ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานอียิปต์ โอม...

    ลำดับตอนที่ #41 : ตอนที่ 3(3) : ศพอาบยา และ มรณะคัมภีร์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.01K
      0
      18 ธ.ค. 49

    ตอนที่ 3(3) : ศพอาบยา และ มรณะคัมภีร์

    จารึกเหล่านี้ ส่อความว่า กษัตริย์ผู้ครองอียิปต์สมัยโบราณ ต้องทำศึกสงครามออกไปในทวีปอาฟริกาบางส่วน และตีไปถึงตะวันออกกลาง เมื่อจะออกไปทำศึกกับใคร ก็ยกเอามหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ คือ ดวงอาทิตย์ (อเมนรา) ขึ้นมาเป็นสรณะ และยกทัพออกไปปราบคนนอกชาตินอกศาสนา บังคับจับเอามาให้นับถือมหาเทพอเมนรา คือบังคับให้เข้ามาอ่อนน้อม ยอมอยู่ใต้อำนาจของอียิปต์นั่นเอง

    ตามหลักฐานที่ได้จากการขุดค้นใต้แผ่นดินอียิปต์ ซึ่งนักปราชญ์ฝรั่งเศสชื่อชาทโปลิย็อง(champolion) ได้เรื่องใหม่อีกเรื่องว่า คนอียิปต์โบราณมีความเจริญอย่างยิ่งในทางจิตใจ ดังจะเห็นได้จากคำสารภาพบาปในมรณะคัมภีร์ และจากคัมภีร์ต่างๆที่ค้นได้ บอกถึงความเจริญของอียิปต์ในสมัยโบราณทั้งหมด

    ชามโปลิย็อง อธิบายไว้ว่า คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของอียิปต์เหล่านี้ ปันออกเป็นภาคคัมภีร์ภาคหนึ่ง ประกอบด้วยบทเพลง สำหรับบรรเลงขับกล่อมต่อพระเจ้าเป็นคัมภีร์เก่าแก่ที่สุดว่าคัมภีร์เล่มใด คัมภีร์ภาคต่อมาจารึกเรื่องศีลธรรม เรื่องดาราศาสตร์ อักษรศาสตร์ ภูมิศาสตร์ พิธีทางศาสนา เรื่องเทพเจ้า เรื่องการศึกษาของนักพรต และตำรายาในสมัยโบราณ คัมภีร์เหล่านี้ยังมีข้อความจารึกอยู่โดยสมบูรณ์ เก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์เมืองตูรินในอิตาลี

    คัมภีร์เหล่านี้ช่วยให้เราได้รู้ศิลปะ ประเพณี และศาสตร์ที่เจริญอยู่ในสมัยโบราณเป็นอันมาก แต่ความสำคัญของคัมภีร์เหล่านั้น ไม่สำคัญเท่ามรณะคัมภีร์ เพราะว่ามรณะคัมภีร์เกี่ยวกับชีวิตและความตาย

    ดังได้กล่าวมาแล้วแต่ต้น เมื่อนำศพผู้ตายไปทำพิธี ณ วิหารเทพเจ้า อันตั้งอยู่ตรงข้ามฝั่งแม่น้ำไนล์ทางด้านตะวันตกแล้ว ก็นำศพนั้นไปฝังยังที่ใดที่หนึ่ง อาจเป็นฝังลงดิน ฝังในอุโมงค์ตามเชิงเขา หรือฝังไว้ ร สถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งที่เรียกว่า “ปิรามิด” (Pyramid)

    ปิรามิด คือ รูปเจดีย์ สามเหลี่ยม เป็นสิ่งก่อสร้างใหญ่โตมาก แสดงความสามารถและความรู้ทางสถาปัตยกรรมของชาวอียิปต์โบราณ(หรือความสามารถของคนยิว ซึ่งตกเป็นทาสของอียิปต์) เป็นอย่างเลิศ ปิรามิดบางแห่งสูงถึง 144 เมตร ทำด้วยหิน หรือ ศิลาแลง ต่อเติมขึ้นไปเป็นแท่ง ไม่มีการโบกปูนเชื่อมต่อ แต่ติดกันอยู่ได้ด้วยการคำนวณในการต่อวางแผ่นหิน

    นักสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ เมื่อมองเห็นปิรามิด มักพากันพิศวงว่า คนโบราณมีวิธียกท่อนหินใหญ่ขนาดนั้นขึ้นไปต่อกันได้อย่างไร ซ้ำยังทำเป็นโพรงไว้ข้างใน ทนแดดทนพายุในทะเลทรายมาได้เป็นเวลาหลายพันปี อาจพูดได้ว่าถ้านักค้าสงครามสมัยใหม่ไม่มุ่งทำลายเสีย ปิรามิดจะคงทนอยู่ได้ตราบเท่าที่โลกยังอยู่

    ปิรามิด สำเร็จขึ้นเป็นรูปด้วยกำลังปัญญาสามารถอย่างยิ่งยวด ต้องใช้แรงคนแรงงานทรัพย์อย่างมหาศาล นิยมสร้างเป็นที่เก็บศพพระเจ้าแผ่นดิน เพราะไม่มีใครจะเกณฑ์เอากำลังทรัพย์ กำลังคนจากที่ใดได้นอกจากพระเจ้าแผ่นดินซึ่งสามารถจะเกณฑ์เอาอะไรจากใครเท่าไรก็ได้ แต่ภายหลังครอบครัวที่มีฐานะดีสร้างปิรามิดขึ้นเป็นที่เก็บศพของบรรพบุรุษก็มีอยู่บ้าง ที่มีมากที่สุดสำหรับพวกผู้ดีมีเงิน มักสร้างตามภูเขา และเรียกกันว่า “มัสตาบา” (Mastaba) ไม่ใช่ปิรามิด

    ภายในปิรามิด ทำเป็นโพรงหรืออุโมงค์ขุดลงไปใต้ดิน มีห้องสลับซับซ้อนมากมาย บางห้องเป็นที่เก็บสมบัติ แก้วแหวนเงินทองของใช้ของผู้ตาย บางห้องเป็นที่เก็บเครื่องบูชาต่อเทพเจ้า บางตอนทำเป็นอุทยานเล็กๆเป็นที่ดวงวิญญาณมาพักผ่อนหย่อนใจ ส่วนศพอาบยาที่เรียกว่า “มัมมี่” เอาเก็บไว้ในห้องพิเศษอีกส่วนหนึ่ง มีเครื่องสังเวยดวงวิญญาณตั้งไว้ที่หน้าศพ

    การจะนำศพไปเก็บไว้ในปิรามิด นักบวชเป็นผู้ประกอบพิธี เสร็จแล้วปิดประตูตาย ไม่มีเวลาเปิด ไม่มีเวลาหวั่นไหวเคลื่อนที่ และไม่มีใครเปิดเข้าไปขโมยเอาสิ่งของมีค่าในอุโมงค์ภายในปิรามิดได้

    http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=mysmallroom&group=5
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×