ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [衛霄] เพลิงวิญญาณบรรพกาล

    ลำดับตอนที่ #6 : 六

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 15.45K
      1.02K
      31 ส.ค. 63






              
    อิริยาบถเรียบเรื่อยล้วนประจักษ์แก่สายตาทุกคู่  เว่ยเซียวมาถึงก็เดินไปหยุดตรงกลางโถง  ไม่คุกเข่า  ไม่เอ่ยสิ่งใด  เพียงยืนนิ่งเฉยจ้องมองเว่ยหลางอยู่เช่นนั้น

              เห็นท่าทีไม่ทุกข์ร้อนของนาง  เว่ยหลางพลันรู้สึกคันหัวใจยุบยิบ คิดจะปล่อยให้บิดาเจ้านั่งรอจนฝังรากลงดินเลยหรือ?  เว่ยเซียว!”

              เขาให้บ่าวรับใช้ไปตามตัวนางเป็นเวลาครู่ใหญ่แล้ว... แต่นางก็เพิ่งเสนอหน้าออกมา  ประพฤติตนข้ามหัวแม่ทัพบูรพาอย่างเขา  นี่มันใช้ได้ที่ไหนกัน!

              เว่ยซูลี่ลอบหัวเราะเยาะในใจ  ก้าวถอยหลบไปยืนข้างน้องสาวฝาแฝด  ท่านพ่อชังนังคนไร้ค่ายิ่งกว่ามูลขยะเสียอีก  สมน้ำหน้านังเว่ยเซียว!

              เว่ยเซียวมีสีหน้างุนงงไม่คล้ายเสแสร้ง  เมื่อเริ่มกระจ่างจึงกล่าวตอบยิ้มๆ “บิดา  เรือนของข้าห่างไกลจากที่นี่มากนัก  อีกทั้งข้าก็ไร้พลังปราณจึงไม่สามารถเหาะเหินบินมาได้  คาดว่าบิดาคงทราบดีกระมัง

              ไม่มีผู้ใดจับสังเกตถึงความแตกต่างเพียงเล็กน้อย  เว่ยเซียวเลือกใช้คำที่เป็นทางการอย่าง บิดา’ แทนที่จะใช้ ท่านพ่อ เพื่อเรียกขานเว่ยหลาง  นางตีตัวห่างเหินเย็นชา  

              ...ไม่มอบความรู้สึกดีๆให้คนพวกนี้เลยแม้แต่น้อย     

              สองแฝดปากอ้าตาค้าง  ใช้เวลานานทีเดียวกว่าพวกนางจะกู้สติคืนมาได้

              ทราบดีกระมัง?  ทราบดีกับเจ้าสิ!  นางไม่เพียงไม่คุกเข่ารอรับการลงโทษ  ยังย้อนถามราวกับเขาเป็นไอ้โง่ที่แม้แต่เรื่องง่ายดายเช่นนี้ก็คิดไม่ได้อีกด้วย

              หากคำพูดนี้หลุดรู้ไปถึงหูผู้คนภายนอก  เขาจะไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่ทัพซาจี๊ [1] ผู้ละเลยบุตรสาวหรอกหรือ  กระทั่งความเป็นอยู่สุขภาพของนางเขาก็ไม่รู้!

              แม้จริงๆคำกล่าวของเว่ยเซียวมิได้ประสงค์ถากถางคนตรงหน้า  ทว่าเพราะชังน้ำหน้าญาติฝ่ายมารดาของบุตรสาวสามเป็นทุนเดิม  เว่ยหลางจึงใช้อคติท่วมท้นตัดสินนางไปก่อนแล้ว  

              เป็นเพียงบุตรสาวไร้ค่า  แต่กลับอวดดียิ่งนัก!

              ใบหน้าเว่ยหลางทะมึนดำดุจก้นหม้อ  บุรุษที่คงภาพลักษณ์มาตลอดสูญความเยือกเย็นเพราะบุตรสาวผู้นี้ ดีตอบได้ดีแล้วต่อหน้าบิดาของเจ้า  เหตุใดจึงยังไม่คุกเข่า?

              ไม่รู้ทำไมเขาถึงโมโหขึ้นมา  กระนั้นเว่ยเซียวก็ไม่ได้ใส่ใจนัก  นางตีหน้ามึนตอบคำถามด้วยความสัตย์ซื่อ บิดา  ข้าเห็นว่าเหล่าน้องสาวที่ด้อยอาวุโสกว่ายังไม่จำเป็นต้องคุกเข่าเมื่ออยู่ต่อหน้าท่าน ...จึงพายเรือตามน้ำก็เท่านั้น  ไหนเลยจะรู้ว่าข้าผู้มีศักดิ์เป็นพี่สาวของพวกนางกลับมิได้รับการละเว้น
    ด้วย... อืม... ท่านว่า... หากข่าวลือที่บุตรสาวท่านแม่ทัพถูกปฏิบัติโดยไม่เท่าเทียมแพร่งพรายออกไป  นั่นไม่ถือเป็นการหมิ่นเกียรติของท่านหรือ... 

              ไม่เปิดช่องให้เขาได้ทักท้วง  นางรีบกล่าวต่อไป ...และที่สำคัญ  ตัวข้าซึ่งได้ชื่อว่าเป็นบุตรสาวคนหนึ่งของท่านยังต้องไร้หน้าตาถึงขั้นคุกเข่าให้น้องสาวตนเอง  เช่นนั้นศักดิ์ศรีของข้าจะยังหลงเหลืออยู่หรือไม่?  ว่ากันตามจริง... ศักดิ์ศรีของข้าในฐานะที่สืบสายเลือดเดียวกันกับท่าน  ก็เปรียบดังศักดิ์ศรีตระกูลเว่ยเรา  บิดาจะปล่อยให้ชื่อเสียงตระกูลมัวหมองด้วยเรื่องนี้จริงๆหรือเจ้าคะ

              เว่ยหลางเพียงอยากหาข้อผิดพลาดเล็กน้อยมาติเว่ยเซียวระบายโทสะ  นางกลับขยายความเป็นเรื่องราวเสียใหญ่โต  ตอนนี้ยังลากชื่อเสียงตระกูลลงน้ำไปด้วยแล้ว  ดังว่าข้าสะดุดล้มก็จะไม่ยอมล้มเพียงลำพัง  ขอดึงเจ้าหน้าทิ่มดินไปพร้อมกันถึงจะดี

              ซ้ำร้ายวาจาของนางแม้นกล่าวเช่นสุภาพชน  แต่ก็ทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่านางช่างกลับดำเป็นขาวได้ยอดเยี่ยม  

              ทั้งไม่มีประโยคใดที่จะยกมาตำหนินางได้เลยจริงๆ ...ก็ในเมื่อตัวเขาผู้เป็นบิดาบังเกิดเกล้ายังเลือกปฏิบัติต่อบุตรสาวด้วยความลำเอียงเฉกเช่นนี้ 

              น่าขัน  กระทั่งผู้ด้อยอาวุโสก็ยังมีสิทธิ์เหยียบหัวนางหรือไร  หากวันนี้เว่ยเซียวยอมคุกเข่าลงไปจริงๆ  เช่นนั้นหน้าตงหน้าตาก็คงไม่ต้องมีมันแล้ว 

              อยากกดนางให้ต่ำลงเพื่อยกบุตรสาวแสนรักทั้งสองขึ้นบูชาไว้บนหิ้ง?  เชิญนอนฝันต่อไปเสียเถิด

             
    “เจ้า...!” เป็นครั้งแรกที่ท่านแม่ทัพบูรพาถูกการโต้ตอบของบุตรสาวระเบิดสติแหลกเป็นจุณ  

              เขาตวัดมองไปทางบุตรสาวฝาแฝด  เห็นเว่ยซูลี่และเว่ยซูเม่ยยืนจ้องพี่สาวของพวกนางปานฉีกทึ้ง  ต่อหน้าบิดาเช่นเขาก็หาได้ยำเกรงไม่  ทุกอิริยาบถล้วนหยาบคายหาระเบียบมิได้

              คิดดูแล้วแม้เว่ยเซียวจะไร้ค่าเพียงใดก็ยังมีศักดิ์และลำดับบนป้ายตระกูลเหนือกว่าพวกนางจริงๆ  เว่ยหลางนึกตำหนิในใจ  แต่เพราะเอ็นดูบุตรสาวฝาแฝดคู่นี้เป็นอย่างมาก  ที่สุดจึงต่อว่าพวกนางไม่ลง 

              นัยน์ตาหม่นแสงลุ่มลึกสุดหยั่ง  เว่ยเซียวแสร้งเมินข้ามท่าทีของเว่ยหลางพลางเอ่ยเสียงค่อย ข้าเป็นห่วงบิดาและชื่อเสียงวงศ์ตระกูล จากใจจริงนะเจ้าคะ

              เว่ยหลางหนังตากระตุก  เอาล่ะ  นางเล่นกล่าววาจาราวผู้บริสุทธิ์  ไม่ปล่อยให้เขาหาทางลงเช่นนี้  แล้วเขาจะกล้าลงโทษนางได้อย่างไร 

              ต่อหน้าบ่าวรับใช้มากมาย  หากสั่งโบยบุตรสาวที่ทั้งกตัญญูห่วงใยภาพลักษณ์ของบิดาลงไป  ตำแหน่งแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ก็คงต้องด่างพร้อย

              ปากของแม่ทัพบูรพาเดี๋ยวอ้าเดี๋ยวหุบ  ไม่รู้จะสรรหาคำใดมากล่าว  เขาไม่เคยไยดีบุตรสาวสามผู้นี้  ชั่วครู่จึงไม่อาจคาดเดาความคิดจิตใจของนาง

              เว่ยหลางเริ่มนวดขมับเก๊กซิม  รู้สึกว่าเรื่องราวหลังบ้านของเหล่าสตรีช่างน่าวิงเวียนนัก  สุดท้ายก็ตัดปัญหาโดยโบกมือไล่นางยิกๆเสียเลย “เอาล่ะๆ  เว่ยเซียวเจ้าจะไปไหนก็ไปเถอะ

              เว่ยหลางยิ่งคิดยิ่งปวดหัว  ไม่ต้องการเห็นหน้าบุตรสาวผู้นี้อีกต่อไป 

              “ท่านพ่อ!” เว่ยซูลี่แผดเสียง  ไม่คำนึงมารยาทที่พึงมีแม้แต่น้อย  ยิ่งเมื่อได้นึกย้อนว่ารอยยิ้มเยาะของเว่ยเซียวนั้นบาดตาอย่างไร  ความโกรธพลันแล่นขึ้นมาจุกตรงลิ้นปี่

              นางไม่ยอมให้ท่านพ่อปล่อยนังคนไร้ค่าไปง่ายๆเช่นนี้  ไม่ได้โดยเด็ดขาด อย่างไรก็ไม่ได้!

              “ลี่เอ๋ออย่างไรนางก็เป็นพี่สาวของเจ้า  เรื่องในครานี้ก็ให้แล้วกันไปเถิดสายตาเว่ยหลางยามมองไปทางเว่ยซูลี่อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด 

              บุตรสาวฝาแฝดคู่นี้คือเลือดเนื้อเชื้อไขของสตรีผู้เป็นที่รัก  จึงทำให้เว่ยหลางรักชอบเอ็นดูอยู่ไม่น้อย  ทั้งพรสวรรค์ของพวกนางก็นับว่าไม่เลว

              เว่ยซูเม่ยผู้ยืนเงียบหลบหลังพี่สาวมาตลอด  ในตอนนี้กลับคล้ายไม่ยอมเลิกรา  นางรีบก้าวขึ้นมาด้านหน้า  กล่าวเสียงเบาราวกับยุง แต่ว่าท่านพ่อ… ตั้งแต่พี่สามเดินเข้ามาก็ยังมิได้แสดงความเคารพท่าน ...เลยนะเจ้าคะ  อีกทั้ง... เพราะเป็นพี่สาวจึงควรโอบอ้อมอารีมิใช่หรือ  ทว่านางกลับ...

              เว่ยซูเม่ยเอ่ยเป็นนัยเพียงเท่านั้น  เม็ดน้ำตาดุจมุกงามค่อยหลั่งไหล 

              เมื่อรู้สึกว่ายังเติมไฟไม่พอจึงอวดรอยถลอกใต้คางให้เว่ยหลางได้มองดูชัดๆเสีย  ว่าผู้ที่อ้างคำพี่สาวสองคำก็พี่สาวผู้นั้น  กลั่นแกล้งพวกนางจนมีสภาพเช่นไร

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    [1] ซาจี๊ : ออกเสียงด้วยสำเนียงจีนแต้จิ๋ว เปรียบว่าเป็นคนโง่เลอะเลือน สามสลึง ไม่เต็มบาท



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×