายฝน เสื้อพวกเราต่างเปื้อนไปด้วยเลือด กลิ่นคาวเหม็นคละคลุ้งอบอวนไปทั่วห้อง แต่ยกเว้นนักเรียนหลังห้องแล้ว กลับไม่มีใครตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย บางคนยังตั้งหน้าตั้งตาเรียนอยู่ด้วยซ้ำ

     

     
              “สวัสดีจ๊ะเด็กๆ
    ....เสียงแหลมดังขึ้นหน้าห้อง  พวกเราหันไปมองจุดที่ครูโจเซฟินน่าจะยืนอยู่ แต่มันกลับกลายเป็น......  ฉันคือ……..แม่มดใจร้าย

     


    โผล๊ะ!!!

     


              นักเรียนแถวต่อมาก็ระเบิดเป็นเสี่ยงๆ อีกครั้ง คราวนี้หยดเลือดกระเด็นเข้าตาของผมด้วยหน่อยนึง กลุ่มเศษซากเนื้อปลิวอยู่ในอากาศจำนวนนับไปถ้วน เราทั้งหกคนต่างตกอยู่ในสภาพน่าขยะแขยง และหวาดผวา เมื่อจ้องมองไปข้างหน้าพวกเราก็เห็น... หญิงชราที่สวมชุดคลุมสีดำทั้งตัว เธอมีผมสีขาวซีดและแห้งกรัง  บรรยากาศน่าสะอิดสะเอียนมาพร้อมกับความหนาวสุดจะบรรยาย ที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือใบหน้าของเธอ...มันคือ หนังเหี่ยวย่นบิดเบี้ยวสีคล้ำ ปากฉีกยิ้มกว้างถึงใบหู ฟันแต่ละซี่แหลมคมราวกับเขี้ยวสัตว์นรก ลูกนัยน์ตาสีโพลน มีเพียงจุดแดงๆ เล็กๆ ที่ทำให้รู้ว่าเป็นดวงตาตอนนี้เองที่ทำให้ผมรู้ว่า มันไม่ใช่หน้ากากมันคือใบหน้าของเธอจริงๆความน่าสะพรึงกลัวของเธอทำให้เรสซ์ต้องร้องออกมาเสียงดัง

     


    โผล๊ะ!!!

     


    คราวนี้นักเรียนแถวถัดมาระเบิดด้วยความแรงกว่าหลายเท่า พวกเราเหมือนนักโทษที่ถูกสาดด้วยของน่าขยะแขยงซ้ำแล้วซ้ำอีก

     

              เธอไม่ควรส่งเสียงรบกวนระหว่างเรียนนะจ๊ะ เจ้าหญิงแสนสวย ฮิ...ฮิ... ฮิ.!!” แม่มดกล่าวอย่างช้าๆ จากนั้นก็เริ่มใช้กรงเล็บที่ยาวเหมือนขาแมงมุมขูดกระดานดำจนเกิดเสียงเล็กๆ แสบแก้วหูก้องกังวานไปทั่วห้อง เจนเซ่นเป็นคนแรกที่คิดจะลุกขึ้นหนี แต่จู่ๆ แผ่นไม้ของเก้าอี้ที่พวกเรานั่งก็ยืดตัวออกมาจากด้านหลังแล้วโอบตัวของทุกคนไว้จนไม่สามารถขยับไปไหนได้ ขณะเดียวกันแม่มดก็พุ่งตัวจากหน้าห้อง เหยียบย่ำซากเนื้อมนุษย์ ก่อนจะโน้มตัวลงใกล้ๆ กับเจนเซ่น

     

              “ฉันก็แค่อยากจะดูสิ่งที่ทำให้พวกเธองดงาม แบบ...ทีละ....ส่วน!!” เธอพูดพร้อมกับเงื้อมีดเล่มใหญ่ขึ้นมาจ่อใบหน้าของเจนเซ่นจนแก้มเขาเกิดรอยแผลเลือดไหลเล็กๆ แม่มดยิ้มอย่างอำมหิตก่อนจะยืดมือชี้ไปทางกระดานดำ ที่มีข้อความเขียนด้วยเลือดตัวใหญ่ๆ ว่าคืนนี้เจอกัน

     


    โผล๊ะ!!!

     


            พวกเราทั้งหกตื่นจากฝันและกรีดร้องเสียงดังพร้อมกัน ทำเอาเพื่อนทั้งห้องรวมถึงครูโจเซฟินตกใจและหันมาดูด้วยความผวา


              “นี่พวกเธอคิดจะแกล้งให้ครูตกใจใช่ไหมครูกำลังเล่าเรื่องให้ฟังอยู่แท้ๆ ทำแบบนี้เสียมารยาทที่สุด!”

           ไม่มีใครสนใจครู พวกเราได้แต่มองหน้ากัน ทุกคนต่างรับรู้โดยไม่ต้องบอกว่าต่างคนต่างฝันเหมือนกัน ส่วนเจนเซ่นเอามือมาเตะใบหน้าช้าๆ ที่น่าแปลกประหลาดคือเขาพบว่าบนใบหน้ายังคงมีรอยแผลที่เกิดจากในฝัน... หรือมันคือเรื่องจริงงั้นเหรอ?

     


             “พวกเธอทั้งหกคนถูกกักบริเวณ!!   อ้อ.... สี่คนนั้นโดนอยู่แล้วสินะ!” ครูพูดด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด แต่เด็กส่วนใหญ่กลับสนใจมากกว่าว่าอะไรที่ทำให้เด็กนักเรียนหลังห้องกรีดร้องพร้อมกันได้แบบนี้ บางคนกระซิบกระซาบกันบอกว่าพวกเราแอบเมายามาแหง บางคนบอกพวกเราแค่แกล้งครูเฉยๆ เท่านั้น

     


    กรี๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

     


              เสียงกริ่งเตือนหมดเวลาคาบเรียนดังไปทั่วทั้งตึก น่าแปลกที่ผมรู้สึกเหมือนเพิ่งจะเริ่มเรียนไปเมื่อกี้นี้เอง นักเรียนในห้องต่างแยกย้ายออกไปอย่างรวดเร็ว พวกเราทั้งหกเองก็เช่นกัน



    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     


              ตะวันเริ่มจะลับขอบฟ้า ผมนั่งหลบมุมอยู่หลังเสาอาคารเรียน มองดูพวกเด็กคนอื่นๆ ที่กำลังตื่นเต้นกับการจัดงานปาร์ตี้ฮาโลวีนคืนนี้ ในขณะที่ผมต้องมานั่งรอการกักบริเวณอย่างเงียบเหงา 


             บรรยากาศที่เงียบสงัดทำให้ผมคิดถึงความฝันในชั้นเรียนประวัติศาสตร์ ช่างเป็นฝันที่เหมือนจริง... และไม่ใช่ความบังเอิญแน่ที่พวกเราหกคนจะฝันพร้อมกัน อันที่จริงผมไม่แน่ใจว่าเราฝันเหมือนกันหรือเปล่า แต่เพียงแค่มองหน้าอันแสนตื่นตระหนกของแต่ละคน ผมก็คิดว่าเราเจอดีเข้าให้แล้ว ถ้านี่เป็นหนังสยองขวัญละก็ การที่แม่มดในฝันเขียนบนกระดานว่า “คืนนี้เจอกัน” นั่นคงจะหมายความว่า “คืนนี้เราไม่รอดแน่…”

     


    นายเห็นเหมือนกันใช่ไหม

     


              เสียงหนึ่งแทรกกลางความคิด ปลุกให้ผมตื่นจากภวังค์ เด็กหนุ่มผมสีดำ นัยน์ตาดูเย็นชา สวมแว่นตากรอบขาว กำลังยืนอยู่หน้าผม 

     

              ลีออน ลูมิส เด็กอัจฉริยะอีกคนที่นั่งหลังห้อง เขามีบุคลิคที่ดูเหมือนจะเย็นชา เป็นเด็กเนิร์ดที่เข้าใจยาก แต่กลับมีเพื่อนเยอะมากมาย หรืออาจจะเป็นเพราะความฉลาดที่ทำให้เขารู้วิธีในการสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น เขาเก่งในด้านคณิตศาสตร์และตรรกะศาสตร์ สามารถพูดได้หลายภาษาซึ่งผมไม่เคยนับหรอกว่ามีกี่ภาษา ถึงแม้ว่าเขาจะดูเงียบๆ แต่ลึกๆ แล้วกลับเป็นคนที่รู้วิธีแต่งตัว ของแต่ละอย่างแบรนด์แนมทั้งนั้น เรียกว่าเป็นเด็กเนิร์ดประเภทป๊อปปูล่า สาวๆ หลายคนก็ชอบเด็กหนุ่มบุคลิคอย่างนี้เหมือนกันนะ

     

    ฉันไม่รู้... ว่าเราเห็นสิ่งเดียวกันหรือเปล่า


              ผมตอบในขณะที่จ้องตากับเขา ผมสัมผัสได้ถึงความล้ำลึกและความเย็นชาทางความคิด ลีออนจ้องผมสักพักก่อนจะทำท่าพูดอะไรบางอย่าง แต่ทว่าเสียงประกาศจากลำโพงที่ก้องกังวานไปทั่วโรงเรียนขัดจังหวะซะก่อน

     

    นักเรียนที่มีรายชื่อดังต่อไปนี้ ไปพบกันที่ห้องสมุดในอีกหนึ่งชั่วโมง!” 


             ลีออนเงยหน้าไปมองห้องสมุดชั้นบน แล้วกลับมามองผม  “ดูเหมือนพวกเราจะถูกเรียกแล้วนะ... แล้วเจอกัน” เขายิ้มที่มุมปากเล็กๆก่อนจะเดินจากไป


               ในขณะเดียวกันท้องฟ้าก็เริ่มมืดเต็มที่ นักเรียนทุกคนที่ตกแต่งของอยู่ในตึกต่างก็รีบออกมาเพราะตึกกำลังจะใช้ระบบล็อคอัตโนมัติ” ในอีกหนึ่งชั่วโมง เสียงเพลงดังขึ้นจากอาคารกิจกรรมซึ่งเป็นสัญญาณบอกว่าปาร์ตี้ฮาโลวันซึ่งจัดที่โรงยิมกำลังจะเริ่มขึ้น นักเรียนหลายคนที่แต่งตัวแฟนซีเดินมาจากบ้าน บางคนก็พ่อแม่มาส่ง ยิ่งได้ยินเสียงหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานของคนอื่นก็ยิ่งทำให้ผมอิจฉา


             ผมตัดสินใจลุกขึ้นแล้วก้าวเข้าไปในอาคารเรียน เพื่อเข้าสู่ “การกักบริเวณ” อันแสนห่วยแตก คงจะไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว... สามชั่วโมงนี้จะต้องเป็นสามชั่วโมงที่เจนเซ่นเอาผมตายแน่นอน..


            ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็สั่นเตือนว่ามีข้อความเข้าใหม่อีก 1 ข้อความ ผมเอื้อมมือล้วงในกระเป๋าช้า ในหัวจินตนาการถึงข้อความที่ถูกส่งมา... ใครส่งมาใช่แม่มดหรือเปล่า?  

     


    ยินดีต้อนรับสู่งานเต้นรำกับชายรูปงามนะจ๊ะ

    ซินเดอเรลล่าของฉัน

    รัก –จากแม่มดใจร้าย 

     
     
    KiT Ta
    ขอขอบคุณธีมสวยๆจากคุณ
    THE'KITTA .ด้วยครับ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×