ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Encyclopedia Earth

    ลำดับตอนที่ #98 : การล้างเผ่าพันธ์ชาวยิวและ Schindler's list (ภาค 7 ลูกผู้ชายตัวจริงมาแล้ว)

    • อัปเดตล่าสุด 11 ต.ค. 52


    การล้างเผ่าพันธ์ชาวยิวและ Schindler's list (ภาค 7 ลูกผู้ชายตัวจริงมาแล้ว)

    หลังจากพูด (เขียน)ถึงเรื่องโน่นเรื่องนี้มาหลายภาคแล้ว ได้เวลาจะมาพูดถึงพระเอกหรือลูกผู้ชายตัวจริงเสียที ผู้ชายคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกเสียไปจาก Oskar Schindler ซึ่งเราๆ ท่านๆ คุ้นกับเขาผ่านการแสดงของ Liam Neeson

    (อย่าไปคาดหวังว่าจะหล่อเหมือน Neeson เลย)



    เหมือน กับ Amon Goeth ต่อนี้เป็นประวัติของ ชินด์เลอร์ตัวจริงที่แปลและเรียบเรียงมาจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Oskar_Schindler

    ชินด์เลอร์เกิดในครอบครัวมั่งคั่ง ซึ่งมีนิวาสถานอยู่ ณ Svitavy ภูมิภาค Bohemia ซึ่งตอนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของ Austria- Hungary แต่บัดนี้เป็นสาธารณรัฐเช็ค

    ครอบครัวต้องย่ำแย่จากวิกฤตทางเศรษฐกิจในช่วงทศวรรษที่ 30 และชินด์เลอร์เข้าเป็นสมาชิกของพรรคนาซี โดยเนื้อแท้แล้วเขาเป็นนักธุรกิจที่ชอบฉวยโอกาส และใช้ชีวิตแบบฟู่ฟ่า มักอวดตัวเองว่าชอบศิลปะอะไรทำนองนั้น แต่งงานเมื่ออายุเพียง 19 ภรรยาชื่อ Emile แต่ตัวเองก็แอบมีเมียน้อยคนหรือสองคนด้วย

    หลังจากที่เยอรมันบุกโปแลนด์ เขาก็เหมือนกับชาวเยอรมันจำนวนมากที่ไปแสวงหาผลประโยชน์จากพื้นที่ถูกยึดครอง เข้าไปเป็นเพื่อนกับนายทหารเยอรมันรวมทั้งพวกเกสตาโป ปรนเปรอคนเหล่านั้นทั้งสุรา นารี ชินด์เลอร์ก็เลยเข้าครอบครองโรงงานใน Krakau อย่างไม่ลงทุนลงแรงอะไรนัก เขาตั้งชื่อมันว่า Deutsche Emaillewaren-Fabrik ผลิตภาชนะเคลือบน้ำยา

    (งานกินเลี้ยงก็เป็นสิ่งที่หนังพยายามจำลองมาให้เหมือน)



    ชินด์เลอร์รับเอายิวที่เป็นแรงงานทาสในค่ายกักกันจำนวน 1,300 คนจากค่ายกักกันเพื่อไปทำงานในโรงงาน มีคนว่าการกระทำของเขาเช่นนี้ในตอนแรกเกิดจากเรื่องเงินๆ ทองๆ เช่นแอบซ่อนนักลงทุนชาวยิวผู้มั่งคั่งไว้ แต่ต่อมาเขาได้ปกป้องคนงานของตัวเองอย่างกระตือรือร้นมากขึ้น

    เช่น เขามักจะอ้างว่า คนงานที่ไร้ทักษะเป็นสิ่งสำคัญอย่างแท้จริงต่อการทำงานในโรงงาน และ การทำอันตรายคนเหล่านั้นจะทำให้เขาต้องร้องเรียนและต้องการค่าชดเชยจากรัฐบาล (อันนี้คุ้นๆ ไหมครับ รู้เลยว่าในหนังได้ลอกเอาประโยคเช่นนี้มาไว้ในฉากที่คุยกับทหารเยอรมันหลังแรงงานยิวแขนเดียวของเขาถูกยิงตาย)


    เมื่อไปเห็น ทหารกวาดล้างชาวยิวใน Krakau Ghetto ปี 1942 เพื่อนำเข้าไปค่ายกักกันใน Plaszow ชินด์เลอร์รู้สึกสยดสยองกับการสังหารหมู่ชาวยิว ซึ่งแอบซ่อนอยู่ใน บ้านของตัวเอง (จำได้ไหมว่าในหนัง พวกเยอรมันเข้าไปกวาดล้าง ชาวยิวที่แอบซ่อนในบ้าน ตอนกลางคืน ซึ่งชินด์เลอร์ไม่อยู่ด้วยเหมือนตอนขี่ม้า แสดงว่า ในหนังค่อนข้างจะคลาดเคลื่อนบ้าง แต่เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะได้ยินเรื่องนี้จากปากของคนอื่นอีกที) ชินด์เลอร์เป็นบุคคลที่มีทักษะเป็นนักการทูตที่ปราดเปรื่อง และเริ่มพยายามใช้ความสามารถของตนในการช่วยเหลือพวกยิวมากขึ้น ภายหลังจากการสังหารหมู่ครั้งนั้น

    ชินด์เลอร์ ตกลงกับ Amon Goeth ผู้บังคับการค่ายกักกัน Plaszow ให้ส่งพวกยิว 900 ร้อยคนไปยังอยู่ในโรงงานที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งจะทำให้ปลอดภัยอยู่บ้างจากการทำทารุณกรรมหรือการฆ่าจากพวกยาม ชินด์เลอร์ถูกจับถึงสองครั้งในข้อหาคบคิดวางแผน แต่ก็รอดตะรางมาได้ทุกที เพราะติดสินบทกับทางเจ้าหน้าที่เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกสอบสวน


    เมื่อกองทัพแดงของพวกโซเวียตใกล้เข้ามา ค่ายกักกันก็ถูกทำลาย นักโทษในค่ายส่วนใหญ่ถูกสังหาร ชินด์เลอร์ได้ย้ายคนงานจำนวน 1,200 คนไปยังโรงงานใน Brünnlitz (Brněnec) ในเขต Sudetenland (ที่ค่ายและทหารดูไม่โหดเท่าไร ผู้การค่ายก็ดูใจดีกว่า Amon Goeth) ปี 1944 เมื่อการขนส่งแรงงานเกิดผิดพลาดหลงไปยังค่าย Auschwitz ชินด์เลอร์ก็พยายามเอาคนเหล่านั้นกลับมา ชาวค่าย Bruenlitz ได้รับการปลดปล่อยในเดือนพฤษภาคม 1945

    ช่วงท้ายสงคราม ชินด์เลอร์แอบหนีไปยังอาเจนตินา (หนังไม่ได้บอกไว้ ทิ้งไว้แต่บทซึ้งๆ ระหว่างเขากับนักโทษตอนกำลังจะหนี) เขาล้มละลาย (สังเกตว่าในบทความไม่ได้บอกว่าเขาล้มละลายตอนยังอยู่กับพวกยิว ) และกลับไปเยอรมันในปี 1958 เพื่อลงทุนในธุรกิจที่ไม่ประสบความสำเร็จ เขาเสียชีวิตวันที่ 9 ตุลาคม 1974 ใน Hildesheim ด้วยอายุ 66 (หนังเรื่อง Schindler’s List อ้างว่าเขาตายใน แฟรงค์เฟิร์ต อาจเพราะว่าเป็นเมืองที่คนรู้จักดีกว่า)

    เขาได้รับเกียรติจาก หอ Yad vashmen ในประเทศอิสราเอล ที่ระลึกถึงการล้างเผ่าพันธุ์ยิว)ให้ เป็นหนึ่งใน “ ผู้มีคุณธรรมของโลก” (ผู้ที่ไม่ใช่ยิวแต่เคยช่วยเหลือชาวยิว) ศพของเขาถูกฝังใน สุสานชาวคริสต์ (นิกายแคทอริก) ณ ภูเขา ไซออน กรุงเยรูซาเลม

    Tom Keneally นักเขียนชาวออสเตรเลียได้นำเรื่องราวของชินด์เลอร์มาเขียนเป็นหนังสือชื่อ Schindler's Ark ได้รับรางวัล Booker Prize (1982) คิดดูว่ากว่าจะมาเป็นหนัง ต้องผ่านการตีความมาถึงสองครั้ง และนักเขียนก็ได้เป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์โดยตรง อย่างไรก็ตาม หนังเรื่อง Schindler’s List ที่ถูกกำกับโดย Steven Spielberg (ผู้สูญเสียพี่น้องในค่ายกักกันเหมือนกัน) ก็ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล ได้รางวัลตุ๊กตาทองเจ็ดตัวจากการเข้าชิงถึง 12 ตัว และจัดว่าเป็นหนึ่งใน 100 ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมของสถาบันภาพยนตร์อเมริกัน

    อย่างไรก็ตาม นักประวัติศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับการล้างเผ่าพันธุ์ นามว่า David M. Crowe ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของความจริงในภาพยนตร์ และเขาแย้งใน หนังสือชีวประวัติเล่มใหม่ของชินด์เลอร์ ว่า จริงๆ แล้วชินด์เลอร์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิมพ์รายชื่อ (ในการช่วยเหลือ)ชาวยิวเลย ตอนนั้นชินด์เลอร์กำลังติดคุกในข้อหาติดสินบน Amon Goeth เมื่อรายชื่อถูกเขียนขึ้น สี่จากทั้งหมดเก้าบัญชี ถูกร่างโดย Marcel Goldberg ชาวยิวขี้โกง ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่หน่วย เอสเอสซึ่งรับผิดชอบในการขนย้ายชาวยิว

    (หลุมฝังศพของชายผู้ได้ชื่อว่าเป็นนักบุญของพวกยิว)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×