ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องพักออริที่'นก'

    ลำดับตอนที่ #23 : Emotions A-Z :: ไรเดอร์ อีเมอร์สัน

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.พ. 61


    Ice-like heart is difficult to reach or crumble.
    หัวใจที่ด้านชาดุจธารน้ำแข็ง ยากแก่การเข้าถึงหรือพังทลายลง



    Why do you choose to give love to me?
    ทำไมคุณจึงเลือกที่จะมอบความรักให้กับผม

    Know that finally found the pain.
    ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ...ว่าสุดท้ายก็ต้องพบเจอกับความเจ็บปวด

    Why...?

    ทำไมกัน...?


    A P P L I C A T I O N



    (หากไม่ถูกใจเมจนี้)

    1  2  3  4  5


    " คุณนี่แปลกนะ...ทำไมถึงชอบมาวุ่นวายกับผม... "

    "ทั้งๆที่อาจจะต้องเจ็บปวดเพราะผมก็ได้..."

    ชื่อ-นามสกุล : ไรเดอร์ อีเมอร์สัน ll Ryder Emerson


    ชื่อเล่น : ไรเดอร์ ll Ryder  


    อายุ : 18 ปี


    เพศ : ชาย


    รสนิยมทางเพศ : BL / รับ (ความต้องการส่วนตัวของผปค.เองคร่ะ-- แค่ก!)


    สัญชาติ : อังกฤษ


    วันเกิด : 1 January 


    อาชีพ : นักเรียน , พนักงานเสิร์ฟร้านอาหารแห่งหนึ่ง (อาชีพเสริม)


    ลักษณะรูปร่างภายนอก : ไรเดอร์ อีเมอร์สัน ชายหนุ่มชาวยุโรปผู้กำเนิดขึ้นภายใต้สกุลอีเมอร์สันเชื้อสายอังกฤษ เขามีรูปร่างสมส่วนตามที่ชายหนุ่มวัย 18 ทั่วไปที่พึงมีราวกับได้รับการปั้นแต่งมาจากพระเจ้าอย่างปราณีต หากแต่ส่วนสูงเพียง 165 เซนติเมตรมันกลับทำให้เขาไม่ได้สูงยาวเข่าดีอะไร แต่ส่วนสูงนี้ก็รับกับน้ำหนัก 55 กิโลกรัมได้อย่างลงตัวทำให้ไม่ดูผมแห้งแรงน้อยจนเกินไปในสายตาของผู้อื่น ผิวพรรณขาวเรียบเนียนราวอิสตรีก็ไม่ปาน สาเหตุมาจากทางบ้านที่เลี้ยงดูราวกับไข่ในหิน ได้รับการบำรุงดูแลรักษามาเป็นอย่างดีด้วยโลชั่นประทินผิวทำให้เนื้อกายของไรเดอร์มีกลิ่นหอมของดอกลาเวนเดอร์อยู่จางๆจนเป็นเอกลักษณ์ ด้วยโครงหน้าเรียวได้รูปออกไปทางหวานทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าเป็นหญิงสาวอยู่บ่อยครั้ง หากแต่เขาได้สนใจไม่ ดวงเนตรเฉียบคมทอประกายแววเฉยชากับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้มีสีนิลแกมเทาที่ไม่บ่งบอกถึงความรู้สึกใดๆนอกเสียจากความเย็นชาที่ถูกส่งผ่านมาทางสายตาเฉียบคมที่ใช้มองผู้อื่น แต่ก็เรียกได้ว่าเขาเป็นคนที่มีดวงตาทรงเสน่ห์คนหนึ่ง เหนือดวงเนตรคู่สวยประดับตกแต่งด้วยขนตาบางโค้งงอนพองามรับกับคิ้วโค้งคันศรได้อย่างลงตัว ช่วยเพิ่มความรู้สึกเย็นยะเยือกให้กับใบหน้าขาวเรียบเนียนออกซีดเป็นธรรมชาติไร้ซึ่งการเติมแต่งใดๆ จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากบางที่เป็นธรรมชาติตามฉบับของชายหนุ่ม หากแต่ริมฝีปากนี้กลับไม่ยกยิ้มแต่อย่างใด ยังคงเป็นเส้นตรงเรียบเฉยได้กับทุกสถานการณ์ราวกับไร้ความรู้สึก แต่ด้วยปากที่เราะร้ายอยู่พอตัวกลับทำให้ผู้อื่นอยากปิดปากนี้ด้วยริมฝีปากไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด หลังจากมองภาพรวมบนใบหน้าจะเห็นได้ชัดว่าเขานั้นมีทั้งความเฉยชาและอ่อนหวานดุจอิสตรีภายในเวลาเดียวกัน ใบหน้าหวานประดับด้วยเส้นเกศาอ่อนนุ่มดุจแพรไหมสีเงินราวกับธารน้ำแข็งอันหนาวเหน็บที่ได้รับการบำรุงรักษามาอย่างดี มีความยาวระต้นคอช่วยเพิ่มความเด่นชัดในเรื่องเพศขึ้นเล็กน้อย เมื่อมองลงมาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าจะเห็นได้ชัดว่าไรเดอร์นั้นเป็นชายร่างเล็กทว่าสมส่วนคนหนึ่งที่มีแขนขายาวพอเหมาะพอควรกับร่างกายทำให้ไม่ดูเก้งก้างจนเกินไป ประสมกับร่างกายที่ไร้รอยตำหนิใดๆทำให้ไรเดอร์ อีเมอร์สันนั้นถือเป็นชายที่น่าทะนุถนอมราวกับหญิงสาวเลยก็ว่าได้


    นิสัย : หากกล่าวถึงบุรุษคนหนึ่งนาม ไรเดอร์ อีเมอร์สัน โปรดอย่ามองข้ามเรื่องหน้าตาของเขาเป็นอันขาด เพราะนิสัยที่ท่านจะได้รับรู้ต่อจากนี้ไป คือนิสัยที่ถูกแทนด้วยคำว่า เย็นชา


              ไรเดอร์ เป็นชายหนุ่มที่มีบรรยากาศอันหนาวเย็นรายล้อมอยู่รอบตัวตลอดเวลา ราวกับกำลังสัมผัสบรรยากาศอันหนาวเย็นในช่วงฤดูเหมันต์ ด้วยลักษณะใบหน้าที่แสดงถึงความเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด ไม่แสดงถึงอารมณ์ความรู้สึกใดๆ เรียกได้ว่าเซลล์ประสาทที่หน้าตายด้านไปแล้วก็ยังได้(?) ทำให้เขานั้นดูเป็นคนที่เข้าถึงยากราวกับมีกำแพงบางๆกั้นอยู่ไม่ให้ใครสามารถเข้าไปถึงจิตใจดวงนี้ได้ ดวงตาเฉียบคมที่มักใช้มองผู้อื่นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่กล้าเข้าหาเช่นเดียวกันเพราะมันแสดงออกถึงความเฉยชาไร้อารมณ์ไม่เหมือนกับมนุษย์ทั่วไป ประกอบกับริมฝีปากที่เราะร้ายชนิดที่เรียกได้ว่าสามารถทำให้คนที่ฟังเจ็บปวดได้ถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตามที เป็นเหตุทำให้เขานั้นได้รับฉายามาว่า 'เจ้าชายน้ำแข็ง' เพราะความเฉยชาของเจ้าตัวไม่สามารถจัดอยู่ในขั้นธรรมดาสามัญทั่วไปได้ อีกทั้งเจ้าตัวยังเป็นคนรักความเงียบสงบ มักอยู่ตัวคนเดียวมากกว่าไปปะปนกับเพื่อนฝูง เลือก..ที่จะอยู่ตามลำพังดีกว่าต้องคบค้าสมาคมกับงูเห่าที่พร้อมย้อนกลับมาทำร้ายอยู่ทุกเมื่อ เวลาไปไหนมาไหนก็มักจะเดินคนเดียว จึงถูกผู้อื่นมองว่าเป็นหมาป่าเดียวดาย ด้วยลักษณะบุคลิกภาพและลักษณะนิสัยโดยเผินๆก็ทำให้เขานั้นได้รับฉายาต่างๆมามากมายแต่ก็ไม่ได้สนใจเสียเท่าไหร่ จึงปล่อยผ่านไปราวกับมันไม่มีน้ำหนักใดๆทั้งสิ้น

              ไรเดอร์ เป็นคนที่ประหยัดคำพูด ด้วยความที่เจ้าตัวเป็นคนเงียบๆทำให้คำพูดที่จะถูกเอื้อนเอ่ยออกมา
    พาลลดน้อยลงไปด้วยจนสามารถนับคำได้เลยทีเดียว เพราะส่วนมากที่จะได้นยินคือคำว่า 'อืม' เท่านั้น ทำให้บทสนทนาที่ตั้งใจมาคุยด้วยถูกตัดไปในทันที ไรเดอร์นั้นไม่ชอบการพูดคุยอะไรมากมายจนถูกมองไปในด้านลบต่างๆนานา แต่จะมีใครรู้ไหม? ว่าเขานั้นเพียงแค่ชวนคุยไม่เก่ง ไม่ถนัดด้านการเปิดบทสนทนาหรือต่อให้มันยาวขึ้นแต่อย่างใด ส่งผลทำให้เขากลายเป็นประเภทเงียบไปโดยปริยาย ถนัดทางด้านการรับฟังมากกว่าแสดงความคิดเห็น ถ้าคนๆนั้นพูดแบบพอประมาณก็ไม่ว่าอะไร แต่ถ้าหากพูดเป็นน้ำไหลไฟดับก็มีเปอร์เซ็นต์ที่จะทำให้เขาอารมณ์เสียสูงและอาจพ่นคำด่า(?)ออกมาได้อย่างไม่คาดคิด หากแต่คำด่านั้นไม่ได้หยาบแต่อย่างใด อีกทั้งยังเป็นน้ำเสียงที่เรียบเฉยแต่กลับแทงใจผู้ฟังได้อย่างน่าประหลาด ทำให้เขาเป็นคนมีปากคอเราะร้ายอยู่พอควร และด้วยความที่เจ้าตัวเป็นคนที่เก็บอารมณ์เก่ง ทำให้น้อยครั้งนักที่จะได้แสดงความโกรธออกมาให้ใครเห็น ในด้านของความเศร้าก็เช่นเดียวกัน ยามเศร้าเขาก็จะเก็บมันไว้ภายใต้หน้ากากที่เรียบเฉย ไม่ต้องการให้ใครรับรู้ความเจ็บปวดที่มีอยู่ภายในใจ ไม่ต้องการสายตาหรือคำพูดที่แสดงถึงความสงสารหรือสมเพช...ไม่ต้องการเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ถ้าหากมันถึงขีดจำกัดจริงๆ เขาก็มักจะปลีกตัวไปอยู่คนเดียวเพื่อปรับอารมณ์ให้คงที่ ถึงแม้ในใจจะแอบหวังว่าจะมีสักคนที่เข้ามาปลอบประโลม...เพียงสักคนก็ยังดี

              ไรเดอร์ เป็นคนที่มักพกหนังสือไปไหนมาไหนด้วยตลอดเวลา แต่หากไม่สังเกตก็จะไม่มีใครรู้เลยว่าหนังสือมีเนื้อความเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับต่างๆบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณ มนุษย์ต่างดาว หรือพลังงานพิเศษอื่นๆที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถพิสูจน์ได้ จนกลายเป็นงานอดิเรกของเขาที่ต้องศึกษาเรื่องพวกนี้ไปเสียแล้ว แต่ถึงแม้ว่าจะชอบเพียงใด ก็ใช่ว่าจะไม่กลัวสิ่งเหล่านี้เลย ความกลัวทั้งหมดถูกบดบังด้วยใบหน้าเรียบเฉยที่ดูราวกับไร้อารมณ์จนไม่สามารถรับรู้ได้ว่ากำลังหวาดกลัวกับสิ่งนี้ ลึกๆแล้วเขาทั้งกลัวสิ่งที่เรียกว่าวิญญาณที่มาในรูปแบบไม่เหลือเค้าโครงเดิมหรือมีโลหิตอาบไปทั่วร่างกายแต่ก็ทำได้เพียงซ่อนมันเอาไว้ภายในจิตใจ หากได้พบเห็นสิ่งๆนี้จริงๆก็คงจะไม่วิ่งตามเพื่อสร้างปัญหาให้กับตัวเองที่อาจตามมาในภายหลัง แต่จะกลับไปค้นข้อมูลต่อเอง...มันคือวิธีที่ดีที่สุดแล้วสำหรับเขา...

              นิสัยที่ไม่มีใครรู้คือ จริงๆแล้วเขานั้นเป็นคนที่อ่อนไหวในระดับหนึ่ง ด้วยความที่ผ่านเรื่องราวต่างๆในอดีต 
    มา มันมากเกินกว่าที่หัวใจดวงนี้จะรับไหว แต่ก็ไม่สามารถแสดงความเจ็บปวดนั้นออกมาได้ จึงทำให้เขาต้องสร้างลักษณะนิสัยอันเย็นชาขึ้นมาปิดบังความอ่อนแอของตัวเอง หากใครที่สนิทกับเขาจริงๆจะรู้ได้ในทันทีว่าจริงๆแล้วเขาไม่ใช่คนเย็นชาอะไรมากมายอย่างที่ได้เห็นภายนอก ออกจะเป็นคนที่น่าแกล้ง(?)เสียด้วย เพราะเมื่อถูกแกล้งเขาก็จะมีลักษณะนิสัยที่คล้ายๆแมว ซึ่งอาจจะทำให้คุณเจ็บตัวได้หากไม่ระวัง(?) อีกทั้งยังเป็นคนที่ใจอ่อนอยู่พอตัว เวลาถูกขอร้องอะไรก็ยากที่จะปฏิเสธจนเผลอตกปากรับคำไปเป็นที่เรียบร้อย และเขานั้นก็ยังเป็นคนที่รักษาสัญญา เมื่อสัญญาอะไรแล้วก็ต้องทำให้ได้ อีกทั้งยังไม่ใช่คนปากรั่วปากสว่าง หากคุณได้บอกความลับบางอย่างกับเขา...มันใจได้เลยว่ามันจะเป็นความลับตลอดไป...

              ไรเดอร์ เป็นคนที่ฉลาดหลักแหลม ด้วยความที่เจ้าตัวเป็นคนตั้งใจเรียนและชอบในการหาความรู้เพิ่มเติม
    ให้ตนเองทำให้ไม่ยากเลยที่เขานั้นจะมีปัญญาดีกว่าวัย ไรเดอร์มักคิดเสมอว่าหากตนไม่สามารถเอาชนะผู้อื่นด้วยกำลัง ก็ต้องชนะด้วยสติปัญญา ซึ่งมันทำให้เขานั้นรอดตัวจากสถานการณ์ต่างๆมาได้อย่่างน่าอัศจรรย์ อีกทั้งเขายังเป็นคนที่มีปฏิภาณไหวพริบอยู่ในระดับดีเลิศ สามารถวิเคราะห์ได้อย่างทันท่วงทีว่าตอนนี้ได้เปรียบหรือเสียเปรียบกันแน่ เป็นคนที่มีปณิธานสูงและเด็ดเดี่ยวพอสมควรทำให้เมื่อคิดอะไรได้แล้วก็จะยึดเดินตามหลักนั้นเป็นเส้นตรงไม่ไขว้เขวเด็ดขาด แต่ถ้าหากได้เจอทางใดที่คิดว่าดีกว่าเธอก็ไม่ปฏิเสธที่จะเปลี่ยนทิศทางการเดินเช่นเดียวกัน แสวงหาสิ่งที่ดีกว่ามาไว้ในครอบครอง นั่นล่ะ...คือไรเดอร์ อีเมอร์สัน 


    ประวัติ : ท่ามกลางบรรยากาศอันแสนร่มรื่นของสวนดอกไม้อันถูกแต่งแต้มไปด้วยแสงสุริยันอันอบอุ่นและเหล่าดอกไม้นานาพันธุ์ ศาลาสีขาวสะอาดตาอันตกแต่งไปด้วยดอกไม้ที่พันธนาการโดยรอบเพิ่มความสวยงาม ด้านในมีโต๊ะน้ำชาเล็กๆและร่างของเด็กสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ในบริเวณนั้นราวกับกำลังเฝ้ารอคอยบางสิ่งบางอย่าง

                   "สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้พบนะคะ" เด็กสาวใช้ดวงเนตรสีน้ำเงินประกายทองจ้องมองมายังคุณ พร้อมเดินมาจับมือเพื่อเชื้อเชิญคุณให้เดินเข้ามายังด้านในของศาลาพร้อมรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้า

                   "ทุกคนที่มายังสถานที่แห่งนี้ ล้วนแต่ต้องการรู้เรื่องราวของไรเดอร์ อีเมอร์สัน คุณเองก็คงเป็นหนึ่งในนั้นด้วยสินะ" เสียงหวานดุจระฆังแก้วเอ่ยขึ้นโดยไม่มีช่องว่างให้คุณตอบแต่อย่างใด มือบางพลางรินชาดอกไม้บานใส่แก้วแล้วนำมาให้คุณอย่างมีมารยาทก่อนนั่งลงในทิศทางตรงกันข้ามของคู่สนทนา

                   "เรื่องราวของไรเดอร์..อาจน่าเบื่อกว่าที่คุณคิด เพราะฉะนั้นมาดื่มชาไปพลาง ฟังไปพลางน่าจะทำให้การเล่าครั้งนี้มันไม่น่าเบื่อเกินไปจะดีกว่านะคะ" รอยยิ้มที่สดใสไม่แพ้แสงสุริยันยังคงไม่เลือนหายไปจากใบหน้า ก่อนที่ริมฝีปากจะเริ่มขยับบอกเล่าเรื่องราวของ ไรเดอร์ อีเมอร์สัน ขึ้น...


                   --------------------


                   [ เรื่องเล่าจากอลิซ - จุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลง ]


                   ยามดวงสุริยันลอยขึ้นเหนือพื้นดิน ปัดเป่าความมืดมิดให้เลือนหาย แผ่ขยายความอบอุ่นให้สรรพสิ่งบนโลกใบสีฟ้าครามนี้อย่างอ่อนโยน ยามเช้าที่อากาศสดใสตระกูลอีเมอร์สันได้ให้ถือกำเนิดทายาทคนแรกขึ้นมา นับเป็นเรื่องน่ายินดียิ่งที่ทารกน้อยมีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง ผู้นำตระกูลได้ขนานนามให้ทารกผู้นี้ว่า ไรเดอร์


                   ในวัยเด็กของไรเดอร์ เขาได้รับความสุขและความรักมากมายจากผู้คนที่ได้พบเห็น นับเป็นช่วงเวลาดีๆที่ถูกจารึกในความทรงจำ แต่ทว่า เมื่อมีความุข ก็ต้องมีความทุกข์ เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการ ก็ต้องมีสิ่งที่ต้องแลกเปลี่ยน ตัวของเขาในวัย 11 ปีนั้นไม่ได้สวยงามอะไรเหมือนกับเทพนิยายปรัมปรา อาจได้รับความรักก็จริง แต่เขาก็ไม่สามารถเลือกทางเดินของตัวเองได้เลย ทางบุพการีได้คาดหวังให้เขามีอาชีพเป็นหมอสืบทอดต่อจากพวกตน แต่ความฝันของเขามันไม่ใช่แบบนั้นเลย ตั้งแต่เด็กแล้วที่เขาไม่ได้ไปโรงเรียนเหมือนกับเด็กคนอื่น ต้องเรียนกับอาจารย์สอนพิเศษแบบตัวต่อตัวที่บ้าน ทำให้เขานั้นไม่มีเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียว ถึงกระนั้นสวรรค์ก็ยังคงไม่ทอดทิิ้งเด็กชายคนนี้ ยังดีที่เขามีน้องชายอีก 1 คนที่ห่างกัน 1 ปี ในเวลาว่างเขามักจะอยู่กับน้องชายและเล่นด้วยกันเสมอ ถ้าในชีวิตนี้เขาไม่มีน้องชายสักคน คงมองไม่เห็นแสงสว่างในการนำทางเป็นแน่

                   "ไรเดอร์ ได้เวลาเรียนแล้วนะจ๊ะ"

                   "อะ..ครับแม่! พี่ไปก่อนนะ"

                   "พี่ชาย เรียนเสร็จแล้วะมาเล่นกับผมใช่ไหม?"

                   "อื้ม! พี่จะกลับมาเล่นด้วยนะ!" มือที่กุมกับอีกฝ่ายให้ความอบอุ่นไม่แพ้ดวงอาทิตย์ที่ฉายแสงลงมาเลยแม้แต่น้อย


                   ....................


                   แต่แล้ว...เขาก็ไม่สามารถทำตามที่บุพการีคาดหวังไว้ได้...

                   "ทำไม! ทำไมแกถึงทำให้ฉันผิดหวัง!!" เสียงของหญิงสาววัยกลางคนดังขึ้นภายในทางเดินที่เงียบสงัด มือบางจับไหล่ทั้งสองข้างของลูกชายคนโตพร้อมน้ำตาที่ไหลรินออกมาอย่างผิดหวังที่เขาคนนี้ ไม่สามารถสอบเข้าโรงเรียนมัธยมต้นที่เธอตั้งเป้าหมายไว้ได้

                   "ม-แม่ครับ...ผม.."

                   "พอ! ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น!! " เพียงคำพูดนั้นประโยคเดียว มันกลับทำให้กำลังของเขาโดนตัดมากไปกว่าครึ่ง เขาไม่เคยคิดเลยว่าตนเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนที่รักมากที่สุดอย่างมารดาต้องเสียน้ำตา ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะเป็นต้นเหตุทำให้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป...


                   นับแต่นั้นมา ไม่ว่าอะไรก็ผิดแปลกไปเสียหมด เขาที่เคยได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เริ่มถูกปล่อยปะละเลย ทั้งที่ไม่เคยได้รับอนุญาตให้ไปรียนที่โรงเรียน แต่ตอนนี้กลับให้ทำตามที่ใจตนต้องการ เขาควรจะมีความสุขที่ได้รับอิสระ แต่มันไม่ใช่เลย เขากลับรู้สึกเหงา...เหงาที่บุพการีเริ่มไม่สนใจ เหงาที่ต้องอยู่เพียงลำพังภายในบ้านที่เคยเป็นสถานที่แห่งความสุข เหงา...ที่น้องชายเริ่มเปลี่ยนไป

                   "ไรเกอร์ ไปเล่นกันเถอะ~" เด็กหนุ่มวัย 13 ปีเอ่ยเรียกผู้เป็นน้องชายที่กำลังเดินไปยังห้องนอนของอีกฝ่าย แต่สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงความเงียบและบรรยากาศที่แปลกไปจากก่อน "ไรเกอร์?"

                   "........" อีกฝ่ายไม่ตอบอะไรกลับมา มีเพียงดวงตาที่แสดงถึงความผิดหวังออกมาอย่างชัดเจน เขาที่ทนกับดวงตานั้นไม่ไหวจึงตัดสินใจหลบตาไปโดยที่ยังมีความขุ่นมัวใจต่อกัน .........


                   [ เรื่องเล่าจากอลิซ - บทเพลงอำลาจากสายฝน ความรู้สึกที่ไม่อาจสื่อถึง ]

                   

                   วันเวลาเดินผ่านไป จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี เด็กหนุ่มได้เติบโตขึ้นเป็นชายหนุ่มที่มีบรรยากาศหนาวเย็นราวกับถ้ำน้ำแข็งรายล้อมอยู่รอบตัวตลอดเวลา อันเป็นผลมาจากทางครอบครัวที่ปล่อยปะละเลย ไม่สนใจใยดีคนที่เปรียบเสมือน'สิ่งไร้ค่า'ของตระกูล เขาเองจึงเลือกที่จะไม่สนใจครอบครัวและสิ่งรอบข้างเช่นเดียวกัน ชายหนุ่มวัย 16 ได้เข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนมัธยมปลายธรรมดา ต่างจากน้องชายที่ได้เรียนโรงเรียนมัธยมต้นชื่อดัง เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะสื่อว่า 'ครอบครัวให้ความสำคัญต่อน้องชายเพียงใด'

                   

                   จะทนอยู่ที่บ้านด้วยความอึดอัดแบบนี้ได้นานเท่าไรนะ...


                   เสียงความคิดยังคงดังก้องกังวาลในโสตประสาทโดยไม่มีท่าทีว่าจะเลือนหายไปได้ง่ายๆ ร่างบางของชายหนุ่มพลิกตัวไปมาบนเตียงสีขาวสะอาดตาแสนอ่อนนุ่มทว่ามันกลับว่างเปล่าเสียเหลือเกิน เปลือกตาบางปิดลงอย่างแผ่วเบาพร้อมมือที่ทาบลงบริเวณหัวใจราวกับตัดสินใจบางอย่างขึ้นมาได้

                   "ไม่เอาอีกแล้ว...ถ้าอยู่ที่นี่แล้วอึดอัด...จะทนอยู่ไปทำไม..ไม่อยาก..."


                   ไม่อยากเห็นแววตาของไรเกอร์ที่มองเราแบบนั้นอีกแล้ว...


                   รุ่งเช้าของวันถัดมา หยาดน้ำสีใสหยดลงจากฟากฟ้า ตกกระทบหลังคาของบ้านเรือนจนเกิดเป็นเสียงดังไม่ขาดสาย ร่างของชายหนุ่มเร่งเก็บเสื้อผ้าและของใช้ที่จำเป็นลงกระเป๋า เพื่อออกเดินทางไปอาศัยอยู่คนเดียว หากทำเช่นนั้นความอึดอัดทั้งหมดทั้งมวลคงหายไป เขาคิดแบบนั้น ในระหว่างที่เท้ากำลังจะก้าวเดินออกจากบ้าน ก็มีมือคู่หนึ่งมาฉุดรั้งเขาไว้เสียก่อน

                   "นั่นแกจะไปไหน" เสียงของหญิงสาวที่ดูมีอายุเอ่ยถามพลางมองเขาด้วยสายตาที่ต้องการคำตอบ แต่แปลกนัก ที่สายตาที่เขาใช้มองแม่นั้นกลับว่างเปล่าเสียเหลือเกิน

                   "...ผมจะไปไหนมันก็เรื่องของผม ไม่เกี่ยวกับคุณ.." ไรเดอร์ใช้มืออีกข้างแกะมืออีกฝ่ายที่จับแขนตนออกอย่างไร้เยื่อใย ก่อนที่จะออกตัววิ่งไปด้านนอกโดยไร้ซึ่งสิ่งกำบังจากสายฝนใดๆทั้งสิ้น

                   "ไรเดอร์! ไรเดอร์หยุดนะ!! ฉันมีเรื่องต้องบอกกับแก!!" ผู้เป็นน้องทำได้แค่ยืนมองผู้เป็นมารดาที่วิ่งตามพี่ชายของตนไป พลางกำมือแน่นราวกับเจ็บใจบางอย่าง


                   ทำไมหมอนั่น...ถึงไม่เข้าใจอะไรเลย..


                   สายฝนยังคงกระหน่ำลงมาอย่างไม่ปราณี ชายหนุ่มวิ่งฝ่ามันมาโดยไม่สนสิ่งใดรอบข้าง แม้เสียงของมารดาที่กำลังตะโกนร้องเรียกชื่อ..เขาก็ไม่สนใจ ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง และไม่แม้แต่จะคิดหยุดฝีเท้านั้นเลยแม้แต่น้อย

                   "ไรเดอร์!! รอแม่ก่อน!!"


                   ไม่! อย่าหยุดนะ..อย่าเชื่อฟังเสียงนั้นนะ!


                   คำเหล่านี้วนเวียนอยู่ในห้วงแห่งความคิดจนเขาไม่อาจสนใจสิ่งรอบข้างได้อีกต่อไป รู้ตัวอีกครั้งเสียงแตรของรถก็ดังเข้ามาแทนที่ความคิดต่างๆจนหมดสิ้น รภบรรทุกคันใหญ่กำลังมุ่งหน้ามาทางเขาด้วยความเร็วเพราะความลื่นของถนน ชั่ววินาทีนั้นเขาคิดอะไรไม่ได้เลย ในหัวมันขาวโพลนไปหมด ....


                   ปัง !!!


                   เสียงรถบรรทุกปะทะเข้ากับบางสิ่งดังก้องไปทั่วบริเวณ เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆยกเปิดขึ้นพร้อมมองสำรวจร่างกายของตนเองด้วยคำถามมากมายที่ผุดขึ้นมาในหัว


                   ไม่เจ็บ...?


                   ไม่มีแผล...?


                   ไม่มีเลือด...?


                   ยังไม่ตาย...?


                   เสียงหอบหายใจของไรเดอร์ถี่ขึ้นทุกวินาทีก่อนที่มันจะหยุดลงเมื่อสายตาสบเข้ากับร่างอันชุ่มไปด้วยโลหิตประสมกับน้ำบนถนนจนเป็นสีแดงฉานไปทั่วบริเวณ ดวงตาของเขาเบิกโพลงขึ้นพร้อมลมหายใจที่หยุดไปชั่วขณะ ร่างที่นอนอยู่ตรงนั้นควรเป็นเขา แต่ทำไมตอนนี้มันกลับเป็น...

                   "แม่...." น้ำเสียงอันสั่นเครือถูกเอื้อนเอ่ยออกมาจากปากของชายหนุ่มที่ค่อยๆคลานไปประคองร่างที่หายใจรวยรินเต็มทีขึ้นมากอดไว้ในอ้อมแขน พร้อมหยดน้ำที่เริ่มไหลออกมาจากตาทั้งที่มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน...

                   "ไรเดอร์...ดีที่ลูกปลอดภัย.."

                   "แม่...ทำไม.."

                   "แม่เนี่ย...ใช้ไม่ได้เลยนะ..เป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่องเลย.."

                   "ไม่....."

                   "นานเท่าไรแล้วนะ...ที่ลูกไม่ได้เรียกแม่ว่า 'แม่' เลย...ดีใจจัง.."

                   "แม่อย่าเพิ่งพูดะไรตอนนี้เลย! ผมจะเรียกรถพยาบาลมาให้เร็วที่สุด!"

                   "ไม่...ไม่ไหวหรอก.."

                   "อย่าเพิ่งตัดกำลังใจสิครับ!!"

                   "แม่ต้องการที่จะขอโทษมาโดยตลอด...ที่จริงแม่ไม่อยากพูดคำว่า'ผิดหวัง'ออกไปเลย แต่ตอนนั้น..อารมณ์มัน.."

                   "ผมเข้าใจดี...ผมเข้า..ฮึก!...ใจครับ"

                   "หลังจากนี้ไม่มีแม่อยู่แล้ว...ดูแลตัวเอง..ดูแลน้อง..ด้วย.." สิ้นเสียงเปลือกตาของผู้ที่อยู่ในอ้อมกอดก็ปิดลงพร้อมลมหายใจที่หยุดไปในที่สุด

                   "แม่ครับ!!!" เสียงกรีดร้องราวกับบ้าคลั่งดังไปรอบบริเวณพร้อมกอดร่างอันไร้วิญญาณนั้นไว้แน่น ทุกอย่างจบลงด้วยความมืดเพราะสติที่เริ่มหลุดลอยไป....


                   [ เรื่องเล่าจากอลิซ - กลับหวนคืนสู่จุดเริ่มต้น ]


                   เหตุการณ์ในวันนั้นผ่านล่วงเลยมา 1 ปีแล้ว แต่ความรู้สึกผิดในจิตใจยังคงไม่เลือนหายไปแม้แต่น้อย ความรู้สึกผิดที่เป็น'ต้นเหตุ'ทำให้คนสำคัญต้องจบชีวิตลงนั้นไม่สามารถลบเลือนออกไปได้เลย

                   "พี่ครับ ถ้ายังไม่ตื่นจะไปเรียนสายเอานะ"

                   "อึก..." เปลือกตาบางค่อยๆเปิดขึ้นแต่ทว่ากลั[ถูกม่านน้ำตาบดบังทุกสิ่งให้เลือนลาง เขาละเมอร้องไห้อีกแล้ว...

                   "ยังไม่ลืมอีกเหรอครับ..." ไรเกอร์หย่อนกายลงนั่งบนเตียงของผู้เป็นพี่พลางใช้นิ้วของตนปาดน้ำตานั้นออกอย่างเบามือ พร้อมมองด้วยสายตาที่แสดงถึงความเป็นห่วงออกมาอย่างชัดเจน

                   "...มันคงเป็นตราบาปติดตัวที่ไม่อาจลบเลือนได้...ไปแล้วล่ะ"

                   "อย่าพูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยแบบนั้นสิ ผมไม่ชอบเลย.." มือของผู้เป็นน้องประคองแก้มของเขาขึ้นมาเพื่อให้สบตากับตน แต่ไม่นานหลังจากนั้นขาก็หลบตาไปพร้อมกับลุกขึ้นไปเตรียมตัวสำหรับการเรียนของวันนี้

                   "ไรเดอร์..."


                   วันนี้เองก็ผ่านไปเฉกเช่นทุกวัน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ราวกับการฉายหนังม้วนเดิมซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด ไปโรงเรียน...เรียนหนังสือ...ทานข้าวกลางวัน...เรียนหนังสือ...กลับบ้าน ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย น่าเบื่อ คำๆนี้มักวนเวียนอยู่ในหัวของเขาเสมอ แต่ก็คงทำได้แค่ก้มหน้ายอมรับมันต่อไป.... ภายในมื้อเย็นของวันหนึ่ง

                   "ไรเกอร์...พี่มีบางอย่างต้องบอกกับนาย.."

                   "หืม? .. มีอะไร?"

                   "....พี่ตัดสินใจแล้ว ว่าจะขอย้ายไปอยู่คนเดียว"


                   ปัง !


                   เสียงทุบโต๊ะดังก้องทั่วห้องรับประทานอาหารที่เงียบสงัด เป็นผลทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งตัวโหยงเล็กน้อยพร้อมมองหน้าน้องชายอย่างไม่เข้าใจกับการกระทำของอีกฝ่าย ใบหน้าของไรเกอร์ราวกับกำลังโกรธอยู่...

                   "ไรเกอร์...?"

                   "พี่ไม่อยาก...อยู่กับผมเหรอ?"

                   "..มันไม่ใช่แบบนั้น ถ้าฉันอยู่ ก็เป็นตัวถ่วงนายเปล่าๆ เป็นพี่ประสาอะไรต้องคอยให้น้องดูแล.."

                   "ที่ดูแล เพราะว่าผมเต็มใจ ไม่ได้ลำบากอะไรเลยด้วย!"

                   "พอเถอะ...อย่าทำให้พี่ต้องรู้สึกผิดมากไปกว่านี้.."

                   "พูดอะไรไม่เห็นจะเข้าใจเลย! คำก็เพราะว่าเป็นพี่...สองคำก็เพราะว่าเป็นพี่...คิดว่าผมอยากได้ยินคำว่าพี่นักหรือไง!"

                   "อึก..! ปล่อยนะไรเกอร์ พี่เจ็บ!" ไรเดอร์พยายามแกะมือของน้อยชายที่บีบข้อมือของตนไว้ออก แต่มันกลับไม่เป็นผลเอาเสียเลย กลับกัน...มือนั้นบีบแน่นขึ้นไปอีก

                   "เจ็บเหรอ? พี่แค่เจ็บทางร่างกาย แต่ผมน่ะ...ต้องทนเจ็บที่ใจมากขนาดไหนรู้ไหม? ต้องเจ็บขนาดไหนที่รู้ว่าพี่มองผมเป็นแค่น้อง...."

                   "นายพูดอะไร พี่ไม่เข้าใจ! เราเป็นพี่น้องกันนั่นคือสิ่งที่ชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?!"

                   "เพราะว่าผมน่ะ..!!" คำพูดหลังจากนั้นทำให้ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้น ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าความรู้สึกที่ได้รับจากอีกฝ่ายตลอดมา มันไม่ใช่ความรู้สึกในฐานะ'น้อง'ที่มีให้กับ'พี่' แต่มันเป็นความรู้สึกที่'มากกว่า'นั้น

                   "ขอโทษนะ...ไม่ว่าจะยังไง นายก็ยังคงเป็นน้องชายในสายตาของพี่...และมันจะไม่มีวันเปลี่ยน.."

                   "....งั้นเหรอ...ผมเข้าใจแล้ว...ลืมเรื่องที่ผมพูดไปเถอะนะ..." อีกฝ่ายยอมปล่อยข้อมือของเขาแต่โดยดี ก่อนที่จะเดินขึ้นห้องไปโดยที่ไม่พูดอะไรอีกเลย


                   จบแบบนี้...มันดีแล้วใช่ไหม...ทุกอย่างกลับสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง...

                   

                   --------------------


                   "แล้วไรเดอร์ก็ได้ออกไปใช้ชีวิตตัวคนเดียวด้วยเงินที่ยังคงเหลือติดตัว โดยอาศัยอยู่ที่อพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่งนับแต่อายุ 17 ปีมาจนถึงปัจจุบัน ก็...มีเท่านี้แหละค่ะ" เด็กสาวปิดท้ายด้วยรอยยิ้มพลางวางแก้วชาที่เหลือเพียงเล็กน้อยลงพร้อมมองมายังคุณด้วยแววตาที่แอบแฝงไปด้วยเลศนัยบางอย่าง

                   "หากรู้เรื่องนี้แล้ว...กรุณาปิดมันไว้เป็นความลับ เพื่อให้ผู้อื่นเข้ามาหาคำตอบมันด้วยตัวเองดีกว่านะคะ" สิ้นเสียงเด็กสาวจึงลุกขึ้นจากเก้าอีกพลางจัดเรือนผมสีสมพูหวานของตนเล็กน้อย ก่อนเดินออกไปจากศาลาแห่งนั้นโดยไม่ลืมทิ้งท้ายไว้ว่า

                   "หากคุณอยากรู้อะไรเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของไรเดอร์หรือคนอื่นๆสามารถมาหาฉันได้ทุกเมื่อ ... ฉันจะรอคุณอยู่เสมอ ลาก่อนค่ะ.."

    เรื่องเล่าจากอลิซ

    END


    ลักษณะการพูด :  ไรเดอร์ เป็นคนที่มีน้ำเสียงออกโทนเย็นชาและเรียบเฉย ไม่ว่าเมื่อไรน้ำเสียงก็ไม่แสดงถึงความรู้สึกออกมาเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆที่ในตอนนั้นมีความรู้สึกต่างๆอัดแน่นอยู่ภายในใจ  แต่ก็ไม่สามารถปลดปล่อยมันออกมาผ่านน้ำเสียงได้ เสียงของไรเดอร์มีความโมโนโทนอยู่เล็กน้อยทำให้คนที่ฟังสามารถเคลิ้มหลับได้ทีเดียว อีกทั้งมันยังไม่ดังและไม่เบาจนเกินไป มักเรียนแทนตัวเองว่า ผม เรียกแทนคนอื่นว่า คุณ เสมอ ถึงแม้จะสนิทหรือไม่สนิทก็ตาม และจะมีหางเสียงต่อท้ายบางประโยคเท่านั้น


    สถาการณ์ที่ 1 ยามปกติ
    "คุณจะตามผมไปถึงไหน..?"
    "อากาศดี? .... เป็นคำทักทายที่เบสิคดีนะ..."
    "เปล่า...ก็ไม่ได้รำคาญอะไรนี่..."
    "ก-ก็ได้ ตกลง....พูดมาขนาดนี้ใครจะปฏิเสธลง..." ประโยคหลังจะเบามากๆจนแทบไม่ได้ยิน
    "ก็แค่ชอบพกหนังสือ...แปลกเหรอ?"

    สถานการณ์ที่ 2 อารมณ์เสียจนเผลอด่า(?)
    "เก็บปากไว้กินข้าวเถอะนะ..."
    "ทำไม...ถึงได้สำคัญตัวขนาดนี้กันครับ..?"
    "ยังรักกันดี...ไม่มีที่แทรกให้สัมภเวสีหรอกครับ"
    "บนหน้านั่น...แป้งหรือปูนกันแน่ครับ...?"
    "อย่ามัวแต่เห่าสิ...ระวังโดนกัดเสียก่อนจะได้ตั้งตัว..."

    สถานการณ์ที่ 3 อยู่กับคนสนิทแล้วโดนแกล้ง อาจมีการเผลอด่าแบบตะมุตะมิ(?)บ้าง
    "ถ้าคุณแกล้งอีก...ผมข่วนหน้า(?)จริงๆด้วย.."
    "นี่ผมเป็นที่ระบายอารมณ์(?)ให้คุณหรือไง..?"
    "อยากตายก่อนวัยอันควรไหมครับ?"
    "ถ้าคุณยังไม่หยุด ผมจะเอาขนมปังนี่ยัดใส่ปากคุณ" ว่าพลางถือขนมปังพร้อมไว้ในมือ
    "ใครเป็นแมว?! พูดให้มันดีๆนะ อยากโดนงับรึไง?" (?)

    สถานการณ์ที่ 4 เศร้า
    "ขอผมอยู่คนเดียว...สักพักเถอะ.."
    "อย่าเพิ่งพูด...อะไรตอนนี้จะได้ไหม.."
    "ไม่ต้องมายุ่ง..."
    "ไม่เป็นไร...ไม่ต้องห่วง.."
     "ผมไม่ได้ต้องการความสงสารอะไรนั่นทั้งนั้น.."

    สถานการณ์ที่ 5 อื่นๆ
    "ผมไม่เป็นไรหรอกน่า อย่าเป็นห่วงไม่เข้าเรื่องไปหน่อยเลย .. พาราแค่สองเม็ดก็หายแล้ว.."
    "อ-อะไร...ผมไม่ได้กลัวสักหน่อย...คุณอย่ามาคิดเองเออเอง..สิ.." ที่จริงแล้วมันกลัวอยู่(?)
    "ผมแค่ชอบ...สิ่งที่วิทยาศาสตร์ยังพิสูจน์ไม่ได้..ก็เท่านั้น.."
    "หิวจัง...แต่มันก็ไม่อยากกินอะไร..อยู่ดี.."
    "คิดดีแล้วเหรอ? มารัก..คนอย่างผมน่ะ..ผมอาจจะทำให้คุณเจ็บปวดก็ได้ใครจะไปรู้..." 


    ชอบ : อากาศสบายๆ - [ เพราะอากาศกำลังดีไม่ร้อนหรือไม่หนาวเกินไป จะทำให้เขาสบายตัวเป็นอย่างมาก ]


    ดวงดาว - [ เพราะมันเปรียบเสมือนยานอนหลับดีๆของเขา ยามใดที่นอนไม่หลับก็จะมาดูดาว ไม่นานหลังจากนั้นก็เริ่มง่วงเอง ]


    น้ำมะพร้าว - [ เพราะมีกลิ่นหอมจางๆ เวลาดื่มเข้าไปแล้วมันจะทำให้เธอรู้สึกชื่นใจมากๆ ไม่ได้เอามาล้างหน้านะเฮ้ย!(??) ]


    สิ่งเหนือธรรมชาติ - [ เพราะมันคือสิ่งที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ว่ามีจริงหรือไม่ เขาชอบในการหาคำตอบเป็นที่สุด ]


    ไม่ชอบ : อากาศหนาว - [ เพราะมันจะทำให้มือและเท้าชาไปหมด ]


    คำโกหก - [ เพราะเหมือนไม่จริงใจต่อกัน ]

    คนที่รังแกคนที่อ่อนแอกว่า - [ รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางสู้แต่ก็ยังไปรังแกเขา แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน ]


    กลัว : กลัวการสูญเสียคนสำคัญ - [ เพราะอดีตยังคงฝังใจ ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นต้นเหตุที่ทำให้บุพการีต้องหมดลมหายใจลง ]


    เสียงฟ้าร้องและฟ้าผ่า - [ เพราะในอดีต เขามักจะต้องอยู่เพียงลำพังภายในบ้านยามค่ำคืนที่มืดสนิท คืนใดที่มีเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าก็ไม่สามารถหาคนที่จะปลอบประโลมเขาได้เลย เขาจะรีบนำมือปิดหูพร้อมขดตัวลงทันทีด้วยความกลัว กรณีอยู่ในห้องหรือบ้านเขาจะเจ้าไปหลบในตู้เสื้อผ้า แต่ในบางกรณีอาจเผลอกระโจนกอดคนที่ยู่ใกล้ที่สุดเลยก็มี ]


    งานอดิเรก : อ่านหนังสือ , เดินเล่น , ปะทะริมฝีปากกับคนที่เข้ามาหาเรื่อง(?)



    Character Interview


    อันนี้ให้สวมบทบาทเป็นตัวละครนะคะ



    คิดว่าตัวเองเป็นคนยังไง?

    "........" ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเส้นเกศาสีเงินทอประกายนิ่งเงียบไปชั่วครู่เมื่อได้ฟังคำถามดังกล่าว จู่ๆมีคนมาถามว่า คิดว่าตัวเองเป็นคนยังไง? เขาควรจะตอบกลับไปว่าอะไรล่ะ สิ่งนี้ไม่ได้ถูกกำหนดคำตอบตายตัวในหลักวิชาการเสียหน่อย เวลาเดินผ่านไปอย่างเชื่องช้า ในที่สุดริมฝีปากบางจึงเริ่มขยับพูดขึ้น "..ผมไม่ทราบครับ.." กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเช่นยามปกติพลางปิดเปลือกตาลง ก่อนจะมีเสียงเล็ดลอดออกมาอีกครั้ง "แต่ถ้าจะให้พูดจริงๆ ผมคงเป็นคนที่'น่าเบื่อ'อยู่พอตัวเลยล่ะครับ ... ไม่มีอะไรโดดเด่น จะเรียกว่าอากาศก็คงไม่ผิด.."


    มีสเป็คคนที่ชอบมั้ย ถ้ามีเป็นยังไง?

    : ไรเดอร์ชะงักไปชั่วครู่ คำถามก่อนว่ายากแล้ว คำถามนี้ตอบยากเสียยิ่งกว่า ชายหนุ่มคิดทบทวนกับตนเองสักพัก ตามปกติแล้วเขาควรจะปล่อยผ่านมันไป แต่ทำไม..ทำไมใจถึงสั่งว่าห้ามปฏิเสธในคำถามนี้ "ก็คง...เป็นคนที่เข้ามาเติมสีสันให้ชีวิต..มั้งครับ?" 



    Talk with writer


    สวัสดีจ้าา ชื่อไรเอ่ย?

    : ชื่อ อลิซ ค่าาา ถ้าเรียกไม่ถนัด เรียกที่รักก็ได้นะตะเอง(?) .ส่งมินิฮาร์ท


    ทำไมถึงมาสมัครเรื่องนี้

    : อะแฮ่ม! ตอนแรกนั่งส่องนิยายรับสมัครไปเรื่อยตามประสาคนดองงานค่ะ แต่พอเลื่อนมาเจอเรื่องนี้แล้วคำว่า Yaoi มันกระแทกหน้าค่ะ(?) เลยว่าจะลองปั่นส่งสักหน่อย แม้ตัวละครนี้จะดูกากๆก็ตาม ;; 


    ถ้าไม่ติดจะให้น้องเป็นตัวประกอบหรือรับกลับคะ?

    : หวา...คำถามนี้ตอบยากจังค่ะ ขอ..รับกลับแล้วกันค่ะ ตัวละครที่ตั้งใจปั่นมา ไม่อยากให้เป็นตัวประกอบน่ะค่ะ .กราบ


    คอมเม้นโหดนะะ รับได้มั้ย?

    : โหดแค่ไหน ใจก็พร้อมเข้มแข็งเพื่อตะเอง #ผิดส์


    รับได้มั้ยถ้าไม่ happy ending ในบางตอน

    : รับได้แน่นอนค่ะ! เสพ Bad มาเยอะพอควร ตับเราแข็งแกร่ง(?)แล้ว! '^'


    มีแนวเรื่องที่ไม่เอาเด็ดขาดมั้ยคะ?

    : ไม่มีค่ะ เรารับได้ทุกแนวเยย SM ก็ไม่หวั่-- แฮ่ม!


    บางทีเราดองนานมาก คอมเม้นเป็นเหมือนเชื้อเพลิงขับเคลื่อนค่ะ!! เม้นกันเยอะๆนะะะ

    : จะเม้นให้รกหน้าบทความเลยค่ะ 555555 .หลบหม้อไห


    Good luck!! 

    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×