คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ปฏิวัติการแต่งหน้า...บอกลาข้อห้ามสุดเชย
เพราะเดี๋ยวนี้มีเครื่องสำอางให้สาวๆ เลือกใช้มากมาย ไหนจะเทรนด์การแต่งหน้าที่เปลี่ยนไปตามกระแส แฟชั่นนั่นอีกล่ะ 'การดัดแปลงตามความเหมาะสม' จึงเป็นหนทางใหม่ ที่เราไม่จำเป็นต้องเดินตามบทบัญญัต ิเชยๆ อีกต่อไป ฉบับนี้เราจึงนำทริกดีๆ มาให้สาวๆ ลองนำไปเป็นเคล็ดลับ และอย่าลืมเชียวว่า ความคิดสร้าง สรรค์เป็นสิ่งสำคัญในการเนรมิตวงหน้าให้สวยงาม และสูตรใครก็สูตรคนนั้น จะมาตามๆ กันเป็นไม่ได้เชียว
01 สูตรเก่า : เครื่องสำอางแบบชิมเมอร์ไม่เหมาะสำหรับกลางวัน (แถมอายุมากกว่า 30 ไม่ควรใช้)
ปฏิวัติใหม่ : สวยด้วยชิมเมอร์ ทั้งกลางวันยันกลางคืน (แถมสวยได้ทุกวัย อีกต่างหาก!)
เพราะความหรูหราเป็นของควรค่าสำหรับผู้หญิง ที่สำคัญ ชิมเมอร์ยังช่วยทำให้ผู้หญิงอย่างเราๆ ดูสวย แบบลดวัย ปรับผิวให้ดูสดใส และยังทำให้ใบหน้าดูเรืองรองวาววับ น่าจับจ้องอีกต่างหาก นับข้อดีได้ครบสาม ประการเช่นนี้แล้ว เรายังจะรีบปาของดีทิ้งก่อนอายุขึ้นเลข 3 ได้อย่างไร หากแต่เคล็ดลับอยู่ที่การเลือกเฉดสีที่ เหมาะกับสภาพผิว และเลือกเน้นความมันวาวบนใบหน้าไม่เกินสองตำแหน่ง เช่น หากต้องการเน้นดวงตาและ ริมฝีปาก ก็ควรปล่อยให้ พวงแก้มเป็นสีแมทท์ เท่านี้ก็สวยกลางวันยันกลางคืนได้แล้ว
02 สูตรเก่า : เลือกสีลิปสติกให้เหมาะกับการแต่งหน้าโดยรวม
ปฏิวัติใหม่ : แม็ทช์สีลิปสติกให้เหมาะกับสีผิว
อย่าเพิ่งด่วนสรุป ว่าการเลือกลิปสติกต้องเลือกเฉพาะเฉดสีที่ชอบ หรือสีที่เข้ากับเครื่องสำอางที่มีอยู่ แต่ เราขอแนะนำให้คุณทำตัวเจ้าเล่ห์นิดๆ โดยการเลือกสีลิปสติกที่เข้ากับสีผิวของคุณจริงๆ เช่น เลือกมาสักหนึ่ง สีที่เข้ากับสีปากของคุณเด๊ะๆ เช่น สีชมพูอมนู้ด และสีแดงกุหลาบที่ ค่อนข้างจะเหมาะกับหลายสีผิว จากนั้น เลือกอีกสักสีที่สว่างกว่าสีผิว (ในหมวดสีเดียวกัน) เพื่อนำไปผสม หรือใช้โดดๆ เพื่อทำให้ใบหน้าดูสว่างขึ้น
03 สูตรเก่า : นวลเนียนด้วยการใช้ครีมรองพื้น
ปฏิวัติใหม่ : ใช้ครีมรองพื้นปกปิดเฉพาะตำหนิและรอยแผล
รู้หรือเปล่าว่าครีมรองพื้นนี่ล่ะ คือตัวเร่งการเสื่อมสภาพของผิวหน้า เพราะฉะนั้นจะดีสักแค่ไหน ถ้าปล่อย ให้ผิวหายใจบ้าง และนำเจ้าครีมหนาหนักตัวนี้มาทำหน้าที่ปกปิดจุดด่างดำ และรอยตำหนิต่างๆ บนใบหน้า แบบเฉพาะที่แทน ยกตัวอย่างเช่น แต้มครีมรองพื้นบนบริเวณที่มีรอยแดง เช่น จมูก แก้ม หรือคาง แล้วใช้ฟอง น้ำเกลี่ยไล้ไปทางไรผม จากนั้นใช้แป้งฝุ่นกดซับบนใบหน้าอีกครั้ง แล้วใช้เครื่องสำอางอื่นๆ ตามปกติ แค่นี้ใบ หน้าก็เบาสบาย ไม่ต้องกังวลเรื่องสิวอุดตันอีกต่อไป
04 สูตรเก่า : วาดลิปไลเนอร์ก่อนลงลิปสติกทุกครั้ง
ปฏิวัติใหม่ : ใช้ลิปไลเนอร์เฉพาะโอกาสพิเศษก็พอ
จริงอยู่ว่าดินสอเขียนขอบปากจะทำให้รูปปากดูชัดและสวยคมยิ่งขึ้น แต่หากให้นึกดูอีกที ก็ดูออกจะจริง จังในการแต่งหน้ามากไปสักหน่อย ยิ่งเทรนด์สมัยนี้ที่เน้นความสวยแบบธรรมชาติด้วยแล้ว เราจึงขอแนะนำ ให้คุณหยิบใช้เฉพาะวันสำคัญๆ ก็พอ ส่วนในวันธรรมดา ลองมองหาพู่กันปลายแหลมที่สามารถวาดขอบปาก ได้มาแทนที่ แม้จะไม่คมกริบเท่าดินสอ แต่เชื่อเถอะว่าจะทำให้คุณดูเป็นธรรมชาติมากกว่า และหากรอย ลิปสติกจางไปก็ยังสามารถ เติมได้ ไม่ดูน่าขันเหมือนตอนที่เหลือเฉพาะรอยดินสออย่างเดียวสักนิด
05 สูตรเก่า : เลือกอายแชโดว์ให้เข้ากับสีดวงตา
ปฏิวัติใหม่ : ยิ่งเป็นอายแชโดว์ ยิ่งต้องตรงกันข้าม
เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะหากยังเลือกสีที่เข้ากับสีตาเด๊ะๆ เช่น ถ้าดวงตาสีดำ หรือน้ำตาลก็เลือกสีเอิร์ธ โทน หรือถ้าดวงตามีสีสัน (ชาวตะวันตก) ก็เลือกสีที่เข้ากับสีตานั้นๆ การเลือกสีแบบนี้จะยิ่งทำให้คุณดูไม่น่า สนใจเข้าไปอีก จึงดีกว่าเป็นไหนๆ หากจะเลือกสีสันที่ตรงกันข้ามกับดวงตาเพื่อให้คุณดูเด่นเด้งขึ้นบ้าง ขอ แนะนำสำหรับสาวไทยที่มีตาสีดำถึงน้ำตาล ในการเลือก สีเขียวมรกต ไปจนถึงสีฟ้าเข้ม เพราะจะช่วยขับสีสัน ให้สดใสมากขึ้นกว่าเก่า (แต่อย่าลืมดูสีผิวตัวเองด้วยล่ะ)
06 สูตรเก่า : เติมอายแชโดว์หลังการแต่งหน้า
ปฏิวัติใหม่ : เติมอายแชโดว์เป็นอย่างแรก
เหตุที่ช่างแต่งหน้ามักเติมอายแชโดว์หลังสุด ก็เพราะไม่ต้องการให้สีสันเปรอะเปื้อนใบหน้า และหากผิด พลาดไป ก็ทำให้ต้องลบและลงครีมรองพื้นใหม่อีกครั้ง คำแนะนำจากเราคือลง อายแชโดว์เป็นอย่างแรก โดย เริ่มจากการลงรองพื้นทั่วใบหน้า เติมแป้งฝุ่น แล้วลงสีสันบริเวณ ดวงตาตามที่ต้องการเขียนอายไลเนอร์ และ ปัดมาสคาร่าให้เสร็จสรรพ จากนั้นจึงไล่กลับไปที่การลงคอนซีลเลอร์ ปัดแก้ม และลงลิปสติกตามปรกติ โดย หลีกเลี่ยงบริเวณดวงตา หรือการเติมซ้ำ แค่นี้ก็จะประหยัดเวลา และพลังงานไปได้เยอะ
07 สูตรเก่า : ใช้แปรงให้เหมาะกับการแต่งหน้า
ปฏิวัติใหม่ : นิ้วนี่ล่ะ สุดยอดแปรงชั้นดี
ไม่ปฏิเสธค่ะ ว่าแปรงแต่ละประเภทที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อการแต่งหน้า ต่างก็ช่วยให้การเติมเต็มสีสันเป็นไปอย่างง่ายดาย และทำให้การแต่งหน้าดูสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น แต่ผู้หญิง อย่างเราๆ ใช่ว่าจะแต่งแบบฟูลออพชั่น ประหนึ่งช่างแต่งหน้ามืออาชีพในทุกวันซะที่ไหน การลงทุนเรื่อง อุปกรณ์เสริมจึงควรทุ่มทุนแต่พอเหมาะ ส่วนที่เหลือก็ปล่อยให้นิ้วเรียวๆ ของเราทำหน้าที่นี้ไปเถอะค่ะ เช่น การใช้นิ้วกลางในการเกลี่ยอายแชโดว์สีหลักให้ทั่วเปลือกตา ก่อนที่ จะใช้นิ้วนางทาสีเข้มบริเวณหางตาเพื่อ ลงแสงเงา และใช้นิ้วกลางในการลงไฮไลต์อีกครั้งบริเวณ เปลือกตาที่นูนที่สุด ส่วนการลงลิปกลาสแบบทินท์ การใช้นิ้วแตะเบาๆ ก็ยังช่วยเกลี่ยให้ดู มันวาวได้ดีกว่าการใช้แปรงที่ทำให้ดูขาดมิติ รู้อย่างนี้แล้วก็ช่วย ประหยัดได้เยอะ จริงมั้ย
ความคิดเห็น