ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [衛霄] เพลิงวิญญาณบรรพกาล

    ลำดับตอนที่ #18 : 十 八

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 14.48K
      1.17K
      1 ก.ย. 63





              เว่ยเซียวพูดไม่ออก  ไอ้ท่าทางแสดงออกนั่นมันอะไรกัน  เขากำลังนึกดูหมิ่นและคิดสอนให้นางรู้จักคำว่า อย่าละโมบจนเกินตัว ใช่หรือไม่?

              นางมองตามแผ่นหลังสูงโปร่งที่เริ่มห่างไกลจากระยะสายตา  แล้วจึงหันกลับไปเผชิญกับขุมทรัพย์กองพะเนินดุจภูเขาลูกยักษ์

              นัยน์ตาที่หม่นแสงมาตลอดบัดนี้ฉายแววลึกล้ำ 

              ในเมื่อฟู่เหวินหยางต้องการมอบบทเรียนให้แก่นาง  เช่นนั้นก็ควรปฏิบัติตนเป็นลูกศิษย์ลูกหาที่ดี ตอบแทนบุญคุณของอาจารย์แสนประเสริฐผู้นี้เสียหน่อย

              หึๆ  เว่ยเซียวลอบหัวเราะชั่วร้ายทั้งใบหน้าไม่เปลี่ยนสี  อย่าดูแคลนห้วงสมุทรดาราของนางเกินไปนัก

              นอกจากความสามารถสะเทือนฟ้าของเพลิงวิญญาณสามสาย  ห้วงสมุทรดารานี้ยังเป็นมิติลับซึ่งเปรียบดั่งเมืองอนัตตา  สามารถบรรจุสิ่งของที่ไร้ชีวิตลงไปได้ไม่จำกัดขอบเขต

              มีสมบัติมากเท่าใด  ก็ขนใส่ลงไปเท่านั้น

              เว่ยเซียวเชี่ยวชาญการใช้งานมิติลับเป็นอย่างดี  นั่นเพราะอดีตกาลนางมักได้รับภารกิจให้ต้องลอบขโมยของสำคัญอยู่เสมอ 

              ทว่า... เพราะเว่ยเซียวในสมัยนั้นมักไม่เห็นค่าสิ่งใดในสายตา  มิติลับของนางนอกจากเก็บสมบัติตามภารกิจแล้วก็ไม่เคยเปิดใช้งานให้เสียพลังกายพร่ำเพรื่อ  ภายในจึงโล่งกว้างเปลี่ยวเหงา  มีเพียงสร้อยเงินห้อยจี้ทับทิมหนึ่งเส้นวางประดับมุมอย่างโดดเดี่ยว  

              มันคือสิ่งที่นายเหนือหัวฝากเอาไว้เมื่อห้าปีก่อน  นานจนนางเองก็ลืมเสียสนิทว่าต้องนำไปส่งคืนให้แก่เขา 

              แม้จะข้ามภพข้ามชาติมา... สร้อยจี้ทับทิมเส้นนี้ก็ไม่ได้ถูกฝังไปพร้อมกับร่างเก่าของนาง 

              เว่ยเซียวมองข้ามสร้อยเงินที่เป็นอดีตเส้นนั้น  คล้ายต้องการปิดผนึกความหลังเก่าก่อน  

              นางรีบคิดตลกกลบเกลื่อน  เฮ้อ... ถ้ารู้ว่าตายแล้วยังคืนชีวิตได้ในโลกใบใหม่  นางก็คงย้ายคลังแสงใส่มาจนเต็มมิติแล้ว  เว่ยเซียวรู้สึกขาดทุนเล็กน้อย


              แต่เอาเถอะ อารัมภบทกันมานาน  บัดนี้คงได้แก่เวลาอันสมควร

              ใบหน้าเด็กสาวเปล่งประกายมุ่งมั่น  หลังฝ่ามือซ้ายปรากฏแสงทองเจิดจ้าในฉับพลัน  อักขระโบราณสิบห้าขีดค่อยเด่นชัดขึ้นมา

              เว่ยเซียวหลับตาลงก่อนจะยื่นแขนไปด้านหน้า  จากนั้น... นางพลิกคว่ำฝ่ามือและเริ่มกวาดโกยทุกสิ่งลงมิติลับทันที

              เครื่องประดับล้ำค่านำไปขายได้ เก็บ  รูปปั้นโบราณดูมีราคา เก็บ  สมุนไพรนานาพรรณ เก็บ  ก้อนผลึกเปล่งแสงนี่คือสิ่งใด... ไม่รู้  แต่เก็บมาก่อนก็แล้วกัน

              เว่ยเซียวดูดทุกสิ่งลงมิติลับโดยไม่เรื่องมาก  กระทั่งเศษฝุ่น… นางก็ยังเก็บไปด้วย! 

              หากสามารถขนย้ายวังสวรรค์หลังนี้ไปโดยไม่โดนคนผู้นั้นเชือดตายเสียก่อน... ไม่แน่ว่านางคงทำไปแล้ว

              ครั้นเห็นทรัพย์สมบัติกองเท่าภูเขาอันตรธานหายไปชั่วพริบตา  เว่ยเซียวให้ลอบยกยิ้มกระหยิ่มใจ 

              ฟู่เหวินหยางจะต้องหัวร่อทั้งน้ำตาเป็นแน่  ถ้าเขาได้มาเห็นภาพตัวตะกละกำลังกวาดกลืนกองสมบัติของเขาอย่างมูมมาม


              หากเป็นยุคสมัยที่เว่ยเซียวจากมา นางไม่มีทางสนใจทรัพย์สมบัติเหล่านี้  

              ทว่าเมื่อไร้ปีกของนายเหนือหัว  ซ้ำต้องดำเนินชีวิตต่อไปเพียงลำพัง  ในโลกหล้าที่ตีค่ามนุษย์ด้วยเงินทองความแข็งแกร่ง  บิดาบังเกิดเกล้าไม่เคยเหลียวแล ...ทัศนคติของนางจึงต้องปรับเปลี่ยนเพื่ออยู่รอด

              ทั้งการฝึกฝนพลังชั้นก่อปราณให้รุดหน้ารวดเร็วยิ่งขึ้น  เงินตราอาจถือเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เช่นกัน  

              บุญโชคหนาหล่นทับตัวแล้ว... ผู้ใดเล่าไม่ต้องการไขว่คว้ามันไว้?




              ห้วงมิติลับ... ต้องจ่ายพลังกายแลกเปลี่ยนต่อเนื่องเมื่อเปิดใช้เป็นเวลานาน  ดังนั้นหลังสิ้นภารกิจ  ใบหน้างามจึงปรากฏร่องรอยอ่อนล้าชัดเจน

              เว่ยเซียวทิ้งตัวนั่งบนพื้นปูพรมขนแกะพลางบีบนวดขมับ  เอนพิงเสาทองคำต้นหนึ่งคอยฟู่เหวินหยางกลับมา 

              นางปิดเปลือกตาลงช้าๆ  การพบเจอฟู่เหวินหยางซึ่งมีรูปลักษณ์เสมือนนายเหนือหัวราวแกะผู้นี้  เว่ยเซียวเองก็ลำบากใจที่ต้องรับมืออยู่บ้าง

              แต่ลึกๆแล้วช่างย้อนแย้ง  เพราะนางกลับคุ้นชินกลิ่นอายของเขาโดยไม่ทราบสาเหตุ  ทั้งไม่อยากยอมรับเรื่องที่ตนปลดวางความระแวดระวัง ...หลงคิดว่าฟู่เหวินหยางและนายเหนือหัวคือคนคนเดียวกัน 

              เผลอไผลเพ้อพกจนลืมสิ้นว่าไม่ควรเลินเล่อเปิดใช้งานห้วงมิติง่ายๆ  ซึ่งอาจเป็นผลให้ผู้อื่นสังเกตเห็นความผิดปกติที่ภูเขาสมบัติทั้งลูกหายไป  และรู้ถึงการคงอยู่ของพลังในที่สุด

              ด้วยจิตใจไม่อยู่กับร่องกับรอยนี้  ทำให้นางเริ่มหวนนึกถึงอดีตอันแสนยาวนานอีกครา

              เพลานั้น... ตัวนางกับนายเหนือหัว  เพียงสองคนกลับสามารถกระทืบแผ่นดินให้เลือนลั่น  ผู้คนบนโลกทั้งใบปั่นป่วนหัวหมุน 

              ใบหน้าของเด็กสาวทอดยิ้มอาลัย... ดำดิ่งสู่ห้วงนิทรา


     
              ผ่านครึ่งชั่วยามให้หลัง  ฟู่เหวินหยางกลับมาในอาภรณ์เรียบหรูประกายดำขลิบเงิน  เนื้อผ้าปักเย็บลวดลายพยัคฆราช  ผมยาวสีม่วงดุจหมอกควันรวบสูง  มัดเรียบร้อยด้วยเส้นไหมซึ่งทอถักโดยหางมังกรเกล็ดทองคำ  สูงศักดิ์สง่างามยิ่ง

              หยินอ๋องยืนนิ่งเงียบสองมือไพล่หลัง  มองดูสภาพห้องสมบัติที่กลายเป็นความว่างเปล่าตรงหน้า

              องครักษ์เงาทุกคนต่างก้มหน้ามองพื้น  แผ่นหลังพวกเขาสั่นสะท้าน  ไม่รู้ท่านอ๋องทรงกำลังครุ่นคิดสิ่งใดอยู่  

              เหตุใดบรรยากาศรอบตัวจึงเยือกแข็งประหนึ่งธารเหมันต์ร้อยปีเช่นนี้!!

              เพียงไม่นานเทพสังหารก็เริ่มแสยะยิ้ม  นัยน์ตาดั่งผลึกแก้ววาวโรจน์

              ความมั่นใจของฟู่เหวินหยางทะลุเกินสิบส่วนไปแล้ว  แม้นางอาจไม่ใช่คนขโมยสมบัติผู้ที่เขากำลังตามหาอยู่  แต่นางจะต้องถือครองจิตบรรพกาลชนิดอื่นไว้กับตัวอย่างแน่นอน

              ทั้งยังต้องเป็นจิตบรรพกาลที่มีอายุมากกว่าร้อย... ไม่สิ  ต้องมากกว่าพันปี 

              มิเช่นนั้นแล้ว... นางจะดูดกลืนภูเขาสมบัติทั้งลูกไปได้อย่างไร!

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×