ลำดับตอนที่ #20
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : 二 十
ฟู่เหวินหยางสะกดอารมณ์พลางเดินเข้าไป ครั้นเห็นตัวปัญหานอนพิงเสาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มไร้การป้องกันเช่นนั้น คิ้วรูปดาบพลันกระตุกถี่ยิบ
ยังมีหน้ามานอนหน้าระรื่น!
สุดท้าย ฟู่เหวินหยางทอดถอนใจ ช่างมันเถอะ... ก็แค่สมบัติกองเดียว วังลู่เสียนแห่งนี้ยังมีเหลืออีกตั้งเก้าร้อยเก้าสิบเก้าห้องให้เขาได้คอยชื่นชม
หรือต่อให้นางจะขนมันไปจนหมดทั้งเก้าร้อยเก้าสิบเก้าห้อง… เขาก็ยังมีสำรองที่ตำหนักเฟยเจินอีกห้าร้อยประตูทองคำ
ฟู่เหวินหยางมิได้เรียกปลุกเด็กสาวขึ้นมาคั้นคำตอบ เพียงตรงเข้าไปช้อนตัวนางไว้ในอ้อมอกและหันหลังออกจากห้องสมบัติไป
แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ทันสังเกต นิสัยเผื่อแผ่ไม่หาความเช่นนี้ นอกจากเด็กสาวตรงหน้าแล้ว ฟู่เหวินหยางผู้อารมณ์แปรปรวนร้ายกาจ ไม่เคยยั้งไมตรีต่อผู้ใดมาก่อน
กระทั่งองครักษ์เงาทั้งเจ็ดนาย ยังประหลาดใจอย่างมากในอิริยาบถไม่เข้าท่าที่ท่านอ๋องของพวกเขามีให้แก่คุณหนูสามเว่ย
เหล่าองครักษ์เงาแลกเปลี่ยนสายตากัน เด็กสาวผู้นี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่… ทำให้หยินอ๋องผู้หวงแหนทรัพย์สมบัติประหนึ่งลูกในไส้ยอมปล่อยนางไปโดยไม่คิดถือโทษ ทั้งได้รับการปฏิบัติที่ไม่เลวจากพระองค์อีกด้วย
พวกเขารู้สึกเหมือนโดนค้อนทุบหนังศีรษะอีกครั้ง หรือสมองของท่านอ๋องจะพลิกกลับด้านไปเสียแล้ว
คิดมาถึงตรงนี้ทุกคนต่างรีบส่ายหน้าพัลวัน หยุดความคิดผายลมเสีย! หยินอ๋องผู้มากเล่ห์สุดเท่ของพวกเขาจะเอาไปรวมเข้ากับคนปัญญาอ่อนได้อย่างไร
ฟู่เหวินหยางเดินเอื่อยไปทางห้องนอนที่ทั้งสองเข้ามา ทันใดนั้นเหมือนเพิ่งนึกเรื่องที่ไม่สำคัญขึ้นมาได้ เขาชะงักฝีเท้า หรี่ตามองเงาที่ก้มหน้าตามหลังรอรับคำสั่งอยู่เงียบๆ
ฟู่เหวินหยางเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ย้ายสมบัติของเจ้านั่นมาไว้ที่นี่ก็แล้วกัน”
แม้นรู้สึกว่าตนยังคงหลงลืมเรื่องสำคัญอีกประการไป แต่อย่างไรก็นึกไม่ออกเสียที ท้ายสุดจึงทำเพียงปล่อยผ่านเลย
“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์เงาทั้งเจ็ดรับคำสั่งพร้อมเพรียง ค่อยผลุบหายไปจากจุดยืนราวปีศาจ
‘เจ้านั่น’ ที่หมายถึงก็คือองค์รัชทายาทฟู่เหวินเหอ ก่อนหน้านี้ ท่านอ๋องมีประสงค์ให้สร้างตำหนักเพิ่มอีกหนึ่งแห่ง เพื่อใช้เก็บสมบัติที่ริบได้จากองค์รัชทายาทสมองกลวงผู้นั้นทั้งในปัจจุบันและภายภาคหน้า ไม่คาดว่าวันนี้จะต้องเปลี่ยนแผนกระทันหัน
ฟู่เหวินหยางถีบประตูห้องนอน อุ้มเด็กสาวกลับออกทางเดิมที่ใช้พาเข้ามา
การกระทำของหยินอ๋องนุ่มนวลเงียบเชียบ ไม่รบกวนเว่ยเซียวซึ่งกำลังหลับใหลแม้แต่น้อย
เทพสังหารผู้นี้ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา นั่นเป็นความจริงที่ทุกคนประจักษ์แจ้ง
ทว่ากับเด็กสาวผู้นี้ กลิ่นอายบางอย่างรอบกายนางดึงดูดฟู่เหวินหยางได้ชะงัด ทำให้เขาไม่อาจมองข้ามหรือสังหารนางทิ้งเพื่อช่วงชิงสมบัติมาเป็นของตน
ดังนั้น... ก่อนค้นพบคำตอบของความรู้สึกน่ารำคาญใจนี่ ฟู่เหวินหยางจึงหมายเก็บนางไว้ดูเล่นสักระยะหนึ่ง ปั้นแต่งให้กลายเป็นหมากที่สามารถหยิบใช้ได้ทุกเมื่อ
จิตบรรพกาลที่นางถือครองอาจมอบประโยชน์ให้แก่เขาไม่มากก็น้อย
เมื่อพาเว่ยเซียวกลับมาส่งถึงเรือนตามคำสัญญา ฟู่เหวินหยางค่อยบรรจงวางนางลงบนเตียง ตรองชั่วครู่ก็หยิบขวดหยกลายครามวางไว้ข้างๆพร้อมแนบบอกวิธีใช้งาน แล้วจึงหมุนตัวจากไปพร้อมความมืดมิด
เว่ยเซียวลืมตื่นอีกครั้งในยามซื่อ [1] และพบว่าตนกลับมานอนอยู่ในห้องที่คุ้นเคยโดยไร้ซึ่งรอยตำหนิใด
ฟู่เหวินหยางผู้นั้นแม้ร้ายกาจสองอารมณ์แต่ก็หาใช่คนสับปลับไม่ ทั้งมิได้หลงลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับนาง นับเป็นบุรุษมีสัจจะผู้หนึ่ง
เว่ยเซียวตั้งท่าจะลุกลงจากเตียง หางตาถึงเหลือบไปเห็นขวดหยกลายครามวางอยู่ข้างลำตัว
สิ่งนี้คือ?
เว่ยเซียวนำขวดหยกมาเพ่งพินิจ ก่อนสังเกตเห็นกระดาษเล็กร่วงลงมา นางกวาดสายตาไล่อ่านตัวอักษรบนกระดาษแผ่นนั้น ครบถ้วนทุกแถวไม่ตกหล่น
‘วารีเทพสมุทร ชำระล้างพิษ’ เป็นลายมือที่ตวัดเขียนได้ดุดันแข็งกร้าวทีเดียว
ใช่ฟู่เหวินหยางทำตกไว้หรือไม่? ...ช่างมันเถอะ ถือเสียว่าเขามอบให้นางโดยไม่ตั้งใจก็แล้วกัน เพียงอย่ามาทวงหาด้วยการบีบคอนางอีกเป็นใช้ได้
เว่ยเซียวโยนขวดหยกลายครามลงมิติลับอย่างไม่ใส่ใจ นางมีห้วงสมุทรดาราไว้คอยทำหน้าที่กำจัดพิษทุกแขนง ดังนั้นสิ่งนี้คงไม่จำเป็นเท่าไหร่
แต่หากนำไปขายคงได้ราคาดีไม่น้อย...
ช่างน่าเศร้าที่วารีเทพสมุทร หนึ่งในตัวยาระดับสูงซึ่งผู้คนล้วนเพียงเฝ้ามองไม่อาจสัมผัสต้อง ถูกตีค่าต่ำติดดินโดยเด็กสาวนามเว่ยเซียว โยนทิ้งขว้างไม่แยแสไว้มุมหนึ่งในห้วงมิติลับ
กระทั่งเว่ยหลาง บิดาไร้มโนธรรมของนาง ยังไม่มีปัญญาสูดดมแม้กลิ่นของมัน หากผู้คนได้มาเห็นการปฏิบัติอันแสนหยาบคายของเด็กสาว แน่นอนพวกเขาคงไม่ลังเลที่จะไล่ทุบนางให้ตายเพื่อชิงวารีเทพสมุทรไปเป็นของตน
ยามนี้กองทุนไม่ใช่ปัญหาสำหรับเว่ยเซียวอีกต่อไป เหลือเรื่องยุ่งยากเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น นางจะนำมันไปแลกเปลี่ยนเป็นตั๋วเงินอย่างไรดี
เว่ยเซียวยังไม่มั่นใจในความสามารถของตน ...ว่าจะรอดพ้นสายตาผู้คุ้มกันจวนไปได้หรือไม่
คงมีแต่ต้องไปพบบิดาไร้มโนธรรมผู้นั้นอีกสักครั้ง
เวลาเดียวกันภายในโถงเรือนหลัก แม่ทัพบูรพาผู้มีใบหน้าถมึงทึงกำลังจับจ้องไปที่บุตรสาวทั้งสามและฮูหยินใหญ่ของตน
“เมื่อวานนี้พวกเจ้าก่อเรื่องอะไรเอาไว้ รู้ตัวหรือไม่?” เว่ยหลางมืดแปดด้าน ยากนักที่จะคุมโทสะมิให้พวยพุ่งถึงชั้นฟ้า ความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างองค์รัชทายาทต้องหมองหม่นเพียงเพราะเหตุการณ์ไร้ยางอายเมื่อกลางวันนั้น!
แม้เว่ยหลางปรารถนาอย่างยิ่งที่จะปรี่เข้าไปตบฟ่านอวี่สักฉาด หากก็ต้องยับยั้งชั่งใจไว้เสียก่อน
เขายังเห็นแก่หน้าบุตรชายคนโตและบุตรสาวคนรองซึ่งออกจากบ้านไปหาประสบการณ์ เสริมสร้างชื่อเสียงแก่วงศ์ตระกูล
เว่ยจิ่นจี๋ผู้ได้รับการรักษาจนแผลเริ่มหายดีก้มหน้างุด เก็บซ่อนประกายอาฆาตในดวงตา “ท่านพ่อ… ทั้งหมดนี่ล้วนเป็นเพราะนังสารละ… น้องห้าที่วางแผนทำร้ายจี๋เอ๋อ… นางลอบเผากระโปรงของจี๋เอ๋อ ท่านแม่เพียงต้องการปกป้องจี๋เอ๋อเท่านั้นเจ้าค่ะ”
เว่ยซูลี่ชักสีหน้าทันใด “พี่สี่! จนบัดนี้ท่านก็ยังโยนความผิดมาให้ข้าอีกงั้นหรือ?”
เว่ยซูลี่ในตอนนี้โมโหมาก มากเสียจนอยากพุ่งเข้าไปบีบคอเว่ยจิ่นจี๋ให้ตายคามือ ใช่พี่สี่จะรู้สึกอับอายคนเดียวเสียที่ไหน? นางก็ต้องทนต่อสายตาขององค์รัชทายาทเฉกเดียวกันมิใช่รึ!
เว่ยซูเม่ยดึงกระตุกชายอาภรณ์ของพี่สาวฝาแฝด นางสั่นศีรษะบอกเป็นนัยให้อยู่นิ่งๆเอาไว้
“ลี่เอ๋อ! แม่ใหญ่เห็นกับตาว่าเจ้าประทุษร้ายจี๋เอ๋อ ยามนี้ต่อหน้าท่านพ่อของเจ้า ก็ยังไม่ยอมคุกเข่าขอขมาพี่สาวของเจ้าอีกหรือ!” ฟ่านอวี่ตำหนิเว่ยซูลี่เสียงดัง เพราะนังเด็กแฝดนรกคู่นี้แท้ๆ ทำให้นางต้องกล้ำกลืนความอัปยศพวกนั้นลงไป กลายเป็นตัวตลกเพียงชั่วข้ามคืน
“เงียบ!!” เว่ยหลางพลันขัดจังหวะถกเถียงของเหล่าสตรีด้วยการทุบเก้าอี้หยกจนเนื้อแตกละเอียด ใบหน้าแดงก่ำของเขาชวนให้ผู้คนนึกถึงโคมฉลองเทศกาลปีใหม่ขึ้นมา
“ลี่เอ๋อ! แม่ใหญ่เห็นกับตาว่าเจ้าประทุษร้ายจี๋เอ๋อ ยามนี้ต่อหน้าท่านพ่อของเจ้า ก็ยังไม่ยอมคุกเข่าขอขมาพี่สาวของเจ้าอีกหรือ!” ฟ่านอวี่ตำหนิเว่ยซูลี่เสียงดัง เพราะนังเด็กแฝดนรกคู่นี้แท้ๆ ทำให้นางต้องกล้ำกลืนความอัปยศพวกนั้นลงไป กลายเป็นตัวตลกเพียงชั่วข้ามคืน
และที่ย่ำแย่ยิ่งกว่าคือ... ไม่ว่านางต้องการสำรอกมันออกมาเพียงใดก็มิอาจกระทำได้!
ปัง!
“เงียบ!!” เว่ยหลางพลันขัดจังหวะถกเถียงของเหล่าสตรีด้วยการทุบเก้าอี้หยกจนเนื้อแตกละเอียด ใบหน้าแดงก่ำของเขาชวนให้ผู้คนนึกถึงโคมฉลองเทศกาลปีใหม่ขึ้นมา
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
[1] ยามซื่อ : การนับเวลาของจีนโบราณ เท่ากับเวลา 09.00 น. - 10.59 น.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น