ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานอียิปต์ โอม...

    ลำดับตอนที่ #79 : เทพเจ้ารา(ถึงท่าน"ใครบางคน"ที่ถามมานะขอรับ)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.4K
      0
      8 ก.พ. 50

    เทพเจ้าของชาวอิยิปต์โบราณ อีกองค์ที่จะแนะนำ ในฉบับนี้เป็นประมุขของทวยเทพแห่งไอยคุปย์มีพระนามว่า “เทพเจ้ารา” คือ สุริยเทพผู้ยิ่งใหญ่ คำว่า “รา” อาจหมายถึงผู้สร้างสรรค์สิ่งต่างๆ และเป็นคำแรกที่นำมาใช้กับคำว่า ซัน(Sun) ซึ่งหมายถึงดวงอาทิตย์ ต่อมาก็ได้กลายเป็นพระนามของเทพเจ้าสำหรับกำเนิดเทพเจ้ารา ชาวไอยคุปต์บางแห่งเล่าว่า เทพอะตุม คือผู้สร้างเทพเจ้าราขึ้นมา แต่ที่เล่ากันทั่วไปก็คือเทพเจ้านั้นเป็นผู้สร้างเทพเจ้าราขึ้นมาตามแรงปรารถนาของเทพเจ้าราเองคงเป็นแบบตำนานเทพเจ้าของชมพูทวีปที่ว่า สยัมภู ที่หมายความว่าเกิดด้วยตนเองนั่นเองครับ

             มีเรื่องเล่าว่า เทพเจ้าราทรงเนรมิตเทพยดาคู่แรกขึ้น คือ เทพเจ้าชูและเทวีเทฟนัท ต่อมาเทพเจ้าชูและเทวีเทฟนัทก็ได้ให้กำเนิดเทพเจ้าเก๊บและเทวีนัท ซึ่งมีพระโอรสและพระธิดาคือ เทพเจ้าโอซิริส, เทวีเนปทิส และเทพเจ้าเซ็ต ต่อมาเทพเจ้าราและเทพเจ้าและเทวีทั้ง ๘ องค์ ก็ได้สร้างศูนย์กลางพิธีกรรมขึ้น และได้กลายเป็นสถานที่ชาวไอยคุปต์เคารพบูชารวมกันที่เมืองเฮลิโอโปลิส แม้ว่าเทพเจ้าราจะเป็นผู้ให้กำเนิดเทพยดาดังกล่าว แต่จริงๆ แล้วพระองค์ยังไม่มีชายา จนกระทั่งต่อมาก็ได้พระชายาทรงพระนามว่า แร็ต ซึ่งคงจะประยุกต์มาจากคำว่า “รา” นั่นเอง พระชายาแร็ตนี้ยังมีพระนามอื่นอีก เช่น อูแซ็ส และเอิร์ท เฮคู ซึ่งหมายถึง ความยิ่งใหญ่ของมนต์วิเศษ  
    นอกจากนี้ยังมีปางเทวปกรณัมเล่าอีกว่า เทพเจ้าราเป็นโอรสของเทพเจ้าเก๊บและเทวีนัท โดยมีรูปร่างเป็นรูปวัวตัวเมีย ทุกๆ เช้า เทพเจ้าจะเกิดเป็นลูกวัว ส่วนในตอนเที่ยงวันจะเติบใหญ่เป็นวัวตัวผู้ และตายในเวลาเย็น จากนั้นก็เกิดใหม่ในเช้าวันใหม่ต่อไปอีก

             เทพเจ้าราทรงได้รับการยกย่องว่าเป็นพระบิดาและราชาแห่งเทพยดา นอกจากนั้นยังได้รับการยกย่องอีกว่าเป็นพระบิดาของมนุษย์และสัตว์ รวมทั้งสิ่งที่มีชีวิตทั้งมวล เล่ากันว่ามนุษย์และสิ่งมีชีวิตเกิดมาจากพระเสโท และน้ำพระเนตรของพระองค์ ตามตำนานเล่าว่าในยุคแรกๆ เทพเจ้าราทรงปกครองโลก ซึ่งอยู่เหนือจักรวาลที่พระองค์ทรงเนรมิตขึ้น ในยุคนั้นเรียกว่า ยุคทองของชาวไอยคุปต์ เนื่องจากเป็นยุคที่บรรดาเทพเจ้าและมนุษย์ดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข จึงเชื่อกันต่อไปอีกว่า รรดาวิทยาการโบราณหลากหลายที่ว่าล้ำเลิศพิสดารนั้น มนุษย์ ได้รับสืบทอดจกเทพเจ้าเหล่านั้นนั่นเอง

              ต่อมาเทพเจ้าราทรงจำแลงแปลงพระวรกายเป็นร่างมนุษย์ เช่นเดียวกับชาวไอยคุปต์ทั่วไป และได้กลายเป็นฟาโรห์ พระองค์แรกที่ปกครองอาณาจักรไอยคุปต์จนเจริญรุ่งเรืองต่อกันมาหลายปี แต่ถึงอย่างไรก็ตาม พระองค์ก็ไม่อาจปกครองอาณาจักรไอยคุปต์ตลอดไปได้ เนื่องจากทรงชรามากขึ้นและนับวันพระวรกายจะมีแต่ซูบผอมและอ่อนแอ จนกระทั่งประชาราษฎร์บางกลุ่มคิดแข็งข้อต่อต้าน จนต้องเชิญบรรดาเทพยดามาชุมนุมร่วมกัน และพระองค์ได้ตรัสถามความเห็นว่า พระองค์ควรใช้พระเนตร (ตาไฟ)เผาผลาญทำลายชีวิตกลุ่มบุคคลดังกล่าวให้วอดวายไปในพริบตาดีหรือไม่ แต่ได้รับข้อเสนอว่าการกระทำดังกล่าว จะทำให้ชีวิตคนดีที่ไม่มีความผิดพลอยถูกทำลาย อีกทั้งพืชพันธุ์ธัญญาหารและผืนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์คงจะถูกเผาผลาญ เป็นทะเลทรายไปด้วย ควรใช้หนทางอื่นปราบปรามเฉพาะกลุ่มคนชั่วร้ายเท่านั้นจะเหมาะสมกว่า ด้วยเหตุดังกล่าว เทพเจ้าราจึงได้วางแผนใหม่ โดยได้เนรมิตเทวีฮาเทอร์ เป็นร่างสิงโตตัวเมียสูงใหญ่และดุร้าย ออกไปล่าเหยื่อกลุ่มมนุษย์ชั่วร้าย ได้ฉีกเนื้อมนุษย์และดื่มเลือดเป็นอาหาร แต่ในภายหลังเทพเจ้ารารู้สึกเศร้าพระทัยที่มนุษย์ล้มตายเป็นจำนวนมาก เนื่องจากสิงโตเมามันกับการกินเนื้อและดื่มเลือดมนุษย์ โดยไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดโดยง่าย จึงได้วางแผนยุติความบ้าคลั่งของสิงโต และอภัยโทษให้ประชาชนเหล่านั้น กลับไปใช้ชีวิตในเมืองอย่างสันติสุขเช่นเดิม


             ในที่สุดเทพเจ้าราทรงตระหนักถึงปัญหาต่างๆ ในการปกครองโลกมนุษย์จึงคิดที่จะละจากการปกครองโลก ดังนั้นพระองค์จึงทรงวัวตัวเมีย (หรือเทวีนัท) เหาะขึ้นไปสู่สวรรค์ ส่วนเทพเจ้าและเทวีได้ตามเสด็จโดยเกาะติดกับท้องวัวไปด้วย และได้กลายเป็นดวงดาวต่าง ๆ ในเวลาต่อมา
    ด้วยเหตุดังกล่าว ทำให้สวรรค์กับโลก และเทพเจ้ากับมนุษย์แยกจากกันโดยปริยาย กลายเป็นโลกใหม่นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ส่วนเทพเจ้าราทรงสละตำแหน่งผู้ปกครองโลกให้แก่เทพเจ้าท็อต (เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์) ซึ่งได้นำแสงสว่างกลับมาสู่มวลมนุษย์ นี่คือเรื่องราวที่ชาวไอยคุปต์เล่าถึงในชีวิตประจำวัน ช่วงที่ดวงอาทิตย์มืดมิด หรือหายไปในตอนกลางคืน และมีดวงจันทร์กลับมาให้ความสว่างแทน ตอนนี้ก็คงเช่นชาติอื่นๆที่เอาเรื่องเทวดามาอธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่มนุษย์พบเห็น

             มีตำนานประหลาดเล่าว่า เทพเจ้าราทรงเกิดขึ้นตอนเช้าเป็นเด็ก และในตอนเที่ยงก็จะเป็นผู้ใหญ่ ครั้นถึงตอนเย็นก็จะเป็นคนชรา ซึ่งต้องตายในคืนนั้น เรื่องนี้สอดคล้องกับตำนานเทพเจ้าราขณะทรงปกครองโลก โดยได้เล่าไว้ว่า เมื่อเทพเจ้าราเสด็จลงประทับเรือ เดินทางในยามรัตติกาลก็จะจำแลงเปลี่ยนพระเศียรเป็นรูปหัวแกะ และพระองค์ก็ทรงมีพระนามอีกว่า อัฟ – รา หรือ อัฟ ซึ่งหมายถึงซากศพคนตาย พระองค์เดินทางตลอดสิบสองชั่วโมงแห่งความมืด เรือที่ประทับมีชื่อว่า เมเซ็ค เค็ต หรือ เรือยามราตรีชาวไอยคุปต์ เชื่อว่าวิญญาณของฟาโรห์ ซึ่งเสด็จสวรรคตไปแล้ว (รวมทั้งมนุษย์ในช่วงต่อมา) จะอยู่ในรูปดวงดาว ซึ่งคอยรับใช้เป็นลูกเรือของเรือสุริยะ ดวงดาวเหล่านั้นก็จะไม่ตกในระหว่างช่วงกลางวัน ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้ เนื่องจากแสงอันเจิดจ้าของดวงอาทิตย์นั่นเอง

     

             เทพเจ้ารา เป็นเทพเจ้าที่ได้รับการสรรเสริญ และเคารพบูชาทั่วทั้งอาณาจักรไอยคุปต์ ซึ่งต่างก็ถือว่าพระองค์คือผู้สร้างโลกและจักรวาล รวมทั้งเทพยดาทั้งมวลในสมัยยุคอาณาจักรเก่าบรรดาฟาโรห์ที่ปกครองอาณาจักรไอยคุปต์ต่อกันมา มักจะตรัสอ้างว่า เป็นโอรสของเทพเจ้ารา และสวมเครื่องรางรูปพระเนตร อันเป็นสัญลักษณ์ของเทพเจ้ารา อันหมายถึงอำนาจศักดิ์สิทธิ์และสูงสุด ศาสตร์พลังจิตต่างๆ ของไอยคุปต์ ก็อ้างอิงคติจากมหาเทพองค์นี้ด้วย โดยเฉพาะ “จัทส์” เครื่องรางรูปดวงเนตรแห่งรานั้นถือว่าทรงอานุภาพสูงสุดทีเดียว…..


    เฮ้อ....คำตอบกว่าวจะมา  ขอโทษนะขอรับที่ช้าไปหน่อย  ถูกหรือเปล่าอันนี้ไม่รู้เหมือนกัน  ตามเขาไปก่อน  เดี๋ยวค่อยแก้เน้อ
    http://www.ounamilit.com/b37_tep.htm
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×