ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานอียิปต์ โอม...

    ลำดับตอนที่ #129 : Mummy Xin-Zhui

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 761
      0
      29 พ.ค. 50



    Mummy Xin-Zhui

    พิสูจน์ตำนานมัมมี่ จีน อายุกว่า 2,000 ปี

    บรรพบุรุษชาวจีน มีวิธีรักษาสภาพศพให้คงอยู่ มาจนถึงปัจจุบันได้อย่างไร?
    จริงหรือไม่กับคำกล่าวที่ว่า ชินชุ่ย คือมันมี่ที่เหนือกว่ามัมมี่ ใด ใด ๆ ในโลกแม้แต่ อียิปต์


    ปี 1972 จีนยังไม่ได้เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ดังเช่นทุกวันนี้ แต่เป็นยุคแห่งการ ปฏิวัติ วัฒนธรรม โดยการนำของประธาน เหมาเจ๋อตุง เหมาลิดรอนให้พลพรรค แดงของเขา ปลดแอกตนเองจากความคิดเก่า ๆ อันล้านสมัยของจีน ท่ามกลางความสับสนทางการเมือง
    นักโบราณคดี ได้ค้นพบสิ่งน่าอัศจรรย์ ในเมือง ฉางชาน พวกเขาขุดพบมัมมี่เป็นครั้งแรกในจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ภูเขาหม่าหวังตุ้ย เจ้าหน้าที่พบร่องรอยสุสานอยู่ภายใน และยังพบศพของสตรีชาวจีนอายุเก่าแก่กว่า 2,000 ปี ศพของสตรีผู้นี้ แตกต่างจากสภาพศพอื่นที่เคย ขุดพบมาในอดีต นักวิทยาศาสตร์ชาวจีนต่างโต้แย้งกันในเรื่องการชันสูตร ศพที่ขุดพบ เพราะไม่มีใครอยากรับผิดชอบในโครงการชันสูตรศพโบราณนี้ ไม่ว่าใครต่างก็กลัวความผิดพลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่จีน มีนายกรัฐมนตรีชื่อ โจวเอินไหล ผู้นำที่ไม่อยากเห็นความล้มเหลวใด ๆ ทั้งสิ้น นักพยาธิวิทยาที่มีชื่อเสียงของจีน ต่างปฏิสธที่จะสันสูตรศพ ที่ภูเขาหม่าหวังตุ้ย ในที่สุด นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งก็ รับอาสา เขาคือ ศาสตราจารย์ เฟิงหลวงเฉียง
    เฟิงหลวงเฉียง ต้องทำงานภายใต้ความกดดันมากมาย จากนักวิทยาศาสตร์อาวุโส และอิทธิพลจากนักการเมือง เฟิงหลวงเฉียงเล่าว่า "เขาไม่ได้ใส่ใจพวกคนใหญ่คนโตที่ อยู่ในห้องชันสูตร เขาคิดแต่เพียงว่า จะต้องทำงานให้สำเร็จ" เฟิง จึงสนใจแค่สาเหตุการเสียชีวิตของสตรีผู้นี้เท่านั้น เฟิงหลวงเฉียง ทำสำเร็จ การชันสูตรมัมมี่หญิงชาวจีน แห่ง หม่าหวั่งตุ้ย ให้วงการวิทยาศาสตร์ต้องตะลึง

    ปี 1972 นักพยาธิวิทยา เฟิงหลวงเฉียง เป็นหัวหน้าคณะผ่าชันสูตรศพครั้งประวัติศาสตร์ของจีน ร่างของหญิงชาวจีนอายุ 2,000 ปี ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี ศาตราจารย์เฟิงและทีมงาน จึงผ่าศพได้ง่ายไม่ต่างจากศพทั่ว ๆ ไป ผิวหนังยังคงอ่อนนุ่ม และมีความยืดหยุ่น สีของผิวหนังยังคงเป็นสีเนื้อ เหมือนสมัยที่นางยังมีชีวิตอยู่ เส้นผมของนางยังคงมีสภาพเดิม และพบว่ามีวิกผมติดอยู่อีกด้วย เมื่อทีมงานผ่ากะโหลกศีรษะ พวกเขาก็ต้องประหลาดใจ สมองของมัมมี่หญิงชาวจีนมี ขนาดเพียงครึ่งหนึ่งของสมองปกติ แต่มีสภาพสมบูรณ์ดี จากนั้น ศาตราจารย์เปิงก็เริ่มผ่า บริเวณหน้าอก เขาพบ อวัยวะภายในร่างกายอยู่ในสภาพ ดีมาก ใกล้เคียงกับคนที่ยังมีชีวิต ทีมชันสุตรผ่าเอากระเพาะอาหาร รังไข่ และอวัยวะอื่น ๆ ออกมา ที่น่าประหลาดใจก็คือ เนื้อของศพยังคงใกล้เคียงสภาพเดิม 10 ปีให้หลัง นับจากการขุดค้นพบร่างมัมมี่ ที่ภูเขาหม่าหวังตุ้ย นักมานุษยวิทยา ทั่วโลก ต่างงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
    จอร์น ฮีราโน จากมหาวิทยาลัยจูแลนด์ ก็เช่นเดียวกัน จอร์น บอกว่า สิงที่มัมมี่จีนแตกต่างจากที่อื่นก็คือ ความยืดหยุ่นของแขนขา ครั้งแรกเขาเห็นแขนขาของมัมมี่ ยกเคลื่อนไหวได้ และในด้วยยึดหยุ่นนั้น จอร์น รู้สึกตกใจมาก เพราะไม่เคยเห็นมัมมี่โบราณที่ไหนทำได้แบบนี้ ถ้าเป็นมัมมี่แบบที่อื่น แขนขาคงจะหักไปแล้ว จอร์น ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะขยับแขนขามัมมี่ที่อายุ 2,000 ปีอย่างนี้ได้ แต่ก่อนที่ศาสตราจารย์เฟิงหลวงเฉียงจะเริ่มต้น ชันสูตรศพ นักโบราณคดีต่างก็รู้กันดีกว่า มัมมี่หญิงชาวจีนที่พบจากหม่าหวังตุ้ย ไม่ใช่มัมมี่ ธรรมดา ๆ นางน่าจะมีชื่อว่า ชินชุ่ย และเสียชีวิตเมื่อประมาณ 160 ปี ก่อนคริศตกาล และนางก็มีชื่อเสียงตั้งแต่อดีตมาจน มาจนถึงปัจจุบัน

    เมื่อ 2,000 ปี ก่อน ชินชุ่ย เป็นภรรยาของขุนนางแห่งไต๋ แต่ปัจจุบัน ร่างของนางถูกเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ของมนฑลหูหนาน ซึ่งมีหุ่นจำลองรูปร่างเหมือนนางทุกประการหุ่นจำลองของชินชุ่ย ได้ สัดส่วนมาจากร่างมัมมี่ของนาง แต่ ศาสตราจารย์ เฟิง กลับเห็นแตกต่างออกไป หลังจากผ่าชันสูตรศพชินชุ่ย ด้วยตนเอง ศาสตราจารย์เฟิงบอกว่า สภาพ ศพของชินชุ่ย ดูเหมือนจะหดตัวเล็กน้อย รอยย่นบนผิวหนังบอกเราว่า

    พิพิธภัณฑ์ ของมลฑลหูหนาน

    เมื่อนางยังมีชีวิตอยู่ชินชุ่ยมีรูปร่าง ค่อนข้างอ้วน มีน้ำหนักประมาณ 68 กิโลกรัม สันนิฐานว่านางคงชอบรับประทานอาหารเป็นชีวิตจิตใจ สังเกตุได้จากข้าวของเครื่องใช้บริเวณสุสานของชินชุ่ย ซึ่งมีทั้งหมดมากกว่า 1,000 ชิ้น โดยจำนวน 2 ใน 3 เกี่ยวข้องกับอาหารการกินทั้งสิ้น ตะกร้าไม้ไผ่ที่ปิดสนิทอย่างดีกว่า 10 ใบ บรรจุอาหารแทบ ทุกชนิด นับตั้งแต่ลูกแพรลูก พลัมและและถั่วเหลืองไปจนถึง กระดูกหมู เนื้อไก่ วัวและสุนัข รวมทั้งสัตว์อื่น ๆกว่า 10 ชนิด นอกจากนี้ยังพบกระดูกของห่านทั้งตัวและพบไข่นกกระจอก และดอกบัวหั่นเป็นชิ้น ๆ อีกด้วย แต่หลุมฝังศพนี้เต็มไปด้วยมากเสียจนระรับปะทานก็ไม่หมด ที่เสียชีวิตไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ารสนิยมในการบริโภคจะต้องตายตามไปด้วย ชินชุ่ยคงมีแผนที่จะกินอาหารเหล่านี้ ในภาชนะที่ลงลักษณ์อย่างสวยหรู นับว่าเป็นภาชนะอาหารจีนชุดใหญ่ ที่สุดที่เคยพบมาเลยทีเดียว



    ภาพที่ปรากฏบนผืนผ้าไหมซึ่งพบในบริเวณสุสานของชินชุ่ย บอกถึงการเดินทางไปสวรรค์ของนาง เปรียบเสมือนการเดินทางไปสู่งานเลี้ยงแห่งความเป็นอมตะ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เราสันนิฐานจากสิ่งของเครื่องใช้ และอาหารที่รายรอบอยู่ภายในสุสานชินชุ่ย นางจะนำอาหารและสำรับอาหารที่ชื่นชอบรวมทั้งบริเวณคนรับใช้ ติดตามไปด้วยในโลกหน้า เพื่อให้แน่ใจว่าเมื่อชินชุ่ยไปสู่สวรรค์แล้วนางจะได้พบกับ ความสะดวกสบายเช่นเดียวกับ เมื่อครั้งยังมีชิตอยู่บนโลกมนุษย์


    สำหรับชินชุ่ยความตายไม่อาจจะทำให้ความสุขในรสอาหารของเธอหมดลงไปได้ สำหรับชีวิตก็เช่นกัน จะโลกนี้หรือโลกหน้า ทุกอย่างในสุสานถูกจัดให้คล้ายกับตอนที่ชินชุ่ยยังมีชีวิตอยู่ ด้วยความเชื่อว่า นางจะได้มีความสุขเหมือนตอนที่อยู่บนโลก เมื่ออยู่บนสวรรค์ เป็นเรื่องธรรมดาที่ชินชุ่ยและชนชั้นสูง จะยึดติดอยู่กับความรื่นรมย์บนโลกมนุษย์ ค่านิยมนี้จึงได้สะท้อน ออกมาจากการวางข้าวของเครื่องใช้ในสุสาน
    จนกระทั่งปี 1972 ชนรุ่นหลังจึงได้พยายามไขปมปริศนาที่แฝงอยู่ในร่างมัมมี่ของชนชั้นสูงอย่างชินชุ่ย ชาวจีนโบราณทำมัมมี่ได้อย่างไร? การค้นพบครั้งสำคัญ ที่ ทำให้โลกวิทยาศาสตร์ต้องตกตะลึง
    ทีมผู้เชี่ยวชาญพบว่า อวัยวะส่วนต่าง ๆ ของชินชุ่ย ยังคงสภาพอยู่เหมือนเดิม ผู้เชี่ยวชาญต่างต้องประหลาดใจ เมื่อได้ทราบความจริงเช่นนี้ หลายศตวรรษก่อนชาวจีนสมัยโบราณรู้จักวิธีรักษาศพแบบมัมมี่ได้อย่างไร ทุกวันนี้นักวิทยาศาสตร์ ทั่วโลกก็ยังหาคำตอบไม่ได้ จอห์น ฮีราโน นักพยาธิวิทยาบอกว่า ถ้าศพถูกฝังแค่ปีเดียว ก็ยังไม่น่าประหลาดใจเท่าไหร่ แต่ศพถูกฝังมานานกว่า 2,000 ปีแล้ว กลับมีสภาพสมบูรณ์ ซึ่ง เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ หรือว่าแท้จริงศพของ ชินชุ่ยคงสภาพอยู่ได้นานถึง 2,000 ปี ก็เพราะโชคช่วย

    อีก 2 ปี ต่อมา ในปี 1974 ห่างจากสุสานของชินชุ่ย ที่หม่าหวังตุ้ย ไปทางเหนือประมาณ 300 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของเมือง จิงโจว นักโบราณคดีจีน ค้นพบ ร่างมัมมี่อีกครั้ง แต่ศพมัมมี่ที่ชายที่มี สภาพศพคล้ายชินชุ่ย แขนขาของมัมมี่ชายมีความยืดหยุ่นและอ่อนนุ่ม เหมือนศพที่เพิ่งเสียชีวิตมาใหม่ ชายผู้นี้เป็นมนุษย์เดินดิน นักพยาธิวิทยา ฮูจงดี เป็นหัวหน้าทีมชันสูตร บอกเราว่า เขากับทีมงานชันสูตรมัมมี่ ในเดือนมิถุนายน ซึ่ง เป็นช่วงที่อากาศในจีนร้อนที่สุด ต้องใช้น้ำแข็งจำนวนมาก บนพื้นห้องชันสูตร เขาทำงานบนน้ำแข็งแล้วทำงานต่อเนื่อง โดยไม่หยุดพักเป็นเวลา 8 ชั่วโมง ไม่เคยมีใครคิดมาก่อนแล้วว่า บรรพบุรุษชาวจีนจะ รู้วิธีรักษาสภาพศพได้ดีถึงขนาดนี้ แม้แต่เทคโนโลยีสมัยใหม่ก็ยัง ไม่สามารถทำได้เหมือนเมื่อ2,000 ปีก่อน ในปากของมัมมี่ ชาย ทีมชันสูตรพบก้อนดินเหนียวสลัก ชื่อไว้ว่า สุ่ย



    สุ่ยเป็นผู้พิพากษา เขาเสียชีวิตเมื่อ 176 ปีก่อน คริสตกาล ช่วงเวลาเดียวกันกับของ ชินชุ่ย ศพของทั้งสองคนนี้ ถูกเก็บรักษาอย่างดี และถูกฝังในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ในสุสานที่ห่างกันไม่ถึง 300 กิโลเมตร บริเวณลุ่มแม่น้ำแยงซี ทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของจีน เป็นสถานที่ไม่ควรนำศพไปฝัง มากที่สุด ชาล์ล ไฮแอด นักโบราณคดีเล่าว่า สภาพอากาศบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำแยงซีเป็นจุดที่แย่ที่สุด การที่จะเก็บศพไว้ไม่ได้เน่าเปื่อย บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำแยงซี มีความชื้นสูงมาก และยังมีอากาศที่ร้อนจัด และเย็นจัดสลับกัน จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก หากใครในสมัยนั้น พยายามที่จะคงสภาพศพไม่ได้เน่าเปื่อยตลอดไป

    จอห์น อีราโน บอกว่า เมื่อพูดถึงมัมมี่ คนส่วนใหญ่มักจะพูดถึงศพแห้ง ๆ ที่ห่อไว้ด้วยผ้าดิบ โดยในสมัยอียิปต์นั้น ต้องนำเอาอวัยวะของศพออกทันทีหลังจากเสียชีวิต เพราะอียิปต์ เป็นเมืองร้อน ร่างกายจะเสื่อมสลายได้เร็วกว่าปกติ ในสภาพแวดล้อมเช่นนั้น หรือไม่ชาวอียิปต์ก็จะนำเอาอวัยวะ ภายในของศพไปใส่คืน หรือทำให้แห้งให้เร็วที่สุด แต่วิธีการทำมัมมี่ของจีนแตกต่างจากของอียิปต์มาก ซึ่งทำให้สภาพศพมีความสมบูรณ์กว่า ด้วยเทคนิคที่ล้ำหน้ากว่าอียิปต์ มีทางเดียวที่จะทำให้รู้ว่า ทำไมสภาพศพของชอนชุ่ยจึงมีสภาพศพยังคงมีจนถึงทุกวันนี้ เราต้องไปที่หลุมฝังศพของชินชุ่ย

    ขุดค้นสุสาน 2,000 ปี

    สุสานของชินชุ่ย ทำให้ศพของเธอคงสภาพอยู่ได้อย่างไร?

     

    ชินชุ่ย ถูกฝังในสุสานขนาดใหญ่ที่สุด เท่าที่เคยขุดพบในจีน สุสานแห่งนี้อยู่ลึกลงไปใต้ ดิน มีลักษณะ เหมือนปิระมิดหัวกลับ ซึ่งมีความสูงกว่า 12 เมตร การขุดสุสานขนาดมหิมานี้ ต้องใช้เวลายาวนานหลาย ปี และใช้เงินทุนมหาศาล แต่ ชาลล์ ไฮแอต เชื่อว่า ถ้าเข้าไปในสุสานเราจะสัมผัสความรู้สึกของผู้สร้างสุสานขนาดยักษ์ให้ชินชุ่ย ว่าทำไมจึงต้องขุดลึกขนาดนั้น ชาลล์ บอกว่า อุโมงค์แห่งนี้อยู่ใต้สุสานของชินชุ่ย พอดี และสิ่งแรกที่สัมผัสได้เมื่อเข้ามาด้านในก็คือความเย็น มันดูเหมือนตู้เย็นจากธรรมชาติเลยทีเดียว เมื่อมองไปรอบ ๆ ตัวจะเห็นว่า มีกล้วยกักตุนเอาไว้เต็มไปหมด

    ชาลล์ ไฮแอต คาดว่า ที่ชาวจีนโบราณเก็บกล้วยเอาไว้ที่นี่ เพราะไม่ต้องการให้สุขเร็วเกินไป และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลอีกว่า ทำไมคนสร้างสุสานจึง ต้องขุดดินลึกลงไปมากขนาดนี้ ชาวจีนโบราณรู้ดีกว่าเมื่อขุดลงไปใต้ดิน อากาศจะเย็นจัด ทำให้ของที่เก็บรักษาเอาไว้ไม่เน่าเสียได้ง่าย เหมือนกับทำให้ศพเป็นอมตะ แต่ความเย็นใต้ผืนดินไม่ใช่ความรู้เพียงอย่างเดียว ที่ผู้สร้างสุสานใช้เก็บรักษาศพของชินชุ่ย รอยกดทับของผ้าไหมที่ปรากฏบนผิวหนังของนางบอกเราว่า นี่คือวิธีการอันแยบยลของชาวจีน โดยการทำสภาพศพไม่ให้เน่าเปื่อย ศพของชินชุ่ยถูก ห่อหุ้มอย่างแน่นหนาเท่าที่จะทำได้ ร่างของนางถูกพันด้วยผ้าไหมหนาถึง 20 ชั้น ผ้าไหมที่ห่อศพอยู่นี้ ทำให้แบคทีเรียในร่างกายไม่สามารถ แพร่พันธุ์ได้ ที่โดยทั่วไปแล้ว แบคทีเรียจะย่อยสลายศพของมนุษย์ทันที ที่เสียชีวิต



    ผู้ที่จัดการพิธีศพของชินชุ่ย ก็ไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ หลังจากห่อศพด้วยผ้าไหม พวกเขานำลงไปบรรจุไว้ในโลงไม่ต่ำกว่า 4 ชั้น แต่ละชั้นต่างออกแบบให้แน่นพอดี และมีการเคลือบผนึกอย่างแน่นหนาโดยรอบทุกชั้นอีกด้วย จากนั้นจึงนำโลงศพมาวาง ไว้ในห้องโถงของสุสาน ซึ่งมีขนาดกว้างยาวด้านละ 6 เมตร และสูง ประมาณ 3 เมตร คนงานในสุสานนำถ่านประมาณ 5 ตันมาเททับบนโลกศพอีกชั้นหนึ่ง เพื่อป้องกันความชื้น จากนั้นจึงพอกทับด้วยดินเหนียวหนามากกว่า 1 เมตร ขั้นตอนสุดท้าย คนงานกลบสุสานให้แน่นที่สุด โดยช่วงบนของสุสานทำเป็นเนินดินสูงขึ้นไปประมาณ 15 เมตร ชุนชุ่ยถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีเพื่อชีวิตอมตะของเธอ แต่ด้วยเทคนิคเพียงเท่านี้ คงไม่สามารถรักษาสภาพศพเองไว้ได้


    ชั้นแต่ละชั้นที่ป้องกันไม่ให้ศพเน่าเปื่อย

    ในที่สุดความลับทั้งหมดก็ถูกค้นพบ กระบวนการฝังศพชินชุ่ย คงมีวิธีการอะไรที่แฝงเร้นอยู่ บันทึกโบราณอาจช่วยอธิบายเรื่องนี้ได้ ในข้อความบ่งบอกถึงขั้นตอน การเก็บรักษาศพของผู้เสียชีวิตอย่าละเอียด กล่าวกันว่า หลังจากทำความสะอาดศพแล้ว จะต้องเก็บศพไว้ในที่เย็น และมีการห่อศพด้วยผ้าหลายชั้น จากนั้นเป็นขั้นตอนก่อนนำศพบรรจุลงในโลง ชาวจีนโบราณจะเทน้ำยาสูตรพิเศษลงไป น้ำยาที่ว่านี้ อาจเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยรักษาสภาพศพเอาไว้อย่าวดีเยี่ยม บางคนเชื่อว่านี่คือความลับของมัมมี่จีนอายุ 2,000 ปี

    ...มัมมี่หญิงชาวจีนอย่างชินชุ่ย ยังมีความลับอีกมากที่รอการค้นหาต่อไป



    http://www.mythland.org/  ขอบคุณอย่างยิ่งขอรับ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×