ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานอียิปต์ โอม...

    ลำดับตอนที่ #99 : จุดเริ่มของอารยธรรม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 882
      0
      2 มี.ค. 50

    จุดเริ่มของอารยธรรม
    เมื่อมีจุดสุดท้ายก็ต้องมีจุดเริ่มต้น  (เฮ่ยๆ สลับกันแล้วมั้ง = =)  เอาล่ะๆ อย่าคิดมากับข้อความที่ข้าน้อยกล่าวมา  ทำใจเป็นกลางแล้วอย่ามองข้าน้อยด้วยสายตาเยี่ยงนั้นด้วย  รับไม่ได้....

    โดย MIB = ตูน
    การเดินทางอันยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์ เมื่อหลายพันปีก่อนผุ้คนได้ก้าวออกจากป่า และสร้างอารยธรรมขึ้นเป็นครั้งแรก พวกเขาสร้างสิ่งก่อสร้างขนาดยักษ์ เช่น ปิรามิด รวมทั้งนครต่าง ๆ แต่พวกเขาสร้างมันขึ้นทำไม อะไรคือสิ่งที่ก่อให้เกิดอารยธรรม ตลอดหลายปี นักโบราณคดี พยายามจะมองย้อนกลับไป จากช่วงที่ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น เพื่อหาคำตอบ และในที่สุดพวกเขาก็พบแล้ว

    เมืองสมัยใหม่ขณะนี้คือจุดสูงสุดของอารยธรรมมนุษย์ ผู้คนหลายล้านที่อยู่อาศัยและทำงานอยู่ร่วมกัน ในชุมชนนั้นผู้คนมีหน้าที่เจาะจงของตน ซึ่งช่วยนำไปสู่จุดหมายเดียวกัน คนทุกอาชีพต่างมารวมตัวกัน เพื่อสร้างสังคมเดียวกัน และเหนือผู้คนคือชนชั้นปกครองผู้มีอำนาจ พวกเขาออกคำสั่ง ทำอะไร ที่ไหน และเมื่อไหร่ แต่มันไม่ได้มีมาอย่างนั้นตั้งแต่ต้น ระบบที่ซับซ้อนนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ? ยังเป็นปริศนาข้อใหญ่สำหรับนักวิชาการ

    คำถามที่นักโบราณคดีขบคิดมานานนักศตวรรษแล้ว ว่าอะไรคือต้นกำเนิดของอารยธรรม อารยธรรมไม่ใช่สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ กว่า 100,000 ปีก่อน ไม่มีเมืองหรืออารยธรรมใด ๆ มนุษย์ยังท่องเที่ยวไปทั่วโลก อยู่กันเป็นกลุ่มครอบครัว หรืออยู่เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ไม่มีผังเมืองไม่มีผู้นำ และไม่มีอนาคต อยู่เพื่อเอาชีวิตรอด เท่านั้น

    แต่แล้วก็เกิดบางสิ่งบางอย่างขึ้น เมื่อ 6,000 ปีก่อนคนเริ่มย้ายออกจากหมู่บ้าน มาสร้างเมืองขนาดมหิมา นักโบราณคดีเรียกการเปลี่ยนแปลงนี้ว่า การข้ามเส้นแบ่งครั้งสำคัญ มันเกิดขึ้นใน 6 แหล่งทั่วโลก ได้แก่ อียิปต์ เมโสโปเตเมีย จีน อินเดีย เปรู และอเมริกากลาง หากไม่มีผู้บุกเบิกเหล่านี้ การแตกหน่อออกมาเป็นโลกสมัยของเรา ก็คงจะไม่เกิดขึ้น

    นักโบราณคดีตรวจสอบอารยธรรมในยุคต้น เพื่อค้นหาเงื่อนงำที่จะบอกว่า ทำไมอารยธรรมจึงปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน และพวกเขาพบว่า แต่ละแห่งนั้น มีอะไรหลาย ๆ อย่างเหมือนกัน เช่น การคำนวณคณิตศาสตร์ และระบบปฏิทิน การเขียน เครื่องปั้นดินเผา โลหะผสม และเหนือจากสิ่งใด คือ สถาปัตยกรรมขนาดมหึมา

    อารยธรรมยุคแรกของทุกแห่งล้วนเหมือนกัน คือมีสิ่งปลูกสร้างที่เป็นอนุสาวรีย์ ขนาดมหึมา นี่เป็นการชี้ชัดของการรวมตัวของกลุ่มคน ภายใต้ผู้นำ ทั้งหมดมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ปิรามิด คือตัวแทนของจุดเริ่มต้นของอารยธรรม การสร้างของเหล่านี้ เกิดจากการเห็นพ้องของคนหมู่บ้านไม่ได้ ต้องมีผู้นำผู้ตาม คนคอยนำ คอยบอกแต่ละกลุ่ม

    แต่ยังไม่มีอะไรบอกได้ว่า บรรพบุรุษเราข้ามเส้นแบ่งนี้มาได้อย่างไร อะไรที่ทำให้เราทิ้งชีวิตที่เรียบง่าย เข้าสู่ตัวเมือง

    มีหลายทฤษฏี บ้างก็ว่าเป็นเพราะการชลประทาน หรือการค้า หรือแม้กระทั่ง มนุษย์ต่างดาว แต่หลายคนบอกว่า สิ่งที่น่ากลัว ก็คือ การทำสงคราม ทฤษฏีนี้ เรียบง่าย สงครามบีบให้คนในหมู่บ้านต้องรวมกลุ่ม เพื่อป้องกันตัว มันนำไปสู่วิถีใหม่แห่งการสร้างสังคม เกิดผู้นำที่มีอำนาจขึ้นมา ซึ่งกลายเป็นฟาโรห์และกษัตริย์ พวกเขาจะกำหนดหน้าที่และจัดระเบียบชีวิต สังคมที่ซับซ้อนเกิดขึ้นมาจากความกลัว

    เมืองวัฒนธรรมที่ทวีความซับซ้อนขึ้น การสงครามจะมีอยู่ทุกที่ สังคมเหล่านี้เผชิญการต่อสู้อยู่เสมอ มีภาพสงครามบรรยายอยู่ในงานศิลปะ มีชนชั้นนักรบกองทัพ นายพล และรายละเอียดเกี่ยวกับสงคราม
    แม้จะไม่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป แต่หลายคนก็เห็นด้วยที่ว่า สงครามคือปัจจัยหลักเบื้องหลังกำเนิดสังคมสมัยใหม่ แต่มันเป็นแค่ทฤษฏี นักโบราณคดีไม่มีหลักฐาน พวกเขาจึงใช้เวลาหลายปี ขุดค้น และพยายามหาทฤษฏีนั้น ให้กลายเป็นข้อเท็จจริง

    สิ่งที่เขาหาก็คือ เมืองแม่แบบ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนทางโบราณคดี ไปสู่ขั้นตอนเริ่มแรกทางอารยธรรม
    อารยธรรมมักจะสร้างซ้อนทับตัวเองอยู่เสมอ ซึ่งหมายความว่าตัวตนในช่วงแรกนั้นจะถูกลบเลือนหายไป มนุษย์ซ่อมแซมตึก นำวัสดุเก่า กลับมาใช้ใหม่ ทำให้สืบค้นได้ยากว่าอารยธรรมไหน เป็นจุดก่อกำเนิดอารยธรรมที่แท้จริง
    การค้นหาเมืองแม่แบบเข้าในในอเมริกา

    เปรูถิ่นกำเนิดอารยธรรมอินคาอันยิ่งใหญ่ พวกเขาครองอาณาจักรที่ทรงอำนาจ ซึ่งทุกชาวสเปน ทำลายเมือ 500 ปีก่อน แต่ต้นกำเนิดอารยธรรมย้อนไปนับ พัน ๆ ปี และอารยธรรมแรกเริ่มก็ยังคงเป็นความลับครับ

    หุบเขาคาสมา

    ชายฝั่งทะเลทรายเปรู ระหว่างเทือกเขาแอนดิส และทะเลแปซิฟิก ไม่มีสิ่งใดรอดชีวิตได้ที่นี่ นักสำรวจเคยผ่านไป เพื่อค้นหาทองคำ และสมบัติของอินคา มันซุกซ่อนอยู่บนภูเขาเบื้องหน้า แต่ไม่มีใครหยุดแวะ แต่มีบางคนได้หยุดแวะ ปี 1994 รุดชาดี นักโบราณคดี เขาได้ยินเรื่องราวของเนินดินลึกลับ

    ในดินแดนที่แห้งแล้งนี้ สิ่งที่เธอค้นพบก็คือ เนินเขาขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเลทราย ที่นี่เป็นทั้งบัลลังค์ของพระเจ้า และเป็นบ้านของมนุษย์ มีบางสิ่งบางอย่าง ซ่อนอยู่ใต้กองเศษหินนั้น ลักษณะเค้าโครงของปิรามิดซ่อนเร้นอยู่
    นี่คือการค้นพบที่จะทำให้ตื่นตะลึงในวงการโบราณคดี มันจะช่วยตอบคำถามว่าทำไมคนเราละทิ้งชีวิตที่เรียบง่าย และก้าวไปสู่อารยธรรม

    มีการค้นพบสิ่งที่วิเศษสุด นั่นคือหนึ่งในปิรามิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปิรามิดนี้ ใหญ่จนนักสำรวจมองข้ามไปกว่าร้อยปี เพราะเชื่อว่ามันเป็นเพียงเนินเขาเท่านั้น แต่มันเทียบเท่าปิรามิดในอียิปต์เลยทีเดียว ปิรามิดนี้ กินพื้นที่หน้าดิน ประมาณ 15 สนามฟุตบอล คำนวณปริมาตรได้ 2ล้าน ลุกบาศก์เมตร
    แต่ปิรามิดเป็นแค่จุดเริ่มต้น สถานที่ทั้งหมดแผ่กว้างออกไปถึง 6 ไมล์ รวมทั้งปิรามิด บริวารอีกกลุ่มใหญ่ ตรงหน้าปิรามิดหลักมีลานกว้าง 4 ลาน กินพื้นที่ออกไปกว่า 1 ไมล์ ผู้คนนับ พัน คงมาพบปะ ค้าขายกันที่นี่

    หุบเขาคาสมา คือ จุดเริ่มแรกแห่งอารยธรรม ผู้ที่มาเยือนหุบเขา และได้เห็นปิรามิด เป็นครั้งแรกจะบอกว่า สังคมซึ่งสร้างที่นี่ขึ้นมานั้น ได้ทำงานร่วมกัน เป็นสังคมที่มีอำนาจ และมีการจัดระเบียบได้เป็นอย่างดี

    การขุดค้นระยะแรก พวกเขาพบ เสาไม้ เพื่อใช้ตรวจหาอายุหลัก ผลที่ได้ก็คือ มันสร้างขึ้นเมื่อ 1,500 ปีก่อนคริสตร์กาล นี่ทำให้คาสมา เป็นสถานที่เก่าแก่ที่สุดในอเมริกา และมีโอกาสสูงที่จะเป็นเมืองแม่แบบ พวกเขาได้ขุดลึกเข้าไปอีก เพื่อค้นหาอารยธรรมแรกเริ่ม มีเครื่องปั้นดินเผา ในรูปแบบเรียบง่าย งานศิลปะที่ไม่ซับซ้อน


    จริงหรือไม่ อารยธรรมเกิดขึ้นเพราะสงคราม?

    ภาพนี้ คนเลือดไหลออกมาจากตรครับ

    ส่วนภาพนี้ คนโดนตัดคอครับ
    การค้นพบ ภาพแกะสลัก มีภาพนักรบ และคนถูกตัดศีรษะ ตัดร่างเป็นสองส่วน ภาพเลือดไหลออกมาจากตาและปาก ภาพชิ้นส่วนของศพ เช่น ขา หรือลำตัว ภาพเท้าและมือถูกมัดไว้ ภาพสลักเหล่านี้ ดูเหมือนการสงครามเห็นแหล่งผลักดันให้เกิดอารยธรรมขึ้นมา

    กองทรายดินและหินนับพันตัน ที่ทับถมกันมานานหลายพันปี นักขุดค้นค่อย ๆ ตักดินออกมา ทำให้พวกเขาพบ ผนังหิน แนวกำแพงปูน ภาพวากที่ถูกซ่อนมานานนักพัน ๆ ปี บันได กำแพงด้านหน้าของปิรามิด
    ปิรามิดเหล่านี้เป็นผลงานของช่างฝีมือสถาปนิก คนงานกลุ่มใหญ่และผู้ควบคุม ซึ่งแสดงถึงความมีอารยธรรม มีหญ้าสานที่ถูกค้นพบภายใต้ปิรามิดมันสานเข้าด้วยกันเรียกว่า ถุงชิคร่า ใช้บรรจุหินจากภูเขา หญ้าสานสามารถนำไปตรวจอายุ คาร์บอน ผลปรากฏว่า ถุงนั้น อยู่ในยุค 2,600 ปีก่อนคริสตกาล มันเก่าแก่กว่าทุก ๆ ที่

    เมืองคาราวแห่งนี้ คือแหล่งอารยธรรมสูงส่ง

    ภาพร่างของคาราวครับ

    คาร์ราว มีอายุกว่า 5,000 ปี เท่า ๆ กับปิรามิดในอียิปต์ ณ ใจกลางของคาร์ราว มีปิรามิดถึง 6 แห่ง เรียงรายรอบลานกว้างขนาดใหญ่ ด้านข้างมีโรงละครครึ่งวงกลม และวิหาร ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางศาสนา ในนั้นมีเตา เชื่อว่า ใช้จุดไฟ ตรงกลางลาน มีบ้านเรือน บ้างก็เรียบหรือตกแต่งอย่างหรูหรา และที่โดดเด่นที่สุด คือ ปิรามิดหลัก ตั้งตระหง่าน เป็นบัลลังค์ของผู้ครองเมือง และเป็นสัญลักษณ์แห่งเมืองนี้ว่าผู้คนได้ละทิ้งชีวิตที่เรียบง่าย มาสร้างอารยธรรม ครับ นี่อาจเป็นอารย
    ธรรมสมัยใหม่ ในยุคแรกเริ่ม


    ทำไมจึงเกิดเมืองขึ้นที่นี่ ?
    ทำไมอารยธรรมจึงเริ่มต้นที่คาราว โจนาธาน ฮาร์ส ผู้เชี่ยวชาญทฤษฏีการสงราม ได้มาที่นี่เพื่อหา แต่การสงครามที่คาราว ไม่เกี่ยวข้องกับข้องการกำเนิดเนิดอารยธรรม ข้อสันนิธฐาน การทำสงครามเป็นอันตกไปครับ
    แล้วถ้าไม่ใช่สงครามอะไรทำให้คนเข้ามาสร้างเมืองที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ขึ้น
    สิ่งที่เขาค้นพบก็คือ คาราว เป็นสังคมที่ทำให้พวกเขาสนุกสนาน ใกล้วิหาร มีการค้นพบ ขลุ่ยแกะสลัก ที่ทำจากกระดูกแร้ง และพวกเขาพบเปลือกหอยทาก ใช้ทำเครื่องประดับจำพวกสร้อยคอ และภายในนั้นมีเศษแป้งสีขาว มันคือปูนขาว และยังพบต้นโคคา ที่คาร์ราวอีกด้วยครับ นั่นหมายถึง ยาเสพติด เมื่อผสมปูนขาว ฤทธิ์ของโคเคนในต้นโคคาจะเพิ่มขึ้น และเกิดการกระตุ้นให้ผลที่รุนแรงอีกด้วย พวกเขาติดยา กัน นอกจากนี้ ก็พบ หลอดสูบที่ทำจากกระดูกอีกด้วย มีความเป็นได้ว่า การใช้ยาเสพติดนี้ จะใช้ในการสร้างภาพหลอนครับ
    ขลุ่ยโบราณแห่งคาราวครับ

    และนอกจากนั้นสิ่งที่ค้นพบ ก็มี เปลือกหอย ขลุ่ย และโคคา สิ่งเหล่านี้ ไม่อยู่ในทะเลทรายรอบที่แห่งนี้ครับ พวกมันมาจากบนเทือกเขาแอนดิส หรือไม่ก็ป่าฝน ที่ห่างออกไป ประมาณ 200 ไมล์ และสิ่งเหล่านี้ ถูกนำมายังคาราว
    และ คาราว ก็ยังมี อาหาร สิ่งที่ต่างออกไปจากสถานที่แห่งนี้ ก็คือ ปลาครับ มีการค้นพบก้างปลาซาร์ดีน ซึ่งน่าจะมาจากชายฝั่งแปซิฟิก ห่างออกไป ประมาณ 20 ไมล์ และดูเหมือนว่าสินค้า ต่าง ๆ ทั่วเปรู จะถูกนำมายังที่คาราวแห่งนี้ครับ

    การสำรวจรอบ ทุกแห่งล้วนมีแม่น้ำ ที่ไหลจากเทือกเขาแอนดิส ไหลลงสู่ทะเล นี่อาจเป็น สาเหตุหนึ่งว่าทำไปชาวคาร์ราวถึงมาตั้งถิ่นฐานที่นี่ครับ เพราะแม่น้ำนำมาซึ่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี นั่นคือการชลประทาน ที่นี่เคยเป็นโอเอซิส มีสวนผลไม้ และแปลงพืชผัก และการชลประทานก็นำไปสู่อีกสิ่งหนึ่ง ซึ่งกลายเป็นปัจจัยสำคัญอันแท้จริง ที่อยู่เบื้องหลังการกำเนิดอารยธรรมที่นี่ นักค้นคว้า หาชนิดของผัก นอกจากถั่ว พวกเขายังพบเมล็ดฝ้าย มากมาย ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีอยู่ทุกที่ ครับ ทุก อาคารมีเมล็ดฝ้าย หรือใย ผ้าทั้งนั้น ฝ้ายบางชนิดใช้เป็นเสื้อผ้า หรือทำมีการค้นพบ แหจับปลา ห่างออกไปไม่ไกล จากคาร์ราว มันมีอายุ เกือบ 5,000 ปี เก่าแก่พอ ๆ กับเมืองคาร์ราว

    ผลสรุปก็คือ ชาวคาร์ราว ทำการค้า พวกเขาทำแหฝ้ายให้กับชาวประมง ซึ่งส่งปลามีเป็นค่าตอบแทน การค้าขายระหว่างชาวประมงกับชาวไร่ ชาวไร่ปลูกฝ้าย และชาวประมงก็ใช้ฝ้ายมาทำแห และชาวประมงก็จะส่งสัตว์ทะเล มาให้เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกันครับ

    การค้าฝ่ายนำไปสู่ระบบยังชีพขนาดใหญ่ ทำให้คาร์ราวมีอาหารมาก ทำให้ผู้คนหลั่งไหลมายังที่แห่งนี้ครับ เพื่อปลูกฝ้ายให้มากขึ้น ที่นี่จึงกลายเป็นศูนย์กลางการค้า ซึ่งขยายวงกว้างออกไป มีการค้นพบสินค้าจากแดนไกล จากเอกวาดอร์ เทือกเขาแอนดิส และเขตป่าฝน ที่ห่างออกไปหลายร้อยไมล์
    นี่อาจเป็นพลังขับเคลื่อนให้เกิดอารยธรรมในคาร์ราว เมื่อ 5,000 ปีก่อน ไม่ใช่การสงคราม แต่เป็นการค้า แต่พวกเขาค้นพบอะไรบางอย่างที่ทำลายความนั้นลง
    ค้นพบศพเด็ก
    ในบ้านขนาดใหญ่ชั้นหนึ่งอาจเป็นคนชั้นสูง พวกเขาสังเกตเห็นของแปลกปลอมอยู่ที่นั่น พวกเขาสังเกตเห็นหลุมเล็ก ๆ ตรงพื้นบ้าน ตอนแรกพวกเขาคิดว่าเจอเครื่องใช้ส่วนตัว หรือเครื่องประดับ แต่เมื่อมองดูชัด ๆ มันเป็นตะกร้าสาน มันวางอยู่ใต้พื้นบ้านมาเกือบ 5,000 ปี เมื่อตรวจสอบ แล้ว มันคือกระดูกมนุษย์อยู่ภายใน เป็นร่างของเด็กทารก และความเป็นไปได้ที่น่าตกใจก็เกิดขึ้น บางทีคนในคาร์ราว อาจริเริ่มประเพณี การบูชายัน มนุษย์

    บางที่ คาราว อาจไม่มีอารยธรรมที่สงบสุข อาจจะโหดร้ายและอยู่เป็นปึกแผ่น ได้ด้วยความกลัว ไม่ใช่การค้า การหาสาเหตุการตายของเด็กคนนี้ อาจจะเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน หรือ การตายโดยธรรมชาติ จากการตรวจสอบศพ เด็กนั่นอยู่ในท่าเดียวกับที่อยู่ในครรภ์ ก่อนจะถูกฝัง และมีผ้าเนื้อดีห่อเอาไว้หลายชั้น ข้าง ๆ มีหินขัดมันก้อนเล็ก ที่เจาะรูตรงกลาง น่าจะเป็นลูกปัดหรือสร้อยคอ เมื่อตรวจสอบกระดูก ก็พบว่า ทารกนี้ มีอายุ 2 เดือน แต่จากการสำรวจอย่างละเอียด ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย แสดงว่า ศพนี้ ตายโดยธรรมชาติครับ และถูกฝังอย่างดี นี่อาจไม่ใช่บูชายัน เป็นเด็กที่รัก

    คาราว เป็นเมืองแรกที่มีการจัดตั้งระบบของรัฐบาลขึ้น รากฐานของอารยธรรม ผู้คนเมื่อ 5,000 ปีก่อนไม่จำเป็นต้องสู้รบ ยาวนานเกือบ 1,000 ปี แต่จะเป็นไปไม่ได้ที่ปราศจากสงคราม ถ้าการสงครามเป็นธรรมชาติของมนุษย์ สงครามเป็นส่วนหนึ่งของมนุษยชาติ ในยุคหลังจากนั้นมาครับ

    http://www.mythland.org/
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×