คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : b l a z e howel †
ชื่อ-นามสกุล: เบลซ โฮเวล || Blaze Howel
ชื่อเล่น: เบลซ || Blaze - ทุกคนเมื่อรู้จักเธอ ก็จะเรียกว่า "เบลซ" ในทันที รวมกับเจ้าตัวไม่ได้คิดอะไรมากมาย แน่นอนสิ เบลซมันสั้นและรวดเร็วฉับไวกว่านามสกุลของเธออีก
ความหมายชื่อ:
Blaze - เปลวไฟ
Howel - มีชื่อเสียง
《 Blaze Howel - "ชื่อเสียงของหญิงสาวผู้โชติช่วงเสมือนเปลวเพลิง" 》
สัญชาติ/เชื้อชาติ: อเมริกัน / อเมริกัน
อายุ: 25 years old
ส่วนสูง/น้ำหนัก: 177.7 / 65.1
รูปลักษณ์โดยรวม:
เพียงกล่าวถึงชื่อของหล่อน แวบแรกที่ทุกคนได้ยินชื่อของ "เบลซ โฮเวล" แนวหน้าของทีม คงนึกว่าคงจะเป็นหนุ่มร่างกำยำ พละกำลังมหาศาล หากแต่เปล่าเลย หล่อนก็คือหล่อน เป็นผู้หญิงที่มาพร้อมบุหรี่ในมือ มีกลิ่นคละคลุ้งของบุหรี่ที่ชวนให้รู้สึกเวียนหัว และนอกจากกลิ่นของบุหรี่ก็มีกลิ่นของแอลกอฮอล์ปะปนอยู่ในอากาศ อ่า ใช่ อย่าหวังว่าเธอจะมีกลิ่นหอมหวลน่าพิศมัยเลย เธอไม่ได้มีกลิ่นหอมของดอกไม้ แชมพู น้ำหอมอะไรทั้งนั้น ถ้าไม่ได้กลิ่นของแอลกอฮอล์หรือควันบุหรี่... ก็คงเป็นกลิ่นตัวอับๆจากการไม่ค่อยชอบอาบน้ำของเธอก็ได้ เป็นผู้หญิงตัวสูง รูปร่างปกติอยู่ในเกณฑ์ สุขภาพดี ไม่ได้ดูผอมแห้งแรงน้อยแต่อย่างใด เธอมีร่างกายที่แข็งแรง เธอมีกล้ามเนื้อหน้าท้องที่บ่งบอกถึงร่างกายที่มีสุขภาพดีและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ ตัวเบลซนั้นมีมือที่หยาบกร้านจากการทำงาน หยิบจับ อาวุธ รวมไปถึงการต่อสู้ ทำให้มือของเธอไม่ได้นุ่มนิ่มเหมือนสาวๆทั่วไป
เบลซน่ะ เป็นหญิงสาวผู้สวยเฉี่ยวคม มีดวงตาดุร้ายเหมือนสัตว์ป่า เธอมีแววตาที่ดุดัน ดูไม่น่าคบหาเสียเท่าไรนัก เพียงเธอตวัดสายตามองก็ดูเหมือนถูกสาป มันมีทั้งความดุดัน กดดัน กระหายอะไรสักอย่าง แม้ว่า เป็นดวงตาน้ำเงินแต่กลับรุ่งโรจน์ประหนึ่งเปลวไฟสีน้ำเงินและไม่อาจอ่านออกว่ากำลังรู้สึกอะไร เพราะถึงอ่านออก ก็คงเห็นแต่อารมณ์ขุ่นมัวและหงุดหงิดเท่านั้นแหละ แต่นั่นก็เป็นเสน่ห์ของหล่อนที่ตราตรึงใจคนได้อยู่แหละนะ ให้ตายสิ - เบลซมีเรือนผมยาวถึงอกเส้นผมสีดำขลับเข้มจนกลืนไปกับกลางคืน แน่นอน มันสะดวกต่อการทำภารกิจมากๆเลยล่ะ กระนั้นเบลซไม่ใช่คนที่จะดูแลถนอมเส้นผมของตัวเองแต่อย่างไร ผมของเธอแห้ง หยาบ ไม่นุ่มมือ ไม่ได้รับการหมั่นดูแลแบบที่ควรจะเป็น เอาเถอะ อย่างน้อยๆกลิ่นเหล้าและบุหรี่พวกนั้นก็ช่วยกลบกลิ่นพวกนี้ได้...ล่ะมั้ง?
เนื้อตัวของหล่อนมักประดับด้วยรอยแผลเป็นที่ไม่สามารถลบล้างให้หายไปได้ จะแผลบาดเจ็บจากการทำภารกิจ หรือ แผลจากการถูกผ่าตัดในสมัยวัยเยาว์ก็ดี
การแต่งกายของเบลซนั้น ก่อนอื่นทุกคนต้องทำความเข้าใจว่าเธอไม่มีเซ้นส์ด้านแฟชั่นแต่อย่างใด การแต่งกายของเธอซ้ำซาก หรือก็คือ ชุดเดิมสามวันก็ได้ เธอเป็นสาวโนบรา เกลียดและอึดอัดกับการสวมบรา เอาเป็นว่า ใครที่หนักหัวหรือรับไม่ได้กับเรื่องแบบนี้ คนนั้นช่วยพิจารณาตัวเองนะ เบลซชอบสวมเสื้อยืดธรรมดาๆทับด้วยเสื้อกันหนาวสีเข้ม (น้ำเงิน ดำ) ตามด้วยกางเกงวอร์มขายาวดูธรรมดา และสวมรองเท้าผ้าใบ ไม่มีเครื่องประดับอะไรเพิ่มเติมแม้แต่น้อย
ลักษณะการพูดจา:
เป็นมนุษย์เสียงแหบพร่า ดูหงุดหงิดตลอดเวลา อีกทั้งชอบทำหน้าทำตาคล้ายไม่สบอารมณ์ตลอดเวลา ลักษณะคำพูดที่เห็นมักจะเป็นคำพูดแนวขวานผ่าซาก ไม่เห็นอกเห็นใจ น้ำเสียงกรรโชกโฮกฮาก ดูเกรี้ยวกราดสามมื้ออาหาร จนดูเหมือนคนโกรธ โมโห อารมณ์เสียตลอดเวลา - แต่จริงๆก็อ่า ก็โมโหตลอดเวลาน่ะแหละ แถมยังเป็นมนุษย์ออกไปทางพูดไม่เก่ง คำพูดคำจาไม่เหมาะกับการเข้าสังคม ทำให้ตัวหล่อนน่ะยิ่งเป็นหญิงสาวที่ไม่เหมาะกับการเสวนาเลยสักนิด เบลซนั้นมักจะแทนตัวเองว่า "ฉัน" ไม่ว่าอีกฝ่ายจะอาวุโสกว่าหรือเป็นเพื่อน เป็นน้อง สรรพนามในการเรียกคู่สนทนามีหลากหลายตามอารมณ์ที่แปรปรวนของตนเอง กับ คนอายุน้อยกว่าหรืออายุพอๆกัน เบลซก็เรียก "แก" หรือไม่ก็ "นามสกุล" - อ่า แต่กับพวกผู้ใหญ่ก็เรียก "นามสกุล" อยู่ดีน่ะแหละ เรียกห้วนๆ แต่กับใครที่นับถือและให้เกียรติ หล่อนก็จะเรียกเขาว่า "คุณ(นามสกุล)" หรือ ชื่อที่อีกฝ่ายต้องการให้เธอเรียก อันเบลซนั้นไม่ชอบลงท้ายหางเสียง เนื่องจากรู้สึกคันยุบยิบไปหมดหากต้องลงท้ายเสียงว่าคะ ค่ะ || ทั้งนี้ปัจจุบันใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารกับคนอื่นๆ แต่ภาษาอังกฤษของหล่อนน่ะ ต้องบอกเลยว่า เป็นสำเนียงอเมริกัน
ยกประโยคสนทนา ♤
Ex.1 》
"ภารกิจวันนี้น่ะ เฮงซวย" หล่อนโวยออกมาก่อนจะกระแทกแก้วลงไปไม่ต่างจากทุกครั้งที่รู้สึกว่าการทำภารกิจมันไร้ความท้าทายและไม่มีความตื่นเต้นเกิดขึ้น ของเหลวกลิ่นเป็นเอกลักษณ์กำลังไหลลงคอของหล่อน - ขณะเดียวกันที่สายตาทอดมองไปยังเด็กใหม่แกะกล่องที่เข้ามาในหน่วย ใบหน้าที่ขึ้นสีแดงเพราะฤทธิ์สุราเอ่ยริมฝีปากของตนถาม "มีอะไรก็พูดมาสักทีสิวะ ไอ้หนู"
เจ้าของสรรพนามว่า ไอ้หนู คิ้วกระตุกคล้ายไม่พอใจกับวาจาของหล่อน ดูก็รู้ว่าเบลซจงใจเรียกเขาที่ตัวเล็กกว่าหล่อนอีกทั้งยังอายุน้อยกว่า "รุ่นพี่โฮเวลครับ...ดื่มมากไปแล้วนะครับ"
ไอ้ถ้อยคำเป็นห่วงน่ะ ยิ่งทำให้คนเมาขาดสติกว่าเดิมเสียอีก
"แล้วไง?"
หล่อนเงยขึ้นมา จ้องตาสีฟ้าผ่านแสงไฟของสถานที่ที่สาดส่องมา เป็นถ้อยคำชวนหาเรื่องก่อนจะตัดบทของธีโอดอร์ไปแทบจะทันที "ว่างมากนักก็มาช่วยฉันจุดบุหรี่"
Ex.2 》
"ปวกเปียก"
นั่นเป็นคำพูดจากใจหลังหลุดปากใส่เด็กใหม่คนล่าสุดที่เข้ามาในซองเดอโรสและถูกหัวหน้าสั่งให้ทำงานร่วมกับหล่อนในการเป็นสายเข้าไปสืบหาความลับ - และคำติชมจากเสียงแหบพร่าสำเนียงอเมริกัรของหล่อนก็ทำให้เด็กใหม่ขวัญเสียไปมากกว่าการทำภารกิจ
ซึ่งนั่นเป็นทีท่าที่หล่อนไม่ชอบเอาเสียเลย ปวกเปียก ไม่ได้ความเลยจริงๆ
"เดินสิพ่อคุณ ชักช้าฉิxหาย"
เอาอีกแล้ว - หล่อนเผลอหยาบคายแสดงอาการหัวเสียออกไปอีกแล้ว
ว่าก็ว่าเถอะ คนชักช้านี่มันโคตรน่ารำคาญเลย
ใครมันจะไปทน
"ถ้ารอบนี้แกยังช้ากว่าฉันอีก ฉันจะจับแกโยนออกไปให้ไอ้พวกนั้นกระทืบแน่"
หล่อนขู่
หลังจบภารกิจ , เด็กใหม่คนนั้นก็ทำเรื่องขอย้ายและหายไปอยู่ที่แผนกอื่น
Ex.3 》
"นี่ ขอร้อง ช่วยฟังกันหน่อยเถอะ คุณโฮเวล"
หล่อนเดาะลิ้นหลังได้ยินคำขอร้องจากใครสักคนที่หล่อนไม่สนใจจะจำชื่อว่าอีกฝ่ายคือใคร ใบหน้านิ่งสนิทก้มมองลงนิตยสารรถที่ตัวเองพึ่งได้รับมา - เจ้าของเสียงเมื่อครู่สูดลมหายใจเข้าปอด เริ่มไม่แน่ใจว่าจะเริ่มหาทางคุยกับหล่อนยังไง
ก็เบลซ โฮเวล ดูไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าเขากำล้งจะพูดอะไร ให้ตายสิ น่าเป็นกังวลที่สุดเลย
"คือคุณโฮเวลครับ -"
"รำคาญ"
เธอโต้ออกไป หลังเห็นท่าทางอ้ำอึ้งอึกอักมานานนับนาทีกว่า เบลซไม่ชอบที่จะต้องมาคอยฟังอะไรที่ยืดยาด อีกคนกลั้นใจถามหล่อนโดยพยายามเข้าเรื่อง "คือเรื่องแผนครับ"
"ไม่คุย"
"คุณโฮเวล!"
คนถูกโต้กลับมาเผลอตะโกนเสียงดัง ใจเขาหล่นตุ้บยามเธอบอกปฏิเสธมาว่าจะไม่คุยกันเรื่องแผน ด้วยสีหน้าที่จริงจังขนาดนั้น - แต่นะ เขาก็ยังจะหาทางผูกมิตรกับแนวหน้าคนนี้อยู่ จึงสูดลมหายใจยามที่นึกเรื่องนึงได้
"อ่า...งั้นเครื่องดื่มวันนี้ผมจะช่วยเลี้ยงเองนะครับ"
คราวนี้เบลซ โฮเวลไม่ได้พูดอะไร หล่อนทำเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมาจากนิตยสาร และมองจ้องหน้าคนนำแอลกอฮอล์มาล่อ
"ฉันให้เวลาแกครึ่งชั่วโมง"
อ่า - ขอบคุณพระเจ้า
Ex.4 》
เสียงดังที่ทำให้หนวกหูดังขึ้นจนหล่อนต้องยกมือขึ้นปิดหู รู้สึกความอดทนต่ำ หลังจากที่ตนกำลังต้องทนกับเสียงเด็กกรี๊ดในร้านอาหารแห่งหนึ่ง และเหมือนไอ้เด็กต้นเหตุก็มองมายังเธอ
เบลซไม่ได้ยิ้ม หล่อนจ้องหน้ากลับไป แววตาเหมือนสัตว์ป่าที่กำลังโมโหหิว แหงสิ หล่อนทั้งหิวและทั้งรำคาญเลยนะจะบอกให้
ความอดทนของหล่อนใกล้จะหมดลงเต็มที
ใช่ มันหมดลงตอนที่หล่อนก้าวเข้าไปหาแม่ของเด็กที่ปล่อยปละละเลยลูก เอาแต่เล่นมือถือเนี่ยแหละ
"เหวอ!"
เสียอุทานดังหลังเบลซจับคอเสื้ออีกฝ่าย หล่อนส่งสายตาไม่เป็นมิตรใส่คนที่ถูกจับยก
"ไอ้เด็กเวรนั่นเป็นลูกแกใช่ไหม?"
"ถ ถ้าใช่แล้วจะทำไม?"
เบลซสูดลมหายใจ เสียงแหบพร่าเอ่ยอย่างหมดความอดทน
"มีปัญญาทำให้เกิดก็เลี้ยงให้มันดีๆหน่อยสิวะ ปล่อยให้เด็กร้องไห้หาพ่xงเหรอ"
Ex.5 》
นิ้วมือของเธอคนนั้นค่อยๆจิ้มลงบนแขนที่รองหน้าของเบลซที่หลับจากอาการมึนเมาแอลกอฮอล์ที่เกิดขึ้น เบลซที่หลับค่อยๆขยับตัวก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองสบตากับอีกฝ่าย
คำพูดหยอกเย้าจากอีกฝ่ายทำให้หล่อนขมวดคิ้ว
"เมาแล้วหลับเหรอคะ เด็กดีจังนะ"
เบลซไม่ชอบความรู้สึกร้อนๆบนใบหน้าเลย
"ฉันหลับไปนานรึยัง?"
"สักพักแล้ว"
"อ่า..."
"วันนี้คงไม่ได้ไปส่งนะ"
หล่อนมองแม่เสือสาวที่บอก พลางมองไปยังคนที่อีกฝ่ายควงมา พอเข้าใจอะไรแจ่มแจ้งขึ้นมาบ้างว่าอีกฝ่ายจะไปกับใคร เบลซรู้สึกเกิดความรู้สึกหวงขึ้นมาไม่ต่างอะไรจากเด็กหวงของเล่น
"จะทำอะไรก็ทำ"
นิสัย:
ทุกคนรู้กันดีเสมอว่าแนวหน้าระดับท็อปของหน่วยนี้คือหล่อน และใช่ หล่อนเองก็ติดท็อปวันในโพลคนที่คุณไม่ต้องการร่วมงานด้วยมากที่สุด ชื่อของหล่อนคือ 'เบลซ โฮเวล' - เพียงประโยคข้างต้นจบลง ทุกคนก็พอจะรับรู้ได้ว่าเบลซ คนอย่างหล่อนต้องมีนิสัยบางอย่างที่ทำให้คนหมู่มากรับไม่ได้ อ่า ก็ไม่ผิดแปลกหรอก หากคุณคาดการณ์เอาไว้แบบนั้น ด้วยใบหน้าหวานเฉี่ยวแต่หากใบหน้าเรียบนิ่งสนิท ส่งสัญญาณไม่มีความเป็นมิตรออกมาอย่างโจ่งแจ้งให้เห็นประจักษ์แก่ทุกคนอยู่เสมอ ทำให้ทุกคนได้รับรู้และรับทราบโดยทั่วกันว่าหล่อนเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ย่ำแย่ขนาดไหน เบลซอัธยาศัยไม่ดี ไม่ชอบการผูกมิตร สร้างมิตรภาพกับใครต่อใคร หล่อนไม่ชอบการเข้าไปสุงสิง หรือ ยุ่งวุ่นวายอะไรกับใคร ยิ่งทำให้สังคมของเบลซนั้นเรียกว่าคับแคบ ไม่ได้เป็นคนกว้างขวาง อีกทั้งยังมีนิสัยขี้รำคาญอย่างไม่น่าประหลาดใจ เบลซ โฮเวล ไม่ชอบการเข้าไปสุงสิง นั่นทำให้หล่อนเองก็ไม่ชอบการเข้าสังคม หรือถูกใครมาตามตอแย ยุ่ง วุ่นวายกับตัวของหล่อน ใบหน้าสวยเฉี่ยวมักจะตวัดสายตามองด้วยหางตาอย่างไม่พอใจบ่อยครั้ง ทำให้ติดนิสัยขี้โวยวาย ไล่คนอื่นออกไปจากชีวิตอยู่บ่อยครั้ง เวลามีใครเข้ามาวุ่นวายกับตน เบลซเป็นมนุษย์ที่ชอบส่งเสียงโวยวาย ไล่คนอื่น และชอบแยกเขี้ยวทำหน้ายักษ์ใส่ด้วยความไม่เป็นมิตร หล่อนเป็นมนุษย์ที่สามารถเกรี้ยวกราดได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง หากมีอะไรมายุ่งวุ่นวายตัวหล่อน ถ้าให้เปรียบเบลซ โฮเวล ก็คงเป็นเสมือนพายุที่ไม่สามารถเอาแน่เอานอนอะไรได้ อ่า - ซึ่งก็จริง ด้วยนิสัยดูมีอารมณ์แปรปรวนบางทีก็ดี บางทีก็ร้ายของหล่อนที่พร้อมปะทะราวพายุ หรือจะนิสัยเอาแต่ใจ และ มองตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลกอีก ก็ยิ่งทำให้รู้สึกเอาแน่เอานอนอะไรกับเธอไม่ได้ยิ่งขึ้นไปอีก เบลซเป็นมนุษย์เอาแต่ใจ และไม่ยอมคน ไม่อ่อนข้อให้ใครโดยง่าย เป็นประเภทที่หัวรั้น หัวดื้อ ไม่ฟังใคร เธอฟังแค่ตัวเอง เป็นคนมีความคิดเป็นตัวของตัวเอง ไม่เชื่อมั่นในอะไร นอกจากตัวเอง จะเรียกว่าสุดโต่งก็คงไม่ผิดอะไรนัก และเพราะความสุดโต่งที่ว่าก็ส่งผลให้เบลซ โฮเวล เป็นมนุษย์ประเภทไม่ยอมคน หล่อนสู้คนมาก และพร้อมปะทะให้เกิดการวิวาทเสมอ เก่งเรื่องใช้กำลังไม่น้อยด้วยสิ คนๆนี้น่ะ
ดูเสเพล ไม่จริงจังอะไรกับชีวิต วันๆก็นอนตื่นสาย ออกมาใช้ชีวิตตอนเย็น พอหัวค่ำก็เข้าร้านเหล้า หล่อนทั้งดื่มเหล้า ทั้งสูบบุหรี่ จนเรียกว่าชีวิตสิงอยู่ในร้านเหล้าก็ว่าได้ ทั้งนี้เบลซเองก็เป็นมนุษย์ที่ไม่ได้มีเป้าหมายอะไรในชีวิตชัดเจน ออกจะไปในทางเบื่อโลกเสียด้วยซ้ำ หล่อนเบื่อกฎเกณฑ์มากมายอะไรที่แสนไร้สาระของโลก เบลซ โฮเวล ไม่ชอบอะไรเดิมๆซ้ำๆซากๆนอกจากเหล้าและบุหรี่ เป็นคนที่ชอบอะไรที่แปลกใหม่ ท้าทาย - อ่า ก็แอบมีนิสัยรักความท้าทายไม่น้อย เบลซชอบความตื่นเต้น ชอบความรู้สึกหัวใจสั่นเต้นรัวยามที่ได้ทำอะไรที่ท้าทายความสามารถของตนเอง นั่นทำให้งานในฐานะแนวหน้าของหน่วยในซองเดอโรสของหล่อนเองนับว่าเป็นหนึ่งสิ่งในความท้าทายที่ทำให้ท่าทางเสเพล ดูไม่เอาจริงเอาจังของหล่อนเปลี่ยนไปได้ เบลซ โฮเวลเป็นคนเต็มที่กับงานที่ทำไม่น้อย หล่อนมีความตั้งใจในการทำงาน ไม่ได้ทำมันอย่างขอไปที แต่ถึงแบบนั้นด้วยความที่ชอบทำอะไรที่ตื่นเต้น ทำให้เบลซชอบที่จะทำอะไรนอกแผนที่วางเอาไว้ เพราะการทำตามแผนเป็นสิ่งที่ราบเรียบซ้ำซากน่าเบื่อจนเกินไป นั่นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้หล่อนไม่ชอบการทำงานเป็นทีม เพราะหล่อนมีนิสัยเอาแต่ใจ และ ทำตามใจตัวเองเนี่ยแหละ ทั้งยังเป็นประเภทชอบฉายเดี่ยว เบลซทำอะไรด้วยตนเอง ไม่หวังพึ่งใคร หล่อนไม่ชอบการต้องขอความช่วยเหลือหรือความร่วมมือ ทั้งนี้แม้ดูจะเป็นคนที่มีปัญหาในการทำงาน และ มีความเสี่ยง แต่เบลซ โฮเวลกลับเป็นคนที่ทำผลงานได้เป็นที่น่าประทับใจ เพราะสามารถทำภารกิจสำเร็จตามเป้าหมายได้เป็นอย่างดีอย่างน่าผิดคาด ทำให้ไม่เคยถูกตำหนิเลยแม้แต่ครั้งเดียว เป็นคนมีความสามารถ มีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอด ไม่ใช่คนที่ดูไม่มีอะไรติดตัว หล่อนเป็นคนเซ้นส์ดี เซ้นส์ของเธอสามารถบอกเธอได้ว่าตอนนี้เธอควรจะทำอะไร ควรจะหนี จะหลบ หรือจะพุ่งเข้าปะทะเลยเป็นมนุษย์ที่ใช้สัญชาตญาณและเซ้นส์ แต่ใช่ว่าจะไม่คิดทบทวนอะไร หล่อนคิดถี่ถ้วน และ คิดมาอย่างดีก่อนจะลงมือทำอะไรสักอย่างแล้ว ในแบบของตัวเองน่ะแหละ เบลซมีไหวพริบ หัวไว และอ่านสถานการณ์เก่ง หล่อนสามารถทำความเข้าใจได้ในไม่นานว่าตอนนี้สถานการณ์ไปถึงไหน และ มันคือความท้าทายของหล่อนที่หล่อนจะต้องแก้เกมให้ได้ เบลซจึงเป็นคนที่มีหัวด้านการวางแผน และ พลิกแพลงสถานการณ์ อีกทั้งยังไม่ใช่คนแพนิค เธอสามารถตั้งสติรับมือสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคยได้
ดูแข็งกระด้าง ไม่ใช่คนนุ่มนวล อ่อนหวาน หรือสุภาพ กลับกันหล่อนเป็นมนุษย์หยาบคาย สามารถพูดคำหยาบคายสารพัดที่นึกออกในสมองได้โดยไม่รู้สึกผิดหรือกระดากอายอะไร พูดจาตรงไปตรงมา พูดจาขวานผ่าซาก ไม่ใช่คนที่ชอบพูดอะไรในสิ่งที่คนอื่นอยากฟัง มักชอบพูดในสิ่งที่คิดออกมามากกว่า โดยไม่ได้สนใจว่าคนฟังเขารู้สึกอย่างไรกับหล่อน เพราะยังไงซะหล่อนก็ไม่ได้แยแสหรือเก็บเรื่องของคนอื่นมาใส่ใจ แหงสิ มันไม่ใช่เรื่องของหล่อน ทำไมหล่อนต้องสนใจกัน หล่อนรักตัวเองมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง เห็นตัวเองสำคัญที่สุด นั่นทำให้เรื่องของมิตรภาพเป็นเรื่องใกล้ตัวของหล่อน และนอกจากนี้เบลซ โฮเวลยังไม่ใช่คนละเอียดอ่อนเรื่องความรู้สึกของคนอื่นๆ มีหลายๆครั้งที่หล่อนก็ปล่อยเมินความรู้สึกของคนอื่นไปและทำเป็นไม่เห็น เบลซคิดว่าปัญหาของใคร คนนั้นก็ควรจะจัดการกับตัวเอง โดยที่คนอื่นไม่เดือดร้อน เพราะไม่ต้องการรับฟัง เมื่อเกิดความคิดเช่นนี้ก็ทำให้เป็นคนชอบตัดบทชาวบ้านชาวช่อง ไม่มีความสนใจเห็นใจคนอื่นที่หน้าชาเลย ดูเลือดเย็นและเป็นมนุษย์ใจร้ายเสียจริง - แต่ว่าก็ว่าเถอะ คนที่เธอยอมรับในชีวิตก็มีหัวหน้าและเพื่อนสาวอายุมากกว่านักดื่มที่ชอบโปรยเสน่ห์ไปทั่วคนนั้นน่ะแหละ เบลซเป็นคนไม่เปิดใจให้ใคร หล่อนโดดเดี่ยว ชอบปิดกั้นตัวเองจากคนอื่นๆ ไม่ยอมรับใครง่ายๆ มีโลกส่วนตัวที่ค่อนไปทางสูง ไม่ใช่คนที่เปิดอ้ารับทุกคน รับบทมนุษย์มองโลกในแง่ร้าย ไม่เชื่อใจใคร ไม่ได้รู้สึกว่าโลกสวยงาม มองโลกในมุมแนวทางเลวร้าย อย่างว่าคนเราน่ะ ความคิดล้านแปดพันเก้า จะบอกว่าทุกคนมีด้านที่ดี เบลซคนหนึ่งแหละที่โต้กลับไปว่าก็ทุกคนมีด้านที่ดีแต่ก็ร้ายได้เหมือนกันทุกคนกันทั้งนั้น เป็นประเภทเด็ดเดี่ยว เด็ดขาด แน่วแน่ในการตัดสินใจของตนเอง - เบลซเป็นมนุษย์แรงเยอะ ศักยภาพทางร่างกาย เรียกได้ว่าแข็งแกร่ง และ แข็งแรง กว่าคนปกติจากการตัดต่อยีนพันธุกรรมของสัตว์ป่าเข้าไปในร่างกาย หล่อนมีทักษะการขยับตัวที่คล่องแคล่ว ว่องไว จนเป็นมนุษย์ที่ทำอะไรรวดเร็ว ฉับไว ไม่ใช่คนชักช้า อืดอาด ยืดยาดและเอ้อระเหย นอกจากนี้ยังเป็นคนที่ร่างกายมีความยืดหยุ่น ความอ่อนตัวสูง ขยับตัวได้ตามที่ต้องการ เบลซเป็นคนแรงเยอะ มือหนัก เท้าหนัก อีกทั้งหล่อนยังอึด ถึก และทน เป็นประเภททนไม้ทนมือชาวบ้านชาวช่อง โดนทุบหลังแรงๆก็ไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านอะไรเท่าไรนัก มีทักษะการป้องกันตัว สามารถบู๊ต่อยเตะได้ หล่อนแข็งแรง ป่วยยาก น้อยครั้งจะเห็นหล่อนป่วยนอนซมมีไข้ หล่อนเกลียดการป่วยที่สุดในโลก เพราะมันมึนหัวจนขยับตัวไม่ได้จนหงุดหงิด รักสุขภาพ ชอบออกกำลังกาย แต่ทว่าทุกอย่างดันไปหักล้างกับการดื่มเหล้าแทนอาหารสามมื้อ หากพระเยซูบอกว่าขนมปังและไวน์คือร่างกายและเลือดของท่าน เบลซคงพูดว่าเหล้าและบุหรี่ก็คือเลือดและลมหายใจของหล่อนเอง ตัวหล่อนเสพติดสิ่งของเหล่านี้อยู่เป็นประจำ เป็นของคู่ใจที่ขาดไม่ได้ อ่า ปากบอกรักสุขภาพ แต่ทุกอย่างก็แทนที่ด้วยการกินผักและออกกำลังกายแล้วกัน แค่นี้ก็เฮลตี้แล้วถ้าใจเราว่ามันเฮลตี้ ถึงจะรักสุขภาพ แต่หล่อนไม่ใช่คนรักสะอาด ไม่ใช่คนชอบเก็บข้าวเก็บของเป็นที่เป็นทาง ห้องของหล่อนจึงมีความรกอยู่ไม่น้อย ผ้าห่มนอนไม่เคยเลยที่คิดจะเก็บ ตื่นมาแล้วผ้าห่มกองยังไง ตอนจะนอนก็เอากองที่รุงรังนั่นห่มน่ะแหละ ไม่คิดมากอะไรเลยสักนิด ไม่ดูแลตัวเอง สามสี่วันอาบน้ำที เดือนหนึ่งสระผมที
ทุกคนรู้ดีว่าเธอเป็นคนแบบไหน เธอเป็นคนแข็งแกร่ง ปากเสีย และไม่น่าคบหา ภายในกลับเป็นคนที่โดดเดี่ยว และ ขี้เหงา - หล่อนมักจะขีดเส้นไม่ให้คนอื่นเข้ามา แต่ลึกๆก็ต้องการมีเพื่อน หรือ คนที่รักหล่อนเข้ามาในชีวิตหล่อนบ้าง ซึ่งคนนั้นจะเป็นใครหล่อนก็ไม่เกี่ยงเลยสักนิด หล่อนต้องการเพื่อน ลึกๆต้องการคู่หูที่สามารถไปไหนมาไหนด้วยกันได้ สามารถแชร์ สามารถระบายทุกสิ่งทุกอย่างออกมา ถึงแม้ว่าเบลซจะเป็นมนุษย์ขี้โวยวาย แต่หล่อนไม่เคยระบายเรื่องของตนเองออกมาให้ใครต่อใครได้ฟังเลยแม้แต่น้อย น้อยคนที่จะรับรู้เรื่องของเธอหรือความรู้สึกของเธอ เธอไม่ชอบการพูด เบลซเป็นมนุษย์พูดน้อย แต่พูดทีก็จะได้ยินเสียงโวยวายของหล่อน เอาเข้าจริงคือหล่อนไม่รู้จะเริ่มพูดอย่างไรมากกว่า เธอพูดไม่เก่ง ไม่ถนัดการพูดหรือการสื่อสาร เบลซมักจะชอบแสดงออกผ่านการกระทำ เธอชอบอะไรไม่ชอบอะไรก็แสดงออกมาอย่างชัดเจนผ่านการกระทำของตัวเอง อ่า - บางทีก็มีความปากแข็งจากความพูดไม่เก่งของตัวเองด้วยเนี่ยแหละ น่าแปลกที่เวลาโกรธจะไม่โวยวาย เบลซไม่เคยโวยวายหรือแสดงท่าทางเกรี้ยวกราดในเวลาที่โกรธ สิ่งที่หล่อนแสดงออกมาคือท่าทางนิ่งๆ ชวนอึมขรึม เป็นคนโกรธยาก เธอไม่ค่อยโกรธอะไรใคร ส่วนใหญ่จะหงุดหงิดรำคาญเสียมากกว่า แต่ถ้าหากโกรธแล้วเป็นคนโกรธยาก หายยาก ต้องง้อกันไปยาวๆมากกว่า แต่เบลซเองก็เป็นมนุษย์จำพวกเจ็บแล้วจำ จำฝังใจอีกด้วย ทำเหมือนไม่สนใจ แต่ที่จริงก็จำได้ทุกอย่างว่าใครทำอะไรไว้กับตัวเองบ้าง แต่แค่จะพูดหรือไม่ก็เท่านั้นอีก เบลซเจ้าคิดเจ้าแค้นและหากมีโอกาสก็จะเอาคืนให้สาสม - เบลซน่ะ เป็นคนเอาแน่เอานอนไม่ได้ ความรู้สึกของเธอเองก็เหมือนกัน เป็นคนที่มีอารมณ์อ่อนไหวอยู่บ้าง หล่อนไม่ใช่คนมีอารมณ์มั่นคงหนักแน่นอะไร แปรปรวนไม่ต่างจากพายุลูกใหญ่ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ถ้าอารมณ์ดีก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น อารมณ์เสียก็อาจแยกเขี้ยวขู่ใส่ได้ หล่อนไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่น่านับถือ ไม่ใช่คนที่นับถือเรื่องระบบผู้อาวุโส หรือ ไอ้คติบ้าบอเช่นมาก่อนเป็นพี่ มาหลังเป็นน้องอะไรนั่นเลยแม้แต่นิดเดียว จะนับถือให้เกียรติคนที่ควรนับถือก็เท่านั้น ไม่ได้เคารพใครต่อใครไปทั่ว หล่อนไม่ชอบการถูกตำหนิติเตียน หรือ ถูกไล่ต้อนให้จนมุมด้วย เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นหมาจนตรอก - ตัวหล่อน เบลซ โฮเวล ไม่ถูกกับอะไรเลี่ยนๆหรือการทำอะไรซึ้งๆ หล่อนไม่สามารถแสดงออกไปได้เวลาเจอสิ่งเหล่านั้น ไม่อินกับเรื่องเซอร์ไพรส์อย่างแท้จริง - เป็นมนุษย์ประเภทเขินอายยาก ไม่ได้เขินกับอะไรๆง่ายๆ แต่ไม่ใช่ว่าไม่เขิน เธอเองก็มีความเขินในระดับหนึ่ง เวลาเขินน่ะ จะชอบหันซ้ายหันขวา ใบหน้าขึ้นสีแดงไม่ต่างอะไรจากลูกมะเขือเทศ เธอเขินจนหน้าของตัวเองแดงไปทั้งหน้าลามไปถึงใบหู จนต้องสูดลมหายใจเข้าปอด เป็นอาการเสียอาการที่ตัวเองก็ไม่อาจรับมือได้ เบลซจะเกิดอาการเหล่านี้ได้ก็ต่อเมื่อรับรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองเผลอกระทำลงไปเป็นการกระทำน่ารัก อ่อนโยน ผิดกับท่าทางปกติของตัวเอง - อ่า เช่นการพยายามพูดปลอบใครสักคนด้วยคำพูดดีๆ หรือการหลุดปากชมใคร การให้กำลังใจ หรือเป็นห่วงใครสักคน
เกลียดน้ำตา ไม่ชอบการเห็นน้ำตาไม่ว่าจะของตัวเองหรือคนอื่นๆ เห็นแล้วมันชวนให้หงุดหงิด เบลซเป็นคนยิ้มยากพอๆกับการร้องไห้ยาก หล่อนไม่เคยเลยที่จะยิ้มออกมากว้างๆ เอาเข้าจริงแม้แต่เวลาตื่นเต้นรู้สึกท้าทาย ก็มีเพียงแค่การกระตุกยิ้มมุมปากพึงพอใจ และเนื่องจากเธอเป็นคนหนึ่งที่มีอารมณ์อ่อนไหวแปรปรวนง่าย เวลาเจอสิ่งที่เข้ามากระทบจิตใจ เบลซเป็นคนที่ภายนอกจะไม่เป็นอะไร แต่ภายในใจเวลาเจอเรื่องที่ส่งผลต่อจิตใจมากๆ หล่อนสับสน หล่อนไม่อาจจะตั้งตรงได้ อ่า เป็นความรู้สึกที่เรียกว่าล้มลงจนไม่อยากจะทำอะไรเวลาเจอสิ่งที่กระทบต่อจิตใจของเจ้าตัว แววตาที่ดุดัน เต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัวของหล่อน ก็กลับกลายเป็นดวงตาที่ไร้แวว รู้สึกหมดอาลัยตายยาก เป็นคนที่เวลาร้องไห้ น้ำตาของหล่อนจะไหลออกมาจากดวงตาเพียงข้างเดียว หล่อนไม่มีเสียงสะอื้นใดๆออกมา มีแค่ตัวที่สั่น แต่ว่าก็ว่าเถอะ เบลซไม่ได้ต้องการให้ใครมาปลอบเธอ ยามที่เธอล้มลง เธอแค่ต้องการเวลาส่วนตัวให้เธอได้คิด ได้ทำความเข้าใจ ไม่ต้องทำใจดีเข้ามากอดปลอบกอดโอ๋ หล่อนไม่ต้องการ - มันจะทำให้หล่อนรำคาญใจเสียเปล่าๆ แถมจะเป็นการไปดูถูกหล่อน ทั้งนี้นอกจากจะเป็นมนุษย์มั่นอกมั่นใจในตัวเอง และ รักศักดิ์ศรี มีอีโก้ไม่น้อย ดังนั้นการเข้ามาทำสงสารหรือแสดงความเห็นใจในตัวหล่อน ก็เท่ากับกำลังดูถูกหล่อนอยู่น่ะแหละเอาจริง ตัวหล่อนเป็นสาวผู้ไม่ประสีประสาในความรัก ประสบการณ์ชั่วโมงบินด้านรักจัดว่าต่ำ ไม่มีสเปคหรือความสนใจตายตัว เอาเข้าจริงพร้อมแต่งกับบุหรี่และนอนกอดขวดเหล้าเสียมากกว่า เบลซน่ะความรู้สึกช้าขึ้นมาพอเป็นเรื่องความรัก ทั้งรู้สึกตัวช้าเกินไปว่าใครคิดอะไรกับตัวเองหรือตัวเองคิดกับเขายังไง อาจเพราะไม่ค่อยได้เปิดรับใคร จึงไม่รู้ว่าความรู้สึกรักใครคนนั้นมันจะพิเศษกว่าคนอื่นยังไง และเพราะความไม่ประสีประสาในความรัก ก็ทำให้คุณอดีตแม่ค้าอาวุธนั้นชอบหยอกเย้าเล่นเธออยู่บ่อยครั้งตามประสาของอีกฝ่าย เบลซก็หงุดหงิดอยู่ร่ำไป เบลซไม่เคยวาดฝันถึงความรัก หรือความผูกพันอะไรกับใครเท่าไรนัก เธอไม่ได้ชอบการถูกผูกมัดจนไม่เป็นอิสระ แต่เธอดันเป็นคนขี้หวง ไม่ว่าจะของที่ชอบหรือคน เธอก็หวงถ้าหากว่านั่นเป็นของเธอ มีอารมณ์รุนแรงกับความขี้หวงของตัวเอง แค่เพื่อนกันหรือคนที่เคารพ เธอก็หวงได้ อาทิ ก็คงเป็นการหวงหัวหน้าทีมและเพื่อนที่พากันไปดื่มเหล้าบ่อยๆ - เบลซไม่อยากมีครอบครัว นั่นคงเป็นเพราะหล่อนไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของการมีครอบครัว หล่อนกลัวว่าตนเองจะกลายเป็นสมาชิกในครอบครัวที่แย่ หล่อนไม่เข้าใจในความสัมพันธ์หรือความผูกพันในครอบครัวได้เท่าไรนัก แม้ว่าเบลซจะเป็นคนที่ไม่ประสีประสาในความรัก หรือ เข้าใจในความสัมพันธ์ แต่การกระทำของหล่อนก็เป็นไปตามธรรมชาติ แค่การขยับตัวในบางจังหวะของหล่อน ทั้งท่านั่ง สีหน้าและแววตา บางครั้งมันก็แอบยั่วยวนหรือดึงดูดสายตาได้ดีโดยที่หล่อนเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าที่ทำอยู่น่ะ มันอันตราย แม้ว่าหล่อนจะไม่ประสีประสาในอารมณ์ความรู้สึกรักใคร่ชอบพอ แต่ในเรื่องของการแสดงออกท่าทาง หล่อนก็พอเข้าใจมันอยู่บ้าง อ่า อย่างน้อยหล่อนก็พอเข้าใจว่าการกอด การจูบ หรือ การทำอะไรกันคืออะไร และ ทำมันเป็น เวลาเมากรึ่มๆก็มีบ้างที่บางครั้งก็ไหลไปตามบรรยากาศ
ประวัติ:
สิ่งที่นัยน์ตาสีฟ้าของหล่อนจำความได้คือบนข้อมือของหล่อน มีรอยแผลเป็นผ่าตัดที่ไม่เรียบร้อยอยู่ - รอยที่ผ่าออกเพื่อฝังชิปติดตามเอาไว้ภายในร่างกาย ในฐานะหนูทดลอง ขององค์กรวิทยาศาสตร์ที่เติบโตมา
พลังพิเศษ: คุณสมบัติสัตว์ป่า
ชอบ:
Top! เหล้า และ บุหรี่ - ครั้งแรกที่กินคือหลังจากออกจากองค์กรวิทยาศาสตร์มาได้ราวๆสองสัปดาห์ เบลซเกิดความรู้สึกโหวงบางอย่างขึ้นทุกครั้งในเวลาค่ำ การอ่านหนังสือทำให้พบว่าการดื่มเหล้าและบุหรี่ช่วยให้ลืมความรู้สึกพวกนั้นได้ชั่วคราว จึงตัดสินใจลองดู แรกๆก็มีสำลักควันและขาดสติกับของมึนเมา แต่สองสามครั้งต่อไป ดันกลายเป็นชินชากับมัน หัวของหล่อนจะโล่ง ไม่รู้สึกอะไร ดื่มเหล้าอาจทำให้ใบหน้าขึ้นสีแดง
เพลงร็อค - ได้รับความบันเทิงจากการฟัง บางครั้งอาจฮัมเพลงที่ผิดคีย์ของตัวเองหลุดออกมาทั้งๆที่มีสีหน้าเรียบนิ่งระหว่างสวมหูฟัง
ของเผ็ด - ของเผ็ดๆที่ทำให้รู้สึกแสบลิ้น ด้วยนิสัยชอบความท้าทายทำให้การกินของเผ็ดมากๆโดยไม่ร้องไห้ออกมาก็นับว่าเป็นการท้าทายฝีมืออย่างหนึ่งไม่น้อยเลย
ขับบิ๊กไบค์ด้วยความเร็ว - หลังจากเข้าร่วมซองเดอโรสและได้ทำใบขับขี่ หล่อนค้นพบว่าการขับเจ้าบิ๊กไบค์สีดำวิ่งไปบนถนนพร้อมความเร็ว ทำให้อากาศเย็นสบายและเหมือนได้ทิ้งสิ่งต่างๆที่คิดเอาไว้ด้านหลัง
กีฬาและการออกกำลังกาย เคลื่อนไหวร่างกายต่างๆ - ทำให้ร่างกายได้ขยับเขยื้อน แหงสิ เบลซน่ะ ไม่ชอบเวลาที่ร่างกายขยับไม่ได้ดั่งใจที่สุด ด้วยเหตุนี้มันเลยส่งผลให้หล่อนเป็นสาวสุขภาพดีไม่น้อย และยังสวมชุดวอร์มทำกิจกรรมอะไรต่างๆเป็นประจำ
ไม่ชอบ:
Top! การงดบุหรี่และเหล้า - ไม่ได้เกลียดกับการทำมัน แต่มีสีหน้าหงุดหงิด มือไม้เริ่มไม่สุขต้องระบายอารมณ์ผ่านสิ่งของเช่นการทุบโต๊ะ ทุบใครก็ได้สักคนข้างๆ ระบายอารมณ์อย่างหงุดหงิด
อาหารรสจืด - แสดงสีหน้าเบื่อหน่ายออกมา กินด้วยอารมณ์เซ็งจิต
อะไรที่ชักช้า - หล่อนเป็นคนความอดทนต่ำ เห็นอะไรที่ชวนให้รู้สึกว่าตัวเองต้องรอคอยก็ยิ่งหงุดหงิดจนต้องกัดฟัน
คำแซว - เป็นประเภทไม่ถูกกับอะไรแบบนี้ พอถูกแซวเรื่องร้องเพลงเพี้ยนขึ้นมา คิ้วจะเริ่มขมวดเข้าหากันเป็นปม และโวยวายกลับใส่คนแซว
เกลียด:
Top! คนน่ารำคาญ คนที่ชอบเข้ามายุ่งวุ่นวาย - รู้สึกหงุดหงิด เพราะหล่อนไม่ได้ชอบการเข้าสังคม พอถูกเข้ามายุ่งวุ่นวายมากๆ ก็ทำให้พูดจารุนแรงไล่ออกไปอย่างพูดไม่คิดได้ทุกทีด้วยความหัวร้อน
Top! อาการป่วย - รู้สึกรำคาญหงุดหงิด หนักอึ้งไปหมดทั้งตัวจนขยับไม่ได้
Top! การโดนดูถูก - เพราะมีความชอบเอาชนะ ทำให้หล่อนไม่ชอบการต้องมาถูกดูถูก แน่นอน หล่อนหัวร้อน
Top! การสวมบรา - อึดอัดและอึดอัด ทุกวันนี้หล่อนจึงโยนบราออกไปให้ห่างตัวของตัวเอง
กลัว:
การมีความสัมพันธ์กับผู้อื่นในทุกรูปแบบของความสัมพันธ์ - เพราะเคยสูญเสียทำให้เป็นภาพจำมาตลอดชีวิตของหล่อนว่าการที่ต้องโดดเดี่ยวหลังจากรู้สึกมีความสุขกับสายสัมพันธ์ มันเป็นความรู้สึกโหวงเหวงจนหล่อนเองก็ไม่พร้อมรับมือกับมัน
เข็มฉีดยา - ทุกครั้งที่เห็นมันและโดนมันแทงเข้ามาในเนื้อ ความทรงจำทุกอย่างก็เข้ามาในหัวว่าหล่อนจะได้มีชีวิตต่อไปในอีกวันอยู่หรือไม่ นั่นทำให้หล่อนกลัว แต่ถ้าต้องโดนมันแทงเข้ามา หล่อนกผ้ทำเพียงแค่เกร็งตัวและหลับตารับความเจ็บของเข็ม
แพ้: -
ความสามารถพิเศษ:
- ยกน้ำหนัก
- เล่นกีฬา (โดยเฉพาะกีฬาที่ต้องมีการปะทะกันอย่างชกมวย และ บาสเก็ตบอล)
- ศิลปะการป้องกันตัว
- ไหวพริบ พลิกแพลงสถานการณ์
- เซ้นส์แรง
งานอดิเรก:
- ดื่มเหล้า
- สูบบุหรี่
- ขับบิ๊กไบค์
- ออกกำลังกาย / เล่นกีฬา
- ฟังเพลง
เพิ่มเติม: ----
†
Roleplay
ดวงตาคู่สวยกะพริบขึ้นลงเสียหนึ่งครั้ง หากสิ่งที่เกิดขึ้นกลับสร้างความประหลาดใจอันมากโขแก่ตัวเธอ หญิงสาวจำได้ว่าก่อนหน้านี้ตนนั่งอยู่ในห้องรับรองห้องหนึ่ง ทว่าในตอนนี้สถานที่รอบตัวกลับแตกต่างออกไป มันกลายเป็นห้องที่บุผนังและปูพื้นกระเบื้องด้วยสีแดงชวนให้รู้สึกแสบตา ไร้เฟอร์นิเจอร์ใด ๆ เว้นแค่เก้าอี้ตัวที่เธอนั่งอยู่ กับโต๊ะทำงานและหญิงสาวผู้จับจองพื้นที่นั้น พร้อมกับรอยยิ้มที่กำลังส่งมอบให้เธอเท่านั้นเอง
"ตื่นแล้วเหรอ" คำถามที่ดูขัดเเย้งกับสภาพการณ์รอบด้านโดยสิ้นเชิงเอ่ยออกมาจากหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีดำขลับยาว ดวงตาประกายระยับของเธอดูไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย "เธอดูสับสนนะ..แต่ก็ช่างเถอะ ฉันคิดว่าเราคงไม่มีเวลามากสักเท่าไหร่ ยังไงช่วยแนะนำตัวให้ฟังหน่อยจะได้รึเปล่า?"
♤ ------- "อ่า..." หล่อนตื่นขึ้นจากความฝันที่ได้ฝันไปชั่วคราว จริงตามที่หญิงสาวผมสีดำขลับกล่าว เบลซรู้ดีว่าตอนนี้หล่อนสับสนและยังคงปะติปะต่อเรื่องราวในสมองไม่ได้ในทันที คำถามที่ถามขึ้นต้นมาว่าตื่นแล้วหรือนั่นแสดงว่าหล่อนได้หลับไป ถูกตอบด้วยเสียงลากยาวข้างต้นไปแล้ว
"เบลซ"
เบลซฟังคำถามจากเจ้าของตาประกายระยับก่อนที่หล่อนจะเอ่ยชื่อของตัวเองตอบไป
"รู้ตัวรึเปล่าว่าตอนนี้เธอได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของซองเดอโรสเเล้ว" หลังจากที่รับทราบชื่อของเธอไปแล้ว หญิงสาวตรงหน้าก็เอ่ยถามคำถามข้อต่อไปในทันที เธอควงปากกาในมือเล่นไปมา ตอนนี้เราเหมือนกับกำลังสัมภาษณ์งานอยู่เลย..แต่หล่อนนี่สิ ทำไมถึงทำหน้าทำตาเหมือนกับว่ามันเป็นการจิบชายามบ่ายไม่มีผิดเลยนะ "ฉันอยากถามความคาดหมายของเธอหน่อยน่ะ เข้ามาในองค์กรนี้แล้วอยากทำอะไรเหรอ? คิดเรื่องบ้า ๆ ในหัวไว้บ้างไหม?"
♤ ------- เบลซคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เกิดขึ้นในสถานที่แห่งนั้น หล่อนรับทราบทุกอย่างมันดี จึงทำเพียงพยักหน้าหลังสาวผมดำได้รับรู้ชื่อของหล่อนไป และคำถามข้อต่อมาก็ทำให้ใบหน้าเรียบนิ่งเผลอกระตุกยิ้มขึ้นมามุมปาก
"คงเป็นเรื่องทำตามใจตัวเอง" หล่อนตอบ "ทำอะไรก็ได้ที่อยากจะทำ ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ มีชีวิตอยู่ต่อไปจนกว่าจะตายก็คงแค่นั้น"
คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อยกับคำตอบที่ได้รับ หญิงสาวหัวเราะออกมาเบา ๆ "ฟังดูเเล้วเราน่าจะเข้ากันได้ดีนะ" แต่แล้วหลังจากนั้นไม่นานเธอก็กลับคำอีกครั้ง "ล้อเล่นน่ะ" และ ใช่เลย..หล่อนนี่มันเป็นผู้หญิงที่น่ารำคาญอย่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ "ที่นี่น่ะอันตรายมากนะ..มันมีกฏที่ต้องรักษา แต่ว่าอันที่จริงเเล้วจะแหกกฎสักนิดก็ไม่เป็นไรหรอก อืม..ฉันหมายถึงว่าประธานของเราหล่อดีน่ะ ถ้าอยากเจอหน้าเขา ลองกระโดดลงไปจากหน้าต่างนั่นดูก็ได้นะ"
หญิงสาวเหล่มองไปทางซ้ายมือของเธอ มันน่าแปลกนิดหน่อยตรงที่ว่าก่อนหน้านี้ตัวเธอไม่เห็นหน้าต่างหรือบานประตูบานไหนอยู่เลย เเต่เมื่อคนตรงหน้าเอ่ยถึงมันขึ้นมา หน้าต่างนั่นก็ปรากฏขึ้นมาในทันทีเสียอย่างนั้น
♤ ------- สาวเจ้าออกอาการเดาะลิ้นขึ้นมาหลังฟังจบ เธอไม่ได้ตั้งใจฟังในสิ่งที่อีกคนพูดบอกเลยสักนิด มันเป็นเรื่องน่าเบื่อจนยากที่เบลซจะรู้สึกสนใจ จึงทำเพียงแค่ฟังให้เข้าหูซ้ายและทะลุหูขวา แสดงออกมาว่าเบื่อเสียเต็มประดา
'หล่อ? หล่อแล้วไงวะ?'
ปฏิกิริยาที่ได้รับกลับมายังคงสร้างรอยยิ้มให้หญิงสาวแสนประหลาดอย่างต่อเนื่อง เธอโคลงศีรษะไปมา ท่าทางอารมณ์ดีไม่น้อยกับสมาชิกใหม่ในคราวนี้ "ฉันจะถามคำถามเธออีกแค่ข้อสองข้อเท่านั้นแหละ อย่าเพิ่งทำหน้าเบื่อนักเลยนะ" หญิงสาววางปากกาลงบนโต๊ะ ร่างนั้นขยับตัวลุกขึ้นเดินตรงมายังร่างซึ่งนั่งอยู่กลางห้อง ตอนนั้นเองที่ตัวเธอเริ่มสังเกตว่าตนนั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นตัวหนึ่ง..
"คือว่านะ..ถ้าสมมติว่าเธอสามารถเลือก ย้อนเวลาเพื่อแก้ไขอดีต กับ ไปยังอนาคตที่ดีกว่านี้ ได้..เธออยากจะเลือกสิ่งไหนเหรอ?"
♤ ------- คำถามข้อนี้ทำให้หล่อนชะงักค้างไปทันทีที่ฟังจบ เป็นคำถามที่ชวนหงุดหงิดจนเผลอเลิกคิ้วขึ้นออกมาอย่างไม่พอใจในคำถาม ความทรงจำครั้งอยู่ในนั้นปรากฎขึ้นมาในสมองของเบลซ โฮเวล หนูทดลองอย่างเธอ
"เหอะ คำถามของแกนี่มันน่ารำคาญซะจริง" หล่อนตอบอย่างหงุดหงิด "ไม่ว่าจะเลือกทางไหน มันก็ไม่ทำให้ตอนนี้ดีขึ้นหรอก? กล้าพูดรึไงว่าถ้าย้อนมันกลับไปแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น โลกสวยเกินไปรึเปล่า ไอ้คนที่กล้าพูดว่าทำทุกอย่างในอดีตให้ดีเพื่อส่งผลต่อในอนาคตน่ะ มันก็แค่เรื่องเพ้อเจ้อขายฝันหลอกตัวเองไม่ใช่รึไง?"คำพูดที่ยาวที่สุดของวัน "ส่วนอนาคตที่ดีกว่านี้ ถามจริงเถอะ ถ้าตอนนี้ยังไม่รู้สึกดีเลย ไอ้พวกอนาคตเวรมันจะดีไปได้ยังไง?"
"ฉันไม่สนใจพวกอดีต อนาคตแม่งอะไรทั้งนั้นแหละ"
หญิงสาวเข็นเก้าอี้รถเข็นที่เธอนั่งอยู่มาจนสุดทาง เบื้องหน้านั้นคือผนังห้อง แต่เมื่อกะพริบตา ลิฟท์ตัวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาแทนที่ท่ามกลางความมึนงงของเธอเอง ปลายนิ้วเรียวของหญิงสาวคนนั้นเอื้อมไปกดปุ่มเรียกลิฟท์ ไม่นานนักมันก็มาถึงในที่สุด ขณะเดียวกันเธอก็ถามคำถามสุดท้ายออกมาว่า
"แล้วคนที่ตายไปแล้วกับคนที่กำลังจะต้องตาย, ถ้าเป็นเธอ เธอจะเลือกช่วยใครดีล่ะ"
♤ ------- คำถามคล้ายคนถามจงใจถามเพื่อตอกย้ำปมในใจของหล่อน - เรื่องของพี่ชายคนแรกและเพื่อนคนแรกอย่างโซอี้ อ่า มันจบกันไม่สวยเลย ไม่มีคำลาใดๆ พอมองกลับไป เราทั้งคู่ก็แค่เหยื่อของพวกผู้ใหญ่ ทั้งเขาและเธอต่างต้องการอิสระ หากแต่วิธีของโซอี้คือสู้และเผชิญหน้า ขณะที่หล่อนทำได้แค่ก้มหัวยอมรับ
ถึงแม้ว่าที่ผ่านมามันจะไม่จริง แต่ทุกคำที่เขาพูด ก็ทำให้หล่อนรู้ว่าเขาแค่ต้องการอิสระ ในสุดท้ายก่อนชีวิตจะสิ้นลง เขาเป็นอิสระ ไม่เหมือนหล่อน
เธอมีคำขอโทษจะให้
แต่ว่า
"แกคิดว่าฉันจะเลือกช่วยคนที่ตายไปแล้วเหรอ เหอะ"หล่อนเดาะลิ้นเป็นเสียงดูไร้มารยาท "คนที่กำลังจะตายสิวะ"
เธอไม่มีความกล้ามากพอที่จะทำลายอิสระของคนที่ตายไปแล้วหรอก - หล่อนรู้ว่าโซอี้ได้พบกับอิสระ
ร่างของเธอถูกเข็นเข้าไปในตัวลิฟท์นั่นหลังจากที่ตอบคำถามจบ หากหญิงสาวกลับไม่ได้ก้าวเข้ามาด้วย ใบหน้าสะสวยประดับรอยยิ้มที่ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ไว้เช่นเคย "อย่าถือสาคำถามแปลก ๆ พวกนั้นเลยนะ ฉันแค่อยากรู้ว่าเราจะเข้ากันได้มากแค่ไหน..ก็เดี๋ยวต้องทำงานด้วยกันเเล้วนี่นา" หญิงสาวหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นทัดเส้นผมกับใบหูในตอนนี้ที่เห็นสายตาสงสัยจากใครอีกคน และในตอนที่ประตูลิฟท์กำลังเคลื่อนปิดลงในที่สุด เธอก็ได้ทิ้งทวนชื่อของเธอเอาไว้ว่า
"ฉันชื่อ โมนิก้า ควินซีย์..ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะ คุณรหัส A033x"
†
Talk with ME
สวัสดีค่ะคุณผู้ปกครองทุกท่าน รันรันเองนะคะ ไม่ทราบว่าคุณผู้ปกครองชื่ออะไรเหรอคะ?
: แนวม้ำ แมวน้ำค่ะ!
ขออนุญาตสอบถามเล็กน้อยนะคะว่าทำไมถึงมาสมัครเรื่องนี้และเลือกบทนี้เอ่ย?
: ก่อนอื่นคือสนใจในคอนเซปต์ของเรื่องมากเลยค่ะ น่าสนใจมากๆ เราชอบในทุกๆดีเทลของเรื่องนี้ตั้งแต่ดีเทลยันหน้าคาร์เลยค่ะ! ส่วนที่เลือกคู่นี้ก็เพราะว่าเป็นคู่ที่ดีเทลท้าทายทำให้อยากเขียนมากๆเลยค่ะ! Tt
เรื่องนี้บรรยากาศจะเป็นแนว ๆ romantic-comedy พอสมควรเลยค่ะ เเต่จะมีพวก action เยอะอยู่เหมือนกัน ทั้งนี้ตัวละครอาจพบเจอสถานการณ์เสี่ยง วิกฤต ปางตาย หรือถึงขั้นเสียชีวิตได้นะคะ พูดกันตามตรงคือเราแอบคิดซีนที่อาจมีตัวละครหลักเสียชีวิตไว้น่ะค่ะ เเต่ยังไม่ได้กำหนดแน่นอนชัดเจนร้อยเปอร์เซ็นต์ ยังไงถ้าหวยไปออกที่ยัยน้อง คุณผู้ปกครองโอเครึเปล่าคะ? ;w;
: โอเคค่ะ แมวน้ำมะมีปัญหาอะไรเลย
ต้องพูดก่อนว่าเรื่องของความรักเป็นสิ่งไม่ตายตัวนะคะ ดังนั้นอาจมีเปอร์เซ็นต์ที่คุณลูกสาวอาจจบกับคู่ได้ไม่สวยสักเท่าไหร่ ก็คืออาจจะไม่ได้รักกันหรืออยู่ด้วยกันด้วยเหตุผลสักอย่างในตอนจบน่ะค่ะ (ย้ำว่าอาจจะนะคะ) คุณผู้ปกครองโอเครึเปล่าคะ?
: ได้ค่ะ อร่อยเสมอ อร่อยทุกอย่าง เชื่อในคูมรันนะคะ!
ถ้าตัวละครไม่ติดในบทที่ต้องการ อยากได้บทเสริมหรือว่าจะรับน้องกลับเลยดีกว่าคะ?
: แหะ รับกลับเลยดีกว่าค่ะ tt
โอเค คำถามทั้งหมดก็มีอยู่เท่านี้นะคะ ขอบคุณสำหรับความสนใจในนิยายของเรามาก ๆ เลยค่ะ เจอกันในหน้าคอมเมนต์นะคะ! ♥
ความคิดเห็น