คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 : ราชินีคนเก่า
Bloody Vampire : รักสุดใจเจ้าชายแวมไพร์[Yaoi / NC.17]
บทที่ 2 : ราชินีคนเก่า
จะบ้าไปกันหมดแล้วรึไงกันนะคนเผ่านี้ ก็บอกว่าเป็นผู้ชายเป็นผู้ชาย แต่กลับให้มาเป็นราชินีของเผ่าจะบ้ารึไงกัน ตั้งแต่แรกเดิมทีทั้ง2เผ่าพันธุ์ของเรากับหมอนั้นก็เข้ากันไม่ได้อยู่แล้ว แวมไพร์กับแวร์วูลฟ์ มันคนละชาติเชื้อกันเลย แถมยังเป็นคนในราชบันลังค์อีกแหนะ แต่ไอ้ที่ที่สำคัญที่สุดเป็นผู้ชายทั้งคู่ รู้ถึงไหนอายถึงนั้น ไม่ใช่ความรักแบบโรมิโอกับจูเลียตซะหน่อย
“ผมจะกลับวังผม” รีเฟลยืนกรานจะกลับไปที่เผ่าของตัวเองให้จงได้ อันที่จริงเขาก็ไม่ได้รังเกีย0เดียดฉันท์อะไรกับที่นี้หรอกนะ เพียงแต่ตอนนี้ถ้าไอ้บ้าราชาของเผ่ามันไม่ยืนกรานที่จะให้ เจ้าชาย อย่างเขามาเป็นราชินี ก็คงจะอยู่ได้ยืดอีกนิด เขาเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงโปร่งเจ้าของปราสาทแห่งนี้ ถึงร่างกายจะยังไม่หายดี แต่ถ้าอยู่ต่อไปก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“พี่รีเฟลอย่าเพิ่งกลับสิฮะ นานๆทีผมถึงจะเจอคนแบบพี่ ไม่สิอาจไม่ได้เจออีกแล้วก็ได้ อยู่กับผมนะครับ พี่รีเฟล นะครับ นะ นะ นะ ผมขอล่ะ” บริทจิสส่งสายตาอ้อนวอนมายังพี่ชายคนสวย เด็กน้อยเกาะรีเฟลไว้แน่น แล้วพร่ามคำขอร้องออกมาอีกชุดใหญ่ จนร่างบางๆผู้รับเคราะห์เริ่มที่จะใจอ่อน
‘ไม่ได้......ไม่ได้ จะใจอ่อนแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด’ เตือนสติตัวเองได้แล้ว รีเฟลก็หันกลับไปยิ้มสู้พูดกับบริทจิสแทน
“พี่ขอโทษนะบริทจิส แต่ที่นี่ไม่ใช้ที่ของพี่ พี่อยากกลับไปหาหา พ่อ กับ แม่ ของพี่เหมือนกันนะ” รีเฟลลูบหัวบริทจิสแล้วปลอบด้วยกริยาที่ต่างจากที่ปฏิเสธ ครวเฟียร์อย่างสิ้นเชิง บริทจิสทำหน้าคิดหนักใจนึงเขาอยากให้รีเฟลอยู่ที่นี่ก็จริงแต่ก็ไม่อยากให้ต้องอยู่เพราะจำใจจะต้องอยู่ซักเท่าไหร่ อีกใจก็อยากให้รีเฟลกลับบ้านไปหาพ่อ กับ แม่ของตัวเอง
“อะไรกัน.....อยากกลับไปหาพ่อ กับ แม่ ของพี่เหมือนกันนะ หรือที่จริงแล้วอยากกลับไปซุกอกพี่ชายกันแน่ล่ะ” โครวเฟียร์แขวะใส่รีเฟลเมื่อเห็นการกระทำที่รีเฟลทำกับบริทจิสแล้วมันต่างกับที่ปฏิบัติกับเขาโดยสิ้นเชิง ทั้งที่คนที่ช่วยชีวิต รีเฟลเป็นเขาแท้ๆ ทั้งๆที่อธิบายความรู้สึกในตอนนี้ออกมาไม่ถูก จะอิจฉาคุณลูกก็ไม่ใช่ แต่ก็กลับอยากแขวะใส่ไอ้เจ้าชายหน้าสวยติดพี่คนนี้ขึ้นมาซะเฉยๆ
“นายนิมัน......ก็บอกว่าไม่มีอะไรไงเล่า” รีเฟล ปฏิเสธเสียงแข็งแต่ทว่าร่างกายกับคำพูดต่างกันสิ้นเชิง ถึงคำพูดจะบอกเปล่าๆ แต่หน้ากลับแดงเป็นลูกมะเขือเทศ จนไม่ว่าใครที่ไหนก็ดูออกเป็นเรื่องธรรมดา
“งั้นพี่รีเฟลอยู่ที่นี้อีกซักวัน-สองวันได้ไหมน่ะครับ” บริทจิสถามเชิงอ้อน รีเฟลถึงกับคิดหนัก จะให้อยู่น่ะมันได้อยู่หรอกนะแต่ทว่าถ้าอยู่มีหวังต้องทะเลาะกับโครวเฟียร์ตายแหงๆ ทั้งเรื่องที่รู้ความลับเรื่องที่ฝันแล้วเผลอละเมอออกมา แถมยังมีเรื่องไอ้ที่จะให้เป็นราชินีนั้นอีกด้วย
“เอาเถอะน่า ช่วยอยู่เป็นเพื่อนบริทจิสกับรีอารีลทีนะ ถือว่าฉันขอเป็นค่าตอบแทนที่ฉันช่วยนายไว้ก็แล้วกัน ฉันสัญญาเลยว่าอีก2วันฉันจะพานายไปส่งที่วังของนายแน่” โครวเฟียร์พูดเชิงขอร้อง เชิงทวงบุญคุณ แล้วชูนิ้วก้อยเป็นการทำท่าจะสัญญาแบบเด็กๆให้กับรีเฟล
“ปัญ – ญา – อ่อน” รีเฟลพูดตัดบทย้ำเสียงแน่นๆแล้วปัดมือของโครวเฟียร์ที่ชูนิ้วก้อยให้เขา ออกไปทางอื่น “ผมไม่ใช่เด็กนะ.......เฮ้อ......อยู่ที่นี้อีก2วันงั้นเหรอ.........”
“ก็คงจะได้ล่ะมั่ง”
ไม่ได้ทันคิดหน้าคิดหลังให้ดีแต่ปากเจ้ากรรมก็ดันตอบตกลงไปแล้วอย่างอดไม่ได้ สีหน้าเศร้าๆในตอนแรกของบริทจิสยิ้มร่า รอยยิ้มมุมปากของโครวเฟียร์ผุดขึ้นอย่างได้รับชัยชนะสมบูรณ์แบบ
“เย้ๆ พี่รีเฟลจะอยู่สินะดีจังๆ ดีที่สุดเลย รีอารีลก็คงดีใจแน่ๆ” บริทจิสกระโดดกอดรีเฟลด้วยความดีใจ เห็นภาพแบบนี้แล้วหากใครไม่รู้ล่ะก็คงคิดว่านี้คือพ่อ แม่ ลูกนั่งคุยกันอยู่เป็นแน่แท้
“ว่าแต่.....รีอารีลนี้ใครกันน่ะ” รีเฟลถามขึ้นเมื่อเห็นสองพ่อ-ลูกพูดถึงชื่อบุคคลที่เขาไม่รู้จักและคาดว่าน่าจะเป็นเด็กผู้หญิง
“ลูกสาวฉันเองแหละ น้องสาวฝาแฝดของบริทจิส” โครวเฟียร์เป็นคนตอบข้อสงสัยของร่างบางที่พยักหน้ารับแบบแหยะๆ “ตอนนี้คงกำลังนั่งเล่นอยู่ที่สวนหลังวังนั้นแหละ”
“นายนี้นะหน้าตาไม่เข้ากับคนที่มีลูกแล้วถึงสองคนเลยนะ” รีเฟลพูดไปตามตรง แล้วมองหน้าโครวเฟียร์อย่างพินิจพิจารณา “จริงๆเหรอ ที่ลูก2น่ะ”
“ฉันจะโกหกนายไปให้ได้อะไรขึ้นมาล่ะ เจ้าชายชนเผ่าพวกมีปีกไม่เห็นจะน่ามีอะไรให้หลอก” โครวเฟียร์กล่าวหยามรอยยิ้มที่มุมปากดูลึกขึ้นไปอีกหลายมิล
“นายนิมัน.....” รีเฟลพยายามจะเถียงกลับ แต่เจ้าชายน้อยที่ไม่ค่อยได้มีปากเสียงอะไรกับใครในเวลานี้ถือว่าเป็นปัญหามากเลยทีเดียวเชียวสำหรับรีเฟล
“ฮ่าฮ่า พี่รีเฟล พี่รีเฟล ไปหารีอารีลกันไหมครับ” บริทจิสเสนอแล้วโดดลงจากเตียงของรีเฟล เตรียมตัวจะพารีเฟลเดินทัวร์ปราสาทหลังงามที่ตนภูมิใจนักหนา
“แต่รีเฟลยังไม่หายดีนะครับ บริทจิสอย่าไปกวนพี่เขาแบบนั้นสิ” โครวเฟียร์ปราม ทำเอาบริทจิสลูกชายหน้าบูดไม่เอาอ่าวงอนผู้เป็นพ่อเป็นการใหญ่
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรมากด้วย ไปเดินเล่นข้างนอกจะได้ไม่อุดอู้ แล้วก็ไม่ต้องทนฟังใครบางคนแขวะใส่ด้วย” รีเฟลว่าก่อนจะเขยิบตัวลงจากเตียง แล้วเดินตรงไปหาบริทจิสที่รออยู่หน้าประตูโดยไม่สนใจคำปรามของราชาแห่งเผ่าแวร์วูล์ฟ
“ตามใจนายก็แล้วกัน ดื้อรั้นจริงเชียว” โครวเฟียร์พูดปัดๆแกมประชดประชันกลับ แล้วลุกจากเก้าอี้เตรียมจะไปทำงานต่อ เขามีงานที่ต้องเซ็นโน้นเซ็นนี้อีกมากมายก่ายกองตั้งรวมกันอยู่บนโต๊ะทำงาน การจะมีรีเฟลไว้คอยช่วยเลี้ยงเด็กๆแบบนี้ก็ดีไปอย่าง
“ยังไงก็ดูแลตัวเองดีๆด้วยล่ะฉันไม่อยากจะต้องไปหายาแก้พิษมาให้นายอีก อาจจะมึนหัวนิดหน่อย เพราะนายก็โดนพิษจากต้นไม้ไปเยอะพอสมควร”
“อืม รู้แล้วล่ะน่า” รีเฟลตอบเรียบๆ
“ไปเร็วฮะ.......พี่รีเฟล” บริทจิสคว้าข้อมือของรีเฟลลากออกไปนอกห้องอย่างรวดเร็วโดยไม่ฟังที่โครวเฟียร์พูดต่อจนจบ
ทั้งสองคนเดินผ่านตัวปราสาทที่ตกแต่งอย่างเป็นเอกลักษณ์ทำให้ดูน่าตื่นตาตื่นใจพอตัวสำหรับรีเฟลที่ไม่เคยไปไหนมาไหนบ่อยนักนอกจากอยู่ในวังของตนเองเท่านั้น ไม่นานนักทั้งสองก็เดินมาถึงสวนพฤกษาหลังปราสาท รีเฟลมองดอกลิลลี่สีขาวในสวนนั้นแล้วก็พลันคิดถึงเรื่องตอนเด็กๆขึ้นมา ตัวเขาเองนั้นชอบดอกลิลลี่มากๆ ก็เพราะเซเอลพี่ชายที่เขารักมากเพียงคนเดียวเคยนำเอาดอกลิลลี่สีขาวบริสุทธิ์มาให้เขาตอนที่เขาไม่สบาย
คำพูดของเซเอลตอนนั้นเขายังจำได้ดีที่พี่ชายกล่าวว่าดอกลิลลี่หมายถึงความบริสุทธิ์ มันเหมาะกันเขา และมันจะแทนตัวของรีเฟลในใจของพี่เสมอ
“พี่รีเฟลชอบดอกลิลลี่เหรอครับ” บริทจิสถามขึ้นมาในขณะที่เนโกะมิมิตัวน้อยเห็นรีเฟลยืนจ้องดอกลิลลี่อยู่ไม่วางตา
“อืม......มีคนเคยบอกว่าพี่เหมือนดอกลิลลี่น่ะ” รีเฟลยิ้มให้บริทจิส รอยยิ้มที่อ่อนโยนคงจะเป็นเอกลักษณ์ของรีเฟลไปแล้ว ไม่แปลกเลยที่บริทจิสจะเคยได้ยินว่า องค์ชายองค์น้องของเผ่าแวมไพร์เป็นที่รักใคร่ของใครต่อใครโดยทั่วกัน ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ทุกคนก็คงต่างพากันรู้สึกอบอุ่นไปกับรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนเช่นนี้
“ม๊ะม๊าของผมก็ชอบดอกลิลลี่ล่ะ” บริทจิสว่าแล้ววิ่งเตาะแตะแบบเด็กๆไปเด็ดเอาดอกลิลลี่สีขาวสวยดอกหนึ่งมาส่งให้รีเฟล “ใครกันนะที่บอกว่าพี่เหมือนดอกลิลลี่ คนๆนั้นจะต้องตาถึงเป็นแน่ ผมเห็นด้วยนะ ทั้งที่เป็นผู้ชายแต่กลับงดงามขนาดนี้”
“เอ๋...... พี่เป็นผู้ชายโดนชมว่าสวยนี้ควรจะดีใจรึเปล่านะ” รีเฟลรับดอกลิลลี่จากบริทจิสมาไว้ในมือ แล้วก้มลงดมกลิ่นอันแสนหอมหวานของดอกลิลลี่สีขาวบริสุทธิ์
“นั้นไงเจอซะที” บริทจิสมองไปเจอน้องสาวฝาแฝดที่เขากำลังตามหาอยู่เสียพอดิบพอดี เด็กน้อยตะโกนเรียกแฝดสาวพลางโบกมือเป็นสัญญาณ “รีอารีล รีอารีล ทางนี้ๆ”
“นั้นเหรอรีอารีล” รีเฟลมองไปยังเด็กสาวผมสีดำยาวถึงสะโพกที่กำลังนั่งเลือกดอกไม้อยู่ในฝั่งของสวนดอกเดซี่ ทั้งที่บอกว่าเป็นฝาแฝดกันแต่กลับต่างกันราวเทพกับมาร บริทจิสเป็นเด็กผู้ชายผมสีขาวร่าเริง ราวกับเทพองค์น้อย แต่ รีอารีล เป็นเด็กผู้หญิงผมดำที่ดูมีท่าทีเย็นชา สุขุม ราวกับซาตานตัวน้อยก็ไม่ปราน
“บริทจิส....นั้น.....นั้นคือบุคคลที่ท่านพ่อพามายังปราสาทแห่งนี้งั้นเหรอ” รีอารีลที่เดินมาหาตามเสียงเรียกของฝาแฝดกล่าวขึ้นถามบริทจิสถึงคนที่เดินมาด้วยกันนั้นก็คือรีเฟลนั้นเอง
“อืม....ใช่แล้วล่ะ พี่เขาชื่อรีเฟล เป็นองค์ชายแวมไพร์ของเผ่าฝั่งโน้นของป่า” บริทจิสแนะนำรีเฟลให้กับรีอารีล แล้วยื้นมือชี้ไปที่ป่าไม้พิษที่รีเฟลเพิ่งรอดออกมาอย่างหวุดหวิด
“ตอนที่ท่านพ่อพามาข้าคิดว่าเป็นเด็กผู้หญิงซะอีก.....” รีอารีลมองรีเฟลอย่าพินิจพิจารณา ตั้งแต่ใบหน้าสวยๆจรดเท้า ก่อนที่จะทำหน้าบูดบึ้งอย่างไม่ถูกใจ “ข้าก็หลงดีใจ นึกว่าจะได้ท่านแม่คนใหม่ซะแล้ว”
“พรืดดด แค็กๆ” รีเฟลสำลักน้ำลายตัวเองเข้าอย่างจัง นี้เขาเหมือนราชินีองค์ก่อนขนาดนั้นเลยหรือไงกันทำไมแต่ละคนอยากได้เราเป็นราชินีนักนะ นึกไปว่าที่โครวเฟียร์กับบริทจิสพูดจะเป็นเรื่องล้อเล่นซะอีก แต่ทว่ามันคือเรื่องจริงสินะ
“เป็นอะไรน่ะครับพี่รีเฟล” บริทจิสถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใยเมื่อเห็นว่าอยู่ดีๆรีเฟลก็ไอคอกแคกออกมาซะเฉยๆ
“อ๊ะ.....เปล่าๆ ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร พี่แค่ตกใจอะไรนิดหน่อยน่ะ เลยสำลัก” รีเฟลยิ้มแหะๆแก้เก้อ แล้วหันไปลูบหัวรีอารีลอย่างพิถีพิถันและเอ็นดูก่อนจะเอ่ยถามให้แน่ใจเรื่องที่ว่า “พี่น่ะเหมือนแม่ของเจ้าขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ”
“ใช่ค่ะ แต่ท่านแม่มีหู เพราะท่านแม่เป็นเนะโกะมิมิ” รีอารีลตอบ พลางจ้องใบหน้าสวยๆของรีเฟลที่กำลังเหงื่อตกเพราะเหตุใดก็มิอาจทราบได้ “แล้วท่านแม่ก็ตาสีอเมทิสต์”
“พี่ก็ชักอยากจะเห็นแม่ของเจ้าทั้งสองคนซะแล้วสิ.......เนะโกะมิมิ เหรอ มิน่า พี่ก็งงว่าทำไมเผ่าพันธุ์แวร์วูล์ฟถึงได้ให้เนะโกะมิมิเข้ามาในอาณาเขตแบบนี้” รีเฟลพูดถามตามมารยาท ถึงตัวเขาเองจะอยากรู้ว่าทำไมทั้งที่เขาเป็นผู้ชายแล้วราชินีองค์นั้นเป็นผู้หญิงถึงได้เหมือนกันขนาดนั้น แต่อีกใจก็ไม่ได้สนใจอะไรนักหนาในตัวของอดีตองค์ราชินี
“ที่หอคอยฝั่งตะวันตก มีห้องของท่านแม่อยู่ ที่นั้นมีรูปของท่านแม่ที่ท่านพ่อเก็บเอาไว้ ที่อื่นไม่มีหรอก” รีอารีล บอกเรื่องของราชินีองค์เก่าให้กับรีเฟล อย่างง่ายดายทั้งที่เรื่องนั้นเป็นความลับภายในของคนในราชวงค์เพียงเท่านั้น
“รีอารีล!!!” บริทจิสปรามน้องสาว ข้อหาที่พูดเรื่องภายในกับคนภายนอกอย่างรีเฟล ถึงจะเป็นคนที่ดูไม่มีพิษไม่มีภัยอะไรก็เถอะนะ แต่คนภายนอกก็คือคนภายนอกอยู่ดี โดยเฉพาะยิ่งคนล่ะเผ่าพันธุ์กันแล้วการบอกความลับภายในเช่นนี้อาจดูไม่ดีนัก “แต่ว่าพี่รีเฟลอย่าเข้าไปนะครับ ถ้าไม่งั้นป๊ะป๊ารู้แย่แน่ๆ”
“อะ.......อืม พี่ไม่ไปหรอก” รีเฟลตอบตกลงรับคำ แต่ถึงปากจะว่าแบบนั้นใจจริงก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไม คนที่ดูท่าจะเป็นเสือผู้หญิงอย่างโครวเฟียร์ถึงต้องเก็บทุกอย่างไว้จนบัดนี้ แถมยังไม่ให้ใครเข้าไปอีกล่ะ มันมีอะไรกันแน่
“ลืมเรื่องม๊ะม๊าเถอะนะ ไปเล่นกันนะครับพี่รีเฟล” บริทจิสพยายามให้รีเฟลเลิกคิดถึงเรื่องนี้ซะ เขาจึงหาทางเปลี่ยนเรื่องโดยชวนรีเฟลและรีอารีลไปเดินเล่นกับ อเล็กแซน หมาน้อยพันธุ์โกลด์เด้นของเขาเอง
“เฮ้ เจ้านี้เป็นมอสเตอร์นิ” รีเฟลกล่าวอย่างระแวงเมื่อเห็นบริทจิสวิ่งเข้าไปหาหมาน้อยพันธุ์โกลด์เด้น ที่ส่ายหางไปมารอเจ้าของของมันเข้ามาเล่นด้วย “นายอาจจะโดนมันทำร้ายเอานะ”
“นี้เป็นสัตว์เลี้ยงครับ ไม่ใช่มอสเตอร์ป่าหรอกนะ” บริทจิสพูดยิ้มๆแล้วลูบหัวเจ้าอเล็กแซนอย่างเอ็นดู ถึงรีเฟลจะอายุมากกว่าแต่ด้วยความที่ว่าเป็นเจ้าชายหน้าหวานสุดรักสุดหวงของครอบครัวและประชาชนในเมือง เลยกลายเป็นประเภทกบในกะลาไม่ค่อยจะรู้อะไรภายนอกมากนัก ถึงจะเป็นเรื่องใกล้ตัวบางอย่างยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำไป
นานมากแล้วที่รีเฟลไม่ได้เล่นอะไรแบบนี้ ตั้งแต่ที่พี่ชายคนเดียวของเข้าเริ่มจะโตเป็นผู้ใหญ่เตรียมสืบทอดบัลลัง เขาก็ไม่ได้เล่นกับพี่ชายอีกเลย..........
เวลาผ่านล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว ท้องฟ้าที่เคยคงอากาศสดใสของยามเย็น ดูมืดลงจากเดิมทันตาแต่เจ้าตัวกำลังสนุกกับการเล่นกับเด็กทั้งสองจนคิดว่าเวลาเพิ่งผ่านไปได้ไม่นานมานี้เอง
“คุณหนูๆ คุณหนูบริทจิส คุณหนูรีอารีล ได้เวลาอาหารเย็นแล้วเพคะ” หญิงแก่ที่ดูท่าทางใจดี อ่อนโยน กึ่งวิ่งกึ่งเดินมายังที่ที่ทั้งสามคนกำลังนั่งเล่นอยู่กับอีกหนึ่งตัว
“เริ่มค่ำแล้วเหรอเนี่ย ไม่น่าทำไมตาสว่างแบบนี้” รีเฟลบ่นพึมพำกับตัวเอง
เพราะไม่อยากให้พวกที่นี้มองเขาว่าแปลกประหลาดไปมากนัก เขาจึงต้องถ่อสังขารออกมาเล่นกับเด็กๆแบบนี้ ทั้งที่เขาเป็นแวมไพร์ จะนอนในเวลากลางวันและตื่นในเวลากลางคืน ใช้ชีวิตกลางคืนและกลางคืนเท่านั้น ถึงเขาจะเป็นพวกเลือดบริสุทธิ์ที่สามารถโดนแสงแดดได้ ไม่กลัวไม้กางเขนหรือกระเทียมก็เถอะนะ แต่การที่เขาต้องตื่นตั้งแต่บ่ายแบบวันนี้ก็เป็นอะไรที่เสียพลังงานในตัวไปเยอะพอดูลยทีเดียวเชียว
“พี่รีเฟลมีอะไรเหรอครับ” บริทจิสถามดูเมื่อเห็นรีเฟลพึมพำอะไรบางอย่างกับตัวเอง
“อ๊ะ.....ปะ...เปล่าๆ บริทจิส พี่ไม่มีอะไรหรอก” รีเฟลยิ้มแห้งๆแล้วเดินตามบริทจิสกับคุณแม่บ้านที่มาตามไปยังโต๊ะอาหารสุดหรูที่แสนยาวเหยียดของราชวังที่มีโครวเฟียร์นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“นี้ครับคุณรีเฟลอาหารชุดพิเศษของคุณที่ราชาท่านสั่งทำพิเศษไว้ให้ขอรับ” ชายหนุ่มสุดสมาทในชุดสูทสีดำสนิทวางถาดอาหารอัลลูมิเนียมสีเงินที่หน้าของรีเฟลก่อนจะเปิดฝาที่ครอบออกเบาๆ เผยให้เห็นถึงสปาเก็ตตี้ไก่สีหวานน่ารับประทานพร้อมทั้งชุดช้อน-ส้อมสีเงินสว่างด้านข้าง
“เอ๋....ทำไม” รีเฟลถามงงๆกับการที่เขาได้อาหารชุดพิเศษสุดหรูตรงหน้า
“ก็พวกแวมไพร์ไม่กินกระเทียมไม่ใช่เหรอไงกัน” โครวเฟียร์เอ่ยตอบคำถามคาใจของรีเฟลก่อนที่จะลงมือรับประทานอาหารตรงหน้า “ถ้าไม่ชอบกลิ่นกระเทียมจะไปกินที่ห้องก็ได้นะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ขอบคุณนะครับ แต่ว่าผมน่ะ” รีเฟลหัวเราะตะกุกตะกักทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นห่วง แต่ก็อดขำไม่ได้ที่คนอย่างโครวเฟียร์จะมาให้ความสำคัญกับเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเขาซึ่งเป็นคนต่างเผ่าพันธุ์แบบนี้ “แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์น่ะ กินกระเทียมได้น่ะครับ ฮ่ะฮ่ะ”
“..........เออฉันผิดเอง” โครวเฟียร์พูดประชดกลับรีเฟลซะอย่างนั้น “แต่ยังไงเตรียมๆไว้แล้วก็กินๆเข้าไปเถอะ”
“ครับๆ” รีเฟลตอบรับทั้งที่ยังติดตลกขำไม่หายแต่ก็ลงมือกินสปาเก็ตตี้ตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย
เมื่อทั้ง4คนทานอาหารเย็นกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว บริทจิสกับรีอารีลก็โดนแม่นมพาไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อที่จะเข้านอน แต่สำหรับรีเฟลแล้วเขายังไม่ง่วงเลยด้วยซ้ำไป เขาวางช้อน-ซ้อม แล้วลุกขึ้น กะว่าจะอาบน้ำเสียให้เรียบร้อยแล้วจะพยายามหาอะไรทำเพื่อข่มตาหลับ พรุ่งนี้จะได้ตื่นพร้อมกับพวกแวร์วูล์ฟตามปกติ นี้สินะที่เขาเรียกกันว่า เข้าเมืองตาหลิ่วให้หลิ่วตาตาม
“รีเฟล เดี่ยวสิ” โครวเฟียร์ยืนขึ้นตามรีเฟลเมื่อเห็นอีกฝ่ายเตรียมตัวจะเดินไปที่อื่น เขาจับขอมือเล็กๆที่ราวกับข้อมือหญิงสาวขององค์ชายแวมไพร์ไว้เพื่อรั้งตัวอีกฝ่าย ก่อนที่จะเริ่มพูดในสิ่งที่ตนต้องการจะถาม
“เออ....................จะเป็นอะไรไหม ถ้าฉันจะขอให้นายอยู่ที่นี้ตลอดไป”
“ทำไมเหรอครับ......” รีเฟลย้อนถามถึงเหตุผลที่โครวเฟียร์ต้องการให้เขาอยู่ที่นี่ เขามองนัยน์ตาของโครวเฟียร์อย่างงๆกับท่าทีที่เกิดขึ้น เขาไม่ใช่คนของที่นี่ตั้งแต่แรกแล้วก็ไม่ใช่คนที่มีความสำคัญของที่นี่ด้วย แล้วทำไมกันถึงได้อยากรั้งตัวเขาไว้มากมายขนาดนั้น
“เออ......จะว่าไงดีล่ะ บริทจิสกับรีอารีลก็ชอบนายมาก อยู่ที่นี่ก็ไม่ได้มีอะไรไม่ดีไม่ใช่เหรอไง” โครวเฟียร์ตอบอ้ำๆอึ้งๆ อย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่ในใจต้องการรั้งให้รีเฟลอยู่ที่วังหลวงแห่งนี้แท้ๆ แต่กลับหาเหตุผลที่ตัวเองต้องการเช่นนั้นไม่ได้
“เด็กสองคนนั้นก็แค่อยากมีเพื่อนเล่นเท่านั้นแหละครับ ว่างๆก็ลองไปเล่นกับพวกแกบ้างสิ แล้วอีกอย่างผมน่ะไม่ชินกับที่แห่งนี้หรอกนะครับ” รีเฟลดึงมือออกก่อนจะยิ้มให้กับโครวเฟียร์ รอยยิ้มอันแสนอ่อนโยนที่ไม่ว่าใครเห็นแล้วก็จะต้องหลงไหล ทำเอาโครเฟียร์อึ้งไปพักใหญ่ เปิดช่องว่างให้รีเฟลแกะมือออกแล้วขอตัวเดินตรงไปยังห้องนอนแขกฝั่งตะวันตกที่ที่เขานอนอยู่ก่อนหน้าที่เขายังไม่ฟื้น
+-------------------------------------------------------------+
เฮ้อ........ท่าจะข่มตาหลับไม่ลงจริงๆซะล่ะมั่ง รีเฟลที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินกลับมานั่งที่เตียงนอนแล้วลูบหมอนเบาๆพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
อยากกลับปราสาทขึ้นมาซะอย่างนั้นแฮะ เฮ้อ.......ที่ตกลงไปมันจะดีจริงๆรึเปล่านะ
“ที่หอคอยฝั่งตะวันตก มีห้องของท่านแม่อยู่ ที่นั้นมีรูปของท่านแม่ที่ท่านพ่อเก็บไว้ ที่อื่นไม่มีหรอก” จู่ๆคำพูดของรีอารีลก็แวบเข้ามาในหัว.......
เป็นยังไงกันแน่นะ ราชินีองค์นั้น หอคอยฝั่งตะวันตก...ก็ที่นี้งั้นสินะ แปลว่าห้องต้องอยู่ใกล้แถวๆนี้งั้นเหรอ...... ด้วยความอยากรู้อยากเห็นผสมกับการที่เขานอนไม่หลับอยู่เป็นทุนรีเฟลจึงตัดสินใจลุกออกจากเตียงแล้วย่องออกมานอกห้องเบาๆ
ว่ากันว่าแวร์วูล์ฟมีประสาทสัมผัสที่เฉียบแหลมถ้าไม่ระวังอาจโดนเจอเอาก็เป็นได้ รีเฟลเดินไปทางตะวันตกเรื่อยๆอย่างไม่รู้จุดหมายแน่ชัด ไม่ไกลมากนักเขาก็เดินมาจนสุดทางเดิน แล้วก็พบกับประตูบานใหญ่ที่ดูแปลกตาต่างจากประตูบานอื่นๆที่ผ่านมา รีเฟลมองซ้ายทีขวาทีราวกับกำลังแอบทำอะไรบางอย่างที่ผิดกฎ แต่อันที่จริงมันก็ไม่เชิงแอบหรอกนะ ก็แค่อยากรู้ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรซักหน่อย เขาตัดสินใจเปิดประตูบานนั้นออกช้าๆ บานประตูแง้มออกเล็กน้อยพอที่ตัวเขาจะเข้าไปได้ แล้วองค์ชายแวมไพร์อยากรู้อยากเห็นก็ตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องนั้น
หันซ้ายหันขวาตรวจดูสภาพรอบกาย โชคดีที่แวมไพร์อย่างเขามองเห็นในความมืดได้ดีเยี่ยม ห้องที่เขาเข้ามานั้นตกแต่งและประดับประดาอย่างหรูหรา และดูราวกับว่ายังมีคนอยู่ที่นี้ เพราะห้องทั้งห้องโดนทำความสะอาดอย่างดีให้ความรู้สึกถึงการมีชีวิตอยู่จริงๆ และแล้วสายตาก็พลันเหลือบไปเห็นรูปขนาดใหญ่ที่ติดอยู่บนฝาผนังด้านในของห้อง
รูปของหญิงสาวคนหนึ่งในชุดสีขาวสะอาด เส้นผมที่เหยียดตรงถึงกลางหลังของเธอเป็นสีเงินประกายงดงามราวกับผ่านการดูแลมาเป็นอย่างดี นัยน์ตาอเมทิสต์ของเจ้าหล่อนสื่อให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและพยายาม แต่ก็แฝงไปด้วยความอ่อนโยน ใบหน้าขาวเนียนเปื้อนรอยยิ้มจางๆจากริมฝีปากสีชมพูอ่อน ดูแล้วราวกับแม่พระผู้บริสุทธิ์ผุดผ่อง ร่างกายที่ได้สัดส่วนกระชับไม่ว่าชายใดเห็นเป็นต้องคล้อยตาม
ทั้งที่รีเฟลเองไม่น่าจะรู้จักหญิงสาวในภาพ แต่ทว่าเขากลับรู้สึกคุ้นตาอย่างแปลกประหลาด......เคยเห็นผู้หญิงคนนี้ที่ไหนมาก่อน......รีเฟลจ้องที่รูปนั้นอยู่นานสองนานราวกับต้องมนต์สะกด เขาเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ เคยเห็นมาก่อนหน้านี้........อย่างแน่นอน
ปั้ง!!!!!!!! เสียงประตูห้องเปิดออกอย่างเต็มแรงทำเอารีเฟลที่กำลังจ้องภาพนั้นสะดุ้งหันไปยังทางเข้าของห้องทันทีที่ได้ยินเสียง
“ไม่จริง......”
TBC
-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-
ความคิดเห็น