ตอนที่ 5 : ₀ ₄
“ไงมึง” ทีทัชทักคนที่อยู่ในชุดผ่าตัดสีเขียวแต่ใส่เสื้อกาวน์ทับไว้ กำลังนั่งหลับตาเหมือนคนหมดแรงอยู่บนเก้าอี้ในห้องพักแพทย์
“แทบตาย” น่านฟ้าตอบออกไปโดยไม่ได้ลืมตา เขารู้ว่าทีทัชเปิดประตูเข้ามาแต่เขาไม่มีแรงจะกล่าวยินดีต้อนรับมันอะไรทั้งนั้น การผ่าตัดเคสที่ผ่านมานั้นกินเวลาไปหลายชั่วโมงแถมเป็นการผ่าตัดที่ซับซ้อน พอผ่าตัดเสร็จยังมีเคสอุบัติเหตุเข้ามาอีกแน่นอนว่าเขาต้องเป็นคนผ่าตัด วันนี้เหมือนกับว่าเขาถูกสูบวิญญาณไปพร้อม ๆ กับการผ่าตัดเลยก็ว่าได้
“แล้วเป็นไง” ทีทัชถามพร้อมกับวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะทำงานที่แสนรกของน่านฟ้า และทุกครั้งที่เขาถาม น่านฟ้าว่าทำไมไม่จัดโต๊ะดี ๆ คำตอบที่ได้นั้นก็คือคนฉลาดเขาไม่ชอบความเป็นระเบียบยิ่งรกยิ่งฉลาด มันเป็นคำตอบที่ทำให้คนฟังอยากเตะปากคนพูดให้เลือดกลบปากเสียจริง ๆ
“ระดับกูแล้ว พรุ่งนี้ตื่นมาวิ่งได้ทุกเคส” น่านฟ้าตอบอย่างอารมณ์ดี จริง ๆ เขาไม่ได้เป็นพวกชอบโชว์ว่าตัวเองเก่งแต่กับทีทัชมันเป็นข้อยกเว้นและแน่นอนว่าต้องแถมความเกินจริงไปในคำตอบเพื่อกวนอารมณ์มัน
“ถ้าเป็นงั้นจริงกูจะกราบตีนมึงเช้าเย็นเลย กูซื้อกาแฟมาฝาก แดกไหม”
“น้ำตาจะไหล” ทันทีที่ได้ยินว่าเพื่อนสุดที่รักซื้อกาแฟมาฝาก ก็ทำเอาน่านฟ้าเด้งตัวจากเก้าอี้แทบไม่ทันพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบแก้วกาแฟแต่ทีทัชกลับหยิบแก้วไปก่อน
“พูดมาก ไม่ต้องแดก”
“ไอ้ที ไอ้ห่า กูกำลังจะตายแล้วเนี่ย มึงอย่าแกล้งกูดิ” น่านฟ้าทำท่าจะขว้างปากกาที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อกาวน์ใส่ทีทัช และทีทัชก็รู้ว่าคนอย่างน่านฟ้ามันทำจริงเลยต้องรีบส่งแก้วกาแฟให้
“กูมีข่าวดีจะบอก”
“ว่า?”
“โรงพยาบาลรับหมอแผนกเรามาเพิ่มแล้วนะ”
“ตามหมอมาหารเวรกันเลยได้ปะวะ” นี่มันคือข่าวดียิ่งกว่าถูกหวยซะอีก การที่มีหมอเยอะ ๆ แล้วมาหารเวรกันแน่นอนว่ายิ่งหมอเยอะเราก็จะอยู่เวรน้อยลง
“อันนี้มึงก็รีบเกินไป”
“หรือว่ามึงไม่คิด”
“เนี่ยกูกำลังจะมาตามมึงไปประชุม”
“แล้วทำไมไม่รีบบอกกู!” น่านฟ้าพูดก่อนที่จะรีบออกจากห้องโดยไม่รอทีทัช สิ่งที่หมอกลัวไม่ใช่การผ่าตัดแต่เป็นการอยู่เวรต่างหาก การที่ต้องทำงาน 32 ชั่วโมงติดต่อกันไม่ใช่เรื่องน่ายินดี
และแล้วการประชุมของหมอแผนกศัลยแพทย์ทั่วไปก็จบลงมีหมอมาเพิ่มอีก 5 คน การเข้าเวรเลยถูกแบ่งเป็นสัดส่วนที่เท่า ๆ กันตามคำสั่งของหมอหัวหน้าแผนก
“มึงดีใจเกินหน้าเกินตาไปปะ” ทีทัชที่กำลังนั่งกินข้าวกับน่านฟ้าพูดขึ้น
“แน่นอน” น่านฟ้าตอบอย่างอารมณ์ดี เวรลดหมอคนไหนบ้างล่ะจะไม่ดีใจ
“เออ ว่าแต่เมื่อวานทำไมไอ้เด็กนั่นไม่มาทำแผลวะ”
“กูจะรู้ไหมล่ะ ไม่ได้สนใจ” น่านฟ้าตอบ แต่จริง ๆ แล้วเขาก็คิดอยู่เหมือนกันว่าทำไมเด็กม่านเมฆนั่นไม่มาทำแผล ทั้ง ๆ ที่เมื่อวานเขาเข้าทั้งเวรเช้าและดึก
“ว่าแต่นัดตัดไหมวันไหนวะ”
“พรุ่งนี้”
“ไหนมึงบอกไม่สนใจ”
“...” น่านฟ้าถึงกับตะโกนคำว่า เหี้ย ในใจ กูพลาดแล้ว ไอ้ทีแม่งเล่นกูแล้ว
“เงียบเฉย”
“อะไร เมื่อกี้กูพูดอะไรเหรอ โทษทีว่ะ กูคิดอะไรเพลิน ๆ เลยเผลอพูดออกไป” น่านฟ้าได้แต่คิดว่าไม่รู้ล่ะแถไปก่อน มนุษย์เรานั้นต้องรู้จักเอาตัวรอดเป็นยอดดี
“เป็นหมออย่าหัดตอ...”
“ไอ้ที!” น่านฟ้าถึงกับต้องเรียกชื่อทีทัชตัดหน้า ก่อนที่ทีทัชมันจะพูดคำนั้นออกมา บอกตรง ๆ เลยว่าน่านฟ้ารับไม่ได้ มึงจะด่ากูกลางโรงอาหารโรงพยาบาลแบบนี้ไม่ได้
“ตกลงยังไง ทำไมมันไม่มา”
“โว้ยยย กูจะรู้ไหมล่ะ”
“ไม่มีเบอร์กัน?”
“ทำไมกูต้องมีเบอร์กันด้วยวะ”
“ก็มันบอกว่าจะจีบมึงอยู่”
“มึงจะไปเชื่ออะไรกับคำพูดของเด็ก อีกอย่างมึงก็เป็นคนบอกกูเองว่ามันเจ้าชู้” น่านฟ้าไม่เคยเชื่อคำพูดที่ว่าจะจีบเขาเลยสักนิด อีกอย่างม่านเมฆก็ไม่เคยบอกเขา แล้วนี่ก็อายุ 33 แล้วจะให้เชื่อคำพูดใครง่าย ๆ นั่นไม่ใช่น่านฟ้า
“คนเจ้าชู้เวลามันรักใครมันรักจริงนะเว้ย”
“อันนี้คือแก้ต่างให้ตัวเอง?” น่านฟ้าพูดพร้อมกับเบะปากใส่ทีทัช ทีทัชก็จัดว่าเป็นคนเจ้าชู้คนหนึ่งแต่แค่มันไม่ค่อยมีเวลาเจ้าชู้เท่านั้นเอง เลยดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย แต่มันก็ยังคั่วสาวทุกครั้งที่มีโอกาสอยู่ดี “แล้วอีกอย่างคนอย่างกูไม่นิยมเป็นเมียใคร กูนี่ต้องเป็นผัวเท่านั้น”
“พูดอีกทีได้ปะ กูจะอัดเสียง”
“เพื่อ?”
“เอาไว้เปิดให้มึงฟังในวันที่มึงตกเป็นเมียไอ้เด็กนั่นเรียบร้อยแล้ว”
“ไอ้เหี้ยที!”
“มึงจำคำพูดกูไว้นะ มึงเสร็จมันแน่! ฮ่า ๆ”
“ขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ” ระหว่างที่ทีทัชกับน่านฟ้ากำลังเถียงกันอยู่นั้นก็มีเสียงปริศนาดังขึ้นทำให้ทั้งสองคนต้องหยุดเถียงกัน
“หมอที่มาใหม่ใช่ไหมครับ” ทีทัชกลายเป็นคนสุภาพทันที แน่นอนว่าสุภาพกับทุกคนยกเว้นน่านฟ้า
“ใช่ครับ ผม เดย์ ครับยินดีที่ได้รู้จัก...” บุคคลที่มาใหม่แนะนำตัวเอง
“ผมทีทัช ส่วนนั่น น่านฟ้า”
“อ๋อ ยินดีที่ได้รู้จักครับหมอทีทัช หมอน่านฟ้า” น่านฟ้ายิ้มให้พร้อมกับก้มหัวนิด ๆ เพื่อไม่ให้เสียมารยาท หมอ คนนี้เขาเห็นตอนประชุมแล้ว คงเป็นพวกประเภทคุณชายรักสะอาดเพราะดูจากหน้าตาและการแต่งตัวเนี้ยบตั้งแต่หัวยันรองเท้าที่เงาวับเลย
“ครับ นั่งก่อน ๆ” ทีทัชพูดพร้อมกับผายมือเชิญให้อีกคนนั่งและก็เป็นไปตามคาดไอ้หมอนี่เลือกที่จะนั่งข้างน่านฟ้า
“หมอน่านฟ้านี่ตัวจริงดูดีกว่าที่เขาพูดกันอีกนะครับ” หมอเดย์พูด ส่วนทีทัชได้แต่มองนิ่ง ๆ เพราะตอนนี้เขากำลังจะกลายเป็นอากาศ สัญชาตญาณของคนที่เป็นไม้กันหมามานานฟันธงเลยว่าไอ้หมอเดย์ห่านี่กำลังจะจีบน่านฟ้า และแน่นอนว่าไอ้คนที่บอกว่าตัวเองแมนนักแมนหนาไม่รู้ตัวอีกตามเคย
“ฮ่า ๆ ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ” น่านฟ้าพูดยิ้ม ๆ เพื่อไม่ให้เสียมารยาท อาจเป็นเพราะว่าเขาเคยผ่าตัดเคสยาก ๆ ได้สำเร็จและนั่นก็เลยทำให้เขาเป็นที่รู้จักในวงการแพทย์ ไม่แปลกที่หมอเดย์จะทำเหมือนรู้จักเขามานาน
“ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ครับ เราก็เป็นหมอเหมือนกัน”
“ฮ่า ๆ หมอน่านฟ้านี่น่ารักจังเลยนะครับ ไม่ถือตัว” ทันที่ที่หมอเดย์พูดจบ ทีทัชก็วางช้อนกินข้าวก่อนที่จะหันไปเบะปากทางอื่น
“โอ๊ะ!” น่านฟ้าหันไปมองทีทัชที่นั่งตรงข้ามที่อยู่ ๆ ก็อุทานออกมา แถมยังยิ้มแปลก ๆ ส่งมาให้เขาอีก
“อะไร” น่านฟ้าถามแต่ทีทัชไม่ตอบ แต่กลับยกมือขึ้นเหมือนกับเรียกใครบางคนทำให้น่านฟ้าต้องหันหลังกลับไปดู
คนที่หายไปหนึ่งวันกลับมาพร้อมกับผมทรงเปิดข้างทรงเดิมที่วันนี้ไม่ได้เซ็ตผมแต่ก็ไม่ได้ทำให้เจ้าตัวดูแย่เลย สักนิด มาในชุดนักศึกษาไม่ได้ทับในและใส่เนกไท ใส่รองเท้าผ้าใบกางเกงยีนส์แน่นอนว่าแบรนด์เนม แต่งตัวแพงกว่าเงินเดือนหมอก็ต้องคนนี้นี่แหละ แต่พอมองใกล้ ๆ สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคงจะเป็นรอยช้ำที่มุมปากและรอยแผลแตกที่หางคิ้วซ้าย แต่ทำไมหน้ามีแผลแล้วว่ายังหล่ออยู่อีกวะ น่านฟ้ารีบสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นออกไปก่อนที่จะหันกลับมาและม่านเมฆเองก็เดินมาถึงที่โต๊ะพอดี
“นั่งก่อน ๆ” ทีทัชพูดพร้อมกับเลื่อนจานอาหารไปข้างๆ แล้วลุกให้ม่านเมฆนั่งที่ตัวเองส่วนตัวเองก็ไปนั่งเก้าอี้ ข้าง ๆ แทน เท่ากับว่าม่านเมฆนั่งตรงข้ามกับน่านฟ้าและทีทัชนั่งตรงข้ามกับหมอเดย์
“หายไปไหนมาวะ แล้วหน้ามึงไปโดนอะไรมา” ทีทัชถามม่านเมฆอย่างเป็นกันเองเพราะว่าเขาเคยคุยกับม่านเมฆแล้ว และจากการที่ได้คุยกันเขาก็ชอบที่ม่านเมฆเป็นคนตรง ๆ และดูเป็นผู้ใหญ่กว่าที่คิด ที่สำคัญไอ้เด็กนี่แม่งรวยได้ใจแถมมันยังหล่อเกินความจำเป็น
“พอดีมีเรื่องนิดหน่อยครับ” ม่านเมฆตอบ
“อ๋อ” ทีทัชพยักหน้า และนี่ก็คงเป็นอีกอย่างที่ทีทัชชอบม่านเมฆ เพราะต่อให้เขาพูดหยาบคายใส่อย่างไร ม่านเมฆก็จะตอบกลับมาอย่างสุภาพและรู้จักกาลเทศะเสมอ
“เป็นไงบ้างครับ” ม่านเมฆที่ตอบทีทัชเสร็จก็หันไปถามน่านฟ้าที่ก้มหน้าก้มตามองจานข้าว
“อะ...อะไรนะครับ”
“เหนื่อยไหมครับ”
“ก็เหนื่อยครับ เมื่อวานหมอเข้าเวรดึก แล้ว...เราล่ะเป็นไงบ้าง” น่านฟ้าถามพร้อมกับมองแผลตามใบหน้าของม่านเมฆ
“เจ็บครับ” ม่านเมฆพูดพร้อมกับยืนหน้าไปใกล้ ๆ น่านฟ้า ทำเอาน่านฟ้าถึงกลับหน้าแดงส่วนทีทัชผู้สังเกตการณ์ก็ยกยิ้มทันที ไหนบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับเด็กนี่แล้วมึงจะหน้าแดงทำไม วันนี้ที่รู้ ๆ มีเรื่องล้อน่านฟ้าแล้วโว้ย
“เอ่อ...น้องหมอทีทัชเหรอครับ” หมอเดย์ถาม
“ไม่ใช่ครับ” ทีทัชปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้ตอบหรือแนะนำอะไรและไม่ลืมที่จะส่งซิกโดยการเตะขาม่านเมฆใต้โต๊ะเบา ๆ
“ผมหมอเดย์นะครับ”
“ม่านเมฆครับ” ม่านเมฆพูดออกไปแค่นั้น ผู้ชายแค่มองหน้ากันก็ดูออกแล้วว่าคิดอะไรอยู่ และที่ทำให้ยิ่งแน่ใจไปมากกว่านั้นก็ตรงที่หมอทีทัชเตะขานี่แหละ
“เรียนคณะอะไรเหรอครับ ปีไหนแล้วยังดูเด็กอยู่เลย”
“วิศวะฯ ปี 3 ครับ”
“ยังเด็กอยู่จริง ๆ ด้วย” หมอเดย์พูดแบบยิ้ม ๆ แน่นอนว่าถ้าคนทั่วไปพูดแบบนี้ถือว่าปกติไม่มีอะไรแอบแฝง แต่นี่คงไม่ใช่
“ไม่มีเรียนเหรอครับ” น่านฟ้าที่รู้สึกแปลก ๆ เลยเปิดประเด็นใหม่แทน
“เข้าสายได้ครับ”
“คลาสอาจารย์คนนั้นเหรอ” น่านฟ้าจำได้ว่าม่านเมฆเคยบอกว่ามีอาจารย์ขอให้ลงแข่งบอลแล้วจะให้เข้าสายได้
“ใช่ครับ” ม่านเมฆตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้น่านฟ้า เขาดีใจที่อย่างน้อยน่านฟ้าก็ยังจำเรื่องที่เขาพูดได้
“โค้ดลับ เข้าใจกันแค่สองคนงี้” ทีทัชอดแซวไม่ได้
“ไม่เสือกสักเรื่องมึงจะตายปะที” เขารู้ว่าทีทัชแซว แต่ในความคิดของน่านฟ้าคือทีทัชเสือก
“เขินเหรอ”
“เสือก” น่านฟ้าสาบานเลยว่าถ้าอยู่กันสองคนทีทัชจะไม่โดนด่าแค่เสือกแน่ ๆ
“เข้าเรียนสายไม่ดีนะครับ ไม่คุ้มกับเงินที่พ่อแม่เสียไปนะ” หมอเดย์เปิดศึกอีกครั้ง
“ผมไม่ได้ขอเงินพ่อแม่ใช้ครับ” คำตอบเรียบ ๆ ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ของม่านเมฆทำเอาน่านฟ้ากับทีทัชตกใจตรงประเด็นที่ว่าไม่ได้ขอเงินพ่อแม่ใช้ มหาวิทยาลัยที่เรียนก็ดังเพราะเป็นมหาวิทยาลัยเดียวกับที่เขาเรียนหมอ แถมคณะวิศวกรรมศาสตร์ ค่าเทอมก็แพงหูฉี่ ไหนจะแบรนด์เนมที่ใส่อีก แล้วเอาเงินจากไหนมาใช้ ถ้าไม่ได้ขอจากพ่อแม่
“จริงปะ” ทีทัชที่มักจะทนเก็บอะไรที่คาใจไว้นาน ๆ ไม่ได้ถามออกไป
“จริงครับ ถึงผมจะอายุแค่ 21 แต่ก็ไม่ใช่เด็กที่แบมือขอเงินพ่อแม่ใช้ไปวัน ๆ”
“แล้วเอาเงินที่ไหนใช้วะ” เป็นครั้งแรกที่น่านฟ้ารู้สึกดีกับคำถามแสนเสือกของทีทัช
“รอให้ผมมีแฟนเป็นหมอก่อนแล้วผมจะบอกครับ”
“เออ มันต้องงี้ หยอดเยอะ ๆ อ่อยบ่อย ๆ เดี๋ยวมันก็ตกหลุมพลางเว้ย ฮ่า ๆ” เป็นที่รู้กันว่าทีทัชลงเรือ #เมฆฟ้า แล้วเรียบร้อย
“เก่งนะครับ ตัวแค่นี้เอง” หมอเดย์ยังคงพูดต่อด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ แต่ตอนนี้ม่านเมฆเริ่มไม่พอใจแล้วเพราะตอนนี้เจ้าตัวถอนหายใจและสีหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นหงุดหงิด น่านฟ้าได้แต่มองหน้าทีทัชเพื่อของความช่วยเหลือแต่ทีทัชกลับนั่งยิ้ม “อย่าใช้เงินเกินตัวนะครับ น้องยังเด็ก อนาคตมันไม่แน่นอน”
“เอ่อ...” น่านฟ้าแทบจะบ้า เอาข้าวที่เหลือยัดปากหมอเดย์จะเป็นไรไหมวะ คือเขาก็ไม่ได้โง่ขนาดไม่รู้ว่าทั้งสองคนพูดแขวะกันอยู่
“หมอเดย์ต้องการอะไรจากผมครับ” ม่านเมฆที่เริ่มจะเก็บอารมณ์ตัวเองไม่ไหวจึงถามออกไป
“พี่ก็แค่พูดไปในฐานะคนที่โตกว่าแค่นั้นเองครับ”
“ผมว่าเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นนะครับ”
“เสียใจนะครับ พี่อุตส่าห์...หวังดี”
“ถ้าพูดเพราะหวังดีผมไม่ได้ว่าอะไรครับ แต่ถ้าที่พูดมาทั้งหมดเพราะไม่ชอบผม ผมแนะนำให้หมอเดย์อย่าพูดกับผมเลยครับ เหมือนที่ผมพยายามจะไม่พูดกับหมอเดย์” นี่คงเป็นประโยคที่ยาวที่สุดของวันนี้ที่ม่านเมฆพูด และแน่นอนว่าทำเอาหมอเดย์ถึงกับพูดไม่ออก ประโยคที่ไม่มีแม้แต่คำหยาบคายแต่ทำให้เขาหน้าชาได้
“ไอ้ทีเก็บจานให้กูด้วยนะ ผมขอตัวก่อนนะครับ” น่านฟ้าพูดกับทีทัชพร้อมกับหันไปลาหมอเดย์ตามมารยาท ก่อนที่จะเดินมาดึงแขนม่านเมฆที่ตอนนี้กำลังมองหน้าหมอเดย์นิ่ง “ไปทำแผลกันครับ”
ตลอดการล้างแผลไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมาจากปากน่านฟ้าเลยสักคำทำเอาม่านเมฆถึงกับทำตัวไม่ถูก
“ผมขอโทษครับ ที่พูดแบบนั้นใส่เพื่อนหมอ” ม่านเมฆเอ่ยขอโทษเพื่อทำลายความเงียบ
“รู้ตัวด้วยว่าผิด?”
“...” หมอคงโกรธเขาเรื่องนี้จริง ๆ สินะ
“ล้อเล่นครับ ฮ่า ๆ”
“ครับ?” ม่านเมฆทำหน้างงมองคุณหมอที่กำลังหัวเราะไปล้างแผลที่มือเขาไป
“ไม่ต้องขอโทษหรอก หมอเดย์เป็นหมอใหม่เพิ่งมาวันนี้อีกอย่างไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นครับ” น่านฟ้าบุคคลที่ไม่แคร์ใครหน้าไหนทั้งนั้น ถ้าไม่ใช่คนในครอบครัวหรือเพื่อน อีกอย่างเรื่องนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องของเขาเลยสักนิด
“อ่า...ครับ” ม่านเมฆโดนน่านฟ้าแกล้งเสียแล้ว
“อีกอย่างถือว่าเป็นเรื่องของเรากับหมอเดย์ หมอไม่ยุ่งครับ”
“แต่หมอเดย์เขากำลังจะจีบหมอ”
“ฮ่า ๆ ไม่ใช่หรอกครับ”
“นี่หมอไม่รู้ตัวเลยเหรอครับ ถ้าหมอไม่เชื่อ ลองไปถามหมอทีดูสิครับ” หมอนะหมอเรื่องอื่นทำไมรู้ แต่เวลาคนมาจีบนี่ความรู้สึกช้าจังนะครับ
“ว่าแต่เราไปทำอะไรมาครับ” น่านฟ้ารีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“รุ่นน้องมีปัญหาครับ”
“เราเลยต้องช่วย?”
“ครับ ก็มันเป็นสิ่งที่รุ่นพี่ควรทำนี่ครับ”
“การมีเรื่องชกต่อยกันเนี่ยนะ”
“มันคือการที่รุ่นพี่เข้าไปเคลียร์ปัญหาให้น้องครับ ส่วนมากก็เข้าไปพูดคุยให้เรื่องจบแต่แน่นอนว่าบางครั้งการพูดคุยอย่างเดียวมันก็ไม่พอ”
“หมอต้องรักษาทุกคนไม่เลือกประเทศ สัญชาติหรือศาสนา แต่แน่นอนว่าหมอทุกคนอยากรักษาคนที่เขาป่วย จริง ๆ หรือเกิดอุบัติเหตุจริง ๆ ไม่ใช่พวกที่ทำตัวเอง” น่านฟ้าพูดสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจมาโดยตลอด เขามักจะเจอเคสเด็กตีกันยิงกันมันเป็นเคสที่ไม่น่ารักษาเลยสักนิด แต่ทำไงได้ในเมื่อเขาเป็นหมอเขาก็ต้องรักษาคนไข้ทุกคนอย่างสุดความสามารถ
“ผมอยู่ในสถานการณ์ที่เลี่ยงไม่ได้”
“รู้ว่าเลี่ยงไม่ได้แต่ก็พาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์นั้น”
“ผมว่าเราเลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่าครับ”
“ทำไมครับ”
“ตอนนี้พูดไปหมอก็ไม่เข้าใจอยู่ดี คำอธิบายของผมจะกลายเป็นคำแก้ตัวเปล่า ๆ”
“...” น่านฟ้าที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับนิ่ง ตอนนี้เหมือนกับว่าเขาเด็กกว่าม่านเมฆเสียอีก
“เอาไว้หมอเป็นแฟนผมเมื่อไหร่ ผมจะอธิบายจนกว่าจะหมอเข้าใจเลยครับ”
“วันนี้เสือของเรามันเป็นไรวะ”
“เออนั่นดิ เหยื่อยิ้มอ่อยจนปากจะฉีกถึงหูแล้วมันยังไม่สนใจเลย ฮ่า ๆ”
“บางคนส่งสายตาเยิ้มเหมือนคนเป็นเบาหวาน เสือเราก็ยังนิ่งอยู่เลยว่ะ ฮ่า ๆ”
เสียงของเพื่อน ๆ ร่วมโต๊ะพูดขึ้นอย่างขำ ๆ ตอนนี้ม่านเมฆกำลังนั่งอยู่ที่ผับร้านประจำของกลุ่ม ทุกอย่างที่นี่ยังเหมือนเดิมสาวเยอะเหมือนเดิมนุ่งน้อยห่มน้อยเหมือนเดิมและแน่นอนว่าโต๊ะนี้ก็ยังเป็นจุดสนใจเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าหน้าหล่อ ๆ ของผู้ชายกลุ่มนี้จะมีรอยฟกช้ำก็เถอะ แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคงจะเป็นเสือประจำกลุ่มนี่แหละ ที่ไม่สนใจอะไรเลยนอกจากแก้วเหล้าในมือ
“เป็นไรวะ ถ้ามึงจะมานั่งหล่อ ๆ ให้สาวมองมึงคนเดียวก็กลับไปครับ ขวางหูขวางตาคนหล่ออย่างกู” คลีนพูดขึ้นขำ ๆ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองมีสาวชุดเกาะอกสีแดงคัพซีนั่งตักอยู่
“อืม งั้นกูกลับก่อน” ม่านเมฆพูดจบก็ลุกขึ้นทันทีทำเอาคลีนดึงแขนแทบไม่ทัน
“ไอ้ห่า นั่งก่อน” คลีนพูดพร้อมกับดึงให้ม่านเมฆนั่งลงก่อนที่จะหันไปบอกสาวบนตักให้กลับไปนั่งโต๊ะตัวเองก่อน “ตกลงเป็นไรครับคุณเพื่อน เครียดอะไร ไหนบอกเพื่อนคลีนสิครับ”
“มีคนจีบหมอว่ะ”
“ตายแล้วววว” คลีนทำท่าตกใจแต่ใครมองก็รู้ว่ามันกวนตีน “มันเป็นลูกเต้าเหล่าใครครับคุณเพื่อน”
“หมอที่มาใหม่”
“งี้เขาก็ใกล้ชิดสนิมสนมกันแน่นเเฟ้นเลยดิ”
“...”
“เอ่อ...กูหมายถึงเขาทำงานด้วยกันงี้” คลีนรีบแก้ตัวเพราะสายตาที่ม่านเมฆมองมาเหมือนสื่อว่ามึงอยากเจ็บตัวเหรอ ที่รู้เพราะเคยโดนมาแล้วไง “แล้วตกลงที่นั่งหน้านิ่งแบบนี้เพราะเรื่องนี้?”
“...” ม่านเมฆไม่ตอบแต่ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มแทน
“ตกลงมึงจริงจังใช่ปะ”
“...”
“แหม ไอ้เหี้ย เงียบให้กูเดาใจมึงจากสีหน้าเหรอ” คลีนอดไม่ได้ที่จะแขวะไอ้คนที่นั่งหน้านิ่งไม่ยอมตอบอะไร ไอ้คนถามก็อยากรู้ตัวสั่นไปหมดแล้วโว้ย
“กูจริงจัง”
“แล้วมึงหยุดได้?” คลีนพูดพร้อมกับมองไปทางสาว ๆ ที่ต่างส่งยิ้มมาให้ม่านเมฆ ถ้าปกติคงมีใครสักคงที่ถูกหิ้วไปต่อแล้ว
“สำหรับกู...ถ้ามีหมอคนอื่นก็ไม่สำคัญแล้ว” เตรียมตัวให้ดีนะครับหมอน่านฟ้า ผมจะจีบคุณแบบจริงจังแล้วนะครับ
♡
#เจ้าของน่านฟ้า
แล้ว เสือจะบุกแล้วนะคุณหมออออ
เหมาะกับการให้หมอฟ้าผ่าหมาออกจากปาก!!!