ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dark Tales นิทานก่อนตาย

    ลำดับตอนที่ #14 : หลังการกักบริเวณ :: ความจริงนั้นเจ็บปวด

    • อัปเดตล่าสุด 19 ส.ค. 55







     ความจริง

     

     คุณรู้ไหมว่ามีสำนวนมากมายเกี่ยวกับคำว่า ความจริง ...เช่น...ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย... และอีกสำนวนหนึ่งที่ผมได้ยินบ่อยๆนั่นก็คือ ความจริงมักเจ็บปวด...  ใช่... บางครั้งการได้รู้ความจริงก็ทำให้เราเจ็บปวด... ซึ่งนั่นทำให้ผมเกิดคำถามต่อไปว่า  ถ้าความจริงนั้นเจ็บปวด.... แล้ว... ความจริงมันฆ่าคนได้ไหม?...”

     

              มีหลายครั้งที่มนุษย์พยายามจะล่วงรู้ความจริงบางอย่าง.. และหลายครั้งที่ต้องแลก การล่วงรู้ความจริง ด้วยชีวิต... เหมือนหนังสยองขวัญที่ผมดูบ่อยๆ... ตัวละครเอกมักจะชอบสืบหาความจริง.. ใครฆ่าใคร ใครหลอกใคร ใครมาจากไหน อะไรที่หายไป บลาๆๆๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุของเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น...  และส่วนนี้เหละที่ทำให้หนังสยองขวัญดูน่าค้นหา... มันไม่เหมือนหนังรักโรแมนติก.. ที่ปิดตาดูยังไงก็รู้ว่าพระเอกกับนางเอกต้องรักกันในที่สุด (ถ้าดราม่าหน่อยก็ใครคนใดคนนึงป่วยตาย เอวัง..)  โอเค... ผมรู้ว่าหนังสยองขวัญเองก็ไม่ได้มีตอนจบที่หลากหลายมาก ถ้าตัวร้ายไม่ตาย ตัวเอกก็ตายหมด.. มันมีแค่นี้... 

     

    ดังนั้น หนังทุกเรื่อง มักจะต้องทำให้เรื่องหักมุม...

     

             แน่นอนว่าการ หักมุม คือสิ่งที่มาคู่กับหนังแนวนี้ และแน่นอนอีกว่า มันมีทั้งการหักมุมแบบล้มเหลว เช่น คนดูเดาได้ตั้งแต่แรกว่าจะหักมุมอย่างไร.. กับหักมุมแบบขั้นเทพ เช่น แบบที่คนดูยอมรับว่าถูกหลอกจริงๆ และเดาไม่ถึงมากๆ

     

              ถ้าผมจะบอกว่าเรื่องที่ผมเล่ามันไม่มีการหักมุมล่ะ... ไม่เลย... ไม่มี...  มันไม่ได้หักมุมอะไรทั้งสิ้น..  มันเป็นเพียงแค่ความจริงที่ดำรงอยู่ตลอด  เพียงแต่เรามองไม่เห็น... ความจริงไม่เคยหลอกใคร และความจริงไม่เคยหักมุม...   

     

    ไม่มีการหักมุม มีแต่ความจริง...  

     

    และท้ายที่สุด ความจริงที่ผมไม่เคยคาดหวังก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า...

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

              “เป็นไปไม่ได้.... ผมกล่าวเบาๆกับตัวเองก่อนหงายหลังลงราวกับว่าเรี่ยวแรงถูกสูบหายไปหมด หัวสมองขาวโพลน ท้องไส้ปั่นป่วน  สายตาจดจ้อง สิ่งที่อยู่ตรงหน้า”  สิ่งที่อยู่ภายใต้หน้ากากหนัง.. เพียงแวบเดียวที่มองเห็น คำตอบที่เคยเลือนรางก็เด่นชัดขึ้นทันที


    ผมหันไปมองที่ร่างของลิลลี่ เธอนอนคว่ำอยู่ข้างๆแม่มด... ตอนนั้นเองที่ทุกอย่างยิ่งเด่นชัดขึ้น...

     

    แต่.... ทำไม?

     

              คำถามเป็นล้านอัดแน่นอยู่ในสมอง ผมไม่อยากคิดอะไรอีกต่อไปแล้ว... มันเกินไปแล้วสำหรับคืนนี้ .. มันเหมือนผมได้รับบาดเจ็บทั้งทางกายและทางจิตใจพร้อมๆกัน... ไม่ช้า...เสียงหวอของรถพยาบาลก็ดังก้องกังวานเข้ามาใกล้เรื่อยๆ.. แสงไฟสีแดงน้ำเงินกระพริบไปมาก่อนที่รถจะจอดตรงหน้าบ้าน

     

    แต่ผมไม่สนใจ... สิ่งที่ผมสนคือสิ่งที่อยู่ตรงหน้าต่างหาก 

     

              นี่เอง.. คำตอบของสิ่งแปลกๆที่ผมเคยนึกสงสัยตลอด... สภาพศพแปลกๆ.. เสียงแปลกๆที่ได้ยินมาตลอด อาการแปลกๆของแต่ละคนที่เปลี่ยนไปในพริบตา...

     

    บาดเจ็บมากไหมครับ!” บุรุษพยาบาลลงจากรถพร้อมตะโกนถาม อีกคนลากรถเข็นออกมา

     

              “มีผู้ชายอีกคนบาดเจ็บอยู่ในบ้าน!! ขออีกเตียงด่วน!” เสียงของพยาบาลอีกคนดังขึ้น ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ก็ค่อยๆอุ้มผมลงบนเตียงนุ่มๆ พวกเขาเข็นผมเข้าไปข้างในตัวรถซึ่งมีพยาบาลคอยนั่งอยู่  ผมนอนรอพักพักก็ได้ยินเสียงของรถเข็นอีกอันถูกลากเข้ามา  เจ้าหน้าที่เดฟนั่นเอง...  อันที่จริงเมื่อเทียบกันแล้ว.. ผมดูจะมีบาดแผลมากกว่าเขาด้วยซ้ำ แถมโดนหนักกว่าอีก ทำไมเขาถึงได้สลบเหมือดแบบนี้ล่ะ... ถึงว่า... เพราะงี้ไงตำรวจมักจะตายในหนังสยองขวัญเสมอ

     

              “ออกรถเลยครับ!” ผมรู้สึกถึงรถที่ค่อยๆสั่นสะเทือนเพราะแรงขับเคลื่อน เจ้าหน้าที่คอยมองดูอาการอย่างใกล้ชิด.. การมองเห็นผมเริ่มเบลอด้วยความเหนื่อยล้า กล้ามเนื้อทั่วตัวกำลังผ่อนคลาย บาดแผลต่างๆเหมือนหายวับไป ณ บัดนั้น  ผมเอ่ยปากถามคำถามสุดท้าย ก่อนที่จะหลับลง...

     

    คุณครับ.....  ใครเป็นคนแจ้งโทรตามรถพยาบาลมา? 

     

    พยาบาลหันมา เธอหลุบตาลงเหมือนกำลังครุ่นคิดก่อนจะตอบคำถาม  อ๋อ…..  แม่มดเป็นคนแจ้งค่ะ

     

     

    ห๊ะ!?

     

     

    ผัวะ!!”    อะไรบางอย่างที่หนักและแข็งกระเเทกลงบนกระโหลกศีรษะอย่างแรง  ความชาแล่นไปทั่วหน้าผากก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลง.. และนั้นคือสิ่งสุดท้ายที่ผมเห็น..

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

    พรึ่บ!!

     

              แสงไฟภายในห้องส่องสว่างแยงเข้าตา ผมค่อยๆมองเห็นคล้ายกับภาพซ้อน ก่อนที่สายตาจะปรับโฟกัส และทุกอย่างก็ชัดเจนยิ่งขึ้น.. ไม่..... มันยังไม่จบ... แหงล่ะ  ผมพบว่าตัวเองอยู่ในสภาพที่ถูกมัดไว้อย่างแน่นหนาด้วยเชือกกับเก้าอี้ที่หน้าตาคุ้นๆ... เก้าอี้โรงเรียน... ผมอยู่ในห้องเรียน...

     

              บาดแผลรอบตัวยังคงกระตุ้นให้ผมเจ็บปวด เลือดสีแดงไหลซิบๆ แน่นอนว่าเมื่อกี้ไม่ใช่รถพยาบาล... และพวกเขาก็ไม่ใช่พยาบาล...  งั้นใครกัน... ผมกวาดตามองรอบๆ ห้องนี้คือห้องเดียวกันกับที่ผมหนีออกมาจากทางลับ.. และข้างๆก็มีร่างของชายอีกคนถูกมัดในสภาพเดียวกัน ฟุบอยู่บนโต๊ะ..

     

               “เดฟ!!  คุณ.... ผมเรียกเขา เจ้าหน้าที่เดฟเองก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้น เขาเหมือนมึนงงไปชั่วขณะก่อนจะรู้สึกตัว พยายามดิ้นให้หลุดจากเชือกจนเก้าอี้เกือบเซ... นี่มันเรื่องอะไรกัน?... ทำไมเราสองคนถึงถูกจัดมัดไว้ในห้องเรียนแบบนี้.. ทำไมผมถึงกลับมาที่นี่..

     

                  “พ... พวกเธอเป็นใคร!!” เจ้าหน้าที่เดฟตะโกนลั่น สายตาของเขาจ้องไปทางหน้าห้อง ผมหันไป.. ตอนนั้นเองที่เพิ่งจะสังเกตว่า นอกจากเราแล้วยังมีคนอื่นอยู่อีก

     

    พวกนาย!!!”

     

              ผมตาโตด้วยความประหลาดใจ นึกอยากจะขยี้ตาแต่มือก็ถูกมัดอยู่... เพราะสิ่งที่ผมเห็นก็คือ ทุกคน กำลังยืนนิ่งอยู่หน้ากระดานดำด้วยสายตาเย็นชา ในสภาพที่ปกติ...  ใช่... ทุกคนที่ผมว่านั้น หมายถึง เกล ลีออน เรสซ์ ลิลลี่ และ.... เจนเซ่น!!...

     

              “นี่หมายความว่ายังไง?!!”  ผมถาม... แต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา พวกเขายังคงยินนิ่ง เฉย ไม่พูด ไม่ขยับ หรือไม่แม้แต่กระพริบตา... ทำไม... คำถามมากมายวนเวียนในหัวเต็มไปหมด ทำไม อะไร และยังไง? ทำไมพวกเขาถึงยังยืนอยู่ตรงนี้... ผมแน่ใจว่าเห็นทุกคนตายหมดแล้ว... ทำไมถึงยัง... หรือว่า... ทั้งหมดนี่เป็นแผน...

     

               หรือถ้าลองคิดตามแบบหนังสยองขวัญละก็ ทุกอย่างเป็นแผน...  แผนที่ทุกคนรวมหัวกัน  เหมือนในเรื่อง สุขสันต์ วันโกหก ที่ตอนจบไม่มีใครตายสักคน ทุกอย่างถูกจัดฉากขึ้นเพื่อหลอกตัวเอกเพียงคนเดียว.... ทั้งเรื่องแม่มดนั่น! เรื่องเกม การกักบริเวณ  เรื่องคนตาย... ไม่มีอะไรจริงสักอย่าง.. เป็นเพียงสิ่งที่พวกเขาจัดฉากขึ้นมาเท่านั้นเองเหรอ?... ทำไม?...

     

                “พวกนาย... รวมหัวกันหลอกฉันเหรอ?!” ผมตะโกนเหมือนคนบ้า พยายามดิ้นไปมาสุดแรง เจ้าหน้าที่เดฟนั่งนิ่งเพราะยังคงงงงวยกับเหตุการณ์  ส่วนทั้งห้าต่างไม่ปริปากออกมาแม่แต่คำเดียว... พอมาคิดอีกที... ทุกอย่างก็เข้าเค้า.. ทั้งเลือดปลอม... ศพที่ดูปลอมๆ... การกระทำแปลกๆของแต่ละคน และเหตุการณ์ที่เป๊ะเหมือนกับหนังเกินไป... ทุกอย่างคือความลวง....  ท้ายที่สุด ความจริงก็คือความลวงนี่เอง...  ผมคิดก่อนที่จะรู้ตัวว่ามีน้ำคลออยู่ที่เบ้าตา...

     

    ทั้งหมดนี่ ไม่ใช่เรื่องจริง..... ที่ผ่านมา.... พวกนายหลอกฉันใช่ไหม!!”

     

     

     

    ผิดแล้วล่ะจ๊ะ...

     

                 อีกเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา... ผมรีบหันไปดู หญิงสาววัยสามสิบกว่าๆเดินนวยนาดเข้ามาราวกับนางแบบ ผมยาวสีดำขลับส่ายสะบัดตามแรง ริมฝีปากทาลิปสติกสีแดงสดยิ้มเหยียด สายตาเฉียบคมกำลังมองมาที่ผม เธอคือครูใหญ่นั่นเอง.... พวกเขาไม่ได้หลอกอะไรเลย...  แต่ถ้าจะมีใครสักคนที่หลอกเธอละก็ คนๆนั้นคงเป็นฉัน..

     

    คุณ..... หมายความว่ายังไง  ผมถาม... หัวใจสั่นระรัว ราวกับรังศีอันตรายแผ่ซ่านมาจากตัวเธอ...

     

               “เฮ้อ...... หญิงสาวถอนหายใจเบาๆก่อนจะกล่าวอย่างใจเย็น  ฉันเองก็ไม่รู้ว่า... จะเริ่มจากตรงไหนดี... ครูใหญ่เดินเข้ามาใกล้ผม แต่สายตากลับจ้องไปที่เจ้าหน้าที่เดฟ เหมือนเธอกำลังถูกใจเขา  อืม......  ฉันได้ยินว่าตอนอยู่ที่บ้านหลังนั้น  เธอเปิดหน้ากากแม่มดออกแล้วนี่... ครูใหญ่เลิกคิ้วแล้วเอียงคอเป็นสัญญาณว่าต้องการคำตอบจากผม ฉันถามเธอหน่อย... เธอเห็นอะไร?

     

    ผม....  เห็น....

     

              ในหัวนึกย้อนไปเมื่อกี้อีกครั้ง     ใช่... ผมเปิดหน้ากากหนังนั่นออก... ตอนที่จับหน้ากาก ผมรู้ทันทีว่าหน้ากากนี่ถูกทำให้เหมือนผิวหนังจริงๆทุกประการ..  ดังนั้นตอนที่เปิดมันออกจึงรู้สึกเหมือนกำลังลอกผิวหนังคนออกมากกว่า และตอนนั้นเองที่ผมค่อยๆเห็นสิ่งที่หน้ากากเผยออก   มันคือ.....

     








    เครื่องจักร.....

     

              ราวกับลิ้นจุกอยู่ที่คอ ผมค้างอยู่สักพักก่อนจะพูดออกมา ในหัวทบทวนว่าตัวเองเพิ่งกล่าวอะไรออกไป... แต่ใช่....  ใช่.... มันเป็นความจริง... มันไม่ใช่ใคร... มันไม่ใช่หน้าของใครเลย!.... มักคือเครื่องจักร... เครื่องจักรที่ทำจากส่วนประกอบอะไรบางอย่าง คล้ายเหล็ก มันวาวและสะท้อนแสง.. เสียง ฮืมมมมม ดังกึกก้องอยู่ในตัว กลไกกำลังบางอย่างหมุนและเคลื่อนที่.....   นี่เองคือคำตอบที่ว่าทำไมแม่มดถึงได้เก่งนัก... ทำไมแม่มดถึงได้มีพละกำลังเหนือมนุษย์ นี่คือสาเหตุที่ทำให้เธอมองเห็นในที่มืดและฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น... เพราะเธอไม่ใช่คน...  เธอไม่ใช่ผี... เธอคือหุ่นยนต์!!

     

                เดี๋ยวๆๆๆๆ....  เอาจริงง่ะ?...  นี่คือคำตอบของเรื่องทั้งหมดงั้นเหรอ?.... สรุปก็คือ... ที่ผมต้องถูกวิ่งไล่ฆ่าจนแผลเต็มตัว ถูกทำร้ายทั้งทางร่างกายและจิตใจ  ถูกทำให้อยู่ในสภาพปางตายแบบนี้...  โดยหุ่นยนต์เนี่ยนะ!!?  บ้าไปแล้ว!! คนพวกนี้มาจากอนาคตหรือยังไง แค่สตีฟ จ็อบคิดค้นไอโฟนขึ้นมา คนทั้งโลกก็บูชาเขาแล้ว... แต่นี่!! หุ่นยนต์... ที่พูดได้.. เคลื่อนไหวได้... คิดเองได้.. ฆ่าคนได้...  ทำไมถึงไม่มีคนรู้! แล้วเขาใช้เทคโนโลยีแบบไหนกันถึงสร้างแม่มดขึ้นได้?

     

               “ถูกต้องแล้วล่ะ... ฟิตซ์... ครูใหญ่ตบมือเบาๆพร้อมกับยิ้มเยาะเย้ย... แบบเดียวกับที่แม่มดยิ้มเปี๊ยบ  หรือเรียกให้ถูกก็คือ.. นักเรียนมัธยม ชั้นม.ปลาย ประจำโรงเรียน ฮอลโลเวย์ แมตทิว เอซร่า ฟิตซ์  ผู้ที่ได้เกรดเฉลี่ยตกต่ำทุกเทอม...  หญิงสาวเรียกชื่อเต็มของผม เธอเงียบสักพักราวกับจะดูปฎิกิริยาโต้ตอบ แต่ผมเองก็เงียบเช่นกัน เพราะมัวแต่หาคำตอบกับเรื่องทั้งหมด

     

               “อันที่จริง... เรื่องทั้งหมดมันค่อนข้างซับซ้อน...  ฉันเองก็มีสิทธ์ที่จะไม่เล่าให้เธอฟังก็ได้...  แต่ฉันก็ว่างๆ ก็เลยจะเล่าให้ฟังเอาบุญสักหน่อย...  ผมรู้สึกอึดอัดเพราะเธอคอยจ้องผมและเจ้าหน้าที่เดฟตลอด เพียงแต่คนละอารมณ์กัน กับเขา เหมือนเธอจะถูกใจหน้าตาเป็นพิเศษ แต่กับผม เหมือนเธอกำลังดูถูกมากกว่า...

     

    เริ่มจาก... ที่นี่... ไม่ใช่โรงเรียนมัธยมปลายธรรมดาทั่วไป...  แน่นอนว่าเบื้องหน้าก็คือโรงเรียนเอกชนธรรมดาๆที่รับนักเรียนห่วยๆเข้ามาเรียนทุกปี...  แต่เบื้องหลัง...  ตึกเรียนแห่งนี้คือ  ศูนย์วิจัยลับเพื่อพัฒนาเครื่องจักรสมองกลเสมือนมนุษย์.. หรือที่เรียกย่อๆว่า  ดีอีอา    เธอหยุดพักนึงเพื่อดูว่าผมตั้งใจฟังเธออยู่หรือเปล่าก่อนจะพูดต่อ

     

                “ที่ ดีอีอา แห่งนี้.. เราคือทีมวิจัยที่แอบทำงานอย่างลับๆโดยไม่ให้คนของรัฐบาลรู้...  เป้าหมายของการวิจัยก็คือการสร้างหุ่นยนต์ที่เหมือนคนมากที่สุดโดยไม่มีใครแยกออก...   และจากการพยายามเกือบสิบปี  เมื่อห้าปีที่แล้ว เราก็สร้างหุ่นยนต์เสมือนมนุษย์รุ่นแรกได้สำเร็จ...   โดยเราสร้างขึ้นมาทั้งหมด หกตัว... แต่ละตัวจะถูกใส่ความสามารถ และความอัจฉริยะภาพที่แตกต่างกันไป....


               เพราะอย่างนี้นี่เอง...  ทั้งตึกถึงได้เต็มไปด้วยสิ่งแปลกๆ ทั้งระบบล็อกอัตโนมัติที่ยากจะเชื่อว่าทำไว้เพื่อกันนักเรียนเข้ามาอย่างเดียว กระจกกันกระสุนที่ติดทั่วทั้งตึก...  และ..ทางลับที่เพิ่งผมค้นพบ...  เอ๊ะ!! เดี๋ยวสิ.... เมื่อกี้เธอพูดถึงหุ่นยนต์หกตัว.....    หรือว่า!! อย่าบอกนะว่า ทุกคน.....

     

               “ใช่.... เจนเซ่น... ลิลลี่ เรสซ์ ลีออน เกล รวมถึงครูโจเซฟิน  ทุกคนคือ  หุ่นยนต์  หรือสิ่งประดิฐที่พวกเราสร้างขึ้นมาเองกับมือ   ผมตกตะลึง อ้าปากค้าง  รู้สึกอยากจะกัดลิ้นตายซะตรงนั้น  บ้าไปใหญ่แล้ว!! พวกเขาเนี่ยนะหุ่นยนต์... แต่...

     

               “แต่ แต่ แต่ แต่ แต่ พูดอยู่ได้ว่า แต่!!  เธอคิดหรือว่าโรงเรียนห่วยๆแบบนี้ อยู่ดีๆจะมีนักเรียนที่อัจฉริยะและหน้าตาดีมาเข้าเรียนกันน่ะ! เธอคิดเหรอ! ว่าคนที่สมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่างมันจะมีอยู่บนโลกนี้จริงๆ?   มันไม่มี!!   แต่...มัน...สร้าง...ได้   เหมือนจริงซะด้วย! ดูผิวหนังของหุ่นพวกนี้สิ! มันไม่มีวันเหี่ยวย่น พวกเขาไม่มีวันแก่! แม้แต่เลือดก็ยังสีเหมือนจริง  พวกเขาคือความสมบูรณ์แบบ!”  เธอยิ้มอย่างน่าสะพรึงกลัวก่อนจะเดินเข้าไปใกล้พวกเจนเซ่... ไม่สิ.. หุ่นยนต์... ผมเริ่มคิดแล้วว่าแม่มดนั้นเหมือนกับครูใหญ่ทุกประการ

     

               “ตอนนี้... ฉันปิดระบบการทำงานของหุ่นอยู่ หญิงสาวกล่าวก่อนจะค่อยๆลูบไล้ไปตามตัวของหุ่น..ถ้าอย่างนั้น เสียงเครื่องจักรที่ได้ยินมาตลอดคือ....  นี่เอง... คือสาเหตุที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆตั้งแต่แรกเกี่ยวกับศพของพวกเขา..  เพราะผมที่ดูหนังสยองขวัญจนเข้ากระดูกดำแล้วนั้น ดูออกว่าศพแบบไหนคือของปลอม ศพแบบไหนคือของจริง เลือดแบบไหนที่ดูปลอมๆ เศษเนื้อแบบไหนที่ผู้กำกับเอาเนื้อหมูมาทำแทน   ใช่... ศพของแต่ละคนไม่เหมือนจริงเลย แม้แต่เลือด สีก็ยังแดงเจ๋เหมือนผสมเอาด้วยสีน้ำ...  ไหนจะตอนครูโจเซฟิน  ตอนที่หนังศีรษะของเธอขาดออก มันไม่มีทางที่รอยขาดจะตรงแป๊ะเป็นเส้นตรงขนาดนั้น มันเหมือนมีคนกรีดหน้าผากเธอไว้บางๆเพื่อให้ขาดออกง่ายๆมากกว่า....      

     

                “ถ้าสตีฟ จ็อบ เปลี่ยนโลกละก็...  ฉันนี่เหละ... คือผู้สร้างโลก ด้วยหุ่นยนต์พวกนี้ โลกทั้งใบจะต้องสั่นสะเทือน ฉันและทีมวิจัยจะกลายเป็นผู้ที่สร้างโลกขึ้นมาใหม่... คำกล่าวของเธอเหมือนบ้าคลั่ง แต่ด้วยน้ำเสียง และท่าทางที่สงบนิ่ง กดดัน มันกลายเป็นคำที่แสนจะน่าเชื่อถือ 

     

                “แล้ว... ไงต่อล่ะ  ผมรวบรวมความกล้าพูดออกไป พวกเขาเป็นหุ่นยนต์ แล้วการกักบริเวณ แม่มด เกมต่างๆที่เธอบังคับให้เล่น ทำไมเธอต้องตามล่าหุ่นยนต์ด้วยกันเอง ทำไมเธอต้องฆ่าผม? 

     

               “อ๋อ...  สำหรับเรื่องนั้น... เธอกลับมาสนใจผมต่อ  คือ... ทุกๆสิ้นเดือน  ทาง ดีอีอา ของเราจะทำการจัดการทดสอบเพื่อ วัดสมรรภาพและกระบวนการคิดต่างๆ ของหุ่นยนต์น่ะ

    ผมพยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่เธอพูด  การทดสอบเหรอ? 

     

                “อาฮะ....  คือ…. หุ่นแต่ละตัวยังอยู่ในช่วงพัฒนา จึงมีบางครั้งที่การคิดประมวลผลของหุ่นผิดพลาด และเพื่อไม่ให้ความแตก เราจึงต้องจัดการทดสอบหุ่นพวกนี้ โดยการสร้างสถานการณ์ต่างๆขึ้นมา ใส่ตัวเลือกให้พวกเขาตัดสินใจ เพื่อดูว่าระบบการคิดของใครบกพร่องบ้าง... หุ่นตัวใดที่เริ่มแสดงอาการก่อน เราก็จะทำการจับตัวหุ่นนั้นมาซ่อม แล้วทดสอบหุ่นตัวอื่นต่อ   อย่างเช่นตอนของเกล... เธอเกิดคลั่งขึ้นมา แล้วกระทำการตัดสินใจดึงให้ครูตกตึกโดยไม่คิดอะไรเลย นั่นทำให้เรารู้ว่าเธอมีปัญหา...  เราถึงต้องกำจัดเธอไปเป็นคนแรก...  คนต่อมาก็ลีออน  ตอนที่เขาพยายามซ่อมแผงวงจรไฟฟ้าเพื่อหนีออกจากห้องสมุด ไฟฟ้าเกิดช็อตใส่ เขาจึงเริ่มมีท่าทางแปลกๆ จากนั้นก็พยายามฆ่าเธอ เราถึงต้องกำจัดเขาเป็นรายต่อมา  อีกคนก็คือเรสซ์  เธอไม่ค่อยมีปัญหาอะไรมากหรอกนะ แต่การที่เรสซ์ตัดสินใจเข้าไปในปาร์ตี้ถือเป็นความเสี่ยงอย่างมากที่ความจะแตก เราถึงต้องจัดการกับเธอต่อ.... ส่วนที่เหลือ  หุ่นของลิลลี่และเจนเซ่น ทั้งคู่ผ่านการทดสอบ...

     

                โอเค....  ได้....  จะเล่นกันแบบนี้ใช่ไหม?...  ต่อไปอะไรอีกล่ะ  ขอทายนะ ท้ายที่สุดครูใหญ่ก็เผยตัวว่าเป็นเอเลี่ยน ตึกเรียนแปลงร่างเป็นยานอวกาศ พวกเขาจับผมเพื่อเป็นตัวทดลองมนุษย์อะไรแบบนั้นชัวย์....  ผมหมายถึง.... ทุกอย่างมันเหลือเชื่อ?!! ทุกคนเป็นหุ่นยนต์!! และการกักบริเวณสุดโหดที่ผ่านมา เป็นเพียงการทดสอบสมรรถภาพหุ่นยนต์... ไม่มีใครตายจริงด้วยซ้ำ?!

     

    งั้น.... ผมเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ล่ะ?  ทำไมถึงต้องพาผมมายุ่งกับเรื่องนี้ด้วย?

     

              “โอ.....  ใช่แล้ว  นี่เหละคือประเด็นสำคัญเลยล่ะ  เธอ......  เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างมาก... หญิงสาวกล่าวอย่างมีเลศนัย  ผมมองเธอ รู้สึกเย็นวาบไปทั่วตัว    ยังไง? ผมถาม

     

              “เราพบว่า....  เธอมีอะไรบางอย่างที่พิเศษ...  พิเศษมากๆ  ตั้งแต่วันแรกที่เธอย้ายเข้ามาเรียนที่นี่.. หุ่นยนต์แต่ละตัวก็เริ่มแสดงอาการแปลกไป...   เธอไม่สงสัยบ้างเหรอว่าทำไมหุ่นเจนเซ่นและเกลถึงชอบแกล้งเธอ ทั้งๆที่กับคนอื่น พวกเขาก็เป็นคนดี ทำไมเรสซ์ถึงไม่เคยช่วยเธอ ทั้งๆที่เธอเป็นคนรักความยุติธรรม  จะว่าไป.... นั่นก็จริงแฮะ  ทุกคนทำตัวแปลกไปเมื่ออยู่กับผม  ทุกๆวันก็มักจะสงสัยแบบนี้ ผมมีอะไรที่แปลกไปหรือ? 

     

                 “ยิ่งกว่านั้นนะ  หุ่นลิลลี่ ทั้งๆที่มีนิสัยดี เป็นมิตร เข้ากันง่ายกับทุกคน ชอบคุยกับทุกคน ทำไมถึงไม่เคยคุยกับเธอเลย ทั้งๆที่นั่งแถวเดียวกัน ทำไมเธอถึงเลือกไปนั่งริมสุดล่ะ?   ยังมีอีกคน... ลีออน ต่อหน้าเธอ เขาเป็นคนเงียบๆ แต่รู้มั้ยว่าลับหลังเขาทำอะไร?.....    ทุกครั้งที่เธอสอบ ส่งงาน ทำการบ้าน ลีออนมักจะแอบใช้กุญแจที่ครูให้ ไปแก้คะแนนของเธอให้มันห่วยแตกบ่อยๆไงล่ะ....รู้ตัวหรือเปล่า?   

              เดี๋ยว.... อะไรนะ
    !! ลีออนเนี่ยนะ? แอบไปแก้คะแนน?... ทุกครั้งด้วย?   ถ้าว่ากันตามจริงแล้ว ทั้งงาน และคะแนนสอบของเธอในช่วงต้นๆ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีมากเลยทีเดียว... แต่พอเธอเริ่มถูกแก้ให้คะแนนแย่ลง เธอก็เริ่มทำตัวไร้สาระ ในที่สุดลีออนก็ไม่จำเป็นต้องแอบไปแก้คะแนนเธออีกต่อไป.....    คราวนี้สงสัยแล้วใช่ไหมล่ะว่าทำไม....”  ถึงตอนนี้เจ้าหน้าที่เดฟผู้ซึ่งนั่งฟังอยู่ข้างๆก็ทำหน้าเหมือนคนตาย คล้ายกับว่าเขาจะพยายามเข้าใจเรื่องทั้งหมด ทั้งๆที่ยังคงงงๆอยู่

     

               “ตอนแรกเราคิดแค่ว่าจะติดตามดูพฤติกรรมของเธอเฉยๆ....   จนกระทั้งสัปดาห์ก่อน... นั่นคือตอนที่เรื่องทั้งหมดเริ่ม  ช่วงนั้นเรากำลังวางแผนเรื่องการทดสอบหุ่นยนต์อยู่ จึงส่งหุ่นยนต์แม่มดไปให้นักวิจัยของเราคนนึงไปตรวจสอบ... นักวิจัยคนนั้นของเรา พาหุ่นยนต์แม่มดไปตรวจสอบที่บ้านของเธอ ทุกอย่างก็ดูโอเค.... จนกระทั้ง...  มีเด็กชายคนนึงผู้ซึ่งมีอะไรพิเศษเดินผ่านบ้านหลังนั้น...  ทันทีที่หุ่นแม่มดเห็นเขา มันก็เกิดคลั่ง ระบบการคิดแปรปรวน มันออกไปไล่ฆ่าเด็กคนนั้น จากนั้นก็กลับมาฆ่านักวิจัยของเราตายตามแบบที่ได้ตั้งโปรแกรมไว้  

     

                 อย่าบอกนะว่า...  หนึ่งสัปดาห์ก่อน ตอนที่ผมถูกไล่ออกจากบ้าน... หมายความว่า.... จิล แฟรี่  ผู้หญิงคนที่ตายแบบสโนไวท์คราวนั้น คือหนึ่งในนักวิจัยของ ดีอีอา และผมทำให้หุ่นยนต์คลั่งจนมันฆ่าเธองั้นเหรอ?

     

                  “ตั้งแต่นั้นมา เราก็เพ่งเล็งเธออย่างมาก เพราะเธอคือภัยอันตรายใหญ่หลวง เธออาจจะทำให้หุ่นที่เหลือคลั่งแบบที่เธอทำกับหุ่นแม่มดก็ได้ เราถึงต้องวางแผนประชุมกันใหม่  เราตัดสินใจพาเธอมาร่วมการทดสอบครั้งนี้ด้วย... หนึ่ง เพื่อที่จะดูว่าเธอมีอะไรที่พิเศษ และสอง... เพื่อปิดปากเธอนั่นเหละแล้วรู้อะไรไหม? พอเราเอาเธอเข้าร่วมการทดสอบ ทุกอย่างก็อยู่เหนือการควบคุม  ตั้งแต่ฉันทดสอบหุ่นพวกนี้มา... ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่หุ่นพวกนี้จะหาวิธีหนีออกจากห้องสมุดได้!! เป็นครั้งแรกที่เธอทำให้พวกเขาหนีออกไป...  เราจึงตกลงกันว่าต้องปิดปากเธอให้เร็วที่สุด ก่อนที่เธอจะพาหุ่นพวกนี้เลยเถิดไป  แต่....ใครจะคิดว่าเธอจะหนังเหนียว รอดจนถึงขั้นออกจากเขตโรงเรียนได้  โชคดีที่เธอยังไม่ไปป่าวประกาศที่ไหน ยกเว้นกับ...หนุ่มหล่อคนนี้  หญิงสาวเอื้อมมือไล่ไปตามตัวของเดฟพร้อมกับทำสีหน้าเย้ายวน เขาพยายามขัดขืนอย่างเต็มที่ ดูไม่มีอารมณ์ร่วมแม้แต่น้อย ตอนนี้ผมเริ่มจะสงสัยบ้างแล้วว่าเขาเป็นเกย์หรือเปล่า?

     

                  “ท้ายที่สุด.... เธอรู้ไหมว่าเราพบอะไรในตัวเธอ? ครูใหญ่กันกลับมาพูดกับผมต่อ เราพบว่าเธอมีคลื่นสมองที่ต่างจากคนอื่น...   จะพูดว่าไงดีล่ะ? โดยปกติแล้ว คลื่นสมองของคนทั่วไปจะไม่ส่งผลต่อระบบหุ่นยนต์... แต่เธอ... โดยรวมแล้ว สิ่งที่เธอคิดประจำคือ ความขี้แพ้ ของตัวเอง... เธอเอาแต่โทษตัวเองว่าแย่แบบนู้น แบบนี้ ห่วยยังงู้น ห่วยยังงี้ อ่อนแอแบบนั้น บลาๆๆๆ  ไอ้ความคิดขี้แพ้ของเธอนี่เหละที่ส่งเป็นคลื่นสมองที่มีความถี่ต่ำกว่าคลื่นทั่วไป ส่งผลเสียแบบเจาะจงเฉพาะกับหุ่นของเรา   ผมฟังเธอ ใจนึงแอบแค้นเหมือนถูกหลอกด่า อีกใจนึงก็คิดตาม... ใช่แล้ว ตลอดมา... เราเอาแต่คิดแย่ๆกับตัวเอง ครั้งไหนที่คิดเยอะเป็นพิเศษ พวกเจนเซ่นก็จะยิ่งแกล้งเป็นพิเศษเหมือนถูกซ้ำเติม  แล้วก็ตอนที่ถูกไล่ออกจากบ้าน ตอนนั้นเราแทบอยากจะฆ่าตัวเองให้ตายด้วยซ้ำ... ตอนนั้นเรารู้สึกแย่กับตัวเองที่สุด มันถึงได้ส่งผลรุนแรงกับหุ่นแม่มด... ถึงขนาดทำให้คลั่งจนฆ่าคนได้....

     

                “เราเพิ่งจะคิดออก ตอนที่เธอกล้าตวาดเจนเซ่นในห้องสมุดนี่เหละ... ตั้งแต่ตอนนั้น เขาก็เริ่มทำตัวกับเธอดีขึ้น คนอื่นเช่นกัน... คาดว่าเธอคงจะเลิกคิดแย่ๆกับตัวเองแล้วสินะ? หุ่นทุกตัวถึงกลับมาปกติเหมือนเดิม…   อย่างไรก็ตาม เรายังพบว่าหุ่นพวกนี้สามารถเชื่อมต่อกับเธอได้เป็นพิเศษ เช่นรับรู้ความฝันของเธอได้...

     

    หา? รู้ความฝันได้? นี่มันหุ่นยนต์รึแฮรี่ พอตเตอร์เนี่ย?

     

               “จากการตรวจตวามทรงจำของหุ่นแต่ละตัว เราพบว่าเวลาที่เธอหลับ หุ่นพวกนี้จะสามารถรับรู้ได้ว่าเธอฝันอะไรอยู่...  อย่างเมื่อตอนเช้า เธอฝันถึงแม่มด หุ่นพวกนี้ก็รับรู้ความฝันของเธอ ดังพอเธอตื่นขึ้นมา ทุกตัวก็แสดงอาการเหมือนได้ฝันกับเธอด้วย....

     

     งั้นทำไม.... ทำไมต้องเป็นนิทานล่ะ? ทำไมแม่มดถึงส่งข้อความและทำทุกอย่างให้คล้ายนิทานล่ะ?

     

              “อ๋อ.....   ไม่มีอะไรหรอก   แบบว่า  เราจัดการทดสอบนี่เป็นเกือบร้อยครั้งแล้ว  ถ้าทดสอบแบบเดิมๆจะทำให้หุ่นพวกนี้เรียนรู้ และผลการทดสอบเกิดคลาดเคลื่อน เราถึงต้องคิดคอนเซ็ปใหม่ๆขึ้นมาทุกครั้ง เพื่อไม่ให้มันซ้ำซาก อย่างเดือนที่แล้ว... คอนเซ็ปของเราก็คือ ฆ่าตามแบบหนังเรื่อง คนกินเปรต นรกเดินดิน

     

              โอเค....  สรุปที่ผ่านมาทั้งหมด....   ไม่ใช่เรื่องจริง...  ไม่มีใครตายจริง... ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย... คนที่เสียหายจริงๆ มีแค่ผม กับเจ้าหน้าที่เดฟเท่านั้น หุ่นพวกนี้เป็นขององค์กรวิจัยลับบ้าบอ โรงเรียนนี้ก็เป็นของพวกเขา ต่อให้หุ่นยนต์แม่มดพังทั้งโรงเรียนก็ไม่มีใครเดือดร้อน เพราะโรงเรียนนี้เป็นของครูใหญ่... เจ๋ง... เยี่ยมมาก...

     

              “ก็..... แค่นี่เหละ   สำหรับความจริงที่เธออยากรู้... ครูใหญ่ยิ้มเหี้ยม เธอนั่งลงตรงเก้าอี้ครู จากนั้นก็ทำท่าส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง  ไม่ช้าก็มีชายร่างใหญ่ใส่ชุดสูทและแว่นดำสองคนเดินเข้ามาเหมือนพวกบอดี้การ์ดแบบในหนัง   ตอนนี้....  หุ่นทุกตัวก็ซ่อมเรียบร้อย  โรงเรียนเราก็จัดการทำความสะอาดทุกอย่างให้เหมือนเก่า  ที่บ้านของเจ้าหน้าที่คนนี้ เราก็ส่งคนไปจัดฉากใหม่...   เหลือเพียงอย่างเดียว...  คือการทำลายหลักฐานพยานบุคคล!!”  ครูใหญ่ส่งสายตาเพื่อบอกให้ชายร่างใหญ่ทั้งสองคนคลายเชือกให้ จากนั้นเขาก็บีบแขนผมแน่นและพยายามลากออกไปนอกห้อง ผมขัดขืนสุดชีวิต

     

             ไม่!! เดี๋ยว!!  คุณกำจัดเราไม่ได้! ถ้าเราหายตัวไป ต้องมีคนสังเกต! โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่เดฟ เพื่อนตำรวจต้องตามหาเขาทั้งส.น.แน่!!”  

     

              “ไม่ต้องห่วง  เด็กน้อย...  สำหรับสุดหล่อ... ช่วงนี้ฉันเองก็อยากได้ต้นแบบสำหรับหุ่นยนต์ทาสรับใช้เพื่อเอามาคลายความเหงาให้เหมือนกัน ครูใหญ่ส่งสายตาพิศวาสให้เดฟอีกครั้ง เธอละสายตาจากเขา แล้วมองมาที่ผม.. บอกได้เลยว่ารังศีแห่งการดูถูกเหยียบย่ำ แผ่ออกมาจากนัยน์ตาเธออย่างชัดเจน... สำหรับเธอ....  อืม...  ทีมนักวิจัยคนนึงเขาบอกว่าอยากลองสร้างหุ่นยนต์ที่มีนิสัยห่วยแตกบ้าง ฉันว่าเธอน่าจะเป็นต้นแบบให้เขาได้ ไม่ต้องห่วงนะ...  ส่วนไหนของร่างกายเธอที่น่าเกลียด ฉันไม่เอาใส่ลงไปในหุ่นหรอก...ไม่แน่นะ พรุ่งนี้ก็อาจจะมี เธอ ในเวอร์ชั่นที่ดีกว่าออกมาเรียนกับเพื่อนๆก็เป็นได้  แต่ก่อนหน้านั้น ฉันต้องแยกชิ้นส่วนร่างกายเธอก่อน เพื่อให้สะดวกแก่การสร้างอวัยวะเทียมขึ้น...  ฉะนั้น... เจ็บหน่อยนะ

     

              “ไม่!!!” ผมขัดขืน แต่คนทั้งคู่แรงเยอะกว่ามาก เจ้าหน้าที่เดฟพยายามดิ้นไปมาจนเก้าอี้ของเขาเซล้มลงไปด้านข้าง ผมถูกลากเข้าสู่ทางเดินของตึกเรียน เท้าสองข้างครูดไปกับพื้น ยิ่งเดิน แสดงสว่างก็ยิ่งน้อยลง ความมืดเข้ามาคืบคลานขึ้นเรื่อยๆ ราวกับตัวเองกำลังจมดิ่งเข้าไปสู่ความตาย ผมไม่มีทางรอด... ทั้งตึกนี่เป็นของเธอ มีแต่คนของเธอทั้งนั้น

     

    วี้!!.......

     

              เสียงของเหล็กแหลมๆกำลังทำงาน  ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกเสียวฟัน ผมรู้ดีว่ามันคือเสียงอะไร... มันคือเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยิน... มันคือเสียงของเครื่องหั่นชิ้นส่วนมนุษย์ ผมไม่คิดเลยว่าตัวเองจะต้องมีจุดจบแบบนี้.. ทำไม? ทำไมต้องเป็นผม?... ทำไมโลกไม่ยุติธรรม   ทำไมถึงไม่เหมือนในหนัง... ทำไมผมถึงหนีไม่ได้ 

     

              ในที่สุดผมก็ถูกลากเข้าไปในห้องๆนึง ที่มีเตียงใหญ่ๆตั้งอยู่ตรงกลาง และมีชายใส่ผ้าคลุมขาวเหมือนหมอผ่าตัด เขาสวมหน้ากากอนามัยและถุงมือ บนมือมีมีดผ่าตัดรวมทั้งอุปกรณ์รูปร่างแปลกๆ...  และนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ผมเห็นในชีวิต... มันคือความสิ้นหวัง  มันคือวาระสุดท้ายของชีวิต... ผมหวังให้ผมรอด..  ผมอาจจะรอดก็ได้...

     

    ถ้านี่เป็นหนังอ่ะนะ...

     

              ไม่ช้าความรู้สึกของมีดแหลมๆกำลังผ่าร่างกายเข้าไป ผมกรีดร้อง มันกำลังผ่าผมออกเป็นสองท่อน เลือดสาดกระจายไปทั่ว มีดผ่าตัดกรีดลงไปบนส่วนต่างๆ ผมมองเห็นเครื่องในตัวเอง ผมรู้สึกเหมือนอยากอ้วกเมื่อชายคนนึงจิ้มเข้าไปในกระเพาะ ภาพทุกอย่างเลือนราง... ก่อนจะดำมืด.... ตลอดกาล

     

    แล้วผมก็ตาย

     

     

     

     

     

     

     

    จบ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ฉลาดมากที่เลื่อนลงมา  แต่....   มันจบแล้วจริงๆ


















    จบแล้วจริงๆ  ไม่ต้องเลื่อนแล้ว!!...
































    เออ ก็ได้!... ผมล้อเล่น ยังไม่ตายหรอก.....    ก็แค่ยัง

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


    โปรดติดตามตอนต่อไป 

    ป.ล. ผู้ที่อ่านตอนนี้จบ เวลาเม้น อย่าสปอยให้คนอื่นรู้นะจ๊ะ เดี๋ยวจะไม่สนุก  รัก- จากหุ่นยนต์แม่มดใจร้าย



     

    KiT Ta
    ขอขอบคุณธีมสวยๆจากคุณ
    THE'KITTA .ด้วยครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×