ลำดับตอนที่ #22
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : YUME 100 ร้อยตำนานรักของเจ้าชายวัยเรียน :: วิเวียน เฮเลน่า
ข้อแนะนำสำหรับผู้ที่อ่านในโทรศัพท์
- กดเปิดเพลงเพื่ออรรถรสในการอ่าน
- เปิดหมุนหน้าจอ พลิกโทรศัพท์เป็นแนวนอนก่อนอ่าน
Parallel
Two of Us ...
Not different from parallel ...
Nonconforming ...
เราสองคน ...
คงไม่ต่างอะไรกับเส้นขนาน ...
ที่ไม่มีวันมาบรรจบ ...
I hope ... Our story will end happily Have a smile ... No tears but last ... You let me alone stand on the parallel Please come back ... ฉันเคยหวัง ... ว่าเรื่องราวของเราสองคน จะจบลงด้วย Happy End มีแต่รอยยิ้ม ... ไม่มีน้ำตา แต่สุดท้าย ... คุณก็ทิ้งฉันไว้คนเดียว บนเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบนี้ กลับมา ... ได้โปรด |
I'm with despair In the dark room alone. And the first light that shines in It's your hand sent to me ฉันคนนี้ ที่จมอยู่กับความสิ้นหวัง อยู่ภายในห้องอันมืดมิดเพียงลำพัง และแสงสว่างแรกที่สาดทอเข้ามา ก็คือมือของคุณที่ส่งมาให้ฉันคนนี้ |
เมดสาวคนที่ห้ากล่าวว่า วิเวียน ไม่ได้มีดีแค่การเก็บอารมณ์ดีใจ เศร้า หรือโกรธ อารมณ์ทางด้านความรักด้วยก็เช่นเดียวกัน เธอไม่ใช่คนที่ไม่ประสีประสาด้านความรัก รู้หัวใจของตนเองดีว่ากำลังชอบใคร กำลังรู้สึกดีกับผู้ใด หากมีสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน เธอจะแสดงอาการออกมาเพียงเล็กน้อยหรือก็คือหน้าแดงจางๆและพูดติดขัดเท่านั้น จะไม่มีผู้ใดได้เห็นกิริยาอันไม่ดีไม่งามยามที่เธอเขินเด็ดขาด การยืดบิดหรืออะไรทำนองนั้นสามารถลืมไปได้เลย ไม่เพียงเท่านั้น ถึงภายนอกเธอจะดูธรรมดา ไม่โดดเด่นอะไร แต่สาวเจ้าก็เป็นที่ปรึกษาที่ดีให้แก่คนรอบข้างได้ เวลาใครมีเรื่องจะปรึกษาเธอก็จะพร้อมรับฟังและให้คำแนะนำตอบกลับไปเท่าที่ตนจะสามารถทำให้ได้ อีกทั้งวิเวียนยังเป็นคนที่รักษาสัญญา เคยสัญญาอะไรไว้ก็จะทำให้ได้อย่างที่ปากเอื้อนเอ่ยออกไป จะไม่มีทางผิดสัญญานอกเสียจากว่าจะเป็นเหตุจำเป็นจริงๆ แน่นอนว่าเธอนั้นไม่ใช่คนปากรั่วปากสว่าง ซึ่งนั่นทำให้ใครหลายๆคนมั่นใจได้เลยว่า ถึงแม้เธอจะรู้ความลับของใครคนใดคนหนึ่งก็จะไม่มีทางบอกให้ผู้อื่นรับรู้อย่างแน่นอน เพราะวิเวียนมักคิดอยู่เสมอว่าการว่าร้ายนินทาคือสิ่งที่ไม่ดี ไม่เหมาะไม่ควรแก่การนำมาพูดคุยกับผู้อื่น ความลับคือสิ่งที่เจ้าตัวไม่ต้องการให้ผู้อื่นรับรู้คือความเป็นจริงของโลกใบนี้ เพราะฉะนั้นคุณสามารถวางใจได้ว่าความลับ จะยังคงเป็นความลับต่อไป
เมดคนที่หกกล่าวปิดท้ายว่า เป็นคนที่มีปณิธานสูงมาก ไม่คิดที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ ถึงแม้อุปสรรค์ขวากหนามที่ต้องเจอมันยากเกินจะฝ่าฟัน แต่เธอก็จะพยายามฝ่ามันไป เพราะถ้าหากคิดยอมแพ้โดยไม่ทำอะไรก็ไม่ต่างจากคนขี้ขลาดที่ไม่กล้าเผชิญหน้าต่ออุปสรรค์ เมื่อคิดที่จะทำสิ่งใดเธอจะตั้งมั่นและตั้งใจทำมันให้สำเร็จ เปรียบเสมือนการวางเส้นตรง เดินตามเส้นทางที่ตั้งไว้อย่างไม่ย่อท้อหรือหันหลังกลับไปมองทางที่เดินมา เพราะถ้าหากตัดสินใจไปแล้วจะไม่เปลี่ยนใจเด็ดขาด เว้นเสียแต่ว่าจิตใจดวงนี้จะเกิดความโลเลหรือสับสน เมื่อเจอกับทางแยกที่ไม่คาดฝัน เธอมักจะเชื่อสัญชาตญาณมากกว่าความรู้ที่มีและจะเดินไปในทางที่ตนคิดว่ามันดีกว่าโดยใช้สัญชาตญาณที่มีตัดสินใจในการเลือกเดิน
และทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น คือลักษณะนิสัยโดยรวมของ วิเวียน เฮเลน่า ในแง่ที่ใครหลายคนไม่ได้เห็นกันนัก หวังว่าคำบอกเล่าจากปากของเมดสาวทั้งห้าที่ใกล้ชิดกับเธอมากที่สุดจะพอมีประโยชน์กับคุณได้บ้าง ไม่มากก็น้อย...ขอขอบคุณสำหรับการอ่านค่ะ
➳ ประวัติ :: ยามรัตติกาลที่ไร้ซึ่งแสงสุริยันสาดส่อง มีเพียงความสว่างอันเบาบางของจันทราดวงกลมที่ลอยเด่นเป็นสง่าท่ามกลางหมู่ดวงดาราที่เปล่งแสงระยิบระยับอย่างไม่มียอมกัน ภายในศาลาแก้วอันเงียบสงบมีเพียงเสียงธารน้ำที่ไหลลงอย่างเชื่องช้าและเสียงของหริ่งไรจากธรรมชาติที่ยังคงดังอย่างไม่ขาดสาย ร่างบางของเด็กสาวผู้มีเส้นเกศาสีชมพูหวานจางๆอ่อนนุ่มดุจแพรไหมหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้สีขาวสะอาดตาอย่างไม่รีบเร่ง นัยน์ตาสีฟ้าครามประกายทองมองอีกฝ่ายที่อยู่ด้านตรงข้ามก่อนระบายยิ้มออกมาบางๆ ในขณะที่มือกำลังรินชากุหลาบใส่แก้วไปพลาง "คุณมาที่นี่ เพราะอยากทราบเรื่องราวของวิเวียนสินะคะ" เสียงหวานดุจระฆังแก้วเอ่ยถามคุณที่อยู่ด้านตรงข้ามพลางวางแก้วชาไว้ด้านหน้า "หากเป็นเช่นนั้น ฉันก็ยินดีที่จะเล่าให้คุณฟัง มาทานขนมอร่อยๆ และจิบชาฟังไปพลางดีกว่าค่ะ" รอยยิ้มของเด็กสาวที่แสดงออกถึงความจริงใจนั้นทำให้คุณไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาได้เลย จึงทำได้เพียงจิบชาเพื่อฟังเรื่องราวต่อจากนี้ไป "หลังจากนี้ สิ่งที่คุณจะได้รับรู้ คือเรื่องราวในอดีตของวิเวียน เฮเลน่า ที่มีผู้คนเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่สามารถรับรู้ได้ เอาล่ะ...ฉันจะเริ่มเล่าให้ฟังแล้วนะคะ"
[ เรื่องเล่าจากอลิซ - แด่ความไว้ใจอันไร้ค่า ]
ณ อาณาจักรนอร์ธเทิร์นครอส แดนดวงดาวที่สงบสุข ในวันที่บรรยากาศสดใสและบริสุทธิ์มีเรื่องน่ายินดีปรีดาเกิดขึ้นในคฤหาสน์ตระกูลเฮเลน่า เมื่อภรรยาของผู้นำตระกูลได้ให้กำเนิดบุตรสาวตัวน้อยที่มีใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารัก อันเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งสำหรับสองสามีภรยาแห่งตระกูลเฮเลน่า เด็กน้อยน่ารักได้รับนามจากผู้เป็นบุพการีว่า วิเวียน ในวัยเยาว์ วิเวียนได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเรื่องกิริยามารยาท ลักษณะท่วงท่าการเดิน การปฏิบัติตนในสถานการณ์ต่างๆ และที่สำคัญที่สุด คือด้านลักษณะนิสัย เธอมักได้รับการอบรมสั่งสอนจากมารดาเสมอว่าให้เป็นคนที่มีความโอบอ้อมอารี อะไรที่ามารถช่วยได้ก็จงช่วย อย่าปล่อยผ่านไปโดยใช่เหตุ จึงทำให้เธอนั้นเติบโตขึ้นมาพร้อมกับความโบอ้อมอารีตามคำสั่งสอนของมารดา ทางครอบครัวต่างเลี้ยงดูเธอราวกับไข่ในหิน เวลาเรียนก็มักจ้างอาจาย์ฝีมือดีมาให้ความรู้แบบตัวต่อตัวภายในคฤหาสน์ ทำให้เธอนั้นไม่ได้ออกไปนอกคฤหาสน์เลยเป็นเวลา 9 ปี ซึ่งแน่นอนว่าเพราะเหตุนี้เองจึงทำให้เธอไม่มีเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียว "คุณพ่อคะ วิเวียนอยากไปโรงเรียน" เด็กหญิงวัยเก้าปีเอ่ยขึ้นพลางจับชายเสื้อของผู้เป็นบิดาไว้พร้อมดึงเบาๆเพื่อให้ท่ารับรู้ว่าเธออยู่ข้างๆ "วิเวียนก็มีอาจารย์มาสอนที่คฤหาสน์อยู่แล้วนี่ลูก" "มันก็ใช่ค่ะ..แต่ว่า วิเวียนอยากมีเพื่อน.." "เฮ่อ...โอเคๆ พ่อจะให้วิเวียนไปโรงเรียนหนึ่งวันก่อน เพื่อทดสอบว่าลูกชอบไหม ถ้าลูกชอบ พ่อจะพาไปโรงเรียนทุกวันเลย ตกลงไหมคะ?" "ตกลงค่ะ! วิเวียนรักท่านพ่อที่สุดเลย~!" เด็กหญิงเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจพลางเขย่งเท้าหอมแก้มผู้เป็นดาก่อนเดินกลับไปยังห้อของตนเอง โดยไม่รู้เลยว่าบิดาของตนนั้นมีใบหน้าที่แสดงออกถึงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด ...
ในที่สุดวันแรกของการไปโรงเรียนก็มาถึง เธอก้าวเท้าเข้าไปในโรงเรียนพร้อมใบหน้าที่รอยยิ้มประดับอยู่เสมอ ซึ่งแน่นอนว่าทุกสายตาของเด็กนักเรียนคนอื่นๆต่างจับจ้องมาที่เธอเป็นตาเดียว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้วิเวียนรู้สึกประหม่าเลยแม้แต่น้อย กิจกรรมแนะนำตัวหน้าชั้นเรียนผ่านไปได้อย่างราบรื่น จนถึงตอนนี้ทุกอย่างยังคงปกติสุขดีจนทำให้เธอนั้นชอบโรงเรียนขึ้นมา เพื่อนๆในชั้นก็ดูเป็นมิตรและชวนเธอคุยตลอดไม่ให้เหงา ถ้าทุกอย่างดำเนินต่อไปแบบนี้เรื่อยๆก็คงดี ถ้าหาก...เธอไม่ไปได้ยินอะไรเข้าในขะที่กำลังเข้าห้องน้ำเสียก่อน "นี่ เธอชอบเด็กใหม่นั่นไหม?" "วิเวียนน่ะเหรอ?" "ฉันไม่ค่อยชอบเลยอ่ะ ดูหยิมๆเหมือนกำลังแอ๊บอยู่เลย" "เออ ก็ว่าแบบนั้นเหมือนกัน ลูกคุณหนูนี่เนอะ หึ" "ที่ทำดีด้วยในวันนี้เพราะหวังว่าเงินยัยนั่นจะเป็นประโยชน์ล่ะนะ" "ใช่ๆๆ"
อ-อะไรกัน...ทุกคน...คิดแบบนั้นเองเหรอ...
ภายในวันนั้นเธอขออนุญาตอาจารย์กลับบ้านก่อนเวลา เมื่อมาถึงวิเวียนไม่คุยกับใครภายในคฤหาสน์ทั้งสิ้นก่อนรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องของตนพร้อมค่อยๆปล่อยน้ำตาให้ไหลรินลงมา จิตใจของเธอนั้นในตอนนี้บอบบางไม่แพ้แผ่นกระดาษเนื่องจากไม่เคยพบอะไรที่ทำร้ายจิตใจมาก่อน เธอให้ความจริงใจกับทุกคนที่คุยด้วยในวันนี้ แต่สิ่งที่ได้รับตอบแทนกลับมาคือคำพูดอันเสแสร้งหรือ? และเวลานี้เธอก็ได้รู้แล้วว่า โลกภายนอกไม่ได้สวยงามอย่างที่เธอคิด "วิเวียน แม่ขอเข้าไปหน่อยนะลูก" บานประตูถูกเปิดออกโดยมารดา เมื่อเห็นเช่นนั้นเด็กสาวที่อยู่บนเตียงจึงใช้มือเล็กของตนปาดน้ำตาออกและส่งยิ้มให้กับอีกฝ่าย "อย่ายิ้มทั้งๆที่จิตใจลูกไม่ยิ้มตามสิ" หญิงสาวสวมกอดลูกของตนพลางลูบหัวเบาๆ ซึ่งมันทำให้เธอปลดปล่อยน้ำตาออกมาอีกครั้ง "ทำไมกันคะคุณแม่...ทั้งๆที่วิเวียนจริงใจกับทุกคน แต่ทำไม.." "นั่นคือคนที่เขาไม่รู้ว่าควรปฏิบัติตนอย่างไรกับคนที่จริงใจให้ยังไงล่ะ แม่เชื่อว่า ยังต้องมีอีกหลายคนที่เขาจริงใจกับลูกนะ" "...ไม่เอาอีกแล้วล่ะค่ะ...วิเวียจะเรียนอยู่ที่บ้านเหมือนเดิม" "ถ้าลูกตัดสินใจแบบนั้น แม่ก็ไม่ห้ามจ้ะ พักซะนะ เดี๋ยวแม่จะให้เมดขึ้นมาตามเมื่อถึงเวลาอาหารเย็น" "ค่ะ..." นี่คือเหตุการณ์ที่ทำให้เธอนั้นร้องไห้เป็นครั้งแรกในรอบเจ็ดปีที่ผ่านมา แต่ถึงกระนั้นเธอก็ให้อภัยกลุ่มเด็กสาว ไม่คิดโทษโกรธเคืองใดๆ เพียงแต่เธอจะไม่ไปโรงเรียนนั่นอีกแล้ว...และมัน ก็ทำให้เธอไม่ชอบสถานที่ที่เรียกว่าโรงเรียนไปโดยปริยาย...
----------
[ เรื่องเล่าจากอลิซ - แด่หยดน้ำตาที่หลั่งริน ]
หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นก็ผ่านล่วงเลยมาแล้วเป็นเวลา 5 ปี ในวันครบรอบวันเกิด 14 ปีของวิเวียน บุพการีทั้งสองต่างเห็นพ้องต้องกันว่าจะมอบลูกสุนัขให้เป็นของขวัญในงานวันเกิดเพื่อไม่ให้เธอเหงา ซึ่งนั่นทำให้เธอดีใจเป็นอย่างมาก ในทุกๆวันเธอจะใช้เวลาอยู่กับลูกสุนัขตัวโปรดบริเวณสนามหญ้าหลังปราสาท ซึ่งมันทำให้วิเวียนลืมอดีตเกี่ยวกับโรงเรียนไปได้ไม่มากก็น้อย วันนี้เองก็เช่นเดียวกันที่เธอได้ออกมาเล่นกับลูกสุนัขตัวโปรดอย่างกัส แต่ต่างออกไปจากวันก่อนๆที่เล่นภายในคฤหาสน์ คราวนี้เด็กสาวได้รับคำอนุญาตจากบุพการีให้ออกมาด้านนอกได้ เธอจึงไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไปเป็นแน่ ช่วงเวลาแห่งความสุขดำเนินต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่มีทีท่าว่าจะจบลง ช่วงเวลานี้วิเวียนมีความสุขมากกว่าสิ่งอื่นใด ถ้าหากมันยังดำเนินแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆโดยไร้จุดสิ้นสุดก็คงดี เธอคิดแบบนั้น แต่อย่างที่ใครหลายคนรูกัน ว่าช่วงเวลาแห่งความสุข...มักอยู่กับเราได้ไม่นาน "กัส! เฮ้เจ้าหนู ไปคาบมาเร็ว!" เด็กสาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแห่งความสุขพลางแกว่งหมอนรูปกระดูกไปมาเพื่อดึงความสนใจของเพื่อนตัวน้อย ซึ่งมันก็สำเร็จ กัสให้ความสนใจในหมอนนี้พร้อมแกว่งหางไปมาอย่างไม่กลัวว่าหางจะหลุดหรือไม่ก็ตาม เมื่อเห็นดังนั้นเธอจึงขว้างมันออกไป ลูกสุนัขตัวน้อยวิ่งไปคาบมันมาให้กับเจ้านายซึ่งเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากเธอได้เป็นอย่างดี "เยี่ยมมากเจ้าหนู มาลองอีกครั้งนะ!" คราวนี้เธอลองขว้างใหม่อีกครั้ง แต่เพราะแรงที่มากกว่าครั้งก่อนทำให้หมอนรูปกระดูกลอยไปไกล ซึ่งแน่นอนว่าลูกสุนัขไม่มีความลังเลเลยที่จะวิ่งไปคาบมันมาให้เจ้าของถึงแม้มันจะอยู่ท่ามกลางถนนก็ตาม "กัส! อย่าออกไป เดี๋ยวฉันไปเก็บเอง" วิเวียนรีบวิ่งเข้ามาสวมกอดลูกสุนัขจากด้านหลังเพื่อรั้งไม่ให้มันออกไปเจอกับสถานการณ์อันตราย เพราะถนนเส้นนี้มีรถแล่นผ่นไปมาบ่อยครั้งพอสมควร เธอควรออกไปเก็บเองมากกว่า แต่เจ้าสุนัขตัวน้อยนั้นกลับไม่ฟังคำสั่ง มันสลัดจนหลุดออกมาจากอ้อมกอดวิเวียนและวิ่งตรงไปคาบหมอนนั้นอย่างไม่รีรอ แต่โชคชะตากลับกลั่นแกล้ง ...
รถคันหนึ่งแล่นมาตามท้องถนนด้วยความเร็วสูง เมื่อเจอสุนัขที่อยู่บนถนนอย่างกระทันหันทำให้ไม่สามารถเหยียบเบรกได้ทันและพุ่งเข้าชนมันไปอย่างช่วยไม่ได้ วินาทีนั้นราวกับเวลาถูกหยุดลง วิเวียนมองภาพตรงหน้าด้วยดวงตาที่เบิกกว้างและสั่นคลอน ภาพของเพื่อนตัวน้อยที่ปะทะเข้ากับรถยังคงติดตาไม่เลือนหาย รู้ตัวอีกครั้งเธอก็พุ่งตัวออกไปโอบกอดร่างอันชุ่มไปด้วยโลหิตจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิมในไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับน้ำตาที่หลั่งรินลงมาตามใบหน้าหวานอย่างห้ามไม่ได้ "กัส!! อย่าทิ้งฉันไป อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวสิ!" เสียงกรีดร้องของเด็กสาวดังก้องไปทั่วบริเวณ น้ำตาที่ไหลรินไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆประกอบกับหยาดน้ำที่ตกลงมาจากฟากฟ้า กระทบเข้ากับพื้นถนนจนโลหิตสีแดงขยายออกไปรอบบริเวณ ฝ่ายเจ้าของรถเองได้วิ่งไปตามบิดามารดาของเธอมาเนื่องจากเป็นคนรู้จักกัน เมื่อมาถึงท่าทั้งสองจึงรีบวิ่งเข้าไปโอบกอดลูกของตนเพื่อปลอบประโลม เสียงร่ำไห้ยังคงดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย การเสียเพื่อนที่รักมากที่สุดไปมันเจ็บปวดทรมานถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ในเวลานั้นหัวของเธอขาวโพลนไปหมด ไม่แม้แต่จะได้ยินเสียงของผู้เป็นบิดามารดาหรือแม้กระทั่งเสียงสายฝน เธอร้องไห้อยู่นานจนผลอยหลับไป .....
----------
[ เรื่องเล่าจากอลิซ - แด่แสงสว่างที่โหยหา ]
"กัส!" วิเวียนสะดุ้งตัวตื่นจากฝันร้ายที่ตามหลอกหลอน เหงื่อกาฬไหลลงมาตามโครงหน้าของเด็กสาว เธอยันตัวเองให้นั่งพิงหมอนใบนุ่มพลางมองมือของตนที่ราวกับไขว่คว้าหาอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะเปลี่ยนมากอดเข่าและฟุบหน้าลงไปทั้งๆอย่างนั้น "ขอโทษนะกัส มันเป็นเพราะฉัน...เพราะฉันคนเดียว.." นับเป็นครั้งที่เท่าใดแล้วไม่มีใครทราบที่เธอนั้นพร่ำโทษว่าเป็นความผิดของตนซ้ำไปซ้ำมา ตั้งแต่ผ่านเหตุการณ์นั้นมา เธอกลายเป็นเด็กที่เก็บตัวอยู่ภายในห้อง ข้าวปลาก็กินแค่เล็กน้อยจนทำให้ร่างกายซูบผอมลงไปกว่าเก่า และนี่ก็เป็นอีกวันที่เธอยังคงขลุกตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่พบปะกับผู้คน ไม่พูดคุยแลกเปลี่ยนข่าวสารกับผู้ใด จนกระทั่ง...มีเขาเข้ามาในชีวิต "เฮ้! เธอน่ะ" วิเวียนค่อนเงยหน้าขึ้นมาพลางมองไปยังต้นเสียงที่อยู่ทางประตู แสงจากภายนอกที่สาดส่องเข้ามาทำให้เธอต้องหรี่ดวงตาลงเล็กน้อย เมื่อม่านตาสามารถปรับสภาพให้เข้ากับแสงได้แล้วจึงทำให้เธอเห็นชายแปลกหน้าคนหนึ่ง เขานั้นช่างเหมือนกับเปลวเพลงที่พร้อมแผดเผาทุกสิ่งให้มลายหายไปเป็นเศษธุลี เธอมีอาการหวาดกลัวเล็กน้อยเนื่องจากไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ "ม-มีอะไร...เหรอคะ.." "ห้องรับแขกไปทางไหน?" "ด-เดินตรงไป...เลี้ยวซ้าย...พอถึงห้องที่มีรูปปั้นคิวปิดอยู่ให้เลี้ยวขวาก็ถึง...ค่ะ" "ขอบใจ" "ด-เดี๋ยวค่ะ!" "???" "เอ่อ..คุณคือ..?" "อพอลโล่ จะมาทำการเจรจากับผู้นำตระกูลนี้" "แขกของคุณพ่อ.." "อะไร นี่ลูกสาวของผู้นำตระกูลเหรอ ดูอ่อนแอ...ต่างกันลิบลับ" เขาเริ่มเดินเข้ามาใกล้ที่เตียงพร้อมมองวิเวียนด้วยสายตาที่ให้ความรู้สึกแปลกประหลาด พาลทำให้เธอหลบหน้าอีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้ "ใช่ค่ะ..ฉันมันอ่อนแอ ฉันไม่เหมาะสมที่จะเป็นลูกคุณพ่อ..." "เธอควรจะแข็งแกร่ง...ไม่สิ เข้มแข็งให้เหมือนเขา ไม่ใช่มาท้ออยู่แบบนี้" คำพูดที่ออกจะแข็งกระด้างไปเสียหน่อย แต่ทำไมกัน...เธอจึงรู้สึกว่ามันช่างอ่อนโยนเหลือเกิน เขาไม่ใช่ไฟที่พร้อมจะแผดเผาทุกสิ่ง แต่เขาคือแสงสว่างที่ช่วยเรียกสติเธอให้กลับมา พร้อมดึงเธอออกมาจากอดีตอันแสนมืดมนนั้นต่างหาก หลายวันผ่านไป เขาที่เป็นเจ้าชายจากต่างแดนได้เดินทางมาที่คฤหาสน์ี้บ่อยครั้ง และทุกครั้งเธอก็จะออกไปพบเขาและพูดคุยกันบ้างไม่มากก็น้อย ตั้งแต่เธอได้พบกับเขา ราวกับโลกทั้งใบกลับมาสดใสอีกครั้ง แม้เขาจะพูดทำร้ายจิตใจเธอบ่อยๆแต่นั่นเธอก็รู้ดีว่ามันเป็นวิธีการสอนให้เธอเข้มแข็งขึ้น จึงไม่มีความจำเป็นใดๆที่เธอต้องโกรธอีกฝ่าย "ลูกดูสดใสขึ้นเยอะเลยนะ" "อย่างนั้นเหรอคะ~" "เห มีอะไรดีๆเกิดขึ้นรึเปล่านะ หรือเป็นเพราะ...เจ้าชายอพอลโล่?" "จ-จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงคะคุณพ่อ! น-หนูขึ้นห้องดีกว่า" เด็กสาวรีบก้าวเท้าขึ้นไปบนห้องของตนด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ เธอ...ตกหลุมรักเขาเข้าแล้วสิ...
..........
"อะไรนะคะ?!" "เจ้าชายอพอลโล่อาจไม่ได้มาที่นี่อีกแล้วล่ะ การเจรจาก็จบลงไปด้วยดีแล้ว" ทันทีที่ได้รับรู้ข่าวว่าชายหนุ่มที่เธอแอบชอบจะไม่ได้มาที่นี่อีกแล้ว เนื่องจากการเจรจาด้านธุรกิจเป็นผลสำเร็จดี วินาทีนั้นราวกับถูกฟ้ากลั่นสวรรค์แกล้งที่ทำให้เธอต้องพบเจอเรื่องราวที่กระทบจิตใจมากเกินกว่าที่เด็กสิบสี่ควรได้รับ ในขณะที่น้ำตากำลังจะไหลริน มือบางก็ปาดมันออกไปเสียก่อนเพราะเธอไม่ต้องการให้ใครมาเป็นห่วง นี่คือสิ่งหนึ่งที่เธอได้รับรู้ว่าคนเข้มแข็งนั้นเป็นอย่างไร ฉันจะรอ...วันที่ได้พบคุณอีกครั้งค่ะ คุณอพอลโล่..
----------
[ เรื่องเล่าจากอลิซ - แด่ความสุขที่หวนคืน ]
กาลเวลาผ่านล่วงเลยไปสามปี จากเด็กสาวอายุ 14 กลับกลายเป็นหญิงสาวอายุ 17 ที่เติบโตมาพร้อมกับความสวยงามราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย แต่ก็ใช่ว่าจะเหมือนไปเสียทีเดียว เพราะเธอใช่ว่าจะเป็นคนดีตลอดเวลาเสียที่ไหนกัน มีโกรธบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งการโกรธทำให้คราบของเจ้าหญิงหายไปในทันที ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา เธอได้รู้จักการเข้าหาคนอื่น ทำให้มีเพื่อนที่จริงใจอยู่ไม่นอน วิเวียนสามารถละทิ้งอดีตที่แสนขมขื่นทั้งหมดออกไปได้ ไม่ว่าจะเรื่องความจริงใจจากเพื่อนในอดีต หรือการจากไปแบบไม่มีวันกลับของกัส และ...แสงสว่างของชีวิตที่หายไปโดยไม่ได้บอกลาสักคำ... เธอในตอนนี้เรียกว่าแตกต่างจากวัยเยาว์มากก็คงไม่ผิดไปเสียทีเดียว มีทั้งเพื่อน มีทั้งความสุข แต่นั่น...ก็ไม่ใช่ความสุขที่เธออโหยหามาตลอดระยะเวลาสามปี "กลับมาแล้วค่ะ~" "เป็นไงบ้างลูกวันนี้" "วันนี้ฝึกทำเค้กกันค่ะคุณพ่อ รสชาตินี่ไม่เลวเลย" หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความอารมณ์ดีพลางยกนิ้วโป้งให้บิดาเพื่อสื่อว่าเค้กที่เธอและเพื่อนๆฝึกทำนั้นรสชาติเป็นอย่างไร "ฮ่าๆๆ! สมกับเป็นลูกสาวพ่อ อ่า...วิเวียน พ่ออยากให้ลูกเตรียมตัวให้พร้อมหน่อยน่ะ" "หืม? พร้อมสำหรับอะไรคะ?" "พ่อว่าจะให้ลูกย้ายโรงเรียน ...." "ก็...ไม่มีปัญหาอะไระคะ หนูว่าหนูต้องเข้ากับคนอื่นได้แน่ๆ เพราะฉะนั้นไม่ขัดอะไรหรอกค่ะ" รอยยิ้มพลันปรากฏบนใบหน้าของลูกสาว ทำให้ผู้เป็นบิดาวางใจมากไปกว่าครึ่ง ถึงแม้จะรู้ว่าลูกสาวตนนั้นไม่ได้อยากทำเช่นนี้เลย แต่เพียงเพราะเธอเชื่อฟังคำของบุพการีทุกอย่าง แม้จะรู้สึกผิดที่ไม่ได้บอกว่าเจ้าชายอพอลโล่ก็อยู่ที่นั่นด้วยเพราะเขาอยากให้เธอรับรู้ด้วยตัวเอง พลางนึกสนุกในใจว่าวิเวียนจะมีสีหน้าอย่างไรกัน?
ความสุขของลูกกำลังจะหวนคืนมาอีกครั้งแล้วนะ วิเวียน . . . . .
แก้วชาลวดลายสวยงามถูกวางลงบนจานรอง เด็กสาวเปิดเปลือกตาขึ้นเมื่อเล่าทุกสิ่งทุกอย่างจบลงพร้อมมองปฏิกิริยาท่าทีของอีกฝ่ายที่อยู่ด้านตรงข้าม "เรื่องราวทั้งหมดของวิเวียนก็มีเพียงเท่านี้ค่ะ ฉันคงไม่สามารถเล่าอะไรให้คุณฟังมากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว" ร่างเล็กยันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้เตรียมเดินออกไปจากศาลาแก้ว โดยหันมาทิ้งท้ายว่า "กรุณาเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ให้ผู้อื่นเขาเข้ามาหาคำตอบกับฉันด้วยตัวเอง...จะดีกว่านะคะ" สิ้นเสียงร่างของเด็กสาวก็ถูกความมืดรอบบริเวณกลืนกินเข้าไป ---------- END ----------
➳ ชอบ :: [ขนมหวาน - มันทำให้เธอลืมเรื่องเครียดไปได้]
[ดอกลาเวนเดอร์ - มีกลิ่นหอมช่วยให้เธอผ่อนคลาย]
[บทเพลงบรรเลงเปียโน - ช่วยให้สมองและร่างกายได้พักผ่อน ว่าง่ายๆก็เปรียบเสมือนยานอนหลับสำหรับเธอ]
[รอยยิ้ม - เพราะมันจะทำให้เธอมีความสุขตามไปด้วย]
[หมอกในยามเช้า - ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นแตกต่างออกไปจากคนอื่นที่จะมีความรู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัวเสียมากกว่า]
[อพอลโล่ - ไม่ต้องมีคำอธิบายใดๆ(?)]
➳ ไม่ชอบ :: [เสียงดัง - เพราะมันจะทำให้เธอมีอาการเจ็บหูเล็กน้อยและมันสร้าความรำคาญให้กับเธอ]
[อากาศร้อน - เพราะมันจะทำให้เธอไม่สบายเนื้อสบายตัวเอาเสียเลย]
[คำโกหก - เพราะมันคือสิ่งที่แสดงถึงความไม่จริงใจต่อกัน]
[น้ำตา - ไม่ว่าจะของตัวเองหรือใครเธอก็จะไม่ชอบทั้งนั้น เพราะมันเหมือนกับสิ่งที่ไหลออกมาจากดวงตามนุษย์ที่มีความเศร้า เธออยากเห็นรอยยิ้มมากกว่า]
[ของรสจัด - ความไม่ชอบส่วนตัวน่ะ(...)]
➳ ความสามารถพิเศษ :: ทำเค้ก , ยิ้มแบบไม่รู้เบื่อ , เป่าขลุ่ยรีคอร์เดอร์ , วาดรูป
➳ เพิ่มเติม :: - วิเวียนเกิดวันที่ 30 เมษายน - วิเวียนมักดื่มนมจืดก่อนนอนทุกวัน - น้ำเสียงของวิเวียนจะออกไปทางอ่อนหวาน มักแทนตัวเองว่า ฉัน และแทนคนอื่นๆที่อายุมากกว่าว่า คุณ เช่น "คุณรู้ไหมคะ? ว่าอาคารเรียนไปทางไหน?" "คุณอพอลโล่เนี่ย...เท่ห์จังนะคะ...อ-เอ๊! ฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย!" ในการพูดกับผู้ใหญ่เธอมักจะมีหางเสียงทุกครั้ง - หากพูดกับคนที่อายุน้อยกว่าหรือเท่ากัน จะแทนตัวว่า ฉัน และแทนอีกฝ่ายว่่า เธอ , นาย มีหางเสียงบางครั้งตามแต่โอกาส เช่น "ฉันว่า..เธอไปพักก่อนนะ เดี๋ยวจะเป็นลมเอา" "เธอชอบรูเฟนใช่ไหมล่ะ~ ฉันรู้นะ ฮึๆ" "คือ...นายจะเอาของฉันไปลอกก่อนก็ได้นะ หลับในห้องแบบนั้นจดไม่ทันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอก" - ขออนุญาตแปะ ID เพิ่มเพื่อน Yume100 ค่ะ(?) ใครจะแอดมาก็ได้นะ รับหมด //-// 1078873433
T A L K
สวัสดีค่ะ...ฉันชื่อโรสซินนะคะ แล้วคุณล่ะ? ชื่ออะไรเหรอคะ? : "อ่ะ! สวัสดีค่ะคุณโรสซิน ฉันชื่อ วิเวียน เฮเลน่า ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ" หญิงสาวเอ่ยแนะนำตัวด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงที่แสดงถึงความเป็นมิตรตามฉบับของตน ดวงเนตรสีครามมองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกชมชอบอย่างแปลกประหลาด 'หวา...คุณโรสซินนี่สวยจังนะ..'
ค่ะ...คือคุณชอบผู้ชายแบบไหนเหรอคะ? : "อ-เอ๋ ผู้ชายที่ชอบเหรอคะ.." ใบหน้าหวานมีสีแดงระเรื่อขึ้นเมื่อจู่ๆก็ถูกยิงคำถามนี้ใส่อย่างไม่ทันตั้งตัว ปากบางค่อยๆขยับตอบกลับไปอย่างแผ่วเบาว่า "ไม่จำป็นต้องพูดหวานหรืออะไรมากมาย แค่ปฏิบัติต่อเราอย่างจริงใจก็พอแล้วค่ะ แม้คำพูด...ออกจะทำร้ายจิตใจก็ตาม.."
แล้ว...คิดยังไงกับอพอลโล่เหรอคะ? : คราวนี้ใบหน้าของเธอขึ้นสีเลือดฝาดมากกว่าครั้งก่อน วิเวียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆพร้อมตอบไปด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ว่า "คุณอพอลโล่เป็นคนที่จริงใจมากค่ะ เขาไม่เคยเสแสร้งหรืออะไรทั้งนั้น ฉันชอบ...ในความจริงใจของเขา"
ค่ะ...คุณคิดว่าฉันเป็นคนยังไงเหรอคะ? //เอียงคอถาม// : นิ้วเรียวพลันแตะเข้าที่ริมฝีปากสีเชอร์รี่อย่างใช้ความคิด เธอกับอีกฝ่ายก็พบกันได้ไม่นาน คงมีแค่ความรู้สึกเมื่อแรกพบเท่านั้นที่จะสามารถพูดออกไปได้ หญิงสาวค่อยๆเอ่ยตอบออกมา "ฉันไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วคุณโรสซินเป็นคนยังไง แต่ถ้าถามถึงความรู้สึกแรกที่ได้พบกับคุณ ฉันคิดว่าคุณเป็นคนที่น่ารักมากๆเลยล่ะค่ะ ดูจริงใจ แล้วก็สุภาพด้วย"
อะ อื้อออ คุณคิดว่ารูเฟนซังนิสัยยังไงเหรอคะ-- //หน้าแดง+เอานิ้วจิ้วกัน// : "เอ๋? คุณรูเฟน?" วิเวียนมองทางทีของหญิงสาวตรงหน้าสักพัก ไฟในหัวก็สว่างขึ้นมาทันที หญิงสาวคนนี้คงชอบคุณรูเฟนสินะ "คือ..ฉันไม่เคยพบกับเขามาก่อน แต่ถ้าหากเป็นคนที่คุณโรสซินชอบล่ะก็ แสดงว่าเขาต้องเป็นคนที่ร่าเริง อบอุ่นและดีมากๆเลยสินะคะ"
ขอบคุณนะคะ...อ๊ะ! ต้องไปแล้วนี่หน่า! ไว้เจอกันที่โรงเรียนนะคะ บ๊ายบายค่ะ~ : "บายค่ะ" หญิงสาวโบกมือลงอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาพลางยิ้มออกมาบางๆ นัยน์ตาสีฟ้าครามเหม่อมองไปยังแผ่นหลังที่ค่อยๆไกลออกไปพลางคิดสุกในใจ ว่าเรื่องราวต่อจากนี้...จะต้องเป็นเรื่อราวที่ดีอย่างแน่นอน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น