คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #125 : นำเที่ยวอาณาจักรอียิปต์โบราณ
นำเที่ยวอาณาจักรอียิปต์โบราณ
ไฮห์เวย์สายสำคัญที่สุดของอาณาจักรอียิปต์โบราณไม่ใช่ถนนในความหมายของเรา หากแต่เป็นแม่น้ำไนล์ เนื่องจากในสมัยนั้นยังไม่มีการสร้างถนนอย่างเป็นรูปธรรม (มีเพียงถนนสายสั้นๆ ที่นำเข้าสู่ปิรามิด) ด้วยเหตุนี้แม่น้ำไนล์จึงเป็นถนนหลวงที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาในเวลานั้น
ด้วยความที่แม่น้ำไนล์เป็นทั้ง ‘แหล่งหล่อเลี้ยงชีวิต’ และเป็นถนนสายหลัก ชาวอียิปต์โบราณจึงสร้างบ้านเรือนเรียงรายอยู่สองฝั่งแม่น้ำสายสำคัญนี้ ขณะเดียวกันก็เลือกสร้างวิหารในส่วนที่อยู่ลึกเข้าไปในทะเลทรายและเลือกสร้างสุสานกับปิรามิด ซึ่งเป็นสุสานหลวงในส่วนที่เป็นพื้นที่ทะเลทรายอย่างแท้จริง ทั้งนี้เพื่อสงวนพื้นที่อันเป็นหัวใจสำคัญในการดำรงชีวิต ด้วยเหตุนี้ หากเราเดินทางไปเที่ยวชมอาณาจักรอียิปต์ในยุคนั้น เราจะเห็นชาวอียิปต์เดินทางขึ้นล่องตามลำน้ำไนล์ด้วยเรือหลากหลายรูปแบบ ซึ่งมีตั้งแต่เรือข้ามฟาก เรือบาร์จหรือเรือท้องแบนขนาดใหญ่ที่ใช่บรรทุกสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตผลทางด้านการเกษตร ซึ่งมีข้าวสาลีเป็นสินค้าสำคัญของอาณาจักรรวมไปถึงเรือท้องแบนที่ใช้บรรทุกก้อนหินไปสู่สถานที่ก่อสร้างปิรามิด อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการล่องเรือเป็นระยะทางไกล ๆ คุณอาจสังเกตพบว่าเรือที่คุณใช้ล่องลงไปทางทิศใต้จะเป็นเรือใบ เนื่องจากลมจะพัดจากทิศเหนือลงสู่ทิศใต้ ในทำนองกลับกัน การเดินทางขึ้นเหนือจะต้องใช้เรือพายเนื่องจากเป็นทิศทางที่ต้านลม
ข้อเท็จจริงที่ว่าแม่น้ำไนล์มีปรากฏการณ์น้ำไหลบ่าท่วมเป็นประจำทุกปี ชาวอียิปต์โบราณจึงมองไม่เห็นความจำเป็นในการสร้างถนน เพราะเมื่อถึงฤดูน้ำท่วม น้ำไหลบ่าและท่วมสองฝั่งแม่น้ำไนล์ไปไกลสุดลูกหูลูกตาจนดูเหมือนทะเลสาบขนาดย่อม ๆ ที่สำคัญชาวอียิปต์โบราณจำต้องใช้พื้นที่สำหรับเพาะปลูก ซึ่งมีน้อยอยู่แล้วให้ได้มากที่สุด การสร้างถนนจึงยิ่งไม่มีความจำเป็น อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ไม่ใช่ฤดูน้ำท่วม เรายังคงสามารถเดินทางในเมืองหรือจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองที่อยู่ใกล้ๆ ได้ หากเราชอบการเดินทางด้วยเท้าของเราเอง แต่อย่าไปคิดเช่าอูฐเป็นพาหนะในการเดินทางอย่างเด็ดขาด เพราะจากข้อเท็จจริงระบุว่าอูฐเดินทางมาถึงอาณาจักรอียิปต์เป็นครั้งแรกเมื่อราวหกร้อยปีก่อนคริสตกาล โดยมาจากดินแดนตะวันออกลาง แต่แม้จะมีอูฐใช้งานแล้ว อูฐก็เพิ่งถูกนำมาใช้เป็นพาหนะในการเดินทางบนพื้นทะเลทรายเป็นครั้งแรกในอีกราวสามร้อยปีถัดมา ซึ่งเป็นช่วงปลายของอาณาจักรยุคใหม่ แล้วเราจะทำอย่างไร? แน่นอนทางเลือกหนึ่งก็คือเช่าม้า แต่ม้ายังคงเป็นสิ่งที่มีราคาแพงมากสำหรับชาวอียิปต์ในยุคโบราณ ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องมองไปที่ทางเลือกที่สาม นั่นคือเช่ารถม้าซึ่งมีลักษณะเป็นเกวียนเทียมม้า แต่ถึงอย่างนั้น ราคาของมันยังคงแพงมากเมื่อเทียบกับระยะทางสั้นๆ เพราะชาวอียิปต์โบราณไม่นิยมนำรถม้าโดยสารเดินทางไกล เนื่องจากม้ามีความอดทนต่อสภาพอากาศที่ร้อนจัดไม่ค่อยได้ ทั้งม้ายังดื่มน้ำมากเมื่อกระหาย ดังนั้น ม้าจึงเป็นสัตว์ที่ไม่เหมาะสำหรับการเดินทางไกลบนพื้นที่ที่เป็นทะเลทรายอย่างอาณาจักรอียิปต์
แต่หากคุณยังยืนกรานที่จะเดินทางผจญภัยลึกเข้าไปในดินแดนทะเลทรายของอาณาจักรอียิปต์ คุณจะต้องไม่ลืมนำลาไปด้วยหลายๆ ตัว โดยแต่ละตัวต้องบรรทุกภาชนะที่บรรจุน้ำดื่มอย่างเต็มอัตราศึกอีกด้วย เพราะสภาพอากาศที่ร้อนจัดจะทำให้ร่างกายขาดน้ำและทำให้เราตายได้ง่ายๆ และแม้ในทะเลทรายจะมีแหล่งน้ำธรรมชาติที่เราเรียกว่าโอเอซิส แต่โอเอซิสแต่ละแห่งอยู่ห่างไกลกันมาก ที่สำคัญ สภาพที่โล่งเตียนและอากาศที่ร้อนจัดกลางทะเลทรายจะทำให้เราหลงทิศหลงทางและตายก่อนจะหาเจอ และแม้ข้อเท็จจริงจะระบุว่าฟาโรห์บางพระองค์ทรงมีบ่อน้ำส่วนพระองค์อยู่ตามรายทางไปสู่เหมืองทองที่อยู่ด้านทิศตะวันออกของทะเลทราย แต่บ่อน้ำส่วนพระองค์เหล่านั้นก็อยู่ในแหล่งที่ลี้ลับที่ยากจะหาได้พบง่ายๆ เช่นกัน และที่สำคัญก็คือ อย่าไว้ใจมัคคุเทศก์ที่ยิ้มง่ายหัวเราะเก่ง เพราะคุณอาจถูกปล้นหลังจากออกเดินทางได้ไม่นาน และถ้าโชคดีมีชีวิตรอดจากเงื้อมมือโจรเหล่านี้ คุณยังอาจเผชิญกับอันตรายจากพายุทะเลทรายที่มักเกิดขึ้นเป็นระยะๆ เพราะขนาดนายพลที่กร้านศึกชาวเปอร์เซียนคนหนึ่งยังพลัดหลงจากกองทัพในคราวที่ยกพลรุกรานอาณาจักรอียิปต์ และไม่มีใครพบเห็นแม้แต่กองกระดูกของนายพลผู้นี้เลย!
อ้างอิง พลิกปูมอาณาจักรอียิปต์โบราณ
ความคิดเห็น