คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : >>> 09
*~Timeless Love~*
...Symbol & Question...
ทำไมทั้งชีวิตถึงมีแต่คำถาม
แล้วส่วนใหญ่ก็เป็นคำถามที่ยากแก่การหาคำตอบ
แม้ว่าเราจะได้คำตอบ...
เราก็ยังไม่มั่นใจว่าคำตอบนั้นถูก...
[เช้าวันต่อมา]
ณ คอนโดขนาดใหญ่แห่งหนึ่งกลางเมือง
แสงสว่างสาดส่องเข้ามาในห้องปลุกร่างเล็กที่นอนอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม แพขนตาขยับไปมาเพื่อปรับแสง พลางมองเจ้าของวงแขนแกร่งที่แสนอบอุ่นและอ่อนโยน ใบหน้าคมที่ยังคงมีเสน่ห์แม้ในยามหลับใหลอยู่ห่างกันไม่ถึงหนึ่งนิ้ว จนลมหายใจอุ่นๆของร่างสูงปะทะผิวแก้มใสเบาๆ
จุนซูนอนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดนั้น แก้มเนียนใสอมยิ้มอย่างมีความสุข หากแต่รอยยิ้มนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน... ภาพข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์เมื่อคืนนี้ เรียกให้ร่างเล็กคิ้วขมวดด้วยหลากหลายความรู้สึก พลางนึกถึงเจ้าของข้อความนั้น
ใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยความตกใจปนงุนงงในตอนแรกที่เจอกันในงานเลี้ยง มันทำให้ร่างเล็กรู้สึกแปลกๆ... ความรู้สึกที่เจ้าตัวเองก็บอกไม่ได้ว่าคืออะไร...หวาดกลัว...ตกใจ...เกลียดชัง หรืออะไรก็ตาม จุนซูไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้เลย และแล้วห้วงความคิดของร่างเล็กก็ต้องหยุดลงเมื่อร่างสูงเจ้าของอ้อมกอดยื่นหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิมตามด้วยสัมผัสเบาๆที่แก้มและริมฝีปาก...
"จุนซู ตื่นนานแล้วเหรอครับ? ทำไมไม่ปลุกผมล่ะ หือ?" น้ำเสียงทุ้มเต็มเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนถามพลางขยี้เส้นผมสีทองของร่างเล็กเบาๆ จุนซูยิ้มตอบคนรัก
"ก็เห็นท่าทางยุนนี่หลับสบายเลยยังไม่อยากปลุกนี่นา~" เสียงใสว่าอย่างอ้อนๆเป็นภาพที่น่ารักที่สุดในสายตาของชายหนุ่มเลยก็ว่าได้
"ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่ครับ ถ้าตื่นมาแล้วพบนางฟ้าน่ารักๆแบบจุนซู ผมก็ยินดี..." หนุ่มร่างสูงตอบพลางใช้แขนข้างหนึ่งรั้งร่างเล็กเข้ามาแนบแผ่นอกกว้างก่อนจะขโมยหอมแก้มใสๆนั้นไปอีกหนึ่งที
"อ๊า!!~ ยุนอ่ะ ฉวยโอกาสอีกแล้วนะ ไปอาบน้ำเลยวันนี้มีงานไม่ใช่เหรอ? รีบไปสิ..." มือเรียวแกล้งตีแขนร่างสูงที่ไม่ยอมปล่อยตนเองเบาๆพร้อมกับทำตาดุใส่ แต่ชายหนุ่มกลับยิ้มระรื่นไม่สำนึกในความผิดเมื่อกี้
"โอ๊ย!!~ จุนซูอ่า ไม่เอาหรอกก็อยากอยู่กับแมวน้อยนานๆนี่นา...นะ?"
"ไม่ต้องมาอ้อนเลย รีบๆไปอาบน้ำได้แล้ว ไปสิ เดี๋ยวก็สายหรอก..." ร่างสูงทำแก้มป่องเมื่อได้ยินคำพูดของร่างเล็ก... ท่าทางที่บอกได้ว่าร่างสูงนั้นคงกำลังจะงอนเป็นแน่นั้น ทำให้จุนซูเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ก่อนจะแตะผิวหน้าของร่างสูงด้วยสันจมูกแผ่วเบา แต่แล้วแก้มใสก็ขึ้นสีแดงเรื่อเป็นลูกมะเขือเทศซะเอง...
ชายหนุ่มยิ้มให้กับการกระทำของร่างเล็กก่อนจะยอมคลายวงแขนออกและเดินไปอาบน้ำแต่โดยดี จุนซูมองตามแผ่นหลังกว้างไป
เสียงปิดประตูห้องอาบน้ำดังพร้อมรอยยิ้มน่ารักจางหายไปจากใบหน้าเรียวเล็กเหลือเพียงสายตาแข็งกร้าวเพราะตัดสินใจจะทำเรื่องบางอย่าง เรื่องที่อาจจะดูว่าเขาใจร้ายไปบ้าง...
แต่ว่า...
ขอเพียงแค่ให้เจ้าของอ้อมแขนอันแสนอบอุ่นและอ่อนโยนนั้นยังเป็นของเขาแค่นั้นก็พอแล้ว ไม่มีวันที่เขาจะปล่อยให้ยุนโฮจากเขาไป ไม่มีทางที่ใครจะแย่งยุนโฮไปจากเขาได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งอดีตคนรักของยุนโฮอย่างแจจุงก็ตาม...
เขาคนนี้จะขัดขวางทุกวิถีทาง
อย่าหวังเลยแจจุง...ว่าเขาจะเลือกนาย
แต่ในเมื่อนายร้ายมา...ฉันก็จะร้ายตอบให้ดู
แล้วนายจะหาว่าฉันใจร้าย...ใจดำ...กับนายไม่ได้หรอกนะ
เพราะคนที่ทำให้เรื่องทั้งหมดแบบนี้...มันก็ตัวนายเองนั่นแหละ
เพราะฉันคนนี้จะไม่มีวันปล่อยให้ยุนโอต้องเจ็บปวดเพราะนายอีก...ไม่มีวัน!!~
ร่างเล็กลุกขึ้นจากเตียงไปจัดเตรียมเสื้อผ้าของร่างสูงมาวางไว้บนเตียงเพื่อรอชายหนุ่มออกมาจากห้องน้ำ... วันนี้ก็ยังเป็นวันดีมีความสุขเหมือนปกติของคิมจุนซู แต่หลังจากนี้ไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นเช่นไร?
ว่าแต่...
ลืมอะไรไปรึเปล่าคิมจุนซู?
ความจริงแล้วใครกันแน่ที่ใจร้าย?
คนที่แย่งเขามา คือ ตัวนายเองไม่ใช่เหรอ?
แล้วอย่างนี้ นายจะโทษว่าเป็นความผิดของคนอื่นได้เหรอ?
ว่าไงล่ะ...จุนซู
ตอบได้รึเปล่า?
[ในขณะเดียวกัน]
ณ คฤหาสน์ตระกูลคิม
แสงอาทิตย์สาดส่องหน้าต่างบานใหญ่และม่านสีนวลตาผ่านเข้ามาในห้องเพียงเล็กน้อย แต่ความอบอุ่นของแสงอาทิตย์ก็ส่งผลให้แพขนตาหนาขยับ ก่อนจะเผยให้เห็นนัยน์ตาสีนิลดำขลับ ร่างบางลุกขึ้นจากเตียงแล้วจัดการพับผ้านวมสีขาวที่ให้ความอบอุ่นเขามาตลอดทั้งคืน... ถึงร่างกายจะอบอุ่นผ้าแต่ภายในใจกลับเย็นยะเยือก...ม่านสีครีมนวลถูกแหวกออกโดยเจ้าของมือเรียวเพื่อให้แสงอาทิตย์ส่องผ่านเข้ามาให้ความสว่างแก่ห้องได้มากขึ้น พอดีกับเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นและ
"คุณหนูครับตื่นรึยังครับ?"
"อืม...ตื่นแล้วล่ะ ขอบใจนะฮันกยอง..." เสียงหวานตอบชายหนุ่มที่ขึ้นมาปลุกก่อนจะไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงมาด้านล่าง ขณะลงบันไดมานัยน์ตาคู่สวยก็สังเกตเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติไป...
รถยนต์สีบรอนซ์เงินคันงามจอดอยู่หน้าบ้าน พาหนะที่ทำให้เด็กหนุ่มต้องหยุดจ้องมันด้วยความแปลกใจว่าใครกันที่เป็นเจ้าของ... ทางด้านฮันกยองเห็นว่าเจ้านายของตนนั้นยังไม่ลงมาเสียที พอเดินไปเรียกอีกครั้งก็พบร่างบางนั้นกำลังมองอะไรบางอย่างอยู่ ชายหนุ่มยักยิ้มน้อยๆก่อนจะเคลื่อนตัวไปใกล้แจจุง...
"คุณหนูครับมองอะไรอยู่เหรอครับ?" เสียงทุ้มเอ่ยถามทั้งที่รู้ดีอยู่แล้ว...
"ฮันกยอง...รถคันนั้นของใคร?" เด็กหนุ่มหันตามเสียงถามของชายหนุ่ม
"ของคุณหนูนั่นแหละครับ..."
"ของฉัน???"
"ใช่ครับ... คุณชางมินเรียกให้ผมไปหาแต่เช้าเพื่อรับมันมาพร้อมกับจดหมายนี่ครับ" ชายหนุ่มล้วงลงไปในกระเป๋าเสื้อตรงหน้าอก หยิบแผ่นกระดาษสีขาวที่เด็กหนุ่มจำได้ดีว่าเป็นลายมือของพ่อเทวดาเจ้าเล่ห์อย่างแน่นอน
=== === === === === === === === === === === === === === === === === ===
แจจุง รถคันนี้ฉันให้นายเป็นของขวัญ... ในโอกาสที่ฉันจะอยากให้
นายต้องรับเอาไว้ห้ามเอามาคืนฉันโดยเด็ดขาด เพราะฉันไม่ยอมอย่างแน่นอน!!!~
อย่าแม้แต่จะคิด... หวังว่านายคงเข้าใจ
แต่ถ้านายไม่อยากได้จริงๆ ก็ยกรถคันนี้ให้ฮันกยองละกัน เขารู้ว่าควรทำยังไง
แค่นี้แหละตอนบ่ายเจอกันนะ...
ปล.อย่าลืมว่าฉันอยู่ข้างนายเสมอ
ชางมิน
=== === === === === === === === === === === === === === === === === ===
เมื่ออ่านจบร่างบางพับจดหมายลงด้วยรอยยิ้มน้อยๆ จดหมายที่เหมือนเอาแต่ใจและสั่งให้เขาทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่แฝงด้วยความห่วงใยเสมอ แม้จะไม่ได้พูดหรือเขียนออกมาตรงๆแต่แจจุงก็รู้สึกได้อยู่เสมอ นัยน์ตาคู่สวยมองรถคันนั้นอีกครั้งก่อนจะหันไปหาฮันกยอง...
"นี่ถ้าฉันยกให้นายอยากที่ชางมินบอก รถคันนั้นก็จะกลายเป็นของนาย แล้วยังไงนายก็ต้องบังคับให้ฉันไปไหนต่อไหนด้วยรถของนายอยู่แล้วใช่มั้ย?" เด็กหนุ่มว่ารอให้ชายหนุ่มตอบ ฮันกยองพยักหน้าตอบเบาๆด้วยรอยยิ้มเช่นกัน...
"เอาเถอะ ถ้าจะให้มันยุ่งยากแบบนั้น ฉันรับไว้ก็ได้ ชางมินนี่นา แผนสูงเหมือนเดิมเลยกะจะไม่ให้ฉันได้ปฏิเสธจริงๆเลยใช่มั้ยเนี่ย?"
"เอ่อ..คุณหนูครับยังมีสิ่งนี้ด้วยครับ.." ชายหนุ่มล้วงลงไปในกระเป๋าหยิบกล่องผ้าสีแดงสดขึ้นมาแล้วส่งให้แจจุง แล้วพูดต่อว่า " คุณชางมินฝากบอกว่าสิ่งนี้อาจจะทำให้คุณหนูมีความสุขขึ้นครับ..." เด็กหนุ่มรับมาด้วยความแปลกใจอีกครั้งแต่พอเปิดดูสิ่งที่อยู่ข้างในความสงสัยนั้นก็มลายหายไปทันที...
สร้อยคอสีเงินยวงสวยส่องสะท้อนแสงเป็นประกายระยิบระยับ มีหัวใจอันเล็กๆห้อยอยู่สองอัน ตรงกลางหัวใจแต่ละดวงที่อยู่ติดกันนั้น มีตัวอักษรสลักไว้อย่างละดวงคือ Y กับ J สิ่งที่อาจดูเหมือนไม่มีค่าแต่สำหรับเด็กหนุ่มแล้วมันเป็นยิ่งกว่าของสำคัญ...
"ฮันกยองใส่ให้ฉันหน่อยได้มั้ย?" คำขอที่ไม่ต้องรอคำตอบชายหนุ่มเลื่อนตัวเข้ามารับสร้อยก่อนจะวางโลหะสีเงินแนบไปที่เรียวคอขาว สีเงินของสร้อยยิ่งขับให้ผิวที่ขาวอยู่แล้วดูขาวผ่องยิ่งขึ้นไปอีก ร่างบางหันมองกระจกที่อยู่ข้างบันได...
นัยน์ตาสีนิลมองภาพสะท้อนของตัวเองอย่างเศร้าสร้อย มือเรียวยกขึ้นมาเพื่อลูบสิ่งที่อยู่บนคอตัวเองไปมา ของที่เขาฝากให้ชางมินนำเอามันไปซ่อมเพราะชำรุดเสียหายมาตั้งแต่เมื่อวันนั้นของ 5 ปีก่อน... บัดนี้มันกลับมามีสภาพดีเหมือนก่อนแล้ว... แต่ทำไมสัญญาของคนคนนั้นถึงไม่เหมือนเดิมนะ?
สิ่งเดียวที่ยังเหลืออยู่... สร้อยคอเพียงเส้นเดียวที่ยุนโฮเคยซื้อให้เขา... ความจริงจะต้องมีอีกเส้นคู่กันที่อยู่กับยุนโฮ แต่เขาไม่รู้หรอกว่ายุนโฮลืม หรือ ทิ้งมันไปรึยัง?
ร่างบางเกือบจะจมอยู่กับอดีตแบบนั้นถ้าไม่มีเสียงเรียกของฮันกยองดึงไว้เสียก่อน เมื่อรู้สึกตัวจึงได้มองความเรียบร้อยของตัวเองในกระจกอีกครั้ง... ก่อนจะออกจากบ้านไปพร้อมกับฮันกยอง...
.......................................................
..............................................
................................
ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มเดินมาตามทางเดินของตึกใหญ่จนมาหยุดอยู่หน้าสถานที่ที่ต้องการโดยไม่รู้ตัว ห้องสตูดิโอ A ห้องที่ใช้สำหรับการถ่ายภาพโฆษณา ขนาดใหญ่ และมันยังเป็นที่ใช้ในการถ่ายทำวันนี้ด้วย เนื่องจากประธานบริษัทอย่างจองซูอยู่ในฐานะประธานบริษัทคนใหม่ที่มักจะมีงานยุ่งอยู่เสมอๆ ครั้งนี้ก็เช่นกันยูชอนในฐานะตัวแทนของบริษัทจึงเป็นฝ่ายมาแทน มือหนาเคาะประตูเบาๆตามมารยาทก่อนขาคู่ยาวจะก้าวเข้าไปในห้อง...
"สวัสดีครับคุณซีวอน พี่จองซูให้ผมมาแทนต้องขอโทษด้วยนะครับที่เขาติดธุระมาไม่ได้... ฝากตัวด้วยนะครับ" ยูชอนก้มตัวลงทักทาย เมื่อเจอซีวอนที่ห้องสตูดิโอที่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ
"ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น เชิญคุณตามสบาย ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ" ซีวอนบอกชายหนุ่ม ก่อนเสียงเปิดประตูจะเรียกให้ชายหนุ่มทั้งสองหันไปมอง...
คนสองคนที่ยูชอนรู้จักดี... ดียิ่งกว่าใครๆในที่นี้...ยุนโฮกับจุนซู มือหนาที่กุมมือเล็กเดินเข้ามาด้วยกันนั้นทำเอายูชอนปวดใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ตีสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะทักทายตามประสาคนรู้จักกัน... แต่สิ่งที่ซีวอนพูดมันเกือบทำให้ชายหนุ่มปกปิดอารมณไว้เกือบไม่มิด...
"แหม่!!~ หวีทหวานกันมาแต่เช้าเลยนะคู่นี้ ยุนโฮนายก็เพลาๆลงหน่อยเถอะ ฉันไม่อยากให้มีข่าวออกไปข้างนอกมากนักนะ เดี๋ยวจะเสียภาพพจน์ของตัวเองโดยไม่รู้ตัว..." ประธานบริษัท ชอย พูดแซวดารานักแสดงในสังกัดราวกับเป็นเรื่องปกติ
....ก็แน่ละเรื่องที่นักร้องหนุ่มผู้โด่งดังคับประเทศอย่าง...ยูโน...กับนักแสดงดาวรุ่งหน้าหวานอย่าง...ไอ...คบกันนั้นจะประกาศให้คนภายนอกรู้นั้นคงเป็นไปไม่ได้ แต่กับในบริษัทที่เห็นกันอยู่ทุกวี่ทุกวันจะปิดยังไงก็คงไม่มิดหรอก แต่กลับไม่มีใครไม่เห็นด้วยหรือรังเกียจเลยสักคน ยิ่งทั้งคู่ออกจะดูแลกันมากมายสมกับเป็นคนรักกันแล้วยิ่งทำให้พนักงานในบริษัทเอ็นดูเสียมากว่าจะมาต่อต้านการคบกันของทั้งคู่ แม้จะมีหญิงสาวในบริษัทหลายๆคนทีเดียวที่ออกจะเศร้าใจปนเสียดายกับการที่ดาราหนุ่มหล่ออย่างยูโนจะหันไปมีคนรักเป็นตัวเป็นตน แต่ก็ไม่มีใครไม่ชอบความรักของทั้งคู่เลย...
"โธ่!!~ ไม่หรอกครับคุณซีวอนก็ ยุนโฮคนนี้รับรองว่าจะไม่ทำให้คุณผิดหวังครับ..." ชายหนุ่มยิ้มตอบพลางหันไปทักทายเพื่อนเก่าโดยที่มือของทั้งคู่นั้นยังไม่ปล่อยออกจากกัน... "ไงยูชอนมาเร็วจังนะ...แล้วท่านประธานหน้าหวานของนายล่ะ?"
ถึงตอนนี้ซีวอนปลีกตัวออกไปจัดการคุยกับช่างกล้องชินดงและทีมงานด้านต่างๆที่มาร่วมกันในวันนี้เพื่อให้ได้รูปภาพตามแบบที่เจ้าตัวต้องการ ปล่อยให้ยูชอนกับยุนโฮและจุนซูมีเวลาคุยกันตามลำพัง...
"เขาไม่ว่างน่ะ ว่าแต่นายเถอะอารมณ์ดีมาแต่เช้าเลยนะ... ไอ้หมีเกาหลี~" สรรพนามที่ไม่ได้ใช้เรียกซะนานได้ถูกยกขึ้นมาอีกครั้ง... ชายหนุ่มเรียกโดยเก็บซ่อนความเจ็บปวดของตัวเองไว้ พลางมองหน้ายุนโฮแทนมือของทั้งคู่...
"โห!!~ ไอ้ไก่นึ่ง แกจะเรียกฉันอย่างนั้นไม่ได้แล้วนะโว้ย!!~ " ยุนโฮแกล้งทำโวยวายอย่างที่เคยทำเมื่อก่อนเสมอๆ แต่ไม่รู้เลยว่าคำพูดของตัวเองนั้นทำร้ายเพื่อนรักตรงหน้ามากขนาดไหน
"มันต้องเปลี่ยนเป็น ชายหนุ่มรูปงามนามยุนโฮกับนางฟ้าจุนซูต่างหากจริงมั้ยครับจุนซู..." ประโยคหลังนั้นร่างสูงหันไปถามเจ้าของมือเรียวที่ตัวเองกุมเอาไว้อยู่...
ยังไม่ทันที่จุนซูจะได้ตอบอะไร บทสนทนาของคนทั้งสามต้องหยุดลงเมื่อเสียงประตูที่เปิดขึ้นอีกครั้งปรากฏร่างของเด็กหนุ่มพร้อมร่างสูงในชุดสูทสีดำเดินเข้ามา ร่างเล็กที่มองคนทั้งคู่อยู่พยายามหาทางบ่ายเบี่ยงหนี พอดีกับที่คังอินเรียกหาทั้งคู่อยู่ ร่างเล็กจึงรีบรีบลากให้ยุนโฮตามไปด้วย...
"ยุนนี่!~ ไปเถอะ พี่คังอินเรียกแล้ว" จุนซูพูดพลางโอบแขนยุนโฮไว้ข้างหนึ่ง โดยไม่รู้ตัวว่าทำให้ให้ยูชอนแอบมองด้วยสายตาเช่นไร เมื่อคนทั้งคู่จากไป เด็กหนุ่มจึงเดินเข้ามาหายูชอนโดยปล่อยให้ฮันกยองยืนรออยู่ที่ประตู...
"ไง ยูชอนแล้วพี่จองซูไม่มาเหรอ?" เสียงหวานถามอย่างไม่ได้คิดอะไรผิดกับชายหนุ่มที่พยายามค้นหาความผิดปกติในน้ำเสียงนั้น
"อืม...ติดงานที่อื่นนะ เลยให้ฉันมาดูแทน..."
"งั้นเหรอ?" แล้วร่างบางก็เงียบไปคราวนี้เป็นชายหนุ่มที่ถามขึ้นก่อน...
"นาย...คงไม่ได้คิดจะทำอะไรใช่มั้ย?" คำถามที่เรียกให้แจจุงหันกลับมามองหน้ายูชอน นัยน์ตาสีนิลมีแวววูบไหว หากแต่ชายหนุ่มไม่อาจรู้สึกถึงมันได้เลย...
"ไม่รู้สิ...เดี๋ยวนายก็เห็นเองนั่นแหละ" เด็กหนุ่มบอกปัดอย่างไม่ใส่ใจ
"แจจุง!!!!" น้ำเสียงทุ้มมีแววตำหนิคำพูดของคนตรงหน้า
"นายไม่ต้องจับผิดฉันขนาดนั้นก็ได้ ยูชอน...ที่ฉันต้องการมีเพียงแค่ยุนโฮเท่านั้น ฉันไม่ได้จะทำร้ายอะไรจุนซูสักหน่อยนี่นา..." แจจุงว่าเมื่อรู้สึกถึงสายตาที่ชายหนุ่มกำลังมองตนอย่างสงสัยและหวาดระแวง...
"ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถ้านายได้ยุนโฮคืนไปแล้วจุนซูก็ต้องเสียใจอยู่ดี มันก็ไม่ต่างกับการทำร้ายเขาโดยตรงหรอก..."
"แล้วไง...มีจุนซูคนเดียวใช่มั้ยที่เสียใจ...? มีจุนซูคนเดียวใช่มั้ยที่ต้องเจ็บปวด...? แล้วฉันจะเป็นยังไงในสายตานายก็ไม่สนใจใช่มั้ย?"
"แจจุง...มันไม่ใช่อย่างนั้น
" ชายหนุ่มพูดได้แค่นั้น เพราะมันก็เป็นอย่างที่แจจุงว่าจริงๆ เขามัวแต่คิดถึงความรู้สึกของคนทางนั้นอยู่ฝ่ายเดียวจนลืมนึกถึงความรู้สึกของคนตรงหน้าเขาไปเสียสนิทเลย...
"ไม่ใช่? ไม่ใช่แล้วนายจะเอายังไงกับฉันล่ะ?"
"ได้โปรดเถอะ แจจุง... ฉันขอร้อง... หยุดเถอะ... หยุดทุกอย่างที่นายคิดจะทำ... มันไม่ได้ทำให้ใครมีความสุขเลยนะ... " แต่น้ำเสียงเว้าวอนจากชายหนุ่มไม่ได้ทำให้แจจุงเปลี่ยนใจเลย นัยน์สีดำขลับมองตายูชอนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆที่ไม่บ่งบอกการตอบรับคำขอร้องของยูชอนเลยสักนิด...
"ฉันบอกแล้วยูชอนอย่าลืม...สัญญาของเรา"
"แต่แจจุง
นายก็เห็นไม่ใช่เหรอว่า เขาสองคนรักกันมากขนาดไหน? แล้วอย่างนี้นายยังจะกล้าไปทำลายความรักนั้นอีกหรือไง... เมื่อก่อนนายไม่ใช่คนแบบนี้นี่นา..." เสียงตะโกนถามของยูชอนทำให้นัยน์ตาสีนิลวูบไหวด้วยความเจ็บปวด ในขณะที่ยูชอนเองก็มีแววตาไม่ต่างจากเด็กหนุ่มมากนัก...
"ขอโทษนะยูชอน แต่แจจุงคนเดิมที่นายเคยรู้จักตายไปแล้ว..." ร่างบางตอบกลับเรียบๆแล้วเดินหันหลังให้ชายหนุ่มไปที่ประตูซึ่งมีฮันกยองรออยู่แล้ว
"ไม่หรอก ฉันเชื่อว่านายยังเหมือนเดิม
" แม้คำพูดนั้นจะทำให้แจจุงชะงักไป แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้หันมาตอบอะไรอีก
......................................
........................
............
การถ่ายภาพก็เริ่มขึ้นหลังจากแจจุงออกไปไม่นาน ยุนโฮถ่ายคู่กับจุนซูก่อนด้วยความชอบส่วนตัวของทีมงานหรือไม่ก็ตามแต่ดูเหมือนว่า ทุกคนในบริษัทออกจะชื่นชอบเวลาที่ทั้งยุนโฮและจุนซูถ่ายคู่กันมากเป็นพิเศษ....
สักพักแจจุงก็กลับมาที่ห้องสตูดิโออีกครั้งด้วยชุดของภูตดอกไม้ซึ่งดอกไม้ที่เขาได้รับคือดอกลิลลี่ เด็กหนุ่มสวมเสื้อสีขาวทั้งชุด คอเสื้อไม่กว้างนักแต่ก็ทำให้เห็นสร้อยของเจ้าตัวได้ชัดเจน พร้อมติดดอกไม้ที่เรือนผมสีดำข้างใบหูซึ่งรับกับต่างหูสีเงินที่สไตลิสต์สาวเลือกให้เข้ากับสร้อยสีเงินเส้นนั้นได้เป็นอย่างดี... เรียกได้ว่าทันทีที่ปรากฏตัวก็แทบสะกดสายตาทุกคู่ให้หันมามองเป็นทางเดียวกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ...
และต่อจากนั้นก็ได้เวลาที่ทั้งสามคนจะได้ถ่ายพร้อมๆกัน ช่างภาพจัดให้ยุนโฮอยู่ตรงกลางโดยมีจุนซูอยู่ทางด้านขวาและแจจุงอยู่ทางด้านซ้าย ระหว่างที่ถ่ายรูปอยู่นั้น สายตาคมของชายหนุ่มก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้ชายหนุ่มถึงกับตาค้างด้วยความสับสน เขายังจำมันได้ดี ของขวัญวันเกิดชิ้นแรกและชิ้นสุดท้ายที่เขาได้ซื้อให้แจจุง
ในขณะที่จุนซูเองก็สังเกตเห็นความผิดปกติของคนรักจึงหันไปมองตาม ไม่ใช่แค่ยุนโฮคนเดียวหรอกที่จำมันได้ จุนซูก็ยังจำมันได้ดี สร้อยที่ยุนโฮพาเขาไปเป็นเพื่อนเลือกซื้อให้แจจุงในวันเกิดตอนที่ทั้งคู่ยังคบกันอยู่... แต่อย่างน้อยร่างเล็กก็โล่งใจว่ายุนโฮไม่ได้เก็บสร้อยเส้นนั้นไว้แล้ว...
ตลอดการถ่ายทำแม้จะไม่มีใครสังเกตเห็นสายตาของยุนโฮและจุนซูที่มองอยู่ที่สร้อยนั้นได้เลย แต่กับยูชอนที่มองอยู่ไกลออกมาย่อมรู้ดี ชายหนุ่มส่ายศีรษะไปมาเบาๆ รู้ดีว่าแจจุงกำลังยั่วให้จุนซูโกรธ แม้มันอาจจะไม่มีผลอะไรก็ตาม เพราะยุนโฮได้ทิ้งอีกเส้นที่อยู่คู่กันไปแล้ว... เขาเห็นกับตาตัวเองว่าวันที่เขาไปหายุนโฮที่โรงพยาบาลก่อนตัวเขาจะจากไปอเมริกานั้น... เขาเห็นยุนโฮถอดสร้อยเส้นนี้ออกและเกือบจะทิ้งมันไปอยู่แล้ว ถ้าเขาไม่เข้าไปขัดไว้เสียก่อน... แต่ยูชอนไม่รู้เลยว่าหลังจากนั้นยุนโฮไม่ได้ทิ้งมันไปอย่างที่ชายหนุ่มคิด...
ทั้งที่จุนซูพยายามบอกกับตัวเองแล้วว่ายุนโฮทิ้งมันไปแล้วแต่ก็ยังอดห่วงไม่ได้ว่ายุนโฮจะหวั่นไหวไปกับความรู้สึกแบบเดิมๆในอดีตหรือเปล่า... ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่แสงสีเงินจากสร้อยเส้นนั้นมันทำให้จุนซูรู้สึกหวั่นวิตกอย่างบอกไม่ถูก ส่วนแจจุงเองก็แอบยิ้มอย่างพอใจอยู่ลึกๆ ที่ยุนโฮมองโลหะสีเงินนี้ตลอดเวลา พลางนึกกับตัวเองอยู่ในใจว่า
....ต่อให้วันนี้ นายยังไม่ได้กลับมาเป็นของฉัน แต่อย่างน้อยฉันก็ได้รู้ว่านายยังจำสร้อยเส้นนี้ได้ ยังจำความทรงจำระหว่างเราได้... ไม่นานหรอกยุนโฮ ฉันจะแย่งนายกลับคืนมา...
To Be Con
ฮาโหล...กลับมาแล้วน้า~
กลับมาแล้วขอประทานอภัยหากช้าไปหน่อย(ไม่หน่อยล่ะ 555+)
ปล.แฟนคลับโลมาอย่าว่ากันน้า~
เพราะเรื่องนี้นี้เธอจะร้ายลึกและน่าสงสาร(ตกลงเอาไงแน่)
-
- +
+-b
g-น่า
รัก
ความคิดเห็น