ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [衛霄] เพลิงวิญญาณบรรพกาล

    ลำดับตอนที่ #3 : 三

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 16.82K
      1.3K
      31 ส.ค. 63






              ไม่ว่าเหตุผลแท้จริงที่นางหลงภพมาเกิดคืออะไร  เว่ยเซียวก็ตัดสินใจจะใช้ชีวิตใหม่นี้ให้คุ้มค่าที่สุด  

              หลังได้รับความทรงจำทั้งหมดของคุณหนูสามคนก่อน  เด็กสาวจึงเข้าใจถึงความอ่อนแอของร่างกายใหม่  แต่แม้เป็นเช่นนั้นนางกลับไม่รู้สึกกังวลใจเท่าใด


              กล่าวถึงความสามารถ  เว่ยเซียวตระหนักยิ่งว่าตนมิใช่เพียงมนุษย์ธรรมดาทั่วไป  ในชาติก่อนความแตกต่างข้อนี้เปรียบเสมือนตราบาปแลโชคลาภสำหรับนางเลยทีเดียว


              ห้วงสมุทรดารา  หนึ่งในวิชาสะเทือนฟ้าที่
    เว่ยเซียวถือครองอยู่  แก่นวิญญาณของนางผูกโยงสู่ห้วงมิติอนัตตานับแต่จำความได้  

              และยามนี้เว่ยเซียวยังสัมผัสถึงการคงอยู่ของพลังได้อย่างชัดเจน  

              อีกทั้ง  การฝึกปรือศาสตร์ลับเพลิงวิญญาณซึ่งเป็นกระบวนท่าย่อยของห้วงสมุทรดารา  สำหรับนางที่ในอดีตเคยก้าวข้ามไปหนหนึ่ง  ก็นับเป็นเรื่องง่ายดายยิ่ง

              ส่วนด้านหมัดมวยเพลงกระบี่ยังไม่พูดถึง  เว่ยเซียวสอบผ่านฉลุย  จะติดก็ตรงร่างกายคุณหนูสามนั้นช่างอ่อนแอ  แขนตะเกียบอมโรคเช่นนี้ไม่ทราบต้องใช้เวลาฟื้นฟูกำลังนานเท่าใด  นับเป็นอีกปัญหาให้นางได้นำไปขบคิดแก้ไข

              หลังใคร่ครวญถ้วนถี่  
    เว่ยเซียวจึงตัดสินใจจะฝึกฝนเพลิงสีชาด  หนึ่งในความสามารถขั้นต้นของเพลิงวิญญาณเป็นอันดับแรก  เพราะมันขัดเกลาได้ง่ายสุด  ซ้ำยังเป็นทางผ่านสู่ขุมพลังชั้นถัดไปอีกด้วย 

              ปังๆๆ!!                   

              ขณะนั้นเอง  เว่ยเซียวไม่ทันเริ่มถอดจิตเข้าห้วงสมุทรดารา  กลับได้ยินเสียงทุบปึงปังจากอีกฟากของประตูห้อง

              ตามด้วยเสียงโหวกเหวกแหลมสูงทะลุชั้นฟ้า นังคนไร้ค่า ยังไม่ไสหัวออกมาอีก!”

              ดวงตาหม่นแสงเจือแววสังหาร  
    เว่ยเซียวหรี่ตามองดาลประตูเก่าแก่ที่ใกล้พังพินาศในอีกไม่ช้า

              “พี่สาว… ระ หรือว่า… นังคนไร้ค่าจะตายไปแล้วจริงๆ” เสียงเบาราวกระซิบของเด็กสาวอีกคนเอ่ยถามผู้เป็นพี่อย่างไม่แน่ใจ

              ผู้เป็นพี่ขมวดคิ้วมุ่น เม่ยเอ๋อ!  หยุดพูดจาเหลวไหลแล้วมาช่วยข้าพังประตูเร็วเข้า …นังนั่นก็แค่เรียกร้องความสนใจจากองค์รัชทายาทเท่านั้น 

              “จะ เจ้าค่ะ

              เด็กสาวฝาแฝดทั้งสองช่วยกันทุบประตูสามัคคี  กระทำการอุกอาจโดยไม่คำนึงว่าเจ้าของเรือนจะลงโทษพวกนางอย่างไร

              ปึงๆๆ

              ในเศษเสี้ยวความทรงจำ  
    เว่ยเซียวมักคุ้นน้ำเสียงของผู้บุกรุกทั้งสองอยู่บ้าง  คงเป็นพวกที่ชอบกลั่นแกล้งคุณหนูสามคนเก่ากระมัง?

              
    เด็กสาวตบเท้าเดินไปทางประตูอย่างไม่เร่งรีบ  ใบหน้านางไร้อารมณ์  หากริมฝีปากคล้ายแต่งแต้มรอยยิ้มร้ายของปีศาจ  

              อยากเข้ามานักใช่หรือไม่?  เช่นนั้นก็เข้ามาเถิด  

              
    เว่ยเซียวเอื้อมมือไปยกดาลประตูขึ้นและถอยหลบฉากช่วงถัดมา  นางเคลื่อนไหวคล่องแคล่วซุกซน

              “ว้ายยยย!”

              เพราะเรี่ยวแรงทั้งหมดถูกถ่วงไปที่ประตู  จึงพุ่งไปข้างหน้าโดยไม่ทันตั้งตัว  เด็กสาวทั้งสองกรีดร้องประสานเสียง  ดวงตาเบิกกว้างตื่นตระหนก  พวกนางเสียหลักล้มถลาหน้าไถลไปกับพื้นปูน

              “โอยย…” เว่ยซูลี่ผู้เป็นพี่ยันตัวขึ้นนั่งด้วยความยากลำบาก  มือกุมคางเรียวซึ่งบัดนี้ปรากฏรอยเสียดสีจนน่าเกลียด

              จากนั้นหางตาเหลือบไปเห็น
    เว่ยเซียวที่กำลังยิ้มหยัน  เว่ยซูลี่พลันชักสีหน้าเดือดดาล นังคนไร้ค่า!  นี่เจ้ากล้าลงมือกับพวกข้าเชียวรึ?  ท่านพ่อไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่!”

              
    เว่ยเซียวไม่ให้ค่าคำขู่ของเด็กสาวที่ยกตนข่มท่าน  เพียงเลิกคิ้วท้าทายและเอ่ยสวนกลับไป “เจ้าปัญญาอ่อนหรือ  เห็นๆอยู่ว่าที่นี่คือเรือนของข้า  ขอถามเจ้า  ไม่ทราบว่าข้าไปขู่เข็ญบังคับขาพวกเจ้าให้ก้าวเดินเสียเมื่อไหร่?  ทั้งเป็นพวกเจ้าบุกรุกเข้ามาเอง  โดยไม่ทันระวังจึงลื่นหกล้ม แล้วจะเอาผิดข้าด้วยเรื่องใดกัน  ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย

              บ่นจบยังมิวายแสร้งจิ๊ปากขัดใจ  สายตาที่ใช้มองเว่ยซูลี่คล้ายไม่คิดว่าจะมีคนโง่เง่าเต่าตุ่นเช่นนี้อยู่บนโลก  

              ก็ข้อกล่าวหาที่นางไม่ได้กระทำ  เหตุใดต้องทนก้มหน้ายอมรับมันเล่า  

              “เจ้า…!”

              เว่ยซูลี่สะอึก  นางถูกตอกกลับจนเบื้อใบ้ไปชั่วขณะ  นี่... นังคนไร้ค่าที่ยามปกติไม่กล้าแม้สบตาพวกนาง  เหตุใดวาจาจึงฉะฉานร้ายกาจเพียงนี้

              
    เว่ยเซียวยกมือกอดอก  นัยน์ตาฉายแววขบขัน เจ้า?

              เว่ยซูลี่ปกติก็เลือกรังแกแต่ผู้อ่อนแอไร้ทางสู้  ยามนี้เมื่อถูกยอกย้อนจึงไม่อาจโต้เถียงทันท่วงที  บรรยากาศอักอ่วนเฉกนี้ดำเนินไปสักพัก  ไม่นานบ่าวรับใช้ของคุณหนูฝาแฝดก็กรูตามกันเข้ามา

              พวกนางก้มมองคุณหนูฝาแฝดด้วยสายตางุนงง  คุณหนูห้าและคุณหนูหกของพวกนาง… เหตุใดจึงมีสภาพสกปรกเช่นนี้

              เว่ยซูลี่รู้ถึงสายตาบ่าวรับใช้ก็ทั้งโมโหทั้งอับอาย  นางรีบดึงเว่ยซูเม่ยที่ถูกล้มทับจนนอนนับดาวขึ้นมา  ก่อนชี้นิ้วไปยัง
    เว่ยเซียว นังคนไร้ค่า!  อย่าคิดว่าเรื่องจะจบเพียงเท่านี้  ข้าต้องทำให้เจ้าอับอายเป็นร้อยเท่าพันเท่าแน่!”

              กล่าวจบก็สะบัดหน้าไปทางบ่าวรับใช้ มองอะไรของพวกเจ้า?  ยังไม่พาคุณหนูอย่างข้ากลับเรือนอีก  อยากถูกควักลูกตานักหรือ!”

              “จะ… เจ้าค่ะ!” แม้ไม่อาจกระจ่างในเรื่องราวทั้งหมด  บ่าวรับใช้ก็เพียงกระวีกระวาดรับคำ  แล้วจึงรีบพยุงคุณหนูของพวกตนผละจากไป

              
    เว่ยเซียวมองตามหลังพวกนางไปจนลับสายตา  ครุ่นคิดในใจอย่างสนุกสนาน

              ฐานยืมร่างผู้อื่นหายใจ  ไม่ช้าย่อมตอบแทน  ดังนั้นสักวันหนึ่ง... บัญชีแค้นทั้งหลายที่คนพวกนั้นเคยปฏิบัติต่อคุณหนูสามคนเก่า 

              ...นางจะคืนสนองให้พวกมันอย่างสาสมเลยทีเดียว

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×