ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานอียิปต์ โอม...

    ลำดับตอนที่ #131 : 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ยุคใหม่!?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.78K
      7
      4 มิ.ย. 50

    7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ยุคใหม่!?

     













    "โหวต 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่"

    7 กรกฎาคม ค.ศ.2007 หรือพ.ศ.2550 (07/07/07) นี้ จะเป็นวันที่ "มูลนิธิ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่" (New 7 Wonders Foundation : N7W) ซึ่งดำเนินการมายาวนาน 7 ปีเต็ม แถลงความสำเร็จโครงการระดับโลก

    ประกาศผลการเปิดให้พลเมืองโลกทั่วทุกมุมโลก

    ลงคะแนนเสียงผ่านทางเว็บไซต์ www.new7wonders.com และทางโทรศัพท์ เพื่อลงมหาประชามติ ว่า สถานที่แห่งไหนในโลกใบนี้คู่ควรกับการยกย่องขึ้นเป็น "7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่" แทนที่ "7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ" ซึ่งจนถึงปัจจุบันเสื่อมสลายไปหมดแล้ว คงเหลือ "มหาพีระมิดแห่งกิซา" อยู่เพียง 1 เดียว

    มูลนิธิ "N7W" ก่อตั้งโดยนายเบอร์นาร์ด เวบเบอร์ ผู้สร้างภาพยนตร์ชาวสวิส/นาเดียน เมื่อปีพ.ศ.2543

    วัตถุประสงค์เพื่อระดมทุนจัดหาเงินทุนอนุรักษ์-บูรณะมรดกวัฒนธรรมทางประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่อันเกิดจากการสรรค์สร้างของมนุษย์

    ก่อนหน้านี้ เวบเบอร์กับคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญสถาปัตยกรรม นำโดย นายเฟเดอริโก เมเยอร์ อดีตผอ.องค์การยูเนสโก ได้คัดเลือกโบราณสถาน สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ รวมถึงสิ่งก่อสร้างที่มีความโดดเด่น 77 แห่งทั่วโลก
















    หลังจากนั้น ได้ทยอยเปิดให้ชาวโลกลงคะแนนคัดเลือกมาตามลำดับ กระทั่งขณะนี้เหลืออยู่ 21 แห่ง ซึ่งกำลังรอการลงคะแนนขั้นตอนสุดท้ายให้เหลือ 7 แห่ง

    ข้อมูลจากเว็บวิกิพีเดีย ระบุว่า "7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ" ประกอบด้วย

    1. มหาพีระมิดแห่งกิซ่า ของกษัตริย์คูฟู ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ในอียิปต์ มีอายุราว 2,690 ปีก่อนคริสต์กาล เป็นสิ่งมหัศจรรย์เก่าแก่ที่สุดที่ยังคงปรากฏให้เห็นอยู่จนถึงปัจจุบัน

    2. สวนลอยบาบิโลน สร้างโดยพระเจ้าเนบูคัดเนสซาร์ที่ 2

    3. เทวรูปเทพเซอุส ที่อารามโอลิมเปีย สูง 12 เมตร

    4. เทวาลัยอาร์เทมิส ที่เอเฟซุสในเขตเอเชียไมเนอร์

    5. อนุสรณ์สถานเมาโซเลอุม ตั้งอยู่ในฮาลาคาร์นาสซุสในเอเชียไมเนอร์ สร้างโดยราชินีอาร์เทมิเซีย เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่กษัตริย์เมาโซลุสแห่งคาเรีย

    6. เทวรูปเฮลิออส แห่งโรเดสของกรีกในทะเลเอเจียน เป็นรูปสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ของพระอาทิตย์ หรือ เทพเฮลิออส ความสูง 32 เมตร

    7. ประภาคารฟาโรส แห่งอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ สร้างในสมัยพระเจ้าปโตเลมี

















    มูลนิธิ "
    N7W" อ้างว่า 7 สิ่งมหัศจรรย์ข้างต้น คัดเลือกโดยนักประวัติศาสตร์ชาวกรีกยุคโบราณเพียงคนเดียว เพื่อนำมาจัดทำคู่มือท่องเที่ยวให้ชาวเอเธนส์

    ดังนั้น จึงยุติธรรมกว่าถ้าครั้งนี้เปิดให้คนทั่วโลกลงมติพร้อมกันเป็นครั้งแรก และเปิดทางให้ความมหัศจรรย์จากเทคโนโลยีสมัยใหม่ เข้าไปมีส่วนร่วมผสมผสานเข้ากับมรดกโลกสมัยเก่าที่มีอายุนับพันปีอีกด้วย ซึ่งล่าสุดมีคนเข้ามาลงคะแนนแล้วทั้งสิ้นถึง 40 ล้านเสียง

    รายได้ครึ่งหนึ่งจากสปอนเซอร์ของโครงการนี้จะใช้สำหรับการดูแลฟื้นฟูสิ่งมหัศจรรย์และมรดกสำคัญทางประวัติศาสตร์ของโลกต่อไป

    อย่างไรก็ตาม มีเสียง "คัดค้าน" จากหน่วยราชการบางประเทศ ว่า "N7W" ไม่มีสิทธิ์เป็นตัวตั้งตัวตี ถือวิสาสะชี้นิ้วบอกว่า สิ่งไหนเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกตามอำเภอใจ

    โดยเมื่อเดือนเม.ย. กระทรวงวัฒนธรรมอียิปต์ ชาติที่ตั้งพีระมิดกิซา ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มต่อต้าน เพราะมองว่าเป็นการทำเพื่อสร้างประโยชน์ทางการค้า เอื้อประโยชน์ให้อุตสาหกรรมทัวร์บางกลุ่ม ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนโครงการล้วนๆ ขณะที่บางชาติแสดงความยินดี เพราะเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ

     


























    แม้จะมีมีเสียงต้านออกมาบ้าง แต่ในที่สุดรายชื่อ 21 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ที่ผ่านการคัดเลือกก็ปรากฏสู่สาธารณะจนได้ และส่วนใหญ่มีชื่อเสียงเรียงนามคุ้นหูชาวโลก ได้แก่

    - เมืองโบราณอาโครโปลิส กรุงเอเธนส์ กรีซ (Acropolis)

    - ปราสาทและป้อมปราการอัลฮัมบรา เมืองเกรดานา สเปน (Alhambra)

    - นครวัด กัมพูชา (Angkor)

    - เมืองซีเชน อิตซา เขตยูคาทาน เม็กซิโก (Chichen Itza)

    - รูปปั้นพระเยซูคริสต์ บนยอดเขาเมืองริโอ เดอ จานิโร บราซิล (Christ Redeemer)

    - สนามโคลอสเซียม กรุงโรม อิตาเลียน (Colosseum)

    - รูปปั้นหินโมอาย เกาะอีสเตอร์ ชิลี (Easter Island Statutes)

    - หอไอเฟล กรุงปารีส ฝรั่งเศส (Eiffel Tower)

    - กำแพงเมืองจีน (Great Wall)

    - สุเหร่า โซเฟีย นครอิสตันบุล ตุรกี (Hagia Sophia)

    - วัดคิโยมิสุ เมืองเกียวโต ญี่ปุ่น (Kiyamizu Temple)

    - พระราชวังเครมลิน/ วิหารเซนต์เบซิล กรุงมองโก รัสเซีย (Kremlin/St. Basil)

    - เมืองสาบสูญแห่งอินคา "มาชูปิกชู" (Machu Picchu)

    - ปราสาทนอยชวานสไตน์ เยอรมนี (Neuschwanstein Castle)

    - "เปตรา" เมืองนครหินสีชมพู จอร์แดน

    - มหาพีระมิดกิซา อียิปต์ (Pyramids of Giza) ซึ่งตอนแรกไม่ติดโผ แต่ทางมูลนิธินำชื่อเข้ามาใหม่เพื่อให้เกียรติในฐานะ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ยังเหลืออยู่

    - เทพีเสรีภาพ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา (Statue of Liberty)

    - กองหินประหลาด "สโตนเฮนจ์" เมืองเอเมสบิวรี่ อังกฤษ (Stonehenge)

    - โรงอุปรากร "โอเปร่า เฮาส์" นครซิดนีย์ ออสเตรเลีย (Sydney Opera House)

    - ทัชมาฮาล เมืองอักรา อินเดีย (Tal Mahal)

    - เมืองโบราณ "ทิมบัคตู" มาลี (Timbuktu)


    สำหรับผู้สนใจศึกษารายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวการจัดอันดับ 7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคใหม่ยังคงติดตามได้จากเว็บ www.new7wonders.com

    ที่มา : http://variety.teenee.com/foodforbrain/3042.html

    จากความคิดเห็นของท่าน some_one  - - 

    ความคิดเห็นที่ 199
    เอาน่า ๆ มีการบ้านดีกว่าไม่มีเน่อะ แต่เรื่อง 7 สิ่งมหัศจรรย์ หง่ะ มันยอดมากเลยเน๋อ ชอบ ปราสาท นอยช์ ชวาล สไตท์ จังเลย ที่ใช้เป็นสัญญาลักษณ์ของการ์ตูนวอลล์ดิชนี่ หรือเปล่าหว่า ?????? ถ้าจำไม่ผิด พระเจ้า ลุควิค ที่ 2 เป็นคนให้สร้าง( หรือเปล่านะ ) เป็นตำนานที่ดีอีกเรื่องเหมือนกันนะ ตำนานของ เยอรมันเรื่องนี้หน่ะ ถึง ไม่มีใครถาม ก็อยากเล่าอ่ะ ช่วยอ่านหน่อยแล้วกันนะ ปราสาท นอยช์ ชวาล สไตท์ แปลเป็น ไทยว่า ( ปราสาทใหม่ ) ถูกสร้างขึ้นด้วยพระประสงค์ ของพระเจ้า ลุควิค ที่ 2 ( หรือเปล่านะ ไปมานานแล้วอ่ะ จำมิค่อยได้ )ตั้งอยู่ที่เมือง ไฟท์บวก ประเทศเยอรมัน เป็นปราสาทที่อยู่สูงขึ้นไปบน ยอดเขา มองลงมาจะเห็นทะเลสาป สวอนเล็ค พอดี ( เรื่องสวอนเล็ค เจ้าหญิงหงส์ขาวของวอลล์ดิชนี่หน่ะแหล่ะ ) อันนี้รับรอง น้ำ ใส มองเห็นตัวปลาเลยอ่ะ ความจริงที่แห่งนั้นมีปราสาท 2 หลังนะ แต่ ปราสาท โฮเฮน ชวาล เกา ( ปราสาทเก่า ) จะอยู่ล่างลงมาอีกอ่ะ สวยเหมือนกัน ปราสาทหลังนั้นหน่ะ หลายคนอาจจะทราบเกี่ยวกับ การสวรรคต ของ พระเจ้าลุควิค ที่ 2 แล้ว ที่พระองค์กระโดดลงมายังทะเลสาป สวอนเล็ค เพราะ อาจจะสติ เลอะเลือนคิดว่าตัวเองเป็นหงส์ขาวหรือไงก็มิทราบแน่ เหตุผลที่สร้างปราสาท นอยช์ ชวาล สไตท์ ก็คือ อยากมองเห็นพวกหงส์ขาวที่อยู่ที่ทะเลสาป นั้นเองแหล่ะ โรแมนติคดีแท้ ( อ้า ลืมบอกอีกอย่างอ่ะ ทะเลสาป สวอนเล็ค ชื่อก็บอกอยู่แล้ว ว่า หงส์ คือว่า จะมีหงส์ขาวมาว่ายเล่นน้ำ อยู่แถวนั้นจำนวนมากเลยอ่ะ มันเลยได้ชื่อว่า ทะเลสาป สวอนเล็ค )ความจริงก็ยังไม่จบแค่นี้หรอกนะ เอาคราว ๆ ไปก็แล้วกันเน๋อะ เดี๋ยวจะเบื่อ ซะเปล่า เพราะ ไม่ใช่ บอร์ด เรา
    รบกวนท่านเจ้าของบอร์ดเข้าซะแล้ว ขอประทานอภัยด้วยนะท่าน
    ( ใครบางคนเจ้าเก่า อ่ะ )
    Name : some_one< My.iD > [ IP : 58.136.96.148 ]
    Email / Msn:
    วันที่: 4 มิถุนายน 2550 / 11:53

    อยากจะเพิ่มเมื่อไปเก็บมา - -

    Neuschwanstein Castle
    ในบรรดากษัตริย์ของยุโรปทั้งหลาย เมื่อกว่าหนึ่งร้อยปีล่วงมา ชื่อของกษัตริย์ ลุดวิกที่ 2 แห่งแคว้นบาวาเรีย ดูจะเป็นที่คุ้นหูเรา มากกว่าพระองค์อื่นๆ เนื่องเพราะพระองค์ เป็นผู้มีความหลงไหลใฝ่ฝันที่จะสร้างสรร ปราสาทราชวังที่ประทับ อันสมบูรณ์แบบที่สุดขึ้นมา โดยในเขตแคว้นอัลไพน์ พระองค์ทรงสร้าง ปราสาทนอยชวานสไตน์ ส่วนความคลั่งไคล้ของ พระองค์ ต่อโลกยุคบูร์บองแห่งฝรั่งเศส ก็ได้แสดง ออกมาเป็น พระราชวังลินเดอร์โฮฟ และ พระราชวังแฮเรนคีมเซ รวมทั้งหมดเป็นสามแห่งด้วยกัน

    ปราสาทหลังใหญ่สีขาวดั่งรูปเงาของกษัตริย์ลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย ประกอบด้วยยอดแหลมสะโอดสะอง ของหลังคาปราสาทต่างๆ มองดูไปแล้ว ก็ไม่น่าเชื่อว่า จะมีสิ่งก่อสร้างใหญ่โตสวยงามอย่างนี้ ตั้งอยู่กลางป่าเขาลำเนาไพร ที่ซึ่งมีสีสันแปลกแปลง แตกต่างไปในแต่ละฤดูกาลได้



    ปราสาทนอยชวานสไตน์ หนึ่งในปราสาทราชวัง ที่มีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือ ของกษัตริย์ลุดวิกที่ 2 ถูกสร้างขึ้นด้วยเงินทุนมหาศาล เริ่มตั้งแต่ปี 1868 ถึงปี 1892 แต่ทว่า ปราสาทหลังนี้ เพิ่งได้รับขนานนามว่า "นอยชวานสไตน์" ก็เพียงภายหลังจากที่ กษัตริย์ลุดวิกที่ 2 ได้เสด็จสวรรคตแล้วในปี 1886

    ปราสาทสวยอันเป็นที่อนุสรณ์ให้รำลึกถึงเจ้าของแห่งนี้ ได้รับการออกแบบจัดสร้าง โดยนักออกแบบ ฉากละคร ที่เลื่องชื่อ คริสเตียน จังค์ โดยเขาใช้โครงร่างจาก ปราสาทวาร์ทบวร์ก ในแคว้นธูริงเกีย แล้วนำมาปรับแปลงให้สอดคล้อง รับเข้ากับกับแรงบันดาลใจอย่างแรงกล้า ขององค์กษัตริย์ลุดวิกที่ 2 ที่มีต่ออุปรากรของ ริชาร์ด วากเนอร์ 2 เรื่อง คือ โลเฮนกริน และ ทานน์ฮอยเซอร์ การตกแต่งภายในห้องหับต่างๆ ของตัวปราสาท ทำโดย ยูลิอุส เฮฟฟ์มานน์ ในปี 1880

    ตัวปราสาทมีที่ตั้งอันน่าทึ่งบนหินผาขนาดใหญ่ยักษ์ สูงกว่า 200 เมตร เหนือออบแก่งของแม่น้ำพอลลัท นอกจากนี้ ยังมีภาพธรรมชาติและทิวทัศน์ ที่สวยงามมาก เมื่อมองจาก สะพานมาเรียน ที่ซึ่งทอดข้ามสายน้ำเชี่ยวกรากในลำธารเบื้องล่าง


    ที่มา   : http://www.triwit.com/lohengrin.htm

    พอหอมปากหอมคอขอรับ - -

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×