ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 六
เห็นท่าทีไม่ทุกข์ร้อนของนาง เว่ยหลางพลันรู้สึกคันหัวใจยุบยิบ “คิดจะปล่อยให้บิดาเจ้านั่งรอจนฝังรากลงดินเลยหรือ? เว่ยเซียว!”
เขาให้บ่าวรับใช้ไปตามตัวนางเป็นเวลาครู่ใหญ่แล้ว... แต่นางก็เพิ่งเสนอหน้าออกมา ประพฤติตนข้ามหัวแม่ทัพบูรพาอย่างเขา นี่มันใช้ได้ที่ไหนกัน!
เว่ยซูลี่ลอบหัวเราะเยาะในใจ ก้าวถอยหลบไปยืนข้างน้องสาวฝาแฝด ท่านพ่อชังนังคนไร้ค่ายิ่งกว่ามูลขยะเสียอีก สมน้ำหน้านังเว่ยเซียว!
เว่ยเซียวมีสีหน้างุนงงไม่คล้ายเสแสร้ง เมื่อเริ่มกระจ่างจึงกล่าวตอบยิ้มๆ “บิดา เรือนของข้าห่างไกลจากที่นี่มากนัก อีกทั้งข้าก็ไร้พลังปราณจึงไม่สามารถเหาะเหินบินมาได้ คาดว่าบิดาคงทราบดีกระมัง”
ไม่มีผู้ใดจับสังเกตถึงความแตกต่างเพียงเล็กน้อย เว่ยเซียวเลือกใช้คำที่เป็นทางการอย่าง ‘บิดา’ แทนที่จะใช้ ‘ท่านพ่อ’ เพื่อเรียกขานเว่ยหลาง นางตีตัวห่างเหินเย็นชา
...ไม่มอบความรู้สึกดีๆให้คนพวกนี้เลยแม้แต่น้อย
สองแฝดปากอ้าตาค้าง ใช้เวลานานทีเดียวกว่าพวกนางจะกู้สติคืนมาได้
ทราบดีกระมัง? ทราบดีกับเจ้าสิ! นางไม่เพียงไม่คุกเข่ารอรับการลงโทษ ยังย้อนถามราวกับเขาเป็นไอ้โง่ที่แม้แต่เรื่องง่ายดายเช่นนี้ก็คิดไม่ได้อีกด้วย
หากคำพูดนี้หลุดรู้ไปถึงหูผู้คนภายนอก เขาจะไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่ทัพซาจี๊ [1] ผู้ละเลยบุตรสาวหรอกหรือ กระทั่งความเป็นอยู่สุขภาพของนางเขาก็ไม่รู้!
แม้จริงๆคำกล่าวของเว่ยเซียวมิได้ประสงค์ถากถางคนตรงหน้า ทว่าเพราะชังน้ำหน้าญาติฝ่ายมารดาของบุตรสาวสามเป็นทุนเดิม เว่ยหลางจึงใช้อคติท่วมท้นตัดสินนางไปก่อนแล้ว
เป็นเพียงบุตรสาวไร้ค่า แต่กลับอวดดียิ่งนัก!
ใบหน้าเว่ยหลางทะมึนดำดุจก้นหม้อ บุรุษที่คงภาพลักษณ์มาตลอดสูญความเยือกเย็นเพราะบุตรสาวผู้นี้ “ดี! ตอบได้ดี! แล้วต่อหน้าบิดาของเจ้า เหตุใดจึงยังไม่คุกเข่า?”
ไม่รู้ทำไมเขาถึงโมโหขึ้นมา กระนั้นเว่ยเซียวก็ไม่ได้ใส่ใจนัก นางตีหน้ามึนตอบคำถามด้วยความสัตย์ซื่อ “บิดา ข้าเห็นว่าเหล่าน้องสาวที่ด้อยอาวุโสกว่ายังไม่จำเป็นต้องคุกเข่าเมื่ออยู่ต่อหน้าท่าน ...จึงพายเรือตามน้ำก็เท่านั้น ไหนเลยจะรู้ว่าข้าผู้มีศักดิ์เป็นพี่สาวของพวกนางกลับมิได้รับการละเว้นด้วย... อืม... ท่านว่า... หากข่าวลือที่บุตรสาวท่านแม่ทัพถูกปฏิบัติโดยไม่เท่าเทียมแพร่งพรายออกไป นั่นไม่ถือเป็นการหมิ่นเกียรติของท่านหรือ...”
ไม่เปิดช่องให้เขาได้ทักท้วง นางรีบกล่าวต่อไป “...และที่สำคัญ ตัวข้าซึ่งได้ชื่อว่าเป็นบุตรสาวคนหนึ่งของท่านยังต้องไร้หน้าตาถึงขั้นคุกเข่าให้น้องสาวตนเอง เช่นนั้นศักดิ์ศรีของข้าจะยังหลงเหลืออยู่หรือไม่? ว่ากันตามจริง... ศักดิ์ศรีของข้าในฐานะที่สืบสายเลือดเดียวกันกับท่าน ก็เปรียบดังศักดิ์ศรีตระกูลเว่ยเรา บิดาจะปล่อยให้ชื่อเสียงตระกูลมัวหมองด้วยเรื่องนี้จริงๆหรือเจ้าคะ”
เว่ยหลางเพียงอยากหาข้อผิดพลาดเล็กน้อยมาติเว่ยเซียวระบายโทสะ นางกลับขยายความเป็นเรื่องราวเสียใหญ่โต ตอนนี้ยังลากชื่อเสียงตระกูลลงน้ำไปด้วยแล้ว ดังว่าข้าสะดุดล้มก็จะไม่ยอมล้มเพียงลำพัง ขอดึงเจ้าหน้าทิ่มดินไปพร้อมกันถึงจะดี
ซ้ำร้ายวาจาของนางแม้นกล่าวเช่นสุภาพชน แต่ก็ทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่านางช่างกลับดำเป็นขาวได้ยอดเยี่ยม
ทั้งไม่มีประโยคใดที่จะยกมาตำหนินางได้เลยจริงๆ ...ก็ในเมื่อตัวเขาผู้เป็นบิดาบังเกิดเกล้ายังเลือกปฏิบัติต่อบุตรสาวด้วยความลำเอียงเฉกเช่นนี้
น่าขัน กระทั่งผู้ด้อยอาวุโสก็ยังมีสิทธิ์เหยียบหัวนางหรือไร หากวันนี้เว่ยเซียวยอมคุกเข่าลงไปจริงๆ เช่นนั้นหน้าตงหน้าตาก็คงไม่ต้องมีมันแล้ว
อยากกดนางให้ต่ำลงเพื่อยกบุตรสาวแสนรักทั้งสองขึ้นบูชาไว้บนหิ้ง? เชิญนอนฝันต่อไปเสียเถิด
“เจ้า...!” เป็นครั้งแรกที่ท่านแม่ทัพบูรพาถูกการโต้ตอบของบุตรสาวระเบิดสติแหลกเป็นจุณ
เขาตวัดมองไปทางบุตรสาวฝาแฝด เห็นเว่ยซูลี่และเว่ยซูเม่ยยืนจ้องพี่สาวของพวกนางปานฉีกทึ้ง ต่อหน้าบิดาเช่นเขาก็หาได้ยำเกรงไม่ ทุกอิริยาบถล้วนหยาบคายหาระเบียบมิได้
คิดดูแล้วแม้เว่ยเซียวจะไร้ค่าเพียงใดก็ยังมีศักดิ์และลำดับบนป้ายตระกูลเหนือกว่าพวกนางจริงๆ เว่ยหลางนึกตำหนิในใจ แต่เพราะเอ็นดูบุตรสาวฝาแฝดคู่นี้เป็นอย่างมาก ที่สุดจึงต่อว่าพวกนางไม่ลง
นัยน์ตาหม่นแสงลุ่มลึกสุดหยั่ง เว่ยเซียวแสร้งเมินข้ามท่าทีของเว่ยหลางพลางเอ่ยเสียงค่อย “ข้าเป็นห่วงบิดาและชื่อเสียงวงศ์ตระกูล… จากใจจริงนะเจ้าคะ”
เว่ยหลางหนังตากระตุก เอาล่ะ นางเล่นกล่าววาจาราวผู้บริสุทธิ์ ไม่ปล่อยให้เขาหาทางลงเช่นนี้ แล้วเขาจะกล้าลงโทษนางได้อย่างไร
ต่อหน้าบ่าวรับใช้มากมาย หากสั่งโบยบุตรสาวที่ทั้งกตัญญูห่วงใยภาพลักษณ์ของบิดาลงไป ตำแหน่งแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ก็คงต้องด่างพร้อย
ปากของแม่ทัพบูรพาเดี๋ยวอ้าเดี๋ยวหุบ ไม่รู้จะสรรหาคำใดมากล่าว เขาไม่เคยไยดีบุตรสาวสามผู้นี้ ชั่วครู่จึงไม่อาจคาดเดาความคิดจิตใจของนาง
เว่ยหลางเริ่มนวดขมับเก๊กซิม รู้สึกว่าเรื่องราวหลังบ้านของเหล่าสตรีช่างน่าวิงเวียนนัก สุดท้ายก็ตัดปัญหาโดยโบกมือไล่นางยิกๆเสียเลย “เอาล่ะๆ เว่ยเซียว… เจ้าจะไปไหนก็ไปเถอะ”
เว่ยหลางยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ไม่ต้องการเห็นหน้าบุตรสาวผู้นี้อีกต่อไป
“ท่านพ่อ!” เว่ยซูลี่แผดเสียง ไม่คำนึงมารยาทที่พึงมีแม้แต่น้อย ยิ่งเมื่อได้นึกย้อนว่ารอยยิ้มเยาะของเว่ยเซียวนั้นบาดตาอย่างไร ความโกรธพลันแล่นขึ้นมาจุกตรงลิ้นปี่
นางไม่ยอมให้ท่านพ่อปล่อยนังคนไร้ค่าไปง่ายๆเช่นนี้ ไม่ได้โดยเด็ดขาด …อย่างไรก็ไม่ได้!
“ลี่เอ๋อ… อย่างไรนางก็เป็นพี่สาวของเจ้า เรื่องในครานี้ก็ให้แล้วกันไปเถิด” สายตาเว่ยหลางยามมองไปทางเว่ยซูลี่อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
บุตรสาวฝาแฝดคู่นี้คือเลือดเนื้อเชื้อไขของสตรีผู้เป็นที่รัก จึงทำให้เว่ยหลางรักชอบเอ็นดูอยู่ไม่น้อย ทั้งพรสวรรค์ของพวกนางก็นับว่าไม่เลว
เว่ยซูเม่ยผู้ยืนเงียบหลบหลังพี่สาวมาตลอด ในตอนนี้กลับคล้ายไม่ยอมเลิกรา นางรีบก้าวขึ้นมาด้านหน้า กล่าวเสียงเบาราวกับยุง “แต่ว่าท่านพ่อ… ตั้งแต่พี่สามเดินเข้ามาก็ยังมิได้แสดงความเคารพท่าน ...เลยนะเจ้าคะ อีกทั้ง... เพราะเป็นพี่สาวจึงควรโอบอ้อมอารีมิใช่หรือ ทว่านางกลับ...”
เว่ยซูเม่ยเอ่ยเป็นนัยเพียงเท่านั้น เม็ดน้ำตาดุจมุกงามค่อยหลั่งไหล
เมื่อรู้สึกว่ายังเติมไฟไม่พอจึงอวดรอยถลอกใต้คางให้เว่ยหลางได้มองดูชัดๆเสีย ว่าผู้ที่อ้างคำพี่สาวสองคำก็พี่สาวผู้นั้น กลั่นแกล้งพวกนางจนมีสภาพเช่นไร
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
[1] ซาจี๊ : ออกเสียงด้วยสำเนียงจีนแต้จิ๋ว เปรียบว่าเป็นคนโง่เลอะเลือน สามสลึง ไม่เต็มบาท
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น