ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Forest Story

    ลำดับตอนที่ #2 : ► เรื่องเล่าจากพงไพร บทที่ 2 : AOD ✯ ACADEMY • Kaminari Rei

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 124
      0
      13 มี.ค. 64





     渴望着你 迷恋着你 啊 思念着你

    这份没有结果的爱啊

    传递给你 传达给你 再次思念着你

    这份并不微小的思念啊 ㄱ







    "ร่ายรำงดงามดุจผีเสื้ออาบย้อมแสงทองยามราตรี นามของนางคือ คามินาริ ริน"

    ♥ -------------------- ♥




    "ฉันจะต้องทำให้นายเป็นอุคิโยะให้ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...ฉันจะไม่ลบล้างความตั้งใจนี้เด็ดขาด"

    "....ฉันจำได้ว่าเราเดินมาจากทางนี้นะ แค่เดินกลับไปทางเดิมก็ไม่ใช่ปัญหาแล้วล่ะ! ..... โอเคมันเป็นปัญหา..ใหญ่มากๆ ด้วย"

    "การยื่นมือเข้าไปช่วยผู้อื่นแก้ปัญหาไม่ใช่เรื่องไม่ดี แต่อาจจะเป็นเรื่องที่ผิดหากว่าเขาไม่ได้ต้องการให้เราเข้าไปยุ่ง มนุษย์น่ะคาดเดาอะไรไม่ได้หรอก"


    ชื่อ - นามสกุล : คามินาริ ริน | Kaminari Rin
    ชื่อเล่น : ริน | Rin
    อายุ : 22 ปี


    รูปร่างลักษณะ : ผู้คนต่างเล่าลือว่าหญิงสาวนาม คามินาริ ริน มีรูปกายที่งดงามดุจเทพีสวรรค์ปั้นแต่ง ใบหน้าหวานเย้ายวนดูอ่อนเยาว์กว่าวัยมีรูปทรงไข่ดูน่ารักน่าชังถูกรายล้อมไปด้วยเรือนผมสีเงินแวววาวอ่อนนุ่มราวแพรไหมอันได้รับมาจากบิดา เส้นเกศาอันอ่อนนุ่มนี้มีสุขภาพที่ดีด้วยการบำรุงดูแลรักษามาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ส่งผลให้มีความนุ่มลื่นและกลิ่นของดอกคินโมะคุเซอิอย่างเบาบาง มีความยาวถึงระดับต้นขาอ่อนเรียวสวยโดยไม่แห้งเสียแต่อย่างใด มัดรวมสูงขึ้นม้วนเป็นวงกลมคล้ายขนมดังโงะและปล่อยให้ปลายผมยาวสยายลงมา ไม่ได้มีการใช้เครื่องประดับตกแต่งอะไรมากไปกว่าหนังยางและริบบิ้นสีแดงสดอันเป็นเอกลักษณ์ ใบหน้าขาวเรียบเนียนทว่ามีสีชมพูอ่อนระเรื่อประดับอยู่บริเวณพวงแก้มจิ้มลิ้มน่าหยิกอันไร้ซึ่งการแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางใดๆ มีเพียงเลือดฝาดที่ไปหล่อเลี้ยงตามใบหน้าเท่านั้น จมูกเล็กรูปหยดน้ำรั้นขึ้นเล็กน้อยรับกับริมฝีปากสีเชอร์รี่อ่อนที่ไม่ต้องพึ่งลิปสติกอันใดได้เป็นอย่างดี ริมฝีปากเรียวเล็กมักมีรอยยิ้มบางประดับไว้อยู่เสมอยามที่ได้พบเรื่องดีๆ ในแต่ละวัน เครื่องประดับบนใบหน้าเห็นทีจะมีแต่ต่างหูกลีบซากุระสีชาดอันเป็นของดูต่างหน้าจากคุณน้าที่ได้ให้ไว้แต่เยาว์วัย มีขนาดเล็กเพื่อไม่ให้ขัดขวางในการทำภารกิจ มักใส่ไว้เสมอเว้นเสียแต่เวลาอาบน้ำและเข้านอนอีกทั้งยังถนอมรักษามันเป็นอย่างดี สิ่งที่เสริมความงามให้แก่ใบหน้าอีกอย่างหนึ่งคือดวงเนตรคู่งามสีชาดอันเข้ากับริบบิ้นและต่างหูของเธอได้เป็นอย่างดี ไล่เฉดสีอ่อนลงมาจนเห็นเป็นสีอัมพันแวววาวดุจอัญมณีล้ำค่า เหนือดวงเนตรคู่งามมีขนตาหนาเป็นแพสีดำสนิทไร้ซึ่งการแต่งแต้มอันใดช่วยเพิ่มความเฉียบคมให้แก่ดวงตาอยู่ไม่น้อย จนสามารถเรียกได้ว่าเป็นดวงตาอันทรงเสน่ห์คู่หนึ่ง แม้ผู้ที่ได้จ้องมองมันจะต้องตกอยู่ในภวังค์ของความนุ่มลึกที่แผ่กระจายออกมาก็ตาม มงกุฎของใบหน้าอย่างคิ้วโค้งคันศรเองก็ช่วยเพิ่มความสง่าตามวัยได้เป็นอย่างดี เมื่อมองรวมบริเวณใบหน้าจะเห็นได้ว่าคามินาริ รินผู้นี้เองก็มีใบหน้าที่หวานเย้ายวนและสง่าสมวัยในเวลาเดียวกัน

                         ไม่เพียงแต่ใบหน้าที่เป็นจุดสนใจ เรือนร่างของสาววัยยี่สิบสองเองก็เป็นจุดดึงดูดสายตาผู้คนเช่นเดียวกัน คามินาริ ริน มีส่วนสูง 165 เซนติเมตร ซึ่งนับได้ว่าเป็นส่วนสูงที่กำลังพอเหมาะพอดีกับร่างกายที่มีน้ำหนัก 50 กิโลกรัม ทำให้เรือนร่างของสาวเจ้าดูมีน้ำมีนวลดุจอิสตรีทั่วไปที่พึงมี ไม่ดูผอมแห้งแรงน้อย หรืออ้วนท้วมเสียจนเกินไป ผิวกายของหญิงสาวขาวเรียบเนียนอีกทั้งยังมีกลิ่นคินโมะคุเซอิอย่างเบาบางเป็นผลมาจากโลชั่นประทินผิวที่ได้บำรุงรักษามาเป็นอย่างดีในวัยเยาว์ ส่งผลให้เนื้อตัวนุ่มเด้งน่าสัมผัสและน่าทะนุถนอมราวตุ๊กตาก็ไม่ปาน ผิวกายขาวเรียบเนียนนี้เพียงแค่ถูกจับด้วยแรงที่มากพอก็สามารถทำให้เกิดรอยแดงได้ไม่ยาก ทว่าร่างกายของเธอนั้นมิได้บอบบางเฉกเช่นผิวกายเสมอไป ด้วยความเป็นคนรักษาสุขภาพและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ส่งผลให้มีสุขภาพแข็งแรงอีกทั้งร่างกายยังเพรียวบางน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง บนเรือนร่างมิได้มีสิ่งของประดับอันใดมากไปกว่าของขวัญวันเกิดชิ้นแรกที่ได้รับมาจากบิดา เป็นกำไลโกเมนสวยงามที่ใส่ประดับไว้บริเวณข้อมืออย่างไม่ห่างกายจนนับเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งประจำตัวของหญิงสาว รูปร่างเปลี่ยนเป็นทรงนาฬิกาทรายตามวัย เอวคอดเล็กลงรับกับสะโพกผายได้เป็นอย่างดี อีกทั้งหน้าอกหน้าใจยังมีพอประมาณไม่ให้ดูน่าเกลียดหรือเป็นอุปสรรคในการทำภารกิจต่างๆ เรียกว่าเรือนร่างราวอัปสรสวรรค์ก็คงไม่ผิดนัก เรียวขาขาวเรียบเนียนดึงดูดสายตาผู้ได้พบเห็นมีความยาวที่พอเหมาะกับร่างกายทำให้ไม่ดูเก้งก้างเสียจนเกินไปเช่นเดียวกับแขนเรียวบางที่ดูไร้เรี่ยวแรงหากแต่กลับซ่อนพละกำลังเอาไว้ภายในอย่างน่าประหลาด เป็นอีกจุดหนึ่งที่ส่งผลให้หญิงสาวดูมีความน่าค้นหามากยิ่งขึ้นว่ามีพละกำลังที่ต่างจากรูปร่างอันบอบบางน่าทะนุถนอมนั้นได้อย่างไร

                          ว่าด้วยการแต่งกายของหญิงสาววัยยี่สิบสอง คามินาริ ริน มีร่างกายที่เพรียวบางทำให้หาเสื้อผ้าใส่ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ยามปกติผู้คนจะเห็นเธออยู่ในยูนิฟอร์มของโรงเรียนราวกับคนที่เคร่งครัดในเรื่องระเบียบการแต่งกาย หารู้ไม่ว่าความจริงแล้วเธอไม่อยากให้ตู้เสื้อผ้าเต็มไปด้วยชุดต่างๆ ที่ไม่จำเป็น ยูนิฟอร์มโรงเรียนจึงเป็นทางเลือกสุดท้าย ไม่ต้องมานั่งเลือกในแต่ละวันว่าวันนี้จะใส่ชุดไหนดี กระโปรงหรือว่ากางเกง มันจึงทำให้เวลาในการเตรียมตัวของรินนั้นเร็วกว่าหญิงสาวคนอื่นค่อนข้างมาก ถึงอย่างไรบิดาของเธอก็มักจะซื้อชุดต่างๆ นานามาเก็บไว้ให้เสมอ เธอจะเลือกใส่ชุดพวกนั้นเฉพาะยามจำเป็นเพียงอย่างเดียว และด้วยความที่เธอนั้นมีฝีมือในการร่ายรำที่อ่อนช้อยและงดงามเป็นผลมาจากการฝึกฝนในวัยเยาว์ ทำให้เสื้อผ้าส่วนมากเป็นชุดกิโมโนลวดลายปราณีตที่ได้รับสืบทอดมาจากมารดา เธอดูแลรักษาเป็นอย่างดีเปรียบเสมือนตัวแทนของมารดา และจะหยิบมาใส่ในเวลาซ้อมรำเท่านั้น เมื่อมองลงมาแต่ศีรษะจรดปลายเท้าจะเห็นได้ชัดว่า คามินาริ ริน มีใบหน้าที่หวานเย้ายวนและสง่างาม อีกทั้งยังมีรูปกายที่ราวอัปสรสวรรค์ แต่งแต้มด้วยกลิ่นกายคล้ายคินโมะคุเซอิจากโลชั่นประทินผิวจนเป็นเอกลักษณ์ นับเป็นหญิงสาวที่น่าจับตามองเลยทีเดียว

    ลักษณะนิสัย : คามินาริ ริน บุตรสาวคนที่สองของอุคิโยะรุ่นที่ 21 แห่งสถาบัน AOD ✯ ACADEMY เป็นที่กล่าวถึงมากมายจากปากต่อปากตามประสามนุษย์ที่เป็นสัตว์สังคมว่าเธอนั้นมีฝีไม้ลายมือในการร่ายรำอ่อนช้อยงดงามยากแก่การละสายตา ใบหน้าพราวเสน่ห์ชวนหลงมัวเมาราวตกอยู่ในมนต์สะกด เสียงหวานดุจระฆังแก้วน่าฟังและน่าเข้าหา แต่นั่นไม่ใช่อุปนิสัยทั้งหมดที่เธอมี

    ◘ คำกล่าวจากหญิงสาวคนที่หนึ่ง ◘

              คามินาริ ริน คือหญิงสาวผู้มีรอยยิ้มงดงามประดับบนใบหน้า เสริมความน่าเข้าหาด้วยดวงตาที่ปิดลงสนิทเป็นรูปจันทร์เสี้ยว ผู้คนต่างเล่าลือว่าเธอนั้นมีรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์สะกดทุกสายตายามได้จ้องมอง ทว่า รอยยิ้มนั้นก็ไม่ได้เผยออกมาอย่างพร่ำเพรื่อราวกล้ามเนื้อมวลใบหน้าถูกสตาฟไว้ เธอจะยิ้มต่อเมื่อมีเรื่องน่ายินดีหรือเรื่องที่ทำให้มีความสุข ดูแล้วก็ไม่ต่างจากบุคคลทั่วไปที่จะยิ้มเวลามีสิ่งดีๆ เข้ามา รอยยิ้มของเธอเปรียบเสมือนสิ่งที่ช่วยเยียวยาจิตใจของผู้ได้พบเห็น ดุจสายน้ำเย็นที่ปลอบประโลมความแห้งแล้งให้มลายหาย คำกล่าวเสริมสร้างกำลังใจมักลอดออกมาจากริมฝีปากสีเชอร์รี่นี้เสมอ กล่าวคือเธอเป็นหญิงสาวที่ใจดีและมักเอาใจใส่ผู้คนรอบข้าง ช่างสังเกตความเปลี่ยนแปลงรอบตัวแม้แต่เรื่องเล็กน้อย เก็บทุกรายละเอียดที่คิดว่าสำคัญทั้งสำหรับตนเองและสำหรับผู้อื่น ตัวอย่างเช่นเรื่องที่หญิงสาวส่วนมากให้ความสำคัญอย่างทรงผม ด้วยความเป็นคนช่างสังเกตเธอมักจะรู้อยู่เสมอว่าทรงผมของเพื่อนสาวคนนี้เปลี่ยนไป ดูสั้นลงกว่าปกติแม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม หรือลักษณะการแต่งตัวแปลกไปจากเดิม สามารถตีความได้ไม่ยากว่าวันนี้ต้องมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น หรือมีนัดสำคัญกับผู้อื่นไว้อย่างแน่นอน ด้วยการเอาใจใส่ในทุกรายละเอียดนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เธอสามารถคิดวางแผนเอาตัวรอดตามสถาณการณ์ต่างๆ ได้ ยังทำให้เธอกลายเป็นบุคคลที่มีมิตรสหายรายล้อมอยู่รอบกายอย่างง่ายดายอีกด้วย ประกอบกับบรรยากาศรอบตัวรายล้อมไปด้วยความเป็นมิตรและเข้าถึงได้ง่ายราวกับถูกโอบล้อมด้วยความอบอุ่นของดวงตะวัน มอบความจริงใจต่อทุกคนที่ผ่านเข้ามา รินเชื่ออยู่เสมอว่าหากมอบความจริงใจให้แก่ผู้อื่น เธอก็จะได้รับความจริงใจนั้นกลับมาเช่นกัน แม้มีหลายครั้งหลายคราที่ความจริงใจของเธอกลายเป็นดาบสองคม โดนหลอกใช้ต่างๆ นานาและตบท้ายด้วยคำหวานที่ว่า "ก็พวกเราเป็นเพื่อนกันนี่นา" เธอไม่ใช่คนใสซื่อที่จะโดนใครหลอกง่ายๆ เพียงแต่ระยะเวลาที่ผ่านมายอมโดนหลอกเพียงเท่านั้น พร้อมความหวังในใจว่าคนๆ นี้จะปรับปรุงตัว แต่ถ้าหากยังคงปฏิบัติซ้ำเดิม มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เธอจะตัดบุคคลนั้นออกจากวงโคจรของตัวเอง และไม่มีวันที่จะได้กลับเข้ามาแม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนานก็ตาม

    ◘ คำกล่าวจากหญิงสาวคนที่สอง ◘

              คามินาริ ริน เป็นคนที่ผู้อื่นต่างลงคะแนนเสียงอย่างพร้อมเพียงกันว่าเธอนั้นเป็นบุคคลที่ไร้ซึ่งพิษภัยอย่างเห็นได้ชัด แม้ลักษณะเด่นในจุดนี้มันจะทำให้เธอกลายเป็นคนที่น่าเป็นห่วงในเรื่องของการถูกหลอกหรือเอารัดเอาเปรียบต่างๆ นานา แต่เธอก็ได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถดูแลตัวเองได้ แท้จริงแล้วเธอเป็นคนที่สามารถมองคนอื่นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง อาศัยการสังเกตกิริยาท่าทาง หรือน้ำเสียงที่เปล่งออกมาก็ทำให้พอรู้ได้ว่าอีกฝ่ายมาดีหรือมาร้าย แต่หากอีกฝ่ายนั้นสามารถปฏิบัติตัวได้อย่างแนบเนียน ก็นับเป็นเรื่องยากเช่นเดียวกันที่เธอจะรู้ว่าตัวเองถูกหลอกอยู่หรือเปล่า จึงมักถูกกล่าวตักเตือนอยู่บ่อยครั้งว่าอย่าไว้ใจใครง่ายๆ และอย่าให้คนอื่นมองว่าตนเป็นคนที่สามารถรังแกได้ รินยอมรับคำตักเตือนนั้นโดยไม่มีข้อโต้แย้ง แต่ด้วยลักษณะนิสัยส่วนตัวของเธอที่ค่อนข้างคล้อยตามผู้อื่นได้ง่าย ใครว่าดีเธอก็ว่าดี จึงเป็นจุดที่ทำให้อดห่วงไม่ได้ ถึงกระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่ดื้อรั้นเมื่อมันจำเป็น เห็นแบบนี้เธอเองก็เป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเองเช่นเดียวกัน เพียงแต่ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นมากเกินไปและคิดว่าตามน้ำไปเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจะดีที่สุด หากสถานการณ์หรือความคิดใดที่เธอไม่เห็นด้วย ความดื้อรั้นของเธอจะปรากฏออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน จากบุคคลที่พยักหน้าให้กับความเห็นของผู้อื่นเสมอ จะกลายเป็นหญิงสาวที่ยืนหยัดในความคิดเห็นของตนในทันที ในหัวมีเหตุผลมากพอที่เธอจะยกความคิดเห็นนี้ขึ้นมาเป็นประเด็นพูดคุย บรรยากาศอบอุ่นรอบตัวจะพลันเลือนลางหายไปทีละเล็กทีละน้อยจนน่าตกใจ เธอที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้ก็ไม่ต่างกับเด็กที่ไม่รับฟังผู้อื่นเลย แต่นานๆ ครั้งจะออกมาให้เห็นสักทีเพราะเธอจะคัดค้านเฉพาะตอนที่คิดว่าจำเป็นเท่านั้น เช่น การปฏิบัติภารกิจที่อันตรายและเพื่อนร่วมทีมเสนอแผนที่มีอัตราความเสี่ยงสูง เธอจะไม่ลังเลใจเลยที่จะยกมือคัดค้านในความคิดเห็นนั้น รินไม่ได้ต้องการทำให้เพื่อร่วมทีมไม่พอใจที่ตนไม่เห็นด้วยในแผนการครั้งนี้ แต่เธอคำนึงถึงความปลอดภัยของเพื่อนมาเป็นอันดับ 1 อยู่เสมอ เธอไม่อยากต้องเสียใครไปเพราะการทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากทางโรงเรียน มันอาจจะฟังดูเป็นการเห็นแก่ตัวแต่เธอก็ยอมถูกมองว่าเป็นคนดื้อรั้นดีกว่าเสียสิ่งสำคัญของตัวเองไป จนในบางครั้งก็เป็นห่วงผู้อื่นจนละเลยความปลอดภัยของตัวเองโดยไม่ทันรู้ตัว

    ◘ คำกล่าวจากชายหนุ่มคนที่ 3 ◘

              คามินาริ ริน คือหญิงสาวที่ชอบให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อื่นอยู่เสมอ เธอเป็นประเภทที่หากถูกขอร้องแล้วก็ยากที่จะปฏิเสธ เรียกได้ว่ามีอาการดีใจจนออกนอกหน้ามากกว่า เพราะการขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างมันคือสิ่งที่ยืนยันว่าเธอยังคงมีประโยชน์อยู่ ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ใช่คนที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยทุกเรื่อง เหตุการณ์ในวัยเยาว์ยังย้ำเตือนอยู่เสมอว่าเธอไม่ควรเข้าไปยุ่ง หากอีกฝ่ายไม่ได้ต้องการ ถ้าถูกขอร้องเธอก็จะยอมช่วยด้วยความเต็มใจ และพยายามทำอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายผิดหวัง แต่หากเห็นคนกำลังมีปัญหาและไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือมาเธอก็พร้อมที่จะมองสิ่งนั้นเป็นเพียงธาตุอากาศไปได้อย่างง่ายดาย บางทีการไม่เข้าไปหาเรื่องใส่ตัวมันจะทำให้ชีวิตของเธอสงบสุขขึ้นมาบ้าง เธอคือหญิงสาวที่เหมาะสมกับคำว่าอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแออย่างถึงที่สุด ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ส่งเสริมให้ผู้อื่นว่าเธอเป็นคนที่อ่อนโยนและรังแกง่าย จึงทำให้มีผู้คนไม่น้อยที่คิดจะเล่นสนุกกับเธอราวกับว่าเป็นสิ่งของ กล่าวถ้อยคำทำร้ายจิตใจราวเธอเป็นตุ๊กตาไม่มีชีวิต อย่างคำว่า "นังลูกไม่มีแม่" มันเป็นคำที่ติดอยู่ในโสตประสาทและตามหลอกหลอนทุกครั้งที่ปิดตาลงนอน ถึงอย่างไรเธอก็จะแสดงความอ่อนแอออกมาให้ผู้อื่นเห็นไม่ได้ นับว่าเป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่มีจิตใจเข้มแข็งมากเสียจนน่าเป็นห่วงว่าเธอจะเก็บทุกสิ่งทุกอย่างไว้เพียงคนเดียว และไม่ยอมระบายมันออกมานอกเสียใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนที่เธอไว้ใจมากที่สุด ด้วยความเข้มแข็งนั้นมันจึงทำให้คนที่คอยตามทำร้ายจิตใจเธอเริ่มเบื่อกับของเล่นชิ้นนี้และถอยออกไปทีละคน นับว่าเป็นวิธีการป้องกันที่ดีที่สุดของเธอแล้ว อย่าให้ค่ากับคนเหล่านั้น อย่าทำให้พวกเขารู้สึกสนุกกับการที่ได้เห็นคนอื่นทุกข์ทรมานใจ และใช่ รอยยิ้มบนใบหน้ามันคือสิ่งที่สามารถปกปิดรอยแผลได้อย่างแนบเนียนที่สุด เพียงแค่ยิ้มทุกคนก็จะไม่รู้ว่าเธอคิดหรือรู้สึกอย่างไร ยิ้มสู้ไปแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเองในสักวัน ยิ้มรับและปฏิเสธหยดน้ำตาที่ไหลรินอยู่ภายในใจราวกับว่าน้ำสีใสนั้นไม่มีอยู่จริง แต่มันก็เหมือนการหลอกตัวเองไปวันๆ เท่านั้น

    ◘ คำกล่าวจากหญิงสาวคนที่สี่ ◘

              หญิงสาวคนที่สี่กล่าวออกมาด้วยเสียงมั่นอกมั่นใจ ว่าอย่าปล่อยให้ คามินาริ ริน เป็นผู้นำทางเด็ดขาด แม้เธอนั้นจะช่างสังเกตสิ่งต่างๆ รอบตัวแต่เป็นที่น่าแปลกใจมากว่าทำไมจึงกลายเป็นบุคคลที่มักหลงทิศหลงทางอยู่บ่อยครั้ง แม้จะเป็นเส้นทางที่เห็นจนคุ้นชินตา แต่หากเผลอใจลอยไปเพียงเสี้ยววินาทีก็ทำให้มีเครื่องหมายคำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวของรินทันที เมื่อกี้นี้เธอเดินมาจากทางไหน ราวกับที่นี่เป็นสถานที่ที่เธอไม่รู้จักและไม่เคยพบเห็นมาก่อน เดินอยู่ในโรงเรียนก็อาจจะได้พบเห็นเธอยืนมองซ้ายทีขวาทีด้วยท่าทางลังเลว่าตนควรเลือกไปทางไหน สุดท้ายก็หนีไม่พ้นการหยิบปากกาออกมาเสี่ยงดวง ถ้าปลายปากกาหันไปทางไหนก็เดินทางนั้นแล้วกัน---เป็นจุดที่หลายคนเป็นห่วงมากหากปล่อยให้เธอไปไหนมาไหนโดยไม่มีอาวุธคู่กายหรือมิตรสหายเดินเคียงไปด้วย วันดีคืนดีก็หลงทางไปเจอกลุ่มนักเลงที่กำลังขูดรีดไถเงินจากเด็กโรงเรียนเอกชนที่อยู่ไม่ไกล จนต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง หรือเดินหลงไปเจอโยไคโดยบังเอิญแล้วก็มาคิดกับตัวเองว่าน่าจะลากเจ้าคู่หูให้เดินมาด้วยกันตั้งแต่แรก ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ไม่ค่อยได้เห็นเธออยู่คนเดียวนัก มักจะมีคนเดินขนาบข้างไปด้วยเสมอ โดยส่วนมากแล้วจะเป็นอาวุธคู่กายที่ตัวแทบจะติดกันเป็นปาท่องโก๋ จนทำให้ถูกเข้าใจผิดไปหลายครั้งว่า คามินาริ ริน ผู้นี้มีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับอาวุธของตนเอง ทั้งที่ความจริงแล้วเธออยากจะมุ่งมั่นตั้งใจกับการเรียนเป็นอันดับหนึ่งก่อน ด้วยความตั้งมั่นนั้นทำให้เธอถูกเรียกว่าผู้ใช้อาวุธระดับหัวกระทิได้อย่างง่ายดาย ผลการเรียนในแต่ละเทอมยังคงเส้นคงวาและอยู่ในระดับที่ดีเยี่ยม จึงมีคนไม่น้อยที่ต้องการให้เธอช่วยสอนในเรื่องที่ไม่เข้าใจให้ โดยเฉพาะช่วงใกล้สอบที่จะเห็นคนจำนวนมากเดินตามหลังเธอพร้อมถือหนังสือ สมุดต่างๆ นานามากมาย กล่าวด้วยเสียงที่ดังแทรกกันจนฟังไม่ได้ศัพท์แต่พอจับใจความได้ว่า "ช่วยติวให้หน่อย สักนิดก็ยังดี" แน่นอนว่าคนที่ปฏิเสธไม่เป็นอย่างเธอก็จะจบลงด้วยการทำสรุปและแจกจ่ายให้เพื่อนร่วมห้องไป และกลับมานั่งเหนื่อยใจกับตัวเองวนลูปไปเรื่อยๆ

    ◘ คำกล่าวจากชายหนุ่มคนที่ห้า ◘

              คามินาริ ริน คือหญิงสาวผู้มีความมุ่งมั่นตั้งใจเต็มร้อย เมื่อมีเป้าหมายแล้วเธอก็ไม่ลังเลที่จะทำมันให้สำเร็จ และจะไม่ปล่อยให้สิ่งใดมาทำให้ความมุ่งมั่นสั่นคลอนเป็นอันขาด เรียกได้ว่าเวลาที่เธอตั้งใจจะทำอะไรแล้ว ต่อให้เอาช้างทั้งโขลงมาฉุดก็ไม่อาจทำให้เธอหยุดได้ รินมีความพยายามเต็มที่ในทุกเรื่องที่ต้องตั้งใจที่จะทำมัน ถึงจะล้มเหลวสักกี่ครั้งแต่ยังยึดมั่นในสปิริตของตนเอง คิดไว้เสมอว่าถ้าสองขายังมีแรงเหลือก็จงอย่าลังเลที่จะลุกขึ้นมาสู้ต่อ ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจจนถึงขีดสุดนั้นทำให้เธอประสบความสำเร็จในเป้าหมายที่ตั้งไว้ ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงตัวเองในปีหน้า เป้าหมายอ่านหนังสือสอบและคว้าคะแนนดีๆ ไปให้บิดาได้เชยชม และเป้าหมายสูงสุดของเธอคือต้องการทำให้อาวุธคู่กายของตนเองกลายเป็นอุคิโยะรุ่นต่อไปให้จงได้ เธอทุ่มเทให้กับทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ พยายามแสดงให้อาวุธคู่กายของตนเห็นว่าสิ่งที่พูดไปจะไม่ใช่เพียงลมที่ออกมาจากปาก แต่ในบางครั้งการพยายามของเธอก็ถูกมองว่าเป็นการฝืนร่างกายของตนเองจากสายตาคนรอบข้าง บางครั้งก็จะได้เห็นท่าทีเหนื่อยอ่อนราวกับไม่ได้นอนมาทั้งคืนเพราะมัวแต่ทำสรุปการสอบในครั้งถัดไป หรือการโหมร่างกายทำภารกิจจนคลื่นวิญญาณเริ่มสั่นคลอนเข้าไปทุกที หากไม่มีใครเตือนก็เป็นเรื่องยากที่เธอะรู้ตัวว่าควรพักผ่อนและปล่อยวางในสิ่งที่ทำอยู่ได้แล้ว จากที่กล่าวมาทั้งหมดอาจทำให้หลายคนนึกเป็นห่วงรินอยู่ไม่น้อย แต่เธอเองก็พยายามพิสูจน์ว่าสามารถดูแลตัวเองได้เช่นเดียวกัน แม้มันจะไม่ค่อยน่าเชื่อถือก็ตาม

    ◘ คำกล่าวจากชายหนุ่มนาม ซอนแจ ◘

              ชายหนุ่มนามซอนแจ อาวุธคู่กายที่รินสนิทใจด้วยมากที่สุดกล่าวว่า ปกติแล้วเธอก็ไม่ต่างไปจากหญิงสาวธรรมดาที่ยิ้มและหัวเราะยามมีความสุข ปกปิดความทุกข์ใจไม่ต้องการให้ใครเห็น และมักจะเอาใจใส่คนรอบข้าง ให้เกียรติ์ซึ่งกันและกันอยู่เสมอ ซึ่งนั่นเปรียบเสมือนกำแพงบางที่กั้นเธอเอาไว้ไม่ให้เผลอล้ำเส้นใคร แต่เมื่ออยู่กับคนที่สนิทใจมากอย่างซอนแจแล้ว เธอจะพูดคุยด้วยความเป็นกันเองมากขึ้น มีหยอกล้อหรือเล่นอะไรแรงๆ กันไปบ้างตามประสาของคนที่เห็นกันมาตั้งแต่แบเบาะ ซอนแจเป็นชายคนเดียวที่คามินาริ รินยอมเปิดเผยอารมณ์ทุกอย่างให้อีกฝ่ายรับรู้ ไม่ว่าจะอาการดีใจออกนอกหน้าแล้ววิ่งมาเล่าเรื่องราวที่พบเจอมาด้วยความสนุกสนาน ยามที่น้ำสีใสไหลรินจากดวงตาก็พร้อมที่จะปลอบประโลมซึ่งกันและกัน หรือแม้แต่ยามที่ดวงหน้าขึ้นสีแดงจากความโกรธซอนแจก็ได้เห็นมันมาทั้งหมดแล้ว เรียกได้ว่าเป็นทั้งพี่ชาย คู่หู และเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอในยามนี้ หากสามารถทลายกำแพงบางนั้นออกได้ เธอเองก็พร้อมที่จะไว้ใจและแสดงด้านต่างๆ ของตัวเองออกมาโดยไม่ต้องกังวลอะไร เธอเพียงแค่ต้องการความมั่นใจว่าคนที่เข้ามาในพื้นที่หลังกำแพงนี้ จะไม่ทำให้เธอเสียใจเหมือนคนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของกำแพงเพียงเท่านั้นเอง

    ชีวประวัติ : หากกล่าวถึงหญิงสาวนามว่า คามินาริ ริน ผู้มีรอยยิ้มที่งดงามและการร่ายรำอันยากแก่การละสายตา หลายคนอาจคิดว่าในวัยเยาว์ของเธอนั้นต้องเต็มไปด้วยเรื่องราวดีๆ และน่าอบอุ่นหัวใจ จึงส่งผลให้เธอมีไออุ่นอยู่รอบกาย แต่จะมีใครรู้เล่า ว่าอดีตของหญิงสาวนั้นไม่ได้ถูกโปรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป เธอพบเจอเรื่องราวมากมายจนน่าแปลกใจ ว่าทำไมยังมีรอยยิ้มจนถึงทุกวันนี้กัน?

    ► เรื่องเล่าจากพงไพร - หนึ่งชีวิตดั่งดวงตะวันที่แผดเผา หนึ่งชีวิตดั่งสายธารชโลมจิตใจ ◄

         วันที่ 7 เดือน 7 ต้นไผ่ใบสีเขียวอ่อนและแก่สลับกันไปถูกประดับตกแต่งด้วยกระดาษแผ่นยาวหลากสีสัน เมื่อสายลมพัดผ่านให้กระดาษขยับจะสามารถเห็นข้อความขอพรด้านใน บ้างขอให้สมหวังในความรัก บ้างขอให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่มีกระดาษสีแดงและสีเงินคู่หนึ่งบรรจงเขียนคำอวยพรไว้ด้านในว่า 'ขอให้คามินาริ เรียวโกะ และ คามินาริ ริน เติบโตขึ้นมามีสุขภาพร่างกายแข็งแรง' สองสามีภรรยาทอดสายตามองกระดาษอวยพรด้วยรอยยิ้ม ด้านหน้าคือเด็กหญิงวัย 4 ขวบผู้มีเรือนผมสีแดงดุจเปลวเพลิง และเรือนผมสีเงินดุจเพชรพลอย ส่งเสียงหัวเราะเริงร่ายามได้มองกระดาษหลากสีสันที่อยู่ตรงหน้า เด็กหญิงผู้เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์แผดเผามีนามว่า คามินาริ เรียวโกะ ฝาแฝดผู้พี่ เด็กหญิงที่ดุจสายธารชโลมใจมีนามว่า คามินาริ ริน ทั้งสองเติบโตขึ้นในครอบครัวที่อบอุ่น ประกอบไปด้วยบิดาและมารดาที่ให้ทั้งความรักและความเอาใจใส่เป็นอย่างดี แต่แฝดผู้พี่อย่างเรียวโกะนั้นจะเป็นที่พึงใจของมารดามากกว่ารินเสียอีก

         "หม่าม๊า! รินวาดรูปมา--"

         "เรียวโกะวาดรูปมาให้คุณแม่ด้วยล่ะค่ะ!" เสียงของเด็กหญิงวัย 5 ปีถูกกลืนหายไปด้วยเสียงที่ดังกว่าของแฝดผู้พี่ นางโผตัวเข้าไปหามารดาพร้อมรูปวาดต้นไผ่ที่สวยงาม เรียวโกะมีพรสวรรค์ในด้านนี้ซึ่งต่างจากเธอโดยสิ้นเชิง รินกอดรูปวาดนั้นไว้แนบอกโดยไม่ให้มารดาเห็น ซึ่งดูแล้วอีกฝ่ายก็ไม่สนใจใยดีเธอเลยแม้แต่น้อย แต่แล้ว ฝ่ามืออันอบอุ่นก็ได้ทาบลงบนเกศาสีเงินพร้อมลูบอย่างปลอบประโลม

         "ไหน วันนี้รินวาดอะไรให้ป๊ะป๋าดูเอ่ย?"

         "คุณกระต่ายบนดวงจันทร์ค่ะ!" น้ำเสียงเล็กแหลมมีชีวิตชีวาขึ้นทันที หันรูปวาดหาบิดาด้วยความภาคภูมิใจ แน่นอนว่าสิ่งที่ได้รับกลับมานั้นคือคำชมและความรักความอบอุ่นจากบิดาที่มากล้น เรียวโกะชำเลืองมองรอยยิ้มแห่งความสุขนั่นด้วยแววตาแข็งกร้าว ราวกับว่าแฝดผู้น้องได้แย่งความรักของบิดาไปจากตน

         ความสัมพันธ์ของพี่น้องฝาแฝดคู่นี้ไม่ค่อยราบรื่นนัก แม้รินจะแสดงออกว่ารักพี่สาวมากเพียงใด แต่อีกฝ่ายก็ยังทำตัวเฉยเมย ไม่ยอมพูดยอมจาอะไรด้วย อีกทั้งมารดาเองก็ไม่ได้สนใจอะไรเธอมากนัก เด็กหญิงเริ่มคิดสงสัย เธอทำอะไรผิดไปหรือเปล่า? ภายในบ้านหลังนี้แม้จะมีอยู่ด้วยกันสี่คน แต่เธอกลับรู้สึกอ้างว้างเหลือเกิน แม้จะมีบิดาเคียงข้างแต่ก็ไม่อาจทำให้รินรู้สึกว่าได้รับการเติมเต็มแม้แต่น้อย จนกระทั่งวันหนึ่ง

         "พาซอนแจมาเที่ยวที่นี่บ่อยๆ ได้นะแทยอน ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว" เสียงนุ่มทุ้มของบิดาดังเข้าโสตประสาทของเด็กหญิงที่นั่งวาดรูปอยู่ในห้องรับแขก เมื่อชะโงกหน้าไปมองก็พบกับเด็กชายที่ดูมีอายุมากกว่ากำลังมองมาทางนี้ เขาส่งยิ้มและโบกมือทักทายเธออย่างเป็นกันเอง ไม่นานเธอก็ได้รู้ว่า เขาคือซอนแจ บุตรชายของเพื่อนสนิทบิดา คนที่เธอเคยเจอเมื่อครั้งยังเป็นเด็กไม่รู้ความ

         "รินวาดรูปอะไรอยู่เหรอ?"

         "ต้นไผ่วันทานาบาตะน่ะค่ะ รินกับพี่เรียวโกะเกิดวันทานาบาตะ" เด็กหญิงกล่าวเสียงใส ยกกระดาษวาดรูปขึ้นมาให้อีกฝ่ายเชยชม ภายในรูปวาดมีสองสามีภรรยายืนเสียงคู่กัน พร้อมเด็กหญิงทั้งสองคนที่จับมือยิ้มแย้มกันอย่างมีความสุข

         "พี่ชายคนนี้จะมีโอกาสเข้าไปอยู่ในรูปวาดนั่นมั้ยนะ?"

         "พี่ชายก็คือครอบครัวของรินนะคะ!" เธอกล่าวออกมาแทบจะทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ พร้อมรีบก้มวาดเด็กชายลงบนภาพวาดอีกคน เรียกเสียงหัวเราะระคนเอ็นดูจากซอนแจได้อย่างดี ทั้งสองใช้เวลาร่วมกันมากกว่าพี่สาวในสายเลือดเสียอีก เวลาที่ซอนแจมาเที่ยวที่บ้านก็มักจะพกขนมเกาหลีมาให้เธอได้ลองชิมอยู่บ่อยครั้ง ได้กินของที่ไม่เคยกินมาก่อน ได้รู้เรื่องราวมากมายที่ไม่เคยได้ฟัง ความรู้สึกอ้างว้างของเธอก็ได้มลายหายไป

    ► เรื่องเล่าจากพงไพร - การลาจากที่มาโดยไม่ทันตั้งตัว ◄

         เมื่อรินอายุ 7 ปี เธอได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง แต่พี่สาวฝาแฝดของเธออยู่โรงเรียนอื่นด้วยเหตุผลบางอย่าง ยังดีที่โรงเรียนนี้ยังมีซอนแจอยู่ด้วย ทำให้เธอไม่รู้สึกเหงา ด้วยลักษณะภายนอกที่เสริมให้รินเป็นเด็กที่น่ารังแก จึงทำให้ในแต่ละวันเธอจะถูกเพื่อนในห้องแกล้งอยู่บ่อยครั้ง ทั้งนำกระเป๋าดินสอไปซ่อน นำขยะมาใส่ไว้ใต้โต๊ะเรียน เป็นเรื่องที่เด็กอายุ 7 ปีไม่ควรมาพบเจอเลยแม้แต่น้อย แม้จะเสียใจมากเพียงใดแต่รินก็ทำเพียงยิ้มรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น และไม่นำเรื่องนี้ไปบอกใคร เก็บมันไว้ในใจคนเดียวตลอดมา

         วันหนึ่ง ขณะที่รินกลับมาจากโรงเรียน ก็ได้ยินเสียงผู้เป็นมารดาดังออกมาจากห้องนั่งเล่น เมื่อรีบวิ่งไปดูก็พบกับข้าวของที่กระจัดกระจายไปทั่วพื้น เสียงมารดาที่กล่าวต่อว่าบิดานั้นไม่มีช่องว่างให้เธอได้แทรกอะไรขึ้นมาเลย เรียวโกะเองก็ยืนดูสถานการณ์เงียบๆ โดยไม่เข้าไปห้ามอะไร

         "เพราะนายมันน่าเบื่อแบบนี้ไง! ฉันถึงไม่เคยชอบนายเลย!!"

         "ม..หมายความว่ายังไงเคียวโกะ?"

         "ที่ฉันยอมแต่งงานกับนายนั่นก็แค่สงสาร!! นายยังไม่รู้อีกเหรอ ว่าคนที่ฉันชอบน่ะคือแทยอน! ฉันชอบเขามาโดยตลอด แต่เขาไม่สามารถเป็นของฉันได้อีกแล้ว!!" คำพูดนั้นบาดลึกลงในใจของรินจนแทบทรงตัวไม่อยู่ บิดาที่ได้รู้ความจริงว่าที่ผ่านมา ภรรยาของตัวเองชอบเพื่อนสนิทของเขามาโดยตลอด มองหญิงสาวด้วยดวงตาสั่นคลอน หญิงสาวผมสีเพลิงถอดแหวนแต่งงานออกพร้อมปามันลงพื้นไร้ซึ่งความอาลัยอาวร

         "พอกันที! ฉันจะไม่ทนอยู่กับนายอีกต่อไปแล้ว เรียวโกะ ไปเก็บของ! เราจะไปจากบ้านหลังนี้กัน!! ส่วนยัยรินนั่นน่ะ ฉันไม่ต้องการมัน!!" เรียวโกะพยักหน้ารับเงียบๆ มองฝาแฝดผู้น้องเพียงหางตาก่อนที่จะเดินตามมารดาไป รินรีบถลาตัวเข้าไปกอดแขนบิดาที่ทรุดตัวนั่งลงบนพื้น หยดน้ำสีใสไหลตามโครงหน้าอย่างน่าเวทนา 

         "ป๊ะป๋า..." เสียงเล็กของเด็กสาวสั่นคลอน น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้มันไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ส่งเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า โกหกตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แขนแกร่งทั้งสองโอบกอดร่างเล็กของลูกสาวไว้แน่น กดจมูกลงบนไหล่ที่สั่นไม่ต่างไปจากเขาเลยแม้แต่น้อย รินมองแหวนแต่งงานที่ตกอยู่บนพื้นก่อนที่จะยกแขนขึ้นโอบกอดแผ่นหลังที่เคยแข็งแกร่งเรื่อยมานั้นด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้

    "รินจะอยู่กับป๊ะป๋าเองนะคะ.."

         หลังจากที่ข่าวได้แพร่กระจายออกไปว่ารินนั้นถูกมารดาทิ้งไปแล้ว มันจึงทำให้การกลั่นแกล้งนั้นยิ่งทวีคูณความรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก ในทุกเช้าเธอมักจะพบกับโต๊ะเรียนที่มีข้อความเสียดสี ด่าทอต่างๆ นานามากมาย

         'ที่นั่งของลูกไม่มีแม่!!'

         'ว้ายยยย คนโดนแม่ทิ้ง!'

         'ได้ยินว่าแม่รักพี่สาวมากกว่าเหรอ'

         'สมน้ำหน้า!!'

         'อย่ามาทำตัวสำออยแถวนี้นะ ไอ้ลูกไม่มีแม่!!'

         รินมองข้อความพวกนั้นด้วยความไม่เข้าใจ ดวงตาสั่นคลอนทุกครั้งยามที่ได้อ่านตัวอักษรพวกนั้น ร่างกายสั่นเทิ้มพลางยกมือกอดตัวเองอย่างน่าเวทนา แต่ไม่นานก็มีแขนอันอบอุ่นโอบกอดเธอจากด้านหลัง ศีรษะถูกใช้เป็นที่วางคางของเด็กหนุ่มนามว่าซอนแจเป็นที่เรียบร้อย

         "ไม่ร้องไห้สิคนเก่ง รอยยิ้มเหมาะกับรินมากกว่าอีกนะรู้ตัวมั้ย?" คำกล่าวปลอบประโลมนั้นเป็นสิ่งที่ช่วยฉุดดึงเธอให้ขึ้นมาจากก้นเหวอันหนาวเหน็บ น้ำเสียงที่จริงใจและนุ่มลึกปัดเป่าความโศกเศร้าเสียใจออกไปเสียจนหมด ราวลมอุ่นฤดูร้อนที่พัดพาเมฆฝนให้เคลื่อนตัวออกไป รินปาดน้ำตาพร้อมหันกลับมาหาซอนแจด้วยรอยยิ้มกว้าง ทิ้งข้อความด้านลบต่างๆ นั้นไว้เพียงเบื้องหลัง

         หลังจากเกิดเรื่องราวนั้นได้ไม่นาน บิดาที่ยังคงมีอาการโศกเศร้าสร้างความเป็นห่วงให้กับคู่หูที่เป็นผู้ใช้อาวุธเป็นอย่างมาก นางชื่อว่า ซากิ หญิงสาวจาก AOD ✯ ACADEMY นางมักมาที่บ้านของรินเสมอ มาเพื่อดูแลบิดาให้หายจากอาการซึมเศร้า โดยที่ไม่ละเลยเรื่องการดูแลเธอด้วย เธอรู้สึกเหมือนได้รับความรักจากผู้ที่เปรียบเสมือนมารดาเป็นครั้งแรก มันคือสิ่งที่มารดาไม่เคยปฏิบัติกับเธอเลย ทั้งการยิ้ม การกอด หรือการชื่นชมภาพวาดของเธอ ซากิ ได้มาทำให้บ้านหลังนี้มีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง ดุจสายรุ้งที่ปรากฏหลังมรสุมผ่านพ้นไป

         "คุณน้าจะสอนรินรำเหรอคะ?!"

         "ใช่แล้วจ้ะ น้าเห็นแววในตัวหนูมาสักพักแล้ว เลยอยากสอนการร่ายรำให้กับรินน่ะ" เด็กสาววัย 8 ปีมีท่าทีกระตือรือร้นอย่างเห็นได้ชัด จ้องมองการร่ายรำของซากิที่งดงามและอ่อนช้อยไม่วางตา และเมื่อถึงคราวที่เธอต้องฝึกรำพัด ซากิก็จะสอนด้วยความใจเย็นและอ่อนโยนกับเธอให้มากที่สุด หลังจากกลับมาจากโรงเรียนเธอก็มักจะฝึกซ้อมการร่ายรำอยู่ภายในห้อง โดยมีซากิมาช่วยแนะแนวอยู่เป็นประจำ ทำให้ทั้งสองสนิทกันราวกับแม่ลูกในสายเลือดจริงๆ

         "เป็นยังไงบ้างคะพี่ชาย!" รินกล่าวถามขึ้นเมื่อการแสดงร่ายรำภายในห้องรับแขกจบลง เสียงปรบมือจากซอนแจดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มชื่นชมในความสามารถของผู้เป็นน้อง

         "แบบนี้ถ้ารินโตขึ้นก็มาเป็นผู้ใช้ของพี่ได้สินะ" ซอนแจมีร่างกายบางส่วนที่สามารถกลายเป็นอาวุธได้ เขาคือพัดฮาริเซนหรือก็คือพัดตบมุก ซึ่งน่าจะเข้ากันได้ดีหากนำมาผสมผสานกับการร่ายรำของเธอ รินได้กล่าวคำมั่นสัญญาออกไปว่าหากตนคือผู้ใช้อาวุธ ก็จะขอจับคู่เป็นคู่หูของซอนแจเพื่อตอบแทนี่เขาดูแลเธอเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ชีวิตของรินดีขึ้นตามลำดับ การกลั่นแกล้งที่โรงเรียนไม่ส่งผลกระทบต่อเธอมากนัก เพราะซอนแจมักจะออกมาปกป้องเธอเสมอ ทำให้มีหลายคนที่ไม่กล้าแกล้งเธอไปอีกสักพักใหญ่เลยทีเดียว

    แน่นอนว่า เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปรวดเร็วเสมอ

         รินในวัย 9 ปี ได้สูญเสียคนสำคัญไปอย่างไม่มีวันหวนคืน วันนั้น เศษเสี้ยวของฮายามาสะกลับมาอาละวาดใน AOD เพื่อหวังจะช่วยร่างจริงของตัวเองออกไป พลังของมันแกร่งกล้าขึ้นมาก ทำร้ายผู้คนไปมากมาย ถึงแก่ความตายก็มี ซากิและบิดาของซอนแจต้องออกไปยับยั้งการรุกรานของเศษเสี้ยวชั่วร้ายนั่นก่อนที่ทุกอย่างจะแย่ไปกว่านี้ ราวกับฟ้ากลั่นสวรรค์แกล้งทำให้ในยามนี้ผอ.และพ่อของรินต้องออกเดินทางไปต่างประเทศโดยไม่ทราบข่าวใดๆ จากทางนี้เลย ซากิได้มอบต่างหูกลีบซากุระแก่ริน ราวกับว่ารู้ชะตากรรมของตัวเองดี

    ใช่ ซากิและแทยอน ได้สละชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยเมืองแห่งนี้ไว้

         ผอ.และบิดาของรินกลับมาทันทีที่ได้รับข่าว ทั้งสองร่วมมือกันและขับไล่เศษเสี้ยวฮายามาสะออกไปได้สำเร็จ แต่ก็ต้องพบกับการสูญเสียครั้งใหญ่ อุคิโยะรุ่นที่ 20 และผู้ใช้ฝีมือดีระดับ 3 ดาวได้สละชีวิตตัวเองเพื่อช่วยทุกคนไว้ รินมองร่างอันไร้วิญญาณของซากิที่อยู่ตรงหน้าด้วยดวงตาสั่นคลอน มือเล็กกำต่างหูกลีบซากุระไว้แน่นก่อนที่จะทรุดนั่งลงและปล่อยเสียงร้องไห้น่าเวทนาออกมาอย่างไม่ปิดบัง หญิงสาวผู้เปรียบเสมือนแม่คนที่สองของเธอได้จากไปโดยไม่มีวันหวนกลับ บิดาของเธอได้รับตำแหน่งอุคิโยะรุ่นที่ 21 และได้รับเลี้ยงซอนแจวัย 11 ปีที่กำพร้าพ่อแม่มาอยู่ในการดูแลของเขา ส่งเสริมเด็กทั้งสองให้เรียนอย่างสุดกำลัง ซึ่งเธอเองจะมานั่งเสียใจกับเรื่องในอดีตไม่ได้ เธอต้องยืนหยัดและก้าวต่อไป 

    ► เรื่องเล่าจากพงไพร - บทสรุปของสายธารชโลมใจ ◄


         รินเติบโตมาพร้อมกับซอนแจโดยมีบิดาเลี้ยงดูทั้งสองเพียงลำพัง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกว่าขาดความรักความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย จากเด็กสาวกลายเป็นหญิงสาววัย 18 ปีที่เข้มแข็ง ไม่เผยความเสียใจให้ใครเห็น แม้จะถูกรังแกที่โรงเรียนแต่เธอก็พร้อมที่จะยิ้มรับมันเพื่อรอให้อีกฝ่ายเบื่อไปเอง หรือไม่ก็อาจจะมีซอนแจในวัย 20 ที่มักตามมาสอดส่องอยู่เสมอว่ามีใครรังแกเธอหรือไม่ ด้วยความที่เติบโตมาด้วยกันทำให้ความสนิทกันนั้นยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น เสียจนซอนแจเคยหลุดกล่าวประโยคหนึ่งออกมา

         "เด็กที่น่ารักน่าทะนุถนอมในตอนนั้นหายไปไหนแล้วนะ"

         มันเป็นคำกล่าวเชิงประชดประชันอย่างชัดเจนแต่รินก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร มันคือเรื่องจริงที่นิสัยของเธอต่างจากวัยเยาว์ไปมาก และกำลังพยายามพิสูจน์ว่าสามารถดูแลตัวเองได้ เมื่อเรียนจบในระดับชั้นม.ปลาย รินและซอนแจได้เข้ารับการศึกษาที่ AOD ✯ ACADEMY และเป็นคู่หูกันตามคำมั่นสัญญา ที่ตอนนี้รินเริ่มคิดแล้วว่าเธอต้องสติไม่ดีไปแล้วแน่ๆ ที่เลือกพัดตบมุกมาเป็นอาวุธ

         "ซอนแจ ทำไมนายถึงไม่เป็นอาวุธที่เท่กว่านี้กันนะ"

         "นี่คำว่า พี่ หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?"

         "อย่ามาเปลี่ยนเรื่องน่า ช่วยทำให้ตัวเองกลายเป็นพัดที่เท่เหมือนชาวบ้านเขาหน่อยได้มั้ย" รินเริ่มขมวดคิ้ว

         "ไม่เอาอะ แบบนี้ก็ดีออก แทงค์ดาเมจยังไงล่ะ" รินนิ่งเงียบให้กับคำตอบของคู่หูองตน มองชายหนุ่มด้วยสายตาเรียบเฉย ถ้าไม่ติดว่าที่นี่คนเยอะเธอต้องได้หยิบพัดที่ใช้ในการร่ายรำออกมาเคาะหัวอาวุธของตัวเองแน่นอน 

    เรื่องราวของผู้ใช้อาวุธสาว คามินาริ ริน กำลังจะเริ่มขึ้นนับจากนี้

    ► เรื่องเล่าจากพงไพร - END ◄



    งานอดิเรก : พับดาวกระดาษ

    สิ่งที่ชอบ : × ดอกไม้ [ กลิ่นหอมช่วยให้ผ่อนคลาย ]
    × ขนมหวาน [ ช่วยให้หายเครียดหรือคิดมากได้ ]
    × สัตว์ที่มีขนนุ่มนิ่ม [ จับแล้วนุ่มสบายมือ บางครั้งก็เอามาหนุนนอน ]

    สิ่งที่ไม่ชอบ : × กลิ่นน้ำหอมแรงๆ [ จะทำให้เวียนหัว ปวดหัวได้ ]
    × อากาศร้อน [ เหงื่อออกแล้วไม่สบายเนื้อสบายตัว ]
    × คนที่ปฏิบัติตัวไม่ดี ทั้งต่อเธอและต่อคนที่เธอสนิทด้วยหรือรู้จัก
    × สัตว์เลื้อยคลาน [ ออกไปทางกลัวมากกว่า ]

    สิ่งที่แพ้ : × สตรอเบอร์รี่ [ กินแล้วอาจทำให้มีอาการเมาคล้ายดื่มแอลกอฮอล์ ]

    เพิ่มเติม : × ตัวติดกับซอนแจมาก เคยเรียกซอนแจว่าพี่ชาย หรือพี่ซอนแจ แต่เมื่อจบม.ปลายแล้วก็เรียกเพียงซอนแจอย่างเดียว
    × ค่อนข้างใจอ่อนกับคนที่อายุน้อยกว่า กับคนที่อายุมากกว่าก็จะแสดงความเคารพไม่ก้าวล้ำเส้น
    × พกปากกาติดตัวไว้เสมอ เอาไว้ใช้(เสี่ยงดวง)นำทางตอนที่หลงทาง
    × รินพับดาวกระดาษใส่ไว้ในขวดใสรูปดาวอยู่เสมอ โดยดาวกระดาษที่เลือกพับจะเป็นสีฟ้า และขวดโหลดาวกระดาษสีแดงคือการนับจำนวนโยไคที่เธอเก็บมาได้
    × รินค่อนข้างที่จะโกรธยาก หรือโกรธแล้วคนอื่นก็มองไม่ออก จึงไม่ค่อยเห็นท่าทีแข็งกร้าวของเธอนัก
    × อาศัยอยู่ภายในหอพักของโรงเรียน แต่ก็มีบ้านอยู่ในเมืองนี้เช่นเดียวกัน
    × รินเคยพยายามช่วยคนที่กำลังจะฆ่าตัวตายเมื่อครั้งยังเด็ก แต่เธอกลับได้รับเพียงคำด่าทอกล่าวว่าต่างๆ นานากลับมาจากปากผู้หญิงคนนั้น จนเป็นเรื่องฝั่งใจว่าหากอีกฝ่ายไม่ได้ขอความช่วยเหลือ เธอก็จะไม่เข้าไปยุ่งเด็ดขาด
    × ครอบครัวของริน
              - คามินาริ เคียวโกะ [ 39 ปี ] มารดาของรินที่หย่าร้างกับบิดาไป ปัจจุบันไม่รู้ว่าเป็นตายรายดีอย่างไรบ้าง [ PIC ]
              - คามินาริ เรียวโกะ [ 22 ปี ] พี่สาวฝาแฝดของริน แยกทางไปกับมารดา ไม่รับข่าวคราวใดๆ กลับมาเลย [ PIC ]
              - คามินาริ เคย์ยะ [ 42 ปี ] บิดาผู้เป็นอุคิโยะรุ่นที่ 21 แห่งสถาบัน AOD ดูแลเธอและซอนแจเพียงลำพังมาตั้งแต่เด็ก [ PIC ]
              - ยากิมาวะ ซากิ [ --- ] คุณน้าที่สอนการร่ายรำให้กับเธอ เธอรักและเคารพอีกฝ่ายเหมือนแม่คนที่สอง ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว [ PIC
    × แม้จะไม่ได้เจอมารดาและแฝดผู้พี่มานานแต่เธอยังจำใบหน้าของทั้งสองได้เป็นอย่างดี
    × รินมีความสามารถในการร่ายรำพัด มักฝึกซ้อมอยู่เสมอเวลาว่างและอยู่คนเดียว เธอยังไม่พร้อมให้ใครดูการร่ายรำของตนมากนัก


    ลักษณะคำพูด : คามินาริ ริน มีน้ำเสียงที่ออกไปทางหวานแต่ก็ยังแฝงไปด้วยความเป็นสาวโตเต็มวัย มีความนุ่มสบายหูยามได้ฟัง แต่ในอารมณ์ที่ต่างกันเธอก็มักจะมีน้ำเสียงต่างกันไปด้วย [ Ex. ]

         [ สถานการณ์ที่ 1 : ยามปกติ ] → น้ำเสียงของเธอจะอ่อนหวาน นุ่มละมุน เรียกแทนตัวเองว่า ฉัน กับคนรู้จักจะเรียกว่า เธอ นาย หรือชื่อของอีกฝ่าย หากไม่สนิทจะเรียกว่า คุณ เท่านั้น

         " ฉัน คามินาริ ริน ผู้ใช้อาวุธระดับ 1 ดาวจากห้อง A อยากจะมาขอความร่วมมือของทุกคนหน่อยนะ"

         "ไม่ต้องคิดมากไปหรอกน่า การสอบครั้งนี้เธอจะต้องทำได้ดีแน่ๆ มั่นใจในตัวเองหน่อยสิ"

         "นายไม่ต้องมารายงานฉันทุกสถานการณ์ก็ได้ว่าจะไปไหนหรือทำอะไร"

         "ถ้าคุณมีอะไรให้ฉันช่วยล่ะก็ สามารถบอกมาได้เลยนะคะ"

         "...ต้องใช้วิธีโยนปากกาอีกแล้วสินะ" เมื่อหลงทางน้ำเสียงของเธอจะออกไปแนวเบื่อหน่ายกับตัวเองหรือบางทีก็แสดงความเลิ่กลั่กออกมาอย่างเห็นได้ชัด


         [ สถานการณ์ที่ 2 : ยามสนทนากับคนที่อายุน้อยกว่า ] → น้ำเสียงของรินจะอ่อนนุ่มขึ้นอีกเล็กน้อย มักส่งยิ้มให้คู่สนทนาเสมอเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายกลัวเธอ จะเรียกแทนตัวเองว่า ฉัน หรือ พี่ ตามรูปประโยคและสถานการณ์ และเรียกอีกฝ่ายว่า เธอ หรือ หนู

         "เธอหลงทางอยู่เหรอ? ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าคุณแม่ของเธอจะมารับเอง"

         "โอ๋ๆ ไม่ร้องไห้นะคะ ความเจ็บเอ๋ยจงบินออกไป! เท่านี้หนูก็หยุดร้องไห้ได้แล้วน้า"


         [ สถานการณ์ที่ 3 : ยามสนทนากับคนที่ไม่สนิทหรืออายุมากกว่า ] → น้ำเสียงของเธอจะไม่ต่างไปจากยามปกติมากนัก แต่จะมีความเรียบนิ่งมากขึ้นและเว้นระยะห่างไว้พอประมาณ

         "มาขอให้ฉันช่วยทำสรุปก่อนสอบเหรอคะ? ไม่มีปัญหาค่ะ แต่จนกว่าฉันจะทำสรุปเสร็จกรุณาอย่ามารบกวนจะเป็นการดีที่สุดนะคะ"

         "ถ้าคุณเดินไม่ระวัง อาจจะตกหลุมตรงนั้นได้นะคะ อา...ฉันคงเตือนช้าไปสินะ"


         [ สถานการณ์ที่ 4 : ยามที่เธอแสดงอารมณ์ต่างๆ ออกมา ] ในอารมณ์โกรธน้ำเสียงของรินจะแข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อย ทั้งดวงตาที่จดจ้องมองอยู่ไร้ความอ่อนโยนจนน่าตกใจ แต่ในยามเศร้าเธอมักจะหลบสายตาผู้อื่น และเบาเสียงตัวเองลงไปมาก

         "ฉันไม่รู้หรอกนะคะว่าคุณต้องการอะไรถึงทำแบบนี้ แต่การกระทำของคุณ...ฉันจะไม่มีวันให้อภัยเด็ดขาด!"

         "ไม่เป็นไรหรอกซอนแจ อย่าไปถือโทษโกรธเธอเลย ทุกอย่างที่เธอพูดมันเป็นความจริงทั้งหมด ฉันมันไม่มีแม่นี่นา.."


         [ สถานการณ์ที่ 5 : ยามสนทนากับคนที่สนิทมากๆ หรือครอบครัว ] เธอมักจะแทนตัวเองว่า ริน ทุกครั้งด้วยความเคยชิน น้ำเสียงจะออกไปทางออดอ้อนเล็กน้อยไม่ให้ตัวเองดูเด็กเกินไป

         "ป๊ะป๋า~! คะแนนสอบออกแล้วล่ะค่ะ! รินได้ Top Three ด้วยนะคะ!"

         "พี่ซอนแจ...รินอยากกินขนม ซื้อขนมให้รินหน่อยนะคะ" ตัวอย่างประโยคนี้เปรียบเสมือนกลอุบายให้ซอนแจซื้อขนมให้ เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องใช้เงินตัวเอง แต่ปกติแล้วก็มักจะแทนตัวว่า ฉัน และเรียกอีกฝ่ายว่า ซอนแจ เพียงอย่างเดียว
         

    SNAP
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×