คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #89 : เรื่องของจีนและทิเบต
เรื่องของจีนและทิเบต
บทความนี้แปลจาก "ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของจีนเกี่ยวกับอนาคตของทิเบต"
โดย จิลล์ แม็คกีเวอริ่ง ผู้สื่อข่าวของบีบีซี เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2008
มันยังคงไม่ชัดเจนว่าวิกฤตการณ์ในทิเบตจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อโอกาสในการเจรจาระหว่างท่านทะไล ลามะและผู้นำของจีน
แต่สิ่งที่ชัดเจนก็คือโอกาสเหล่านั้นกำลังเปลี่ยนแปลงไป ชาวทิเบตหลายคนคับข้องใจเป็นยิ่งนัก หลังจากต้องรอเป็นเวลาหลายทศวรรษ พวกเขาเห็นว่าความก้าวหน้ามีเพียงน้อยนิด
เทน ซิน แซมเพลเป็นผู้นำของชุมชนชาวทิเบตในอังกฤษผู้ซึ่งเกิดในอินเดียออกมาพูดแสดงความรู้สึกตัวเอง เขาบอกกับบีบีซีว่าเขาเห็นว่าเป้าหมายคือ "การเป็นเอกราชอย่างสมบูรณ์"
หลายคนบอกว่ามันเป็นไปได้ยากที่ว่าทิเบตที่เป็นไทจะอยู่รอดได้เพราะต้องรับมือกับเรื่องทางเศษฐกิจ แต่เทน ซิน แซมเพลไม่เห็นด้วย
"ในตอนนี้การพัฒนาทางเศรษฐกิจเป็นผลประโยชน์ของชาวจีน" เขาบอก "ถ้าทิเบตเป็นอิสระ เราจะสามารถพัฒนามันด้วยตัวพวกเราเอง"
ทิเบตที่เป็นเอกราชอาจจะเปราะบาง มันอาจต้องอยู่ระหว่างยักษ์ใหญ่ที่ทวีอำนาจสองตนคือจีนและอินเดียซึ่งมีปัญหาเรื่องพรมแดน
ศาสตราจารย์ร็อบบี บาร์เนตต์ ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับทิเบตของมหาวิทยาลัยโคลัมเบียแห่งมหานครนิวยอร์คเห็นว่าจะมีการท้าทายมากมายแต่เป็นไม่ใช่เรื่องที่จะเอาชนะไม่ได้
การแก้ไขทางการเมืองนั้นจะได้ผลเพราะสติปัญญาและเจตจำนงทางการเมืองของคนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง" เขาบอกกับบีบีซี
"การเป็นเอกราชดูเหมือนจะเป็นการต่อสู้ที่ยากเย็นมหาศาล แต่มันขึ้นอยู่กับว่าการต่อสู้นี้ถูกวางแผนและจัดการอย่างไร นั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้มีส่วนร่วม"
ถึงแม้ว่าความต้องการเป็นเอกราชจะเพิ่มมากขึ้นในบรรดาชาวทิเบตที่ลี้ภัยในต่างแดน มันยังดูเหมือนเป็นความฝันอันห่างไกล ความต้องการเช่นนี้ทำให้ชาวทิเบตเผชิญหน้าโดยตรงกับกรุงปักกิ่ง
มันเป็นไปไม่ได้อย่างยิ่งยวดที่จีนจะเห็นด้วยกับการเจรจาถ้าหากเงื่อนไขก่อนหน้านี้คือการขอเป็นเอกราชไม่ถูกตัดออกไป จีนไม่ต้องการให้เกิดตัวอย่างที่จะมีอิทธิพลต่อชนกลุ่มน้อยกลุ่มอื่น
ทางเลือก
ท่านทะไล ลามะไม่ได้เรียกร้องเอกราชแต่ขอให้ทิเบตมีอำนาจในการปกครองตัวเองมากขึ้น ยังมีแนวคิดอื่นอันหลากหลายซึ่งสามารถทำได้
"รูปแบบหนึ่งประเทศ สองระบบ"เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ รูปแบบนั้นไปด้วยดีในฮ่องกง ถึงแม้ว่าฮ่องกงและทิเบตจะอยู่ในระดับขั้นของพัฒนาการที่แตกต่างกันมาก
ศาสตราจารย์บาร์เนตต์เห็นว่ารูปแบบของฮ่องกงนั้น "เป็นไปได้อย่างมาก"
เขายังแนะนำการประนีประนอมอื่นๆ นั้นคือสูตรของการปกครองตัวเองที่ตกลงกันสำหรับทิเบตในช่วงปี 1951 จนถึง 1959
นี่จะทำให้ชาวทิเบตมีอำนาจเกี่ยวกับเรื่องตัวเองมากกว่าเดิมอย่างมหาศาล มันยังรวมไปถึงการมีอยู่และภาวะผู้นำของท่านทะไล ลามะ
ถ้าแนวคิดเกี่ยวกับการเพิ่มอำนาจปกครองตนไม่เป็นที่ยอมรับสำหรับกรุงปักกิ่ง มันก็จะเปลี่ยนเป็นมาตรการการเสริมสร้างความมั่นใจ
เมื่อผู้นำจีนได้แก้ไขแผนใหม่สำหรับทิเบตอันเป็นผลพวงมาจากการประท้วงในช่วงปลายทศวรรษที่แปดสิบ พวกเขาคิดว่าโครงการการพัฒนาเศรษฐกิจที่รวดเร็วในทิเบตจะทำให้การประท้วงทางการเมืองลดน้อยลง
แต่ถึงแม้พวกเขาจะอัดฉีดเงินนับล้านๆ หยวนลงในในภูมิภาคนี้และเพิ่มมาตรฐานการดำรงชีพของชาวทิเบตจำนวนมาก ก็ไม่สามารถทำให้ความแค้นเคืองลดน้อยลงได้
หลายคนบอกว่าเพราะมาตรการนั้นไม่ได้เรื่อง
พวกมันสร้างผลประโยชน์ให้กับชาวจีนที่มาตั้งรกรากมากกว่าชาวทิเบตและมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาธุรกิจในเมืองมากกว่าการช่วยเหลือทางสังคมและชนบท แต่มันสามารถถูกแก้ไขได้ในตอนนี้
การปกป้องวัฒนธรรม
ศาสตราจารย์ บาร์เนตต์ แนะนำมาตรการต่างๆ ในการปกป้องวัฒนธรรมของทิเบตซึ่งจะไม่กดดันให้จีนต้องลดการควบคุมทางการเมืองลง
"นโยบายเหล่านั้นมุ่งเน้นไปที่การจำกัดการอพยพเข้าของชาวจีนในระยะยาว และยังมุ่งเน้นไปที่การท่องเที่ยวที่เน้นคุณภาพมากกว่าการท่องเที่ยวที่เน้นจำนวนคน และยังมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาที่ให้ความสำคัญกับชาวทิเบตมากกว่าการเจริญเติบโตของจีดีพี" เขากล่าว
คำอธิบายประกอบ
จีนกล่าวว่าทิเบตเป็นส่วนหนึ่งของตน
ทิเบตมีอำนาจในการปกครองตัวเองก่อนศตวรรษที่ยี่สิบ
ปี 1950 จีนระดมกองทัพเข้าโจมตีชาวทิเบตที่ต่อต้านการปกครองอันนำไปสู่การประท้วงที่นองเลือดในปี 1959
ผู้นำทางจิตวิญญาณคือท่านทะไล ลามะลี้ภัยเข้าไปในอินเดีย
"นอกจากนี้ยังสามารถมุ่งเน้นไปที่นโยบายช่วยเหลือแก่ชาวทิเบตที่เคยเสียเปรียบในอดีตในวงการธุรกิจและสถาบันทั้งหลายและยังมุ่งเน้นระบบสองภาษาในระดับโรงเรียนเพื่อที่ว่าภาษาทิเบตจะเป็นสื่อในการสอน"
การยุติการห้ามประกอบกิจทางศาสนาต่อพระ แม่ชี นักศึกษาและลูกจ้างรัฐบาลจะทำให้ความตึงเครียดลดลงไปได้มหาศาล
"มาตรการเหล่านั้นจะไม่เป็นอันตรายต่อการควบคุมของรัฐบาลจีนแม้แต่น้อย"เขากล่าว
แคท เซาน์เดอร์ส์แห่งองค์การนานาชาติเพื่อเอกราชของทิเบตเห็นพ้องด้วย
"หากมีการป้องกันไม่ให้ชาวจีนอพยพเข้ามา การตื่นตระหนกว่ามีการอยู่ร่วมกันของคนเชื้อชาติต่างกันในหลายพื้นที่จะเปลี่ยนไปอย่างมาก และนั้นจะเป็นการแก้ไขปัญหา" เธอบอกกับบีบีซี
"การลงทุนในเรื่องของสุขภาพและการศึกษามากว่าโครงสร้างพื้นฐานเช่นถนนและทางรถไฟจะช่วยให้ความเชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้น" เธอเสริม
ในเวลานี้ อัตราการไม่รู้หนังสือของชาวทิเบตที่สูงมากเป็นอุปสรรคสำหรับพวกเขาไม่ให้แข่งขันกับผู้อพยพชาวจีนฮั่น
"ในที่สุดแล้ว ทางแก้ไขเพียงอย่างเดียวก็คือการทำให้การพัฒนาเป็นของชาวทิเบตนั้นคือยินยอมให้ชาวทิเบตมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับเศรษฐกิจของพวกเขาเอง"แคท ซาน์เดอร์ส์กล่าว
ป้ายในมือของหู จินเทา : ทะไล ลามะอยู่เบื้องหลังการจลาจล
ท่านทะไล ลามะ : ขอบคุณที่อุตสาห์ยอมรับว่ามีการจลาจลในทิเบต
ความคิดเห็น