ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ร้าน ณ ดินเเดนโบราณ

    ลำดับตอนที่ #10 : เลือกหา

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ค. 67


    คล้อยหลังมาเธอได้แวะเวียนเข้าบรรดาร้านค้าเพื่อเลือกหาวัตถุดิบสำหรับน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรเด็ด แม้จะเป็นเวลาเที่ยงวัน เเต่ตัวตลาดยังคงคึกคักไปด้วยผู้คน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเเสงอาทิตย์สาดส่องก็จริงอยู่ ทว่าสายลมเย็นๆ มักพัดพาไอเย็นห้อมล้อมอยู่เสมอ 

    น่าแปลกนักหลายร้านที่เธอเวียนแวะ ครั้นก็ไร้เศษเลี้ยวของเกลือที่ต้องการ แม้ผลึกเกลือฝนเองก็ไม่มีขาย หรือว่าเกลือจะเป็นสินค้าควบคุมเช่นที่เถ้าแก่ร้านกล่าว และที่นี่จะใช้อะไรดีละ เพื่อให้รสเค็ม เผ่ย คิดสิคิด เธอเดินไปเดินมาอยู่ครู่ใหญ่พยายามเค้นสมองน้อยนิดที่มี

    อันนี้ดีไหมน้า ไม่เอาๆ อันนี้ล่ะ ไม่ได้ๆ ตกลงใช้อะไรดี อืม...

    “อ่ะ ใช่เเล้ว เกี๊ยวทอด น้ำซอสจิ๊กโฉ่วไงล่ะ” จิ๊กโฉ่วทำมาจากถั่วเหลืองหมักและมีรสเค็ม หากเป็นสิ่งนั้นเธอเจอมาหลายร้านนัก มิหนำซ้ำเเทบทุกร้านเรียกได้ว่าคือส่วนประกอบราคาถูก เพียงชั่งละหนึ่งเหวิน

    เมื่อคิดได้เช่นนั้น เธอจึงมุ่งตรงไปยังร้านขายโต้วเจียง [1]ที่ตั้งอยู่เยื้องร้านบะหมี่สดด้านหน้าทันที เพื่อขอซื้อกากที่เหลือจากการบดมาหมักไหเป็นจิ๊กโฉ่วต่อไป ซึ่งเธอได้มาในราคาต่ำกว่าการซื้อเมล็ดถั่วเหลืองเสียอีก คราเเรกเถ้าแก่ไม่คิดจะขายให้เด็ดขาด เพราะเกรงว่าจะใช้ประโยชน์อันใดไม่ได้ ทว่าเมื่อทำการค้าเช่นไรก็ต้องเห็นเม็ดเงิน เธอจะเอามาเปล่าๆ ก็อันใดอยู่ จึงได้หว่านล้อมและตกลงกันในราคาสิบชั่งต่อห้าเหวิน

    และตอนนี้ก็เหลือเพียงรสหวานและความเผ็ด ที่หาได้จากร้านตรงข้าม ป้ายร้านเซียงเลี่ยวเด่นเป็นสง่า ร้านขนาดกลางที่ครบเครื่องเรื่องเครื่องปรุงของย่านตลาดตามคำบอกกล่าวของคนขายโต้วเจียง

    เธอเข้ามาภายในร้านประจวบกับเวลาพักของเสี่ยวเอ้อพอดี จึงเหลือเพียงหลงจู๊เฝ้าหน้าร้าน ซึ่งเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเธอไม่ได้เดินเลือกหาอย่างที่เป็น เเต่เลือกที่จะเอ่ยถามออกไปขณะที่เขากำลังยืนคิดบัญชีอยู่หลังโต๊ะสูง “ท่านหลงจู๊  น้ำตาลกับพริกขายเช่นไรหรือเจ้าคะ”

    “ชั่งละสิบเหวิน” แม้จะกล่าวตอบมา หากเเต่เขายังคงก้มหน้าพลิกกระดาษบัญชีไปมากอปรกับมือที่ดีดบนลูกคิดอยู่เนืองๆ ไม่แม้เเต่เหลือบมองลูกค้าเช่นเธอ

    “ห๊า ! ! เเพงชิบ” เธอตกใจจนสบถดังทั่วร้าน เป็นผลให้มือที่ขยับขึ้นลงตลอดเวลาหยุดชะงัก พร้อมด้วยใบหน้าที่เงยขึ้นมาตามเสียง กระทั่งแววตาดุๆ ได้จ้องเขม็งมายังเธอ ซึ่งคงอ่านได้ว่าจะซื้อหรือไม่หากไม่ซื้อก็ออกไป เกะกะเสียงดัง รบกวน มันต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน ดูจากสายตาก็พอจะคาดเดา

    “เอ่อ ! งั้นข้าเอาอย่างละครึ่งชั่งเเล้วกันเจ้าค่ะ” เเห่ะ เเห่ะ ! ! เธอยิ้มเเห้งๆ อย่างกระดากอาย พยายามทำตัวลีบเล็กที่สุด หวังว่าเขาจะมองข้ามไป ทำไงได้ ก็มันแพงนี่นา เธอซื้อเมล็ดพันธุ์ไปหว่านๆ แบบเรื่องอื่น น่าจะคุ้มกว่าเสียอีก แม้จะบ่นอยู่ภายในใจ เเต่เมื่อมาเเล้วก็ควรที่จะติดมือติดไม้กลับไปนิดหน่อย หากคราหน้าเธออยากเฉียดใกล้ร้านนี้อีก 

     สรุปแล้ววันนี้เธอได้ของมาหลายชั่งรวมกัน ทำให้กากถั่วเหลือง น้ำตาล และพริกเเห้งทั้งหมดจ่ายด้วยจำนวนเงินสิบห้าเหวิน “จะว่ามากไปหรือน้อยไปดีล่ะ เอิ่ม !” เหลือเพียงสิบเจ็ดเหวิน เเล้วหนี้ที่เธอมีอย่างสามตำลึงเงิน...มันห่างไกลอีกเท่าไรกัน

    เวลานี้เธอรู้เพียงว่าเงินในมือเป็นมูลค่าอันพอเหมาะต่อฐานะของเธอตอนนี้เป็นอย่างมาก หากไม่มีหนี้สินติดตัวที่จำต้องเร่งหาเงินล่ะก็

    เนื่องด้วยภายหลังจากการเดินหาซื้อเกลือ ทำให้เธอได้เรียนรู้สิ่งหนึ่งคือ  เหวินเป็นค่าเงินที่ย่อมเยาที่สุดของที่นี้ และหากสูงขึ้นมาอีกขั้นนั่นคือหนึ่งพันเหวิน เพราะมันเทียบเท่าการซื้อบะหมี่ได้หลายร้อยถ้วย เรียกได้ว่า หนึ่งกว้าน[2]  ใช้เชือกห้อยเเบบที่เห็นได้ทั่วไป ด้วยขึ้นอยู่กับการกำหนดของร้านค้าเเต่ละแห่งนอกเหนือสินค้าควบคุมที่ทางการถ่วงดุลปริมาณอย่างเกลือทะเล ซึ่งก็คงมีเพียงจวนขุนนาง เหล่าคหบดีหรือพวกพ่อค้าอันร่ำรวยที่จะเอื้อมถึง

    และนี้เธอจะต้องมีสักอีกกี่เหวินกันล่ะ...เผ่ยเอ่ย !! ถึงจะเพียงพอต่อหนี้สินที่เธอไม่รู้ว่าหยิบยืมไปตอนไหน


     


    [1] 豆浆 :โต้วเจียง / น้ำเต้าหู้

    [2] 贯/吊 : [กว้าน/เตี้ยวเป็นคำใช้เรียกค่าเงินเมื่อครบ 1 พันเหวิน (文)หรือที่เรียกกันว่าอีเเปะ โดยจะมีการร้อยโดยเชือกผ่านรูตรงกลาง เพื่อในการใช้จ่ายที่ง่ายและสะดวก ซึ่ง 1 เชือกร้อย จะมี 1 พันเหวิน และมีการเปลี่ยนแปลงจำนวนเหรียญที่ไส่ตามแต่ราชวงศ์นั้นๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×