ลำดับตอนที่ #18
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : 十 八
เว่ยเซียวพูดไม่ออก ไอ้ท่าทางแสดงออกนั่นมันอะไรกัน เขากำลังนึกดูหมิ่นและคิดสอนให้นางรู้จักคำว่า ‘อย่าละโมบจนเกินตัว’ ใช่หรือไม่?
นางมองตามแผ่นหลังสูงโปร่งที่เริ่มห่างไกลจากระยะสายตา แล้วจึงหันกลับไปเผชิญกับขุมทรัพย์กองพะเนินดุจภูเขาลูกยักษ์
นัยน์ตาที่หม่นแสงมาตลอดบัดนี้ฉายแววลึกล้ำ
ในเมื่อฟู่เหวินหยางต้องการมอบบทเรียนให้แก่นาง เช่นนั้นก็ควรปฏิบัติตนเป็นลูกศิษย์ลูกหาที่ดี… ตอบแทนบุญคุณของอาจารย์แสนประเสริฐผู้นี้เสียหน่อย
หึๆ เว่ยเซียวลอบหัวเราะชั่วร้ายทั้งใบหน้าไม่เปลี่ยนสี อย่าดูแคลนห้วงสมุทรดาราของนางเกินไปนัก
นอกจากความสามารถสะเทือนฟ้าของเพลิงวิญญาณสามสาย ห้วงสมุทรดารานี้ยังเป็นมิติลับซึ่งเปรียบดั่งเมืองอนัตตา สามารถบรรจุสิ่งของที่ไร้ชีวิตลงไปได้ไม่จำกัดขอบเขต
มีสมบัติมากเท่าใด ก็ขนใส่ลงไปเท่านั้น
เว่ยเซียวเชี่ยวชาญการใช้งานมิติลับเป็นอย่างดี นั่นเพราะอดีตกาลนางมักได้รับภารกิจให้ต้องลอบขโมยของสำคัญอยู่เสมอ
ทว่า... เพราะเว่ยเซียวในสมัยนั้นมักไม่เห็นค่าสิ่งใดในสายตา มิติลับของนางนอกจากเก็บสมบัติตามภารกิจแล้วก็ไม่เคยเปิดใช้งานให้เสียพลังกายพร่ำเพรื่อ ภายในจึงโล่งกว้างเปลี่ยวเหงา มีเพียงสร้อยเงินห้อยจี้ทับทิมหนึ่งเส้นวางประดับมุมอย่างโดดเดี่ยว
มันคือสิ่งที่นายเหนือหัวฝากเอาไว้เมื่อห้าปีก่อน นานจนนางเองก็ลืมเสียสนิทว่าต้องนำไปส่งคืนให้แก่เขา
แม้จะข้ามภพข้ามชาติมา... สร้อยจี้ทับทิมเส้นนี้ก็ไม่ได้ถูกฝังไปพร้อมกับร่างเก่าของนาง
เว่ยเซียวมองข้ามสร้อยเงินที่เป็นอดีตเส้นนั้น คล้ายต้องการปิดผนึกความหลังเก่าก่อน
นางรีบคิดตลกกลบเกลื่อน เฮ้อ... ถ้ารู้ว่าตายแล้วยังคืนชีวิตได้ในโลกใบใหม่ นางก็คงย้ายคลังแสงใส่มาจนเต็มมิติแล้ว เว่ยเซียวรู้สึกขาดทุนเล็กน้อย
แต่เอาเถอะ… อารัมภบทกันมานาน บัดนี้คงได้แก่เวลาอันสมควร
ใบหน้าเด็กสาวเปล่งประกายมุ่งมั่น หลังฝ่ามือซ้ายปรากฏแสงทองเจิดจ้าในฉับพลัน อักขระโบราณสิบห้าขีดค่อยเด่นชัดขึ้นมา
เว่ยเซียวหลับตาลงก่อนจะยื่นแขนไปด้านหน้า จากนั้น... นางพลิกคว่ำฝ่ามือและเริ่มกวาดโกยทุกสิ่งลงมิติลับทันที
เครื่องประดับล้ำค่านำไปขายได้… เก็บ รูปปั้นโบราณดูมีราคา… เก็บ สมุนไพรนานาพรรณ… เก็บ ก้อนผลึกเปล่งแสงนี่คือสิ่งใด... ไม่รู้ แต่เก็บมาก่อนก็แล้วกัน
เว่ยเซียวดูดทุกสิ่งลงมิติลับโดยไม่เรื่องมาก กระทั่งเศษฝุ่น… นางก็ยังเก็บไปด้วย!
หากสามารถขนย้ายวังสวรรค์หลังนี้ไปโดยไม่โดนคนผู้นั้นเชือดตายเสียก่อน... ไม่แน่ว่านางคงทำไปแล้ว
ครั้นเห็นทรัพย์สมบัติกองเท่าภูเขาอันตรธานหายไปชั่วพริบตา เว่ยเซียวให้ลอบยกยิ้มกระหยิ่มใจ
ฟู่เหวินหยางจะต้องหัวร่อทั้งน้ำตาเป็นแน่ ถ้าเขาได้มาเห็นภาพตัวตะกละกำลังกวาดกลืนกองสมบัติของเขาอย่างมูมมาม
หากเป็นยุคสมัยที่เว่ยเซียวจากมา… นางไม่มีทางสนใจทรัพย์สมบัติเหล่านี้
ทว่าเมื่อไร้ปีกของนายเหนือหัว ซ้ำต้องดำเนินชีวิตต่อไปเพียงลำพัง ในโลกหล้าที่ตีค่ามนุษย์ด้วยเงินทองความแข็งแกร่ง บิดาบังเกิดเกล้าไม่เคยเหลียวแล ...ทัศนคติของนางจึงต้องปรับเปลี่ยนเพื่ออยู่รอด
ทั้งการฝึกฝนพลังชั้นก่อปราณให้รุดหน้ารวดเร็วยิ่งขึ้น เงินตราอาจถือเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เช่นกัน
บุญโชคหนาหล่นทับตัวแล้ว... ผู้ใดเล่าไม่ต้องการไขว่คว้ามันไว้?
ห้วงมิติลับ... ต้องจ่ายพลังกายแลกเปลี่ยนต่อเนื่องเมื่อเปิดใช้เป็นเวลานาน ดังนั้นหลังสิ้นภารกิจ ใบหน้างามจึงปรากฏร่องรอยอ่อนล้าชัดเจน
เว่ยเซียวทิ้งตัวนั่งบนพื้นปูพรมขนแกะพลางบีบนวดขมับ เอนพิงเสาทองคำต้นหนึ่งคอยฟู่เหวินหยางกลับมา
นางปิดเปลือกตาลงช้าๆ การพบเจอฟู่เหวินหยางซึ่งมีรูปลักษณ์เสมือนนายเหนือหัวราวแกะผู้นี้ เว่ยเซียวเองก็ลำบากใจที่ต้องรับมืออยู่บ้าง
แต่ลึกๆแล้วช่างย้อนแย้ง เพราะนางกลับคุ้นชินกลิ่นอายของเขาโดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้งไม่อยากยอมรับเรื่องที่ตนปลดวางความระแวดระวัง ...หลงคิดว่าฟู่เหวินหยางและนายเหนือหัวคือคนคนเดียวกัน
เผลอไผลเพ้อพกจนลืมสิ้นว่าไม่ควรเลินเล่อเปิดใช้งานห้วงมิติง่ายๆ ซึ่งอาจเป็นผลให้ผู้อื่นสังเกตเห็นความผิดปกติที่ภูเขาสมบัติทั้งลูกหายไป และรู้ถึงการคงอยู่ของพลังในที่สุด
ด้วยจิตใจไม่อยู่กับร่องกับรอยนี้ ทำให้นางเริ่มหวนนึกถึงอดีตอันแสนยาวนานอีกครา
เพลานั้น... ตัวนางกับนายเหนือหัว เพียงสองคนกลับสามารถกระทืบแผ่นดินให้เลือนลั่น ผู้คนบนโลกทั้งใบปั่นป่วนหัวหมุน
ใบหน้าของเด็กสาวทอดยิ้มอาลัย... ดำดิ่งสู่ห้วงนิทรา
ผ่านครึ่งชั่วยามให้หลัง ฟู่เหวินหยางกลับมาในอาภรณ์เรียบหรูประกายดำขลิบเงิน เนื้อผ้าปักเย็บลวดลายพยัคฆราช ผมยาวสีม่วงดุจหมอกควันรวบสูง มัดเรียบร้อยด้วยเส้นไหมซึ่งทอถักโดยหางมังกรเกล็ดทองคำ สูงศักดิ์สง่างามยิ่ง
หยินอ๋องยืนนิ่งเงียบสองมือไพล่หลัง มองดูสภาพห้องสมบัติที่กลายเป็นความว่างเปล่าตรงหน้า
องครักษ์เงาทุกคนต่างก้มหน้ามองพื้น แผ่นหลังพวกเขาสั่นสะท้าน ไม่รู้ท่านอ๋องทรงกำลังครุ่นคิดสิ่งใดอยู่
เหตุใดบรรยากาศรอบตัวจึงเยือกแข็งประหนึ่งธารเหมันต์ร้อยปีเช่นนี้!!
เพียงไม่นานเทพสังหารก็เริ่มแสยะยิ้ม นัยน์ตาดั่งผลึกแก้ววาวโรจน์
ความมั่นใจของฟู่เหวินหยางทะลุเกินสิบส่วนไปแล้ว แม้นางอาจไม่ใช่คนขโมยสมบัติผู้ที่เขากำลังตามหาอยู่ แต่นางจะต้องถือครองจิตบรรพกาลชนิดอื่นไว้กับตัวอย่างแน่นอน
ทั้งยังต้องเป็นจิตบรรพกาลที่มีอายุมากกว่าร้อย... ไม่สิ ต้องมากกว่าพันปี
มิเช่นนั้นแล้ว... นางจะดูดกลืนภูเขาสมบัติทั้งลูกไปได้อย่างไร!
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น