ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Encyclopedia Earth

    ลำดับตอนที่ #97 : การล้างเผ่าพันธ์ชาวยิว และ Schindler's list (ภาค6 ซาตานกลับชาติมาเกิด)

    • อัปเดตล่าสุด 11 ต.ค. 52


    การล้างเผ่าพันธ์ชาวยิว และ Schindler's list (ภาค6 Amond Goeth: ซาตานกลับชาติมาเกิด)

    การเขียนบทความหลายๆ บทของผมที่ผ่านมานี้ไม่ใช่จะเป็นการเชิดชูพวกยิวหรือให้คนอ่านต้องหลั่งน้ำตา เห็นอกเห็นใจคนเหล่านั้นแต่ประการใด (เพราะรู้ว่ามีคนแอบเกลียดยิวเยอะแยะในเวปพันธ์ทิพแห่งนี้) แต่ต้องการให้พวกเราได้รับรู้ความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์บางด้านที่เราบางคนอาจจะไม่รู้มาก่อน

    จากหลายตอนที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าทหารเยอรมันตั้งแต่ยศสูงสุดจนถึงพลทหาร จำนวนมากมายล้นกองทัพล้วนแต่เป็นโรคจิต ที่เรียกกันว่าเป็นพวก Sadism คือชอบทรมาณให้ผู้อื่นตายหรือทรมาณอย่างเจ็บปวด สยดสยอง ดังที่มีคนกล่าวว่า อาณาจักรไรซ์ที่สามอันยิ่งใหญ่ล้วนเต็มไปด้วยคนป่วยทางจิตทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นท่านฟูเรอร์เอง ก็ป่วยด้วยโรคจิตแบบParanoid คือหวาดกลัวว่าจะมีคนทำร้าย หรือโค่นล้มตัวเอง (อันนี้สตาลินเป็นหนักกว่า ดังสาเหตุที่ทำให้กองทัพเยอรมันเอาชนะกองทัพแดงของรัสเซียได้ในช่วงแรกๆ ก็เพราะสตาลินกำจัดนายพลเก่งๆออกไปเพียบเพราะกลัวว่าจะโค่นล้มตัวเอง) และอีกโรคคือ Megalomania หรือโรคอยากยิ่งใหญ่ อยากจะครองโลก

    อย่างไรก็ตาม คนที่เราจะพูดถึงต่อไปนี้ก็คือนายทหารโรคจิตที่เรารู้จักกันดีผ่านภาพยนตร์เรื่อง Schindler's List นั่นคือ Amon Goeth (แสดงโดย Ralph Fiennes การแสดงที่ดีมีผลต่อภาพพจน์ของเขาในภายหลังนั่นคือเขาได้แสดงเป็นคนไข้โรคจิตอีกสองเรื่องคือ Red Dragon และ Spider)

    บทความนี้แปลและตัดต่อจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Amon_G%C3%B6th ชนิดบรรทัดต่อบรรทัดเลยทีเดียว

    Amon Goeth เกิดเมื่อปี 1908 ที่กรุงเวียนนา ออสเตรีย ในครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสิ่งตีพิมพ์ เข้าร่วมกับพรรคนาซี สาขาออสเตรียเมื่ออายุ 22และเข้าร่วมกับหน่วยS.S. (หน่วยพิเศษซึ่งมีชื่อเต็มว่า Schutzstaffel ซึ่งเป็นหน่วยทหารหัวกระทิของฮิตเลอร์)และได้รับความเจริญทางตำแหน่งและหน้าที่ไปเรื่อยๆ จนใน 1942 เขาได้เข้าร่วมกับหน่วย ผู้นำตำรวจและทหารS.S. และได้เป็นนายทหารเอสเอสประจำค่ายกักกันจนถึงปี1943 ได้รับการแต่งตั้งให้ควบคุมดูแลการสร้างค่ายกักกัน Plaszow เหมือนในหนัง (ความจริงต้องบอกว่าในหนังเหมือนของจริง มากกว่า) โดยใช้เวลาสร้างค่ายเพียงหนึ่งเดือน คิดดูว่าจะใช้แรงงานทาสแบบรีบเร่งและเหี้ยมโหดขนาดไหน

    1 เดือนต่อมา สลัมหรือ Ghettoชื่อว่า Krakow ก็ถูกปิดและชาวยิวถูกขนย้ายไปอยู่ในสลัมแห่งนั้น มีคนชิงลาโลกไปก่อน สองพันศพ โดย Goeth เป็นผู้ลงมือเองอยู่มากมายหลายศพ เช่นเดียวกับ Ghetto Tarnow ต่อมาในปี 1944 เขาได้รับคำสั่งให้ปิดค่ายกักกันSzebnie สังหารชาวค่ายตายไปหลายพันคน รวมไปถึงการส่งคนที่เหลือไปอยู่ค่ายกักกันอื่นๆ

    ในการควบคุมค่าย Plaszow นั้นเป็นกิจวัตรประจำของเขาในการฆ่า ทรมาณ ชาวยิว อย่างในภาพยนตร์ได้แสดงกิจวัตรยามเช้าของเขาจริงว่า ออกไปยิงคนจากเฉลียง แบบสุ่มๆ ประมาณกันว่าในช่วงที่เขามีอำนาจเขาได้เข่นฆ่าชาวยิวด้วยมือตัวเองไปมากกว่า 500 ศพ ชาวยิวที่ได้รับการช่วยจากSchindler บอกว่า "ถ้าคุณเห็น Goeth คุณเห็นความตาย"

    (เช้านี้จะเอากี่ศพดีหว่า ?)





    ธรรมชาติของความสัมพันธ์ระหว่าง Goeth และ Oskar Schindlerที่แท้จริง ไม่มีใครทราบ (แสดงให้เห็นว่าในหนังตอนบทสนทนาระหว่างเขาทั้งคู่ก็ถูกจินตนาการตั้งเยอะแยะ เพราะใครจะมาเป็นพยานให้สปิลเบิร์กและทีมงานเขียนScript กันนะ) ทราบแต่ว่าชินเลอร์ผูกมิตรกับGoeth เพื่อที่จะได้แรงงานชาวยิวไปทำงานในโรงงานของตัวเองและยังใช้วิธีการติดสินบนเพื่อไม่ให้ชาวยิวถูกฆ่า

    ปี 1944 ค่ายกักกัน Plaszow ถูกสั่งปิด Goeth ไปรับตำแหน่งใหม่คือไปประจำอยู่ที่สำนักงาน เศรษฐกิจและการบริหารของเอสเอส ไม่นานนักหลังจากนั้น เขาถูกจับโดยเกสตาโป ข้อหาขโมยของยิว (ซึ่งถูกปลดจากเจ้าของก่อนส่งเข้าเตาอบแก๊ส) ซึ่งตามกฏหมายของเยอรมัน ถือว่าเป็นทรัพย์สินของอาณาจักรไรซ์ที่สาม และเขาต้องขึ้นศาลของเอสเอสและตำรวจ แต่เนื่องจากเยอรมันกำลังจะแพ้อยู่รอมร่อ ก็เลยไม่มีใครใส่ใจจะเล่นงานเขา ผู้ร้ายก็พ้นผิดไปโดยปริยาย ซ้ำเขายังได้รับมอบหมายให้ไปประจำอยู่ที่ เมืองทางใต้ของเยอรมัน ซึ่งเขาได้รับการวินิจฉัยจากนายแพทย์ประจำหน่วยเอสเอส ว่าเป็นโรคประสาท เขาถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลบ้า ซึ่งก็ถูกทหารอเมริกันจับกุมตัวในช่วงสุดท้ายของสงคราม คือพฤษภาคม 1945

    ศาลสูงสุดแห่งชาติโปแลนด์ได้พิพากษาว่า Goeth มีความผิดในฐานะฆาตรกรรมชาวยิวกว่าหมื่นคน เขาถูกแขวนคอในเดือนกันยายน ปี 1946 ไม่ไกลจากที่ตั้งของค่ายกักกันที่เขาเคยประกอบวีรกรรมเท่าไรนัก แต่ก่อนจะตาย ยังอุตสาห์ร้อง "Heil Hitler" เป็นการไว้ลายอีกด้วย (ส่วนเชือกจะไม่ยอมขาด ในตอนแรกหรือไม่ อันนี้ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องจริงหรือลูกเล่นของ Spielberg)

    ในปี 2002 ลูกสาวของเขาชื่อมอนิก้าได้ให้สัมภาษณ์ในหนังสือชื่อว่า "แต่ฉันต้องรักพ่อของเขาฉันหรือไม่" (Ich muss doch meinen Vater lieben, oder?) โดยกล่าวถึงแม่หรือภรรยาของ Goeth ซึ่งรักและบูชาสามีอย่างไม่ลืมหูลืมตาว่า ทนความกดดันหรือความชั่วร้ายของเขา ในอดีตไม่ได้จนต้องฆ่าตัวตายในทศวรรษที่ แปดสิบ หลังให้สัมภาษณ์กับหนังสือเล่มหนึ่ง ทิ้งให้เธอทนกับมรดกอสูรของเจ้าคุณพ่อที่ได้ชื่อว่าซาตานกลับชาติมาเกิด แต่เพียงลำพัง

    (หน้าของอาชญากรตัวจริงที่เราคุ้นกับแต่หน้าของ Ralph Fiennes)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×