คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : >>> 08
*~Timeless Love~*
...He’s mine...
ณ ห้องประชุม
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆก่อนเสียงอนุญาตจากคนข้างในจะเรียกให้เด็กหนุ่มทั้งสองเดินเข้าไป โดยชางมินเดินเข้ามาก่อนตามด้วยแจจุงและฮันกยอง...
ทันทีที่เห็นจุนซูนั้นถึงกับหน้าซีดไปเลยทีเดียว มือเรียวเผลอบีบมือยุนโฮแน่น ในขณะที่ผู้ถูกกุมมือนั้นก็อยู่ในอาการไม่ต่างกัน ดวงตาคมเบิกกว้างด้วยความตกใจ ไม่รู้เพราะความสวยบริสุทธิ์ของคนตรงหน้า หรือว่าเป็นเพราะการพบกันอีกครั้งกันแน่ ถึงได้ทำให้ชายหนุ่มจ้องคนตรงหน้าอย่างไม่วางตาเลยสักนิด
ส่วนยูชอนนั้นถึงกับทำหน้าไม่ถูก แค่ต้องเจอกับจุนซูมันก็ทำให้เขารู้สึกแย่มากพออยู่แล้ว แต่นี่เขาต้องเจอกับคนที่ไม่อยากเจอที่สุด ไม่ใช่เพราะเกลียดชังแต่เป็นเพราะรู้สึกผิดจนไม่กล้ามองหน้าเลยต่างหาก...
“แจจุง,ชางมินมานั่งนี่สิ “ ซีวอนเรียกให้เด็กหนุ่มทั้งสองมานั่งข้างๆ เด็กหนุ่มในชุดขาวนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆชางมินโดยมีฮันกยองเป็นคนเลื่อนเก้าอี้ให้ซึ่งตัวที่เด็กหนุ่มนั่งนั้นตรงกันข้ามกับยูชอนพอดี
นัยน์ตาสีนิลมองไปยังเพื่อนเก่าทั้งสองก่อนกลับมาหาคนตรงหน้าที่พยายามจะไม่มองหน้าเขาแต่การนั่งตรงข้ามกันโดยไม่มองหน้ากันมันเป็นไปไม่ได้หรอก... ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยสักคนว่าแจจุงกับยูชอนมีสายตาแบบไหนต่อกัน...
“จองซูครับ นี่คิมแจจุงคนใหม่ที่ผมว่า ส่วนชื่อที่ใช้ก็...” ชายหนุ่มหยุดเงียบไปซะเฉยเมื่อรู้ตัวว่ายังไม่ได้ตั้งชื่อใหม่ให้แจจุงเลย ยังดีที่ชางมินเป็นคนตอบแทนคนรักตัวเองซะก่อน...
“ลูเซียครับ ชื่อของเขาคือลูเซีย... “ แล้วชางมินก็ปล่อยให้เด็กหนุ่มได้แนะนำตัวต่อ
“ผมคิมแจจุงครับ หรือที่เรียกกันว่าลูเซียนั่นแหละฮะ...” แจจุงเริ่มแนะนำตัวพลางมองไปยังจองซูที่ยิ้มรับเหมือนพึ่งเจอกันเป็นครั้งแรกอย่างไม่เข้าใจ
“ลูเซียเหรอ? ชื่อเพราะมากเลยนะ ยินดีที่ได้ร่วมงานกัน...” ประธานหน้าหวานตอบรับด้วยรอยยิ้มพลางยื่นมือมาให้จับ
“ขอบคุณฮะ...พี่จองซู” แจจุงลองแกล้งเรียกดูอีกรอบแต่ดูท่าทางคนตรงหน้าจะจำเขาไม่ได้เลยสักนิด... ถึงแม้สรรพนามที่แจจุงใช้เรียกจองซูจะไม่ใช่เหมือนคนที่เจอกันครั้งแรก แต่กลับไม่มีใครรู้สึกได้เลย แจจุงหันมองยูชอนอย่างมีความหมาย ทว่าชายหนุ่มกลับหลบสายตาของเจ้าตัวไป...
“เอ่อใช่...นี่ดงแฮกับซองมิน ทักทายเขาหน่อยสิ” จองซูแนะนำคู่หูจอมแสบให้แจจุงรู้จัก ก่อนท้ายประโยคจะสั่งให้สองแสบแนะนำตัวเองบ้าง
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคร๊าบบบ ผมดงแฮ ส่วนนี่ซองมิน พี่แจจุงสวยมากเลยครับ” เพราะความที่เดาอายุคนตรงหน้าไม่ถูกจะเรียกน้องก็กลัวจะหน้าแตก ถึงลองหยั่งเชิงด้วยการเรียกพี่ไปก่อน ริมฝีปากบางแย้มยิ้มรับน้อยๆ
“ขอบใจนะว่าแต่เรียกแจจุงเฉยๆเถอะ พวกนายกับฉันอายุคงไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก” เสียงหวานเอ่ยอย่างไม่ถือตัว แต่หารู้ไม่ว่าทำให้เด็กหนุ่มสองคนถึงกับหลงในน้ำเสียงเพราะๆนั้นไปเลยทีเดียว หลังการแนะนำตัวจบลง การประชุมคร่าวๆเกี่ยวกับสินค้าตัวใหม่ของ Aneal ก็เริ่มขึ้น
จากการตกลงกันของทั้ง 2 ฝ่าย คือบริษัทชอยและปาร์ค ทั้ง 2 มีความเห็นตรงกันในการที่จะมีงานโฆษณาชิ้นใหญ่ร่วมกัน และสินค้าที่ที่ซีวอนเลือกก็คือ โฆษณาน้ำหอมของ Aneal
โดยมีบริษัทปาร์คเป็นฝ่ายคิดรูปแบบโฆษณาและการโปรโมตให้ ซึ่งรูปแบบที่จองซูนำเสนอมาให้คือการแบ่งโฆษณาตัวนี้ออกเป็นสองภาคโดยภาคแรกจะเป็นการเปิดตัวน้ำหอมทุกกลิ่นที่มี โดยเนื้อเรื่องจะเริ่มจากเจ้าชายองค์หนึ่งจากดินแดนอันไกลโพ้นออกตามหาเจ้าสาวของตัวเอง และได้พลัดหลงไปในดินแดนของพวกภูตต่างๆ และที่นั่นเองเจ้าชายก็จะได้พบรักกับสาวภูตดอกไม้ เพียงแต่ว่าภูตที่ว่าไม่ได้มีเพียงตนเดียวแต่มีถึง 4 แทนน้ำหอมกลิ่นต่างๆแล้วเจ้าชายจะเลือกใครนั่นต้องไปตามลุ้นเอาในภาคที่สอง
โดยจองซูวางตัวนักแสดงให้นักแสดงทั้ง 4 เป็นเหล่าบรรดาภูตต่างๆ และให้ยุนโฮเป็นเจ้าชาย ซึ่งซีวอนก็เห็นดีด้วยจึงเริ่มงานโฆษณานี้จึงเกิดขึ้นมา แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกลางคัน แต่ก็ไม่มีผลอะไรอยู่แล้ว หลังจากการประชุมจบลงก็ใกล้เวลาของการแถลงข่าวเปิดตัวแล้วต่างคนแยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ของตนเอง...
ระหว่างทางที่เดินไปก็ยังมีพวกนักข่าวที่ดักรอสัมภาษณ์ก่อนที่ชายหนุ่มกับคนรักจะไปถึงห้องแถลงข่าวเสียก่อน ชายหนุ่มเลยต้องจำใจอยู่ตอบคำถามของนักข่าว พลางนึกในใจว่าดีแล้วที่ให้คนอื่นๆเข้าประตูด้านข้าง ถ้ามาประตูหน้าแบบเขากับชางมินละก็ คงต้องเลื่อนเวลาแถลงข่าวออกไปอีกแน่ๆ
“คุณชอยครับ บอกได้มั้ยครับว่าโฆษณาที่ร่วมทำกับบริษัทปาร์คเป็นยังไง แล้วมีใครแสดงบ้างครับ และคุณหวังผลกับความนิยมในสินค้าตัวใหม่ของ Aneal ขนาดไหนครับ?” นักข่าวหนุ่มยิงคำถามใส่ซีวอนเป็นชุดจนชางมินที่เดินมาด้วยกันถึงกับปวดหัว... แต่ชายหนุ่มกลับตอบได้ทุกคำถามโดยไม่ตกหล่นเลยแม้แต่นิดเดียว ทำเอาชางมินทึ่งในความจำของคนรักเหลือเกิน (ซะงั้น...)
“ผมขอเก็บไว้เป็นความลับก่อนนะครับ แล้วพวกคุณจะได้เห็นมันพร้อมๆกับประชาชนทั่วประเทศในอีกไม่นานนี้แน่นอนครับ เรื่องคนแสดงผมว่าพวกคุณคงได้เห็นในงานอยู่แล้ว ส่วนเรื่องของยอดขายผมคิดว่าโฆษณาชิ้นนี้จะสามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างน้อย 20% ครับ...”
“คุณชอยค่ะ ไม่คิดว่ามันมากเกินไปเหรอค่ะ แสดงว่าคุณก็หวังไว้กับงานชิ้นนี้มากเลยสินะค่ะ?” หญิงสาวจากรายการบันเทิงแห่งหนึ่งถามด้วยน้ำเสียงออกจะเป็นการดูถูกสักหน่อยในสายตาของชางมิน
“ไม่รู้สิครับ” ซีวอนบอกยิ้มๆ ก่อนจะพูดประโยคสุดท้าย
”คิดว่าที่ผมพูดเป็นจริงแค่ไหนลองดูผลงานที่ออกมาก็แล้วกันนะครับ...คุณผู้หญิง ไม่แน่ว่าหลังจากเห็นแล้ว คุณอาจจะอยากเป็นลูกค้าของเราด้วยก็ได้ “ แล้วเดินเข้าไปในห้องแถลงข่าวพร้อมกับชางมิน
ณ ห้องแถลงข่าว
ภายในห้องโถงใหญ่สีครีม ซึ่งใช้เป็นที่รับรองเวลามีงานเลี้ยงหรืองานเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ และตอนนี้ภายในห้องมีนักข่าวจากสถานีโทรทัศน์หลายช่องและสื่อมวลชนจากนิตยสารต่างๆเข้ามารออยู่แล้ว... สักพักเสียงคุยกันก็ดังขึ้นเมื่อร่างสูงของประธานบริษัทชอยกรุ๊ป...ซีวอนขึ้นมาบนเวที
ตามด้วยร่างบางของประธานหน้าหวานของจองซู ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เขาออกมาปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะชนจำนวนมากขนาดนี้ เล่นเอาเจ้าตัวประหม่าไปเหมือนกันยังดีที่ยูชอนจับมือของพี่ชายไว้ไม่ให้เจ้าตัวเผลอทำอะไรเปิ่นๆออกไป ตามด้วยเหล่านักแสดงทั้งที่พากันมาหยุดลมหายใจของบรรดานักข่าวที่พากันตกตะลึงมองกันจนลืมกดชัตเตอร์...
“เริ่มคำถามได้เลยครับ...” เสียงคังอินเอ่ยขึ้นเรียกสติที่หลุดลอยของบรรดานักข่าวให้กลับมาทำหน้าที่ของตนอีกครั้ง...
“เอ่อครับ... ไม่ทราบว่าจะช่วยแนะนำคุณหนูคนสวยตรงนั้นให้พวกเรารู้จักหน่อยได้มั้ยครับ” เสียงทุ้มของนักข่าวหนุ่มดังขึ้นพร้อมกับสายตาของทุกคนที่มองไปที่แจจุงเป็นทางเดียวกัน เล่นเอาดวงหน้าสวยแดงเรื่อ
ไม่แปลกที่นักข่าวคนนี้จะถามซีวอนเรื่องแจจุง เพราะคนอื่นๆนั้นไม่ว่าจะเป็นไอ , ยูโน หรือคู่หูพัม&พีต่างก็เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วทั้งชื่อเสียงและความโด่งดังไม่มีใครเป็นรองกันเลย เพียงแต่เจ้าของใบหน้าสวยที่งดงามจนทำให้คนธรรมดาเกือบลืมหายใจกลับเป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่งที่ไม่มีใครรู้จัก...
”ได้สิครับ นี่คือ ลูเซีย ต่อจากนี้ไปเขาเป็นพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของชอยกรุ๊ป............” เสียงซีวอนพูดแนะนำก่อนการสัมภาษณ์จะผ่านไปเรื่อยๆ
หลังการแถลงข่าวสิ้นสุดลงยุนโฮกับยูชอยแยกไปเพราะมีเรื่องที่ต้องคุยกัน ส่วนจุนซูนั้นต้องการหลบหน้าแจจุงจึงรีบเดินกลับ แต่หารู้ไม่ว่าแจจุงไปดักรอเขาที่หน้าห้องแต่งตัวอยู่แล้ว
เด็กหนุ่มมองร่างเล็กที่มาหยุดชะงักเมื่อเห็นเขารออยู่ที่ห้องแต่งตัว แจจุงรู้อยู่แล้วว่าจุนซูต้องพยายามหนีหน้าเขาแน่ๆ จึงมาดักรอที่ห้องแต่งตัวและทุกอย่างก็เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ จุนซูรีบเหมือนกำลังหนีใครมา และถ้าเดาไม่ผิดก็คงจะเป็นตัวแจจุงเองนั่นแหละ
เด็กหนุ่มรู้สึกยินดีที่พบจุนซูก่อนที่เจ้าตัวจะหนีหน้าเขาไป แต่สำหรับจุนซูแล้วการเจอกับแจจุงเป็นครั้งที่สามในรอบสองวันมันทำให้จุนซูรู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ...
“ไงจุนซู ไม่เจอกันตั้งนานนะ นาย...เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ...ไม่คิดจะทักทายเพื่อนเก่าคนนี้หน่อยเลยเหรอ?” เด็กหนุ่มเริ่มทักด้วยน้ำเสียงปกติ ในขณะที่อีกคนเอาแต่เงียบ
”ฮึ...ฉันไม่คิดเลยนะว่าอยู่ๆนายอยากจะทำงานแบบนี้ขึ้นมาน่ะ...” คนหน้าสวยพูดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เจ้าตัวเดินไปหาจุนซูใกล้เลยทีเดียว
”แล้วไง ฉันจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับนาย... บางทีฉันควรจะถามนายมากกว่า... นายจะกลับมาทำไม จะกลับมาทำไมตอนนี้ จะมาเอาเขากลับไปอย่างนั้นเหรอ? บอกไว้เลยนะ ฉันได้เขามาแล้วฉันจะไม่มีวันปล่อยให้เขาหลุดมือไปได้ง่ายๆเด็ดขาด...”
“เหรอ? แล้วสนุกดีมั้ยล่ะ? ได้เขาไปน่ะ?” นัยน์ตาสีนิลมีแววเยาะเย้ยพลางพูดประชดจุนซูด้วยอารมณ์ ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่ต่างกันเพียงแต่ดูเหมือนว่าจุนซูจะโมโหมากกว่า...
“ใช่สิ...ฉันมันไม่เหมือนนายนี่ ที่อยู่ๆก็ทิ้งเขาไป!!!! รู้บ้างมั้ยว่าตัวเองทำให้ยุนโฮต้องเจ็บปวดแค่ไหน...? รู้บ้างมั้ยว่าเขาตามหานายมาตลอดตั้งแต่สามปีที่นายหายตัวไปจนเกือบต้องตาบอด มองไม่เห็นไปตลอดชีวิต ทั้งที่เป็นแบบนั้นเขาก็ยังดันทุรังจะตามหานายต่อไป แต่นายล่ะ... นายที่ทิ้งเขาไปแล้วจะกลับมาทำไมอีกตอนนี้ แค่นี้ยังทำร้ายเขาไม่พออีกหรือไง...?” จุนซูระเบิดอารมณ์ใส่แจจุงพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างหนัก เด็กหนุ่มได้แต่ยืนนิ่งเพราะความช็อก...
“แล้วนายไม่อยากรู้รึไงว่า ฉันไปไหนมา?” น้ำเสียงหวานและสีหน้าอ่อนลงอย่างเห็นชัดเจน แต่กับจุนซูที่กำลังมีอารมณ์โกรธอยู่อย่างนี้ละก็ ไม่มีจะยอมฟังหรอกได้หรอก...
“ไม่!!~ ฉันไม่อยากรู้แล้วก็ไม่อยากจะฟังอะไรทั้งนั้น... ” จุนซูแว้ดใส่เด็กหนุ่มพร้อมกับเสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังพร้อมกัน
"จุนซู!!~"
“ยูชอน...” แจจุงและจุนซูหันมองผู้มาใหม่พร้อมๆกัน ชายหนุ่มร่างสูงเพื่อนสนิทที่หายหน้าไปนานมาปรากฏตัวตรงหน้าอีกครั้ง... ร่างบางทั้งสองต่างไม่รู้หรอกว่าร่างสูงจะมาเพื่ออะไร แต่คนหนึ่งนั้นไม่อยากอยู่เถียงต่อจึงหาเรื่องปลีกตัวออกไป...
“ฉันจะไปหายุนนี่... ลาก่อน” แล้วร่างเล็กก็รีบเดินหนีไป ปล่อยให้คนสองคนยืนอยู่ โดยคนหนึ่งเอาหลังพิงฝาผนัง... มองอีกคนหนึ่งด้วยแววตาแข็งกร้าว ในขณะที่คนถูกมองเอาแต่ก้มหน้ามองพื้นไม่ยอมพูดอะไรเลย...
“ไม่เจอกันนานนะ ยูชอน” น้ำเสียงหวานที่ได้ยินในห้องประชุมเมื่อกี้เปลี่ยนเป็นเย็นชาจนยูชอนต้องเงยหน้าขึ้นมา
“แจจุง นายจริงๆนะเหรอ?” ยูชอนพูดอย่างไม่แน่ใจ แจจุงที่เป็นแบบนี้เขาไม่รู้จัก
“ถ้าไม่ใช่ฉันแล้วจะเป็นใครล่ะ? “ แววตาที่บ่งบอกความโกรธของผู้พูดได้เป็นอย่างดี
“แจจุง...ฉันขอโทษ...” ยูชอนพูดอย่างรู้สึกผิดเบาๆ แม้เขาจะรู้ดีว่าสักวันหนึ่ง... วันนี้ต้องมาถึง... วันที่เขากับแจจุงได้พบกันอีกครั้ง วันที่ความรู้สึกผิดจะเข้ามาเต็มหัวใจอีกครั้ง...
“ขอโทษเหรอ? นายอธิบายให้ฉันฟังได้แค่นี้เหรอ?” น้ำเสียงเย้ยหยันจากริมฝีปากบางตรงหน้าเรียกอารมณ์ของร่างสูงให้พุ่งพรวดขึ้นมา
“แจจุง!!~ ถึงฉันจะรู้ว่ามันไม่ดีต่อนาย แต่นายรู้บ้างมั้ยว่าตลอดเวลาที่นายไม่อยู่ยุนโฮต้องเจ็บปวดแค่ไหน หมอนั่นออกตามหานายทั้งวันทั้งคืนจนเกือบต้องมองไม่เห็นไปตลอดชีวิต ฉันไม่อยากให้หมอนั่นเจ็บปวดไปมากกว่านี้... “
”นายก็เลยยอมงั้นสิ... ยอมให้จุนซูดูแลยุนโฮแทนฉัน... นี่น่ะเหรอที่นายบอกฉัน ว่านายรักจุนซู!!!~”
“ก็เพราะฉันรักจุนซู ฉันถึงต้องทำแบบนี้ เพราะฉันรักเขาฉันไม่อยากเห็นเขาต้องเจ็บปวด “
“นั่นเป็นคำแก้ตัวของนายใช่มั้ย? คนขี้แพ้!!!~” เพราะคำพูดของร่างบางไปสะกิดต่อมความอดทนของชายหนุ่มเข้า ยูชอนจึงทนไม่ได้
”ความจริงมันเป็นเพราะนายหายไปจากยุนโฮเองไม่ใช่เหรอแจจุง? นายเองไม่ใช่เหรอที่เป็นคนทิ้งยุนโฮไป? แล้วนายจะกลับมาทำไมตอนนี้ ทั้งที่นายจากไปแล้ว จะกลับมาอีกทำไม...? จะกลับมาทำลายความสัมพันธ์ของสองนั้นอีกทำไม” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดปนตะคอกใส่แจจุง
“นายถามว่าฉันกลับมาทำไมงั้นเหรอ?” แจจุงเอ่ยทวนคำถามอย่างเจ็บปวด แต่ยูชอนที่กำลังโมโหเลือดขึ้นหน้าอยู่นั้นไม่ได้สังเกตหรอก
“แจจุง...นายกลายเป็นคนที่หายไปจากความทรงจำของพวกเราแล้วล่ะ”
”ใช่สิ!!! สำหรับพวกนาย ฉันเป็นไม่มีตัวตน ไม่มีหัวใจใช่มั้ย? ถึงได้ทำอะไรแบบนี้...เคยคิดบ้างมั้ย?ว่า ถ้าฉันกลับมาพบกับเรื่องแบบนี้ฉันจะรู้สึกยังไง มีใครเคยคิดถึงใจฉันบ้างมั้ย? ไม่มีใครคิดจะถามฉันสักคนว่าทำไมฉันถึงหายไป ไม่มีใครอยากรู้เหตุผลของฉันเลยสักคน? ทั้งยุนโฮ ทั้งจุนซู แม้กระทั่งนาย... ” แจจุงโพล่งออกมาอย่างอัดอั้น น้ำเสียงเย็นชาที่พูดใส่ยูชอนเมื่อกี้หายไปหมดแล้ว กลับมาเป็นแจจุงคนเก่าอย่างที่ยูชอนเคยรู้จัก
“แจจุง...ฉันขอโทษ อย่าร้องไห้เลยนะ ฉันขอโทษ...” น้ำเสียงยูชอนอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่ชอบเห็นน้ำตาของแจจุงมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว...ยูชอนกับแจจุงทั้งคู่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กเพราะบ้านอยู่ใกล้กัน ทุกครั้งที่เห็นน้ำตาของแจจุงเขาก็ทำอะไรไม่ถูกทุกที เขารู้ว่าการกระทำทุกอย่างของแจจุงมีเหตุผล... แต่ก็เผลอพูดอะไรทำร้ายแจจุงไปซะแล้ว...
“ทำไมล่ะ? ทั้งที่ฉันไม่ได้อยากหายตัวไปแบบนี้สักหน่อย?” แจจุงทรุดตัวลงกับพื้นมือเรียวยกปิดใบหน้าตัวเองเอาไว้ ยูชอนค่อยๆนั่งลงข้างตัวเด็กหนุ่ม เสียงสะอึกสะอื้นที่ทำเอายูชอนทำตัวไม่ถูก
“แจจุงบอกฉันได้มั้ยว่านายไปไหนมา...?”
“อย่าเลยยูชอน ตอนนี้ฉันไม่อยากให้นายรู้แล้ว บางทีการที่ไม่รู้อะไรเลย อาจจะดีกับนายมากกว่า”
“โอเคๆ นายจะไม่บอกฉันก็ได้ แต่ให้ฉันช่วยอะไรนายบ้างได้มั้ย?”
”ยูชอน ถ้านายอยากจะทำอย่างนั้นจริงๆละก็ ฉันจะขอนายอย่างเดียว อย่าขวางฉัน ไม่ว่าหลังจากนี้...ฉันจะทำอะไรก็ตาม ถือซะว่าเป็นคำขอร้องจากเพื่อนเก่าได้มั้ย?”
“แจจุง...นาย...” ยูชอนอึ้งในคำขอร้องของเพื่อนเก่า เขาก้มหน้าลงไปมองพื้นอีกครั้งโดยไม่ตอบอะไร ไม่รู้ว่าพื้นมันมีอะไรดีนักหนา เขาถึงได้มองมันนัก แต่ก็ยังดีกว่าจะต้องมองใบหน้าเรียวที่เปื้อนคราบน้ำตาอยู่ตอนนี้ก็แล้วกัน
“เอาเถอะ ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่ขวาง ถ้ามันไม่มากเกินไปในสายตาของฉันนะ “ เสียงถอนหายใจตามด้วยคำพูดตอบรับอย่างยอมแพ้
“มากเกินไปของนาย มันรวมจุนซูรึเปล่าล่ะ?” แจจุงพูดยิ้มๆแม้จะหาความสุขจากรอยยิ้มนั้นไม่ได้เลยก็ตาม...
“แจจุง...”
“ยูชอน นายจะบอกเรื่องที่คุยกับฉันวันนี้ให้ยุนโฮฟังรึเปล่า...?”
“ไม่หรอก...ฉันกับหมอนั่นไม่ได้เจอกันมา 2 ปีแล้ว เจอกันครั้งแรกก็ที่ห้องประชุมเมื่อกี้...”
“2 ปี ? หมายความว่าไง... นายกลับมาตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“มันก็ใช่... แต่นายคงรู้เรื่องทุกอย่างจากป้าซอฮุนแล้ว”
“ก็ใช่แต่ไม่ทั้งหมด... ”
“โอเคๆ ฉันจะเล่าให้นายฟัง หลังจากนายหายไปได้สามปี ยุนโฮต้องเข้าโรงพยาบาล หมอนั่นไม่ยอมผ่าตัดเพราะต้องการตามหานายให้พบก่อน...” พอมาถึงตอนนี้ยูชอนเงียบไปเล็กน้อยเพื่อสังเกตสีหน้าของแจจุงซึ่งยังเรียบเฉยไม่แสดงอาการใดๆ
“ฉันขอให้หมอนั่นเลิกคิดถึงนาย และหันมาสนใจจุนซูแทน แล้วหมอนั่นก็ยอม หลังจากยุนโฮผ่าตัดเสร็จ พ่อมาขอร้องให้ฉันไปหาแม่เพื่อเรียนต่อที่อเมริกาเป็นเพื่อนพี่จองซู และดูแลพี่เขาด้วย
”
“ดูแล?พี่จองซูเป็นอะไร?ทำไมต้องดูแล?”
“รู้ใช่มั้ย? ว่าพี่เขาจำนายไม่ได้... “ แจจุงพยักหน้ารับ เขารู้สึกแปลกใจมาตั้งแต่ที่นั่งประชุมด้วยกันแล้ว... ว่าทำไมคนที่ความจำดีอย่างพี่จองซูถึงจำเขาไม่ได้...
“พี่จองซูโดนรถชน...เขาลืมทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั่งชื่อตัวเอง...พ่ออยากให้พี่จองซูไปฟื้นความทรงจำที่นู่นเลยขอให้ฉันไปด้วย”
“แล้วนายก็ไป?”
“ใช่...ฉันไปแต่ตอนไปฉันบอกสองคนนั้นเพียงแต่ไม่ได้ไปพบหน้า เพราะฉันไม่อยากเจอจุนซูอีก... “ ยูชอนถอนหายใจอีกครั้ง...
“หลังจากนั้นไปได้เพียงปีเดียวฉันก็ต้องกลับมาที่นี่พร้อมกับพี่จองซู... เพราะคุณพ่อเสียพี่จองซูเลยต้องมาดูแลบริษัทแทน แล้วเราสองคนพี่น้องก็ย้ายมาอยู่ที่คอนโดใกล้ๆบริษัท ไม่ได้กลับไปที่บ้านป้าซอฮุนเลยไม่รู้ว่าพวกฉันกลับมาแล้ว ตอนกลับมาฉันรู้ว่ายุนโฮกลายเป็นดาราดังที่เกาหลีนี่ แต่ฉันก็ไม่เคยไปหาหมอนั่นเลยตลอด 1 ปี... ฉันไม่อยากเจอหมอนั่นรวมทั้งจุนซูด้วย...”
”ยูชอน... ฉันรู้นะว่าเรื่องพี่จองซูโดนรถชนมันมีอะไรมากกว่านั้น แต่เมื่อนายไม่อยากเล่าฉันก็จะไม่ถาม...” แจจุงว่าพลางหันหลังให้โดยไม่ลืมที่จะหันมาย้ำกับชายหนุ่มอีกครั้ง
“อย่าลืมสัญญาของเราล่ะ...” แต่ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะได้เดินไปไหนเสียงทุ้มต่ำของคนรักก็เรียกให้ขาสองข้างต้องหยุดชะงัก
“เฮ้...ยูชอน!!~” ยุนโฮเดินมาพร้อมจุนซู เรียกชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าห้องแต่งตัว ก่อนจะเดินเข้ามาหาใกล้ๆ แต่แกล้งทำเป็นไม่เห็นแจจุงที่ยืนอยู่ข้างๆ
“นายนี่น้า~ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ยอมบอก ตอนคิดจะไปก็ไปไม่ให้ได้ตั้งตัว...แถมข่าวก็ไม่ยอมส่งมาเลยนะ ไอ้หนูผี กลับมาอีกทีก็เป็นเลขาของบริษัทยักษ์ใหญ่ไปซะแล้ว แถมมีประธานหน้าตาน่ารักน่าทนุถนอมอีกต่างหาก...” ยุนโฮไม่รู้หรอกว่าคนที่เจ้าตัวพูดถึงคือพี่ชายของยูชอน
เพราะยูชอนไม่เคยบอกเพื่อนทั้งสองเลยว่าเขามีพี่ชายและตระกูลเขาทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร... แต่ชายหนุ่มก็เลือกที่จะไม่บอกความจริงออกไป ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน แต่เลือกที่จะตอบบทสนทนาที่คนตรงหน้าส่งมาให้มากกว่า...
“ยุนโฮ...นายเล่นถามมาเป็นชุดแบบนี้แล้วจะให้ฉันตอบคำถามไหนก่อนล่ะเจ้าบ้า
”
“ทุกคำแหละ ไอ้หนูปัญญานิ่ม กลับมาก็ไม่บอกให้ฉันนั่งดื่มคนเดียวตั้งนานสองนาน “
”โฮ...กลับมาแทนที่จะยินดีต้อนรับกันสักหน่อย เอาแต่บ่นอยู่ได้ไอ้หน้าหมี...”ร่างสูงสองคนหยอกล้อกันเหมือนเมื่อก่อนโดยมีแจจุงและจุนซูมองอยู่ด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง...
สำหรับจุนซู ที่รู้สึกยินดีในการพบกันอีกครั้งของเพื่อนเก่า ยิ่งได้รู้ว่ายูชอนมาร่วมงานครั้งนี้ด้วยเจ้าตัวก็ยิ่งดีใจใหญ่ โดยไม่รู้เลยว่าใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของยูชอนเก็บความรู้สึกที่มีต่อเขาไว้มากแค่ไหน...
สำหรับแจจุงเสียงตอบรับและใบหน้าของยุนโฮต่างจากที่เขาเคยได้รับโดยสิ้นเชิง บรรยากาศระหว่างยูชอนกับยุนโฮที่ยังคงเต็มไปด้วยมิตรภาพระหว่างเพื่อน แต่คำๆนั้นไม่ได้มีไว้ใช้กับ...คิมแจจุง...
สุดท้ายเด็กหนุ่มก็เป็นฝ่ายทนไม่ไหวซะเอง เลือกที่จะปลีกตัวออกมาก่อนจะต้องเจ็บปวดไปมากกว่านี้ ดวงหน้าสวยมีแววเศร้าแต่ไร้น้ำตา แจจุงกลับไปหาฮันกยองกับชางมินที่รออยู่ไกลจากห้องแต่งตัวไม่มาก เด็กหนุ่มตัดสินใจยิ้มเพื่อไม่ให้ทั้งสองเป็นกังวล แต่ภายใต้รอยยิ้มนั้นการตัดสินใจทำอะไรบางอย่างของแจจุงเริ่มขึ้นแล้ว
แม้สิ่งที่คิดทำจะไม่ได้ทำให้ใครหลายคนมีความสุขเลยก็ตาม...
[คืนวันนั้น]
ณ คอนโดขนาดใหญ่แห่งหนึ่งกลางเมือง
ติ๊ด~...ติ๊ด~
เสียงเตือนข้อความของโทรศัพท์ดังขึ้น มือเรียวเล็กเอื้อมหยิบเจ้าตัวต้นเสียงที่วางอยู่บนโต๊ะมามองด้วยใบหน้างุนงง พลางเปิดอ่านของความที่พออ่านแล้วจุนซูแทบอยากคว้างโทรศัพท์ทิ้ง ชื่อลงท้ายที่คนทั่วไปคงไม่รู้ แต่คนอย่างเขารู้ดีว่าใครเป็นคนส่งมา
=== === === === === ===
เขาจะต้องเป็นของฉัน
From
Forgotten Angel
=== === === === === ===
Forgotten Angel นางฟ้าที่ถูกลืมจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคิมแจจุง!!!~
จุนซูได้แต่กดลบข้อความทิ้งและคว้างโทรศัพท์ลงบนเตียงระบายอารมณ์ ท่าทางชีวิตของคิมจุนซูคงจะไม่ได้สุขสบายเหมือนอย่างที่ผ่านมาซะแล้ว...
ในอีกด้านหนึ่ง
ณ คฤหาสน์ตระกูลคิม
มือเรียวปิดโทรศัพท์เครื่องบางลงพลางใช้ความคิด ข้อความที่ส่งไปเด็กหนุ่มรู้ดีว่าคงจะทำให้คนร่างเล็กที่ได้รับนั่นร้อนรนขนาดไหน และก็แน่ใจว่าจุนซูต้องเดาออกว่าใครเป็นเจ้าของข้อความนั้น ถึงจะรู้ว่าไม่ดีแต่เขาก็ตัดสินใจทำไปแล้ว
...เพราะความเป็นจริงวันนี้ทุกอย่างมันทำให้เขาเจ็บ...
...การที่เขากลายเป็นคนโง่ที่สุด มันเจ็บลึก ปวดร้าวเสียจนไม่อาจทำใจได้...
...ทั้งที่เคยเป็นเพื่อนกัน แต่กลับทำกันได้ถึงขนาดนี้ เคยคิดถึงใจกันบ้างมั้ยว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร...
...เคยคิดอยากจะรู้บ้างมั้ยว่าเขารู้สึกยังไง ที่ได้ออกมาจากนรกนั่น แต่กลับเจอคำถามว่า จะกลับมาทำไม...
...ได้ ในเมื่อเกลียดเขา และไม่เห็นเขาเป็นเพื่อนอีกแล้ว ต่อจากนี้ไปหากเขาจะทำอะไร จะหาว่าเขาใจร้ายไม่ได้นะ...
“ไม่นานหรอกยุนโฮ ฉันจะแย่งนายกลับคืนมา...” เสียงหวานเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ดวงตาคู่สวยเหลือบมองกรอบรูปที่เป็นรูปของพวกเขา 4 คนถ่ายด้วยกัน... อดีตที่คงไม่มีวันหวนกลับมาอีกแล้ว...
To Be Con
เย้!!~ มาต่อแล้วน้า
ในที่สุดก็เกือบจะรีไรท์เสร็จแล้ว อีกไม่นานก็จะได้ลงตอนใหม่สักทีสุขใจจริงเรา 55+
ไปปั่นต่อดีกว่า
ปล. ถ้ามีตรงไหนไม่เข้าใจ หรืออ่านแล้ว งง
เม้นต์ถามได้เพราะรีบมากๆอาจจะพิมพ์อะไรตกหล่นไปเลยไม่เข้าใจก็ได้
แค่นี้แหละจ้า บ๊าย~
-
- +
+-b
g-น่า
รัก
ความคิดเห็น