ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานอียิปต์ โอม...

    ลำดับตอนที่ #122 : ชีวิตจริงของชาวอียิปต์ในยุคโบราณ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.77K
      0
      12 พ.ค. 50

    สวัสดีขอรับ  คงจะงงว่าข้าน้อยข้ามมาอัพตอนต่อไปทั้งที่ตอนเก่ายังลงไม่เสร็จ  เหอะๆ อย่าเครียดขอรับ  อ่านอันนี้ไปก่อน  พร้อมเมื่อไหร่ก็ลงเอง

                ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่าสิ่งที่ข้าน้อยลงต่อไปนี้ได้นำมาจากหนังสืออีกทีหนึ่ง  ซึ่งหลายคนก็อาจจะเคยอ่านกันไปแล้ว  อย่าหาว่าอย่างนู้นอย่างนี้เลยนะ  ไม่รู้จะลงอะไรให้  ข้อมูลมันไม่มี  บวกกับความมึนตลอดชาติ  ขอโทษสิ่งที่บางคนให้หาแล้วข้าน้อยไม่รู้จะหาจากไหนมาให้  ง้ำๆ  สุดท้ายก่อนอ่านมีอะไรอยากถามก็ถามมาเลย  ท่านD13 จะตอบเอง (- -)  ลงแล้ววิ่งหนีไป...

    ชีวิตจริงของชาวอียิปต์ในยุคโบราณ

    หากเราสามารถเดินทางย้อนกาลเวลาเข้าไปท่องเที่ยวในอาณาจักรอียิปต์โบราณ  เราจะพบว่าแม้อาญาจักรกลางทะเลทรายแห่งนี้จะมีความเจริญรุ่งเรืองมากกว่าอาณาจักรอื่นๆ  แต่เรายังคงต้องช่วยเหลือตัวเอง  เนื่องจากอาณาจักรแห่งนี้ไม่มีโรงแรมให้พัก  ไม่มีมัคคุเทศก์มืออาชีพและไม่มีสถานทูตประจำให้เราได้ขอความช่วยเหลือ  ในกรณีที่เราประสบปัญหา

                แต่หากเรายังต้องการเดินทางไปเที่ยวชมอาณาจักรโบราณแห่งนี้  ผู้เขียน (ไม่ใช่ข้าน้อยแต่เป็นคนเขียนหนังสือ  เข้าใจนะ)  ขอแนะนำให้ไปเดือนตุลาคมและมีนาคม  เพราะแม้สภาพอากาศจะร้อนแสนร้อน  แต่เราจะได้โบนัสจากงานเทศกาลเก็บเกี่ยวพืชผลประจำปี

                ด้วยความที่อาณาจักรอียิปต์เป็นดินแดนที่อากาศร้อนอบอ้าวและอุดมไปด้วยแมงป่อง  ดังนั้น  เราจึงควรสวมใส่เสื้อผ้าบางๆ ทั้งยังควรสวมใส่ให้น้อยชิ้นและสวมอย่างหลวมๆ  หมั่นตรวจสอบรองเท้าก่อนสวมใส่เพื่อความปลอดภัยจากแมงป่อง  ทั้งยังควรพกพาอุปกรณ์ติดตัวให้น้อยที่เพื่อความคล่องตัวและช่วยผ่อนคลายอาการเหน็ดเหนื่อยอันเนื่องมาจากแสงแดดที่ร้อนระอุ  แต่จำได้ว่าอุปกรณ์ที่จำเป็นและขาดไม่ได้สามอย่างที่เราต้องมีก็คือ  พัด  ยาฉีดหรือยาทาขับไล่แมลง  และที่สำคัญอีกอย่าง  ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม  มันก็คือพริกไทย!

                ระบบเงินตรามาตรฐานของชาวอียิปต์โบราณคือทองแดง (โดยชั่งเป็นน้ำหนัก)  แต่โดยทั่วไป  สินค้าและการบริการก็สามารถนำมาใช้แทนเงินตราในระบบแลกเปลี่ยน  หรือแม้แต่แรงงานก็สามารถตีราคาเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นอาหารได้  ด้วยเหตุนี้  หากเรามีพริกไทยและผ้าไหม  ซึ่งเป็นสินค้าที่ชาวอียิปต์โบราณไม่มีอยู่ในประเทศ  เราจะสามารถนำไปแลกเปลี่ยนสินค้าและการบริการอื่นๆ  ได้เป็นอย่างดีและอย่างมากมายด้วย  นอกจากนี้  พริกไทยและผ้าไหมยังไม่เพียงสามารถนำไปแลกเปลี่ยนสินค้าและการบริการ  เรายังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในรูปของ 'ของกำนัล' ที่ล้ำค่าสำหรับชาวอียิปต์โบราณ  และที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ  เราต้องหมั่นตรวจสอบปฏิธินของชาวอียิปต์โบราณ  ซึ่งมีเครื่องหมายของวันดีและวันไม่ดี (สิ่งดีและสิ่งเลวที่เกิดกับเทพเจ้าของพวกเขา)  อยู่มากมาย  ซึ่งหากเราพบว่าวันนั้นเป็นวันไม่ดี  เราต้องงดกิจกรรมทุกอย่างในวันนั้น  หาไม่ความหายนะอาจกลายเป็นจุดจบที่น่าเศร้าของเราเอง

                แม้สถานที่ราชการในการดูแลทุกข์สุขของราษฎรในอาณาจักรอียิปต์โบราณจะไม่มีอย่างเป็นทางการ  แต่ในกรณีที่เรามีเรื่องฉุกเฉิน  ให้เรียกหา 'มาไจ'  ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจเทียบเท่าตำรวจและมีอยู่ในเมืองสำคัญๆ  ทุกเมือง  โดยมาไจเหล่านี้จะทำหน้าที่รักษากฎหมาย  จับอาชญกรและป้องกันการรุกล้ำตามแนวชายแดน

                ในด้านมาตรการชั่งตวงวัด  ชาวอียิปต์โบราณมีหน่วยวัดความยาวมาตรฐานที่เรียกว่า 'คิวบิต' ซึ่งเป็นความยาวที่วัดจากข้อศอกถึงปลายนิ้วของผู้ใหญ่  แต่ด้วยความที่ขนาดความยาวของข้อศอกและปลายนิ้วของผู้ใหญ่แต่ละคนยาวไม่เท่ากัน  ดังนั้น  ชาวอียิปต์โบราณจึงกำหนดมาตรฐานความยาวจากข้อศอกถึงปลายนิ้วไว้ที่  52.5  เซนติเมตรหรือ  21  นิ้ว  ซึ่งเรียกว่า  คิวบิตราชสำนัก  สำหรับหน่วยความยาวที่สั้นกว่านั้น  ชาวอียิปต์โบราณใช้ระยะความยาวและความกว้างของฝ่ามือเป็นตัวกำหนด  โดยกำหนดให้นิ้วที่นำมาวางเรียงกันรวมยี่สิบแปดนิ้ว (ไม่นับนิ้วหัวแม่มือ)  หรือเจ็ดช่วงความกว้างของนิ้วมีค่าเท่ากับหนึ่งคิวบิต


    (กรุณาเอียงคอไปทางซ้าย  ขอบคุณ)

                หน่วยน้ำหนักของชาวอียิปต์โบราณเป็นหน่วยที่ได้มาจากการชั่งน้ำหนักของก้อนหินหรือโลหะ  ซึ่งมักทำเป็นรูปสัตว์ต่างๆ  โดยน้ำหนักมาตรฐานเรียกว่า 'ดีเบ็น'  โดยหนึ่งดีเบ็นจะมีค่าราว  91  กรัมหรือ  3.64  ออนซ์  นอกจากนี้  ชาวอียิปต์โบราณยังแบ่งหน่วยดีเบ็นออกเป็นหน่วยย่อยเรียกว่า  'ไคต์'  หน่วยใหญ่กว่าที่เรียกว่า  'เซ็ป'  โดย  10  ไคต์จะมีค่าเท่ากับ  1  ดีเบ็นและ  10  ดีเบ็น (100 ไคต์)  จะมีค่าเท่ากับ  1  เซ็ป

                ชาวอียิปต์โบราณใช้นาฬิกาน้ำ (ไม่ใช่นาฬิกาทราย)  เป็นอุปกรณ์วัดเวลา  โดยบรรจุน้ำในหม้อที่เจาะรูเล็กๆ  แล้วปล่อยให้น้ำหยดออกจากหม้อจนหมดในเวลาหนึ่งชั่วโมง  ซึ่งหนึ่งวันของชาวอียิปต์จะมี  24  ชั่วโมงเช่นเดียวกับเราในยุคปัจจุบัน

                ปฏิธินของชาวอียิปต์โบราณแตกต่างจากปฏิธินของเราเล็กน้อย  กล่าวคือหนึ่งเดือนของพวกเขาจะมีสามสิบวันและมีวันพิเศษทางศาสนาต่างหากอีกห้าวันรวมเป็นสามร้อยหกสิบห้าวันในหนึ่งปี  และหนึ่งสัปดาห์ของพวกเขาจะมีสิบวัน  โดยทุกๆ วันที่สิบของสัปดาห์จะเป็นวันหยุดพักผ่อน  ส่วนหน่วยของปี (ศักราช)  จะเริ่มนับโดยถือเอาปีที่กษัตริย์องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์  ยกตัวอย่างเช่น  เมื่อฟาโรห์รามเสสขึ้นครองราชย์  ปีนั้นจะเป็นปีศักราชที่หนึ่งใหม่โดยมีคำต่อท้ายว่า  'แห่งการปกครองของรามเสส'


               
    ชาวอียิปต์โบราณแบ่งฤดูกาลในแต่ละปีออกเป็นสามฤดูโดยยึดเอาการเพาะปลูกเป็นเกณฑ์  โดยฤดูแรกเรียกว่า  'ฤดูไหลบ่า'  ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคม  เนื่องจากเป็นฤดูน้ำท่วม  ฤดูที่ชาวอียิปต์โบราณให้ความสำคัญมากเป็นอันดับหนึ่ง  เพราะหากไม่มีปรากฎการณ์น้ำท่วมจากแม่น้ำไนล์  อาณาจักรอียิปต์ทั้งอาณาจักรจะมีแต่ความแห้งแล้งและความร้อนของทะเลทราย  หลังจากหมดฤดูน้ำท่วมก็จะถึงฤดู  'เพาะปลูก'  ซึ่งจะเริ่มในเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์  และสุดท้ายจะเป็นฤดู  'เก็บเกี่ยว'  ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมไปจนถึงเดือนมิถุนายน

    อ้างอิง...พลิกปูมอาณาจักรอียิปต์โบราณ  ศักดิ์  บวร  เรียบเรียง

    ขอบคุณขอรับ (_ _)( - - )

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×