คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 5 - What do you want from love?
Hey you! คุณชายไฮโซกับนายจิ๊กโก๋บ้านนอก!
เคยเห็นไก่หงอยไหมครับ?
ถ้าไม่เคยก็มองผมไว้ ผมเป็นตัวอย่างที่ดีเลยล่ะตอนนี้...
หลังจากที่สมองผมมีคำว่า “ซีวอนมีแฟนแล้ว แล้ว แล้ว แล้ว....” เป็นเอคโค่วิ่งปั่นป่วนสมองไปมา ซีรีบรัมผมก็เหมือนจะหยุดการทำงานกะทันหัน ผมนั่งหน้าเอ๋อ ตาลอยคว้างมองเพดานว่างเปล่า กอดเจ้าฮยอกกี้เน่าๆ แล้วขดตัวอยู่สุดมุมของโซฟาในห้องของเยซอง(ผมนั่งห้องผมไม่ได้หรอก เดี๋ยวซีวอนจับได้)
“เป็นอะไร?” น้ำเสียงทุ้มนุ่มของคิบอมเปรยขึ้นก่อนปลายนิ้วเย็นเฉียบจะแตะแก้มผมเบาๆ ผมสะดุ้ง หันขวับ มองเจ้าของคำพูดที่ทำหน้าเรียบเฉยก่อนจะยื่นไอศกรีมสคูปใหญ่มาให้ “กินซะจะได้อารมณ์ดี”
ผมรับมาก่อนจะเหวี่ยงฮยอกกี้ไปข้างๆ แล้วคว้าถ้วยไอติมใหญ่ยักษ์มากอดแทน “ขอบใจ” ผมเอ่ยตอบหงอยๆ ก่อนจะยัดไอติมก้อนเท่าควายเข้าปาก
“ค่อยๆ กินก็ได้ ไม่มีใครแย่งหรอกน่า” คิบอมเอ่ยกลั้วหัวเราะ ก่อนจะหันกลับไปให้ความสนใจกับเกมส์ที่เล่นค้างอยู่อีกครั้ง
ผมลอบมองเสี้ยวหน้าของคิบอมที่กำลังจดจ้องหน้าจอโทรทัศน์ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก จะเรียกว่าทั้งขอบคุณทั้งหงุดหงิดก็ได้...ผมไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองรู้สึกยังไง แต่ตอนนี้ที่ผมกำลังสับสน ...การที่มีใครอยู่ข้างๆ แม้จะไม่ได้พูดอะไรมันก็รู้สึกดีเหลือเกิน(...ตอนแรกมันก็ไม่ค่อยดีแต่ต้องยกความดีความชอบให้ไอศกรีม ไม่งั้นผมคงคิดว่าตัวเองนั่งหลอนอยู่กับหุ่นผีสิงที่ทำเป็นแค่ไล่ฆ่าซอมบี้ในจอทีวี)
ผมคิดว่าคิบอมสงสัยนะว่าผมเป็นอะไร ใครจะไม่สงสัยล่ะถ้าอยู่ๆ มีคนกอดตุ๊กตาเน่าๆ มายืนตาแดงอยู่หน้าห้อง พอเข้ามาได้ก็ต้มรามยอนแล้วซัดเอาๆ เหมือนอดข้าวมา 7 วัน แถมพอกินเสร็จก็นั่งเป็นตัวตายซากอยู่บนโซฟา ...โชคดีของผมที่ทั้งชินดงและเยซองนอนหลับไปแล้ว แถมคิบอมก็ไม่ใช่คนเซ้าซี้ ไม่งั้นผมคงไม่รู้ว่าจะตอบคำถามยังไง
“ถ้าไม่อยากกลับห้อง นายจะนอนที่นี่ก็ได้นะ” คิบอมที่คงง่วงเต็มทีเอ่ยบอกผม ผมเพิ่งสังเกตว่าไฟทีวีดับไปแล้ว เหลือแต่คิบอมที่มองผมนิ่งๆ ด้วยใบหน้าที่เดาความรู้สึกไม่ออก “ว่าไง?”
ผมนิ่ง...ใจจริงผมก็ไม่อยากรบกวนแต่ผมไม่พร้อมจะกลับไปเผชิญหน้ากับซีวอนทั้งๆ ที่ความรู้สึกตัวเองเหมือนระเบิดที่พร้อมจะทำงานแบบนี้ มันไม่ใช่ความผิดของซีวอนหรอกผมรู้ แต่ก็ไม่ใช่ความผิดของผมเหมือนกันที่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขา
ผมเงยหน้ามองคิบอม ...ใบหน้าของหมอนั่นเรียบนิ่ง หากรอยยิ้มน้อยๆ กลับค่อยๆ ผุดพรายขึ้นมาบนเรียวปาก “อยากจะพูดอะไรก็พูดมาสิ” พูดพลางก็เอื้อมมือมาขยี้หัวของผม สัมผัสนั้นทำให้ผมรู้สึกดี เริ่มเข้าใจความรู้สึกที่เจ้าหมาแถวบ้านมันครางหงิงๆ ตอนผมลูบหัว
“นี่...คิบอม นายมีแฟนรึยัง?” ผมทำเป็นเล่นตัวหลบฝ่ามือที่ขยี้หัวผมอย่างนึกสนุก หมอนั่นยอมชักมือกลับไป รอยยิ้มนุ่มๆ ขยายกว้างขึ้นมาอีกนิด
“ยัง” ...อืม ผมจะจำเอาไปบอกดงเฮ จะเรียกเก็บเงินค่าข่าวสักแสนวอน
“แล้ว...นายเคยชอบใครมั้ย?” ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมพูดแบบนี้ อาจจะเป็นรอยยิ้มนั้นก็ได้ หรือไม่ก็เพราะบรรยากาศมันพาไป
คิบอมยิ้มจนตาหยี คว้าเจ้าฮยอกกี้ออกไปจากมือผมก่อนจะเอาไปกอดเล่น “ตอนนี้ยัง...แต่กำลังคิดอยู่ว่าจะชอบดีหรือเปล่า...”
ของแบบนี้คิดได้ด้วยเหรอ...?
ผมค้อนใส่คิบอมโทษฐานคำตอบไม่ถูกใจ หมอนั่นหัวเราะร่า โคลงหัวผมไปมาเหมือนเล่นกับเด็ก “เป็นอะไร...ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า นอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”
ความเป็นห่วงเจือมาในน้ำเสียงนั้นจางๆ ...ความรู้สึกของผมตื้อตัน...ปิดเปลือกตาลงช้าๆ ซึมซาบความอ่อนโยนจากฝ่ามือที่ถ่ายทอดลงมาอย่างยินยอมพร้อมใจ
“นี่...คิบอม” อาจจะเป็นเพราะผมอยากได้คำตอบ หรืออาจจะเป็นเพราะผมไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปแล้วก็ได้... “ถ้าเกิดว่านายชอบใครสักคน แล้วคนๆ นั้นมีแฟนแล้ว นายจะทำยังไงต่อไปเหรอ?”
คิบอมชะงัก ประกายตาของหมอนั่นเป็นประกายคำถามเพียงวูบเดียวก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยน และคำตอบที่ได้รับ...ทำให้ผมตัดสินใจจะหาคำตอบให้หัวใจอีกสักครั้ง
“ลองถามตัวนายเองดีกว่า...ว่าต้องการอะไรจากความรักกันแน่”
¢¢¢~~Mr.Choi and Crazy chick~~¢¢¢
ผมมองซากข้าวผัดที่นอนตายอยู่ในถังขยะอย่างปลงสังเวชตัวเองในใจ แต่ผมก็ทำดีที่สุดได้แค่นี้ ตอนแรกที่ผมทำข้าวต้มมันแย่กว่านี้อีก เพราะทันทีที่ผมชิมคำแรกผมก็จัดการเทมันทิ้งลงชักโครกทันที เทให้หมาผมว่าหมามันก็คงไม่กินหรอก แต่ไม่เป็นไร...ผมพยายามปลอบใจตัวเอง หัดทำครั้งแรกออกมาแย่ก็ไม่เป็นไร
วันนี้ผมตื่นแต่เช้ามาหัดทำอาหาร คิดแล้วก็หงุดหงิดจนต้องกระแทกหนังสือคู่มือทำอาหารใส่ลิ้นชักอย่างใส่อารมณ์ ไหนในหนังสือมันบอกว่าง่ายไง? ทำไมผมทำออกมารสชาติมันห่วยบรรลัยโลกได้ขนาดนั้น!
ผมขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิดก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วก้าวฉับๆ ออกไปจากห้อง ผมหาวหวอด มองเวลาที่นาฬิกาชี้บอกแล้วก็ง่วงขึ้นอีกสามระดับ...แต่ไม่เป็นปัญหา เพราะปัญหาใหญ่ของผมตอนนี้ทำให้เรื่องอื่นดูเป็นเรื่องเล็กไปหมด
เมื่อคืนหลังจากคุยกับคิบอมผมกลับมานอนที่ห้อง ตอนนั้นมันดึกมากแล้ว ผมคิดว่าซีวอนคงหลับไปแล้วแต่กลับพบว่าหมอนั่นยังไม่นอน ตรงหน้าของหมอนั่นมีกองเอกสารกองเล็กๆ ซีวอนหันมายิ้มให้ผมที่เดินเข้ามาในห้อง เอ่ยขอโทษเบาๆ ก่อนจะบอกว่าเขาต้องเตรียมงานกรรมการนักเรียนตั้งแต่วันแรก หมอนั่นหรี่ไฟลงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยราตรีสวัสดิ์ให้ผมที่ได้แต่รับคำในลำคอ
ซีวอนอ่อนโยนเสมอ...ขนาดกับผมที่เคยคุยกกันไม่กี่คำยังใส่ใจถึงขนาดนี้ ไม่แปลกหรอกที่คนแบบนี้จะมีแฟน
ผมหลับตาแต่สมองกลับตื่นพร้อม ผมรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา ตอนที่ผมได้หลับจริงๆ คงหลังจากผมล้มตัวลงนอนได้ชั่วโมงกว่าซึ่งเป็นตอนที่ซีวอนปิดไฟเตรียมตัวเข้านอน ผมนอนฟังเสียงหายใจของซีวอนในความมืด ...ซีวอนหลับสนิทไปอย่างรวดเร็ว
คงจะเหนื่อยจริงๆ...
ผมถีบจักรยานไปตามทางเดินที่ตรงไปยังอาคารเรียน แสงแดดลอดผ่านซุ้มต้นไม้เป็นลำอ่อนๆ อากาศตอนเช้าสดใส ผมสูดกลิ่นชื้นของใบไม้ต้นหญ้า รู้สึกอบอุ่นเหมือนได้กลับไปอยู่บ้านอีกครั้ง
มินิมาร์ทนั่นได้ของไวเหลือเชื่อ ผมก้มลงมองเจ้าจักรยานสีแดงแปร๊ดของตนเองอย่างสมใจ นับว่าไม่สูญเปล่าที่ผมกัดฟันซื้อเจ้าจักรยานคันนี้มา การปั่นจักรยานกับการนั่งรถโรงเรียนมันให้ความรู้สึกคนละเรื่องกันจริงๆ
ตอนที่ผมมาถึงอาคารเรียนนั้นยังแทบไม่มีนักเรียนมา...ทางสะดวก ผมคิดในใจก่อนจะรีบล็อคจักรยานแล้ววิ่งฉิวเข้าไปในอาคารเรียน หลังจากที่ความพยายามในการทำอาหารเช้าของผมล้มเหลวไม่เป็นท่า ผมก็ตัดสินใจซื้อซุปไก่กับนมแล้วก็ขนมปังชิ้นเล็กๆ มาอย่างละสองชุด...
ผมรีบวิ่งดุ๊กๆ ผ่านประตูหน้า มองซ้ายมองขวาให้แน่ใจว่าไม่มีคนเห็น ก่อนจะ...
หย่อนขนมปัง นมจืด และซุปไก่สกัดใส่ขวดเข้าไปในล็อคเกอร์ของชเวซีวอน
ในขณะที่จะปิดล็อคเกอร์ ผมก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าถ้าเป็นผม...ผมคงไม่ยอมกินของที่ใครก็ไม่รู้ให้มา ผมชั่งใจอยู่ครู่ก่อนจะรีบทรุดตัวลงกับพื้น หยิบกระดาษโน้ตมาเขียนข้อความสั้นๆ แล้วใส่เข้าไปด้วย
ทันทีที่ปฎิบัติภารกิจเสร็จผมก็รีบวิ่งจู๊ดขึ้นห้องเรียนไปอย่างว่องไว ในใจทั้งตื่นเต้นทั้งสับสนกับตัวเองอย่างบอกไม่ถูก ผมทรุดตัวลงตรงขั้นบันได ซุกหน้าร้อนๆ ลงกับเข่าอย่างไม่มีทางเลือก ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำบ้าอะไรอยู่... ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำแบบนี้ทำไม
ไม่รู้สิ...
อาจจะเป็นเพราะใบหน้าเหนื่อยล้าของซีวอนที่ผมเห็นเมื่อคืน หรืออาจะเป็นเพราะกาแฟแก้วเดียวที่เขาทานเป็นมื้อเช้าเมื่อวาน ผมรู้ว่าหลายๆ คนชอบทานแบบนี้ แต่มันไม่ดีต่อสุขภาพ จะหาว่าผมจุ้นจ้านก็ได้...
ผมอาจจะยังตอบคำถามของคิบอมไม่ได้ว่าผมต้องการอะไรจากความรัก...แต่ผมรู้อย่างเดียวตอนนี้
ว่าผมอยากดูแลซีวอน...
¢¢¢~~Mr.Choi and Crazy chick~~¢¢¢
“ฮยอกแจ แหกขี้ตามาทำไมแต่เช้าเนี่ย ไม่รอกันบ้าง!” เยซองเอากระเป๋ากระแทกหัวผมที่นอนหลับคาโต๊ะเรียน ผมสลึมสลือตื่นขึ้นมา มองหน้าเยซองที่มีแววเคืองๆ ปนหงุดหงิดนิดหน่อย “แล้วโทรศัพท์น่ะ ทำไมไม่รับ”
“อืม...ลืมเอาโทรศัพท์มา” ผมขยี้ตาแล้วหาวหวอด ผมยังไม่ค่อยชินกับการพกมือถือเท่าไหร่ ตอนอยู่ที่บ้านผมคุยกันแต่โทรศัพท์บ้านนี่
มองไปรอบๆ ห้องก็เห็นว่านักเรียนในห้องมากันเกือบครบ สมองผมที่ค่อยตื่นพร้อมตวัดกลับมามองชินดงและเยซอง ก่อนจะกระแอมกระไอเล็กน้อย
“แล้ว...นี่พวกนายมากันยังไง?”
“ขี่จักรยานมา มากับพวกคยูฮยอนด้วย เรามีจักรยานกัน 3 คันพอดี แต่กว่าจะลงตัวทะเลาะกันแทบตาย...”
ลงตัว...เดี๋ยวนะ มากับพวกคยูฮยอนคงจะไม่รวมดงเฮกับซีวอนหรอกใช่ไหม?
“ตอนแรกฉันจะให้ดงเฮไปซ้อนชินดง แต่หมอนั่นวีนเกือบตาย ไม่ยอมจะซ้อนคิบอมท่าเดียว คิบอมมันเลยตัดปัญหาโดยการมานั่งซ้อนฉันแทน” เยซองที่เฉลยคำถามในใจผมพูดแบบใส่อารมณ์หน่อยๆ “เราเลยยกจักรยานให้ซีวอนปั่นแล้วให้คยูฮยอนซ้อนท้าย...แต่ดงเฮก็ยังเหวี่ยง ใส่ชินดงอยู่ดี”
ประโยคสุดท้ายไม่ได้เข้าหัวผมเลยสักนิด ผมจับใจความได้แต่...คยูฮยอนซ้อนซีวอน... กร้าซซซซซซซ ทำไมผมพลาดอีกแล้ว! รู้งี้ผมยอมเมื่อยอีกรอบปั่นจักรยานกลับไปรับซีวอนดีกว่า ฮือๆๆๆๆ แค่จินตนาการว่ามีสุดหล่อซ้อนท้ายให้ผมปั่นขึ้นเขาเอเวอเรสต์ผมก็ยอม!
นี่มันฟิควอนฮยอกไม่ใช่วอนคยูนะ! ผมต้องได้ซ้อนท้ายซีวอนสิ ไม่งั้นผมยอมเสียเปรียบนิดหน่อย ให้ซีวอนซ้อนท้ายก็ยังดี!!
ผมคงจะแสดงออกทางสีหน้ามากไปหน่อย เยซองถึงได้ขมวดคิ้ว ก่อนจะถามผมด้วยคำถามที่ผมอยากประเคนให้สักหมัด “นายทำหน้าเหมือน...หึง”
“สันนิษฐานมั่วซั่วระวังนายจะมีรอยเท้าบนหน้านะเยซอง” ผมสวนกลับ ชิ! หึงบ้าหึงบออะไร เอาอะไรที่ไหนมาพูด!
“ฮ่าๆๆ ล้อเล่นหรอกน่า” ...ไม่ฮาโว้ย ไม่ฮา!
ช่วงเวลาคาบเช้าผ่านไปอย่างเชื่องช้า ผมโดนคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษจู่โจมจนมึนงงพูดไม่ออก ผมไล่สายตามองตัวอักษรตัวแรกที่อาจารย์เขียนก่อนจะไล่ไปถึงตัวสุดท้าย ...แล้วกระพริบตาปริบๆ
“เอาล่ะพอแค่นี้ ใครมีอะไรสงสัยไหม?” สัญญาณจบคาบเรียนดังขึ้น ผมนิ่งงัน ผมว่าผมไม่เข้าใจนะ...แต่ไม่รู้จะถามอะไรเพราะผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไม่เข้าใจตรงไหน แต่ถ้าถามว่าเข้าใจตรงไหนบ้าง ผมก็ตอบได้ทันทีว่าผมเข้าว่ากำลังเรียนภาษาอังฤษอยู่อย่างเดียวเนี่ยแหละ
“ฮยอกแจ ไปกินข้าวเหอะ” ชินดงฮีเคาะโตะเรียกสติที่กระจัดกระจายของผมให้กลับเข้าที่ ผมพยักหน้ามึนๆ หน้าตาเหมือนคนโดนต่อยจนเห็นดาว
“นี่...ทำไมฉันเรียนไม่รู้เรื่องเลยวะ” ผมรำพึงกับตัวเอง เยซองเลิ่กคิ้ว
“พูดเป็นเล่น นี่มันง่ายออก อาจารย์แค่ทบทวนของ ม.ต้น เองนะฮยอกแจ”
ตายห่า...หายนะบังเกิดกับผมแล้วแน่ๆ
ผมเดินออกจากห้องเรียนด้วยสติที่ลอยล่อง เยซองจูงผมเหมือนจูงหมา ผมเดินตามต๊อกๆ สมองเริ่มเครียดไปถึงผลการเรียนในอนาคต แม้ภายนอกผมจะดูเกเรแต่ผมไม่ใช่คนที่ไม่ใส่ใจการเรียน ...แค่จินตนาการว่าผมสอบได้คะแนนเกือบศูนย์ ผมก็อยากจะเป็นลมขึ้นมาจับใจ
“เฮ้ย คิบอม ไปกินข้าวกัน!”
ผมชะงักกึก...
“ซีวอน ไปกินข้าวด้วยกันสิ!” ผมมองข้ามหัวคิบอมไปตะโกนเรียกสุดหล่อด้วยน้ำเสียงสดใส ร่าเริง และลวงโลก ตัดสินใจปล่อยเกาะเรื่องการเรียนไปก่อนอย่างสิ้นเชิง
ซีวอนเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะเรียน ท่าทางเบลอๆ ง่วงๆ ...ชัดเจนเลยว่าเพิ่งตื่น สงสัยจะแอบนอนในห้องเรียน ผมมองท่าทางขยี้ตาของคุณชายชเวอย่างเคลิบเคลิ้มเหมือนโดนมนต์ดำ น่ารักกระแทกใจชะมัด!
โอ๊ย! ผมโดน heart attack!!
“ซีวอน...ไปไหม” คิบอมถามแทรก ผมเหลือบตามองอย่างไม่สบอารมณ์กับการใกล้ชิดสนิทสนมเกินหน้าเกินตา ชิ! เรียนด้วยกันวันเดียวอย่ามาทำเป็นสนิทนะโว้ยยย!!!
ซีวอนไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากใต้เก๊ะ...ผมมองขวดนม ขนมปัง และซุปไก่ที่วางเรียงเป็นตับด้วยหัวใจตุ้มๆ ต่อมๆ
“เมื่อเช้า มีคน เอาไปวางไว้ในล้อคเกอร์ของซีวอน” คิบอมพูด แถมมาพูดใกล้ๆ ผมซะอีก
ผมทำหน้าตาย แถมใส่เอฟเฟคเสริมด้วยการทำหน้างงเพิ่มเติม “ใคร?”
“ไม่รู้...” แต่หน้ามึงเขียนใหญ่เป้งๆ เลยนะ ว่ามึงรู้ว่าเป็นใคร ไอ้คิบอม!
เนื่องจากผมเป็นคนหล่อที่ฉลาด... คิบอมมันเล่นทำหน้าตารู้ทันซะขนาดนี้ ผมไม่รู้ทันอีกก็บริโภคหญ้าได้แล้ว...แต่ผมจะเนียนซะอย่างใครจะทำไม?
“มีโน้ตอะไรรึเปล่าซีวอน?” ผมขมวดคิ้ว ทำหน้าจริงใจใสซื่อใส่ความน่ารักเข้าไปเพิ่มอีกนิดหน่อยเพื่อเรียกเรทติ้ง ซีวอนล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าก่อนจะยื่นให้ผม
“โห... ‘พยายามเข้านะ’ จาก...อึนฮยอก...ไอ้คนให้มันต้องอ่านการ์ตูนตาหวานมากไปแน่ๆ” ชินดงสอดปากพลางหัวเราะคิกคัก
“เสน่ห์แรงจริงๆ ซีวอน ไม่กี่วันก็มีสาวมาปลื้มแล้ว”
ซีวอนยิ้มแหย “นี่โรงเรียนชายล้วนนะ”
ทุกคนเงียบกริบทันทีกับคำตอบของซีวอน ผมก็เงียบ...มองหน้าลำบากใจของคุณชายชเวแล้วรู้สึกแย่อย่างไรชอบกล “ของฟรี ไม่เป็นไรหรอก อีกฝ่ายเต็มใจให้นายจะเอาไปทิ้งก็ไม่มีใครว่า” ผมพูดออกมาตรงๆ คิบอมมองหน้าผมแว่บหนึ่งก่อนจะเลยผ่านไป
แต่ผมรับได้...ผมทำใจไว้อยู่แล้ว ถ้าเป็นผมได้รับอะไรแบบนี้ผมก็คงไม่...
“คนให้เสียใจตาย ไม่เป็นไรหรอก” ซีวอนยิ้ม ก่อนจะเปิดขวดซุปไก่แล้วยกขึ้นดื่ม
ผมได้แต่มองตาค้าง ปลื้มใจจนพูดอะไรไม่ออก แก้มร้อนขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ “แต่ฉันไม่ชอบกินนม...”
คิบอมคว้านมกล่องขึ้นมาอย่างไม่พูดอะไรมาก หมอนั่นโยนขนมปังให้ผม ก่อนจะยิ้มมีเลศนัย “ไปกินข้าวกันเถอะ”
พูดจบคิบอมก็คว้าผมเดินออกไปจากห้อง หมอนั่นลากผมไกลออกมาจากกลุ่ม ก่อนจะพูดด้วยเสียงแผ่วๆ แต่เรียกให้ผมร้อนผ่าวไปทั้งหน้า “ซีวอนไม่ชอบนม จำไว้ให้ดีนะ...อึนฮยอก”
ผมเขี่ยบอลเล่นอย่างคนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เสียงรุ่นพี่คังอินตะโกนด่าผมปาวๆ มาจากกลางสนามกระตุ้นให้ผมใส่แรงลงไปเพิ่มอีก 0.1 เปอร์เซ็นต์
“เฮ้ย ฮยอกแจ มีแก่ใจจะเล่นไหมเนี่ย!” เยซองกระทุ้งศอกใส่ผมเบาๆ ผมเบ้หน้า
“วันนี้ไม่ค่อยมี” ผมตอบตามตรง ใจลอยไปถึงไหนต่อไหน...
คิบอมรู้แล้ว...แม้ผมจะทำหน้า กูไม่แคร์ แต่จริงๆ แล้วผมกังวลมาก ใครจะไปรู้ว่าคิบอมจะเอาเรื่องผมไปพูดรึเปล่า แม้จากที่รู้จักกันมา คิมคิบอมไม่ใช่คนพูดมาก แต่เท่าที่รู้คือผมรู้จักกันมาแค่ไม่ถึงอาทิตย์ มันเป้นเวลาที่น้อยเกินไปกว่าจะทำความรู้จักใครได้อย่างจริงๆ จังๆ
สงสัยคืนนี้คงต้องพูดกันให้รู้เรื่อง...
“อ้าว...ซีวอนนนน วู้ๆ”
เสียงแหกปากของเยซองเรียกให้ผมหันขวับ มองไปตามสายตาของเยซองก็ปะทะกับใบหน้าหล่อเหลาที่มองลงมาจากหน้าต่างชั้นสาม ซีวอนคลี่ยิ้ม ก่อนจะโบกมือให้อย่างอารมณ์ดี
ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะแม้ตอนนี้ซีวอนจะกลับไปก้มหน้าก้มตาทำอะไรอื่นแล้วไม่หันลงมามอง ได้ข่าวว่าตอนเย็นซีวอนจะต้องไปทำงานกรรมการ งั้นห้องนั้นก็ต้องเป็นห้องกรรมการนักเรียนน่ะสิ...
“เฮ้ย! ซ้อมว้อยยยย เยซองงง” ผมยิ้มตาหยี ให้ตายเถอะ...พระเจ้าประทานโอกาสให้ผมชัดๆ ยี่แหละเป็นโอกาสดีที่ผมจะได้โชว์ความแมนสุดขั้วปอดให้ชเวซีวอนเห็น ดีนะที่วันนี้เล่นบอลไม่ได้เล่นค้ำถ่อ กีฬาที่เล่นแล้วหล่อแบบนี้กระชากเรทติ้งได้ล้นเหลือแน่ๆ
หลังจากนั้นผมก็ซ้อมเตะบอลด้วยพลังงานล้นเหลือ รุ่นพี่คังอินที่ตอนแรกหน้าหงิกงอ มองผมเหมือนจะฆ่าให้ตายก็หัวเราะอย่างถูกใจ ตบหัวตบไหล่ผมอย่างถูกคอตอนเล่นกันเป็นทีม โชคดีที่ผมไอ้จุนซูมันบ้าเล่นบอลมาตั้งแต่เริ่มหัดวิ่งเป็น ในหมู่บ้านที่ประชากรเด็กน้อยแสนน้อย ผมเลยต้องบ้าบอลตามมันไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ และด้วยความที่ผมเป็นนักเลงคุมหมู่บ้าน(ซึ่งในตอนนั้นคุมตั้งแต่เด็กวัยเดียวกันยันโตกว่า)...ถ้าผมบอกว่าต้องเล่นบอล จะไม่มีใครกล้าบอกว่าจะเป่ากบเป็นอันขาด
กว่าจะเลิกชมรมแต่ละคนก็หอบฮั่กหมดสภาพกันไปเป็นแถบ จริงๆ แล้วผมเหนื่อยจนแทบรากเลือด แต่เมื่อเงยหน้ามองเห็นชเวซีวอนกำลังมองลงมา ผมเลยต้องทำเป็นคึกคักแล้วกำมือชูขึ้นสูงให้เป็นกำลังใจ
ผมมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องลอคเกอร์ด้วยความเร็วสูง ผมวิ่งไปที่จักรยานตัวเองก่อนจะเลาะโซ่ออกด้วยความรวดเร็ว ไม่นานนักเยซองที่หน้าตาเหนื่อยเหมือนรบกับโจรเดินมาสมทบกับผมอย่างโสลเสล
“กลับกันเหอะฮยอกแจ” หมอนั่นพูดจบก็ก้มลงมองผมที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดมองจักรยานตัวเองอย่างสงสัย “จักรยานเป็นอะไร?”
“โซ่หลุดน่ะ” เยซองทำหน้างง ฮ่าๆ ผมเดาไม่ผิด คุณชายอย่างเยซองไม่เข้าใจจริงๆ ว่าจักรยานโซ่หลุดน่ะหมายถึงอะไร
“มัน...เสียเหรอ”
มันเสียจริงๆ นั่นล่ะ แต่สามารถแก้ได้อย่างง่ายดาย แต่ผมไม่บอกหรอก “ใช่...นายกลับไปก่อนเหอะ เดี๋ยวฉันซ่อมแปปเดียว”
“ทิ้งไว้นี่ก่อนก็ได้มั้ง...กลับไปกับฉันก็ได้”
“ไม่เป็นไร กลับไปก่อน” อุวะ! ดื้อจริง!
ผมทำเป็นมองโซ่จักรยานด้วยความหงุดหงิด ใส่ๆ ถอดๆ ทำเสียงก๊อกแก๊ก เยซองก็ไม่ยอมจรลีไปเสียที แถมฟ้าก็เริ่มมืด...ยิ่งทำให้การถอดๆ ใส่ๆ โซ่จักรยานกลายเป็นยากขึ้นมาจริงๆ
โธ่....ซีวอน ออกมาเร็วๆ เถอะT^T
“ทำอะไรกันน่ะ...”
มาแล้ว...แต่ขอโทษเถอะ คนที่มาไม่ใช่เป้าหมายแต่เป็นสองคนสุดท้ายที่ผมอยากจะเจอ อีดงเฮกอดอกหน้าบึ้งมองผมที่ก้มหน้าก้มตามองจักรยาน
“ฮยอกแจจักรยานเสียน่ะ”
“เสีย?” คิมคิบอมก้มลงมองผมที่อ้าแขนกว้างปกป้องจักรยานจากสายตาสุดชีวิต
“กลับกันไปก่อนเหอะน่า ฉันดูแลตัวเองได้!” ผมตวาดเบี่ยงประเด็นทันทีแล้วผุดลุกขึ้น ดวงตาของคิบอมเป็นประกายวาววามแม้จะหุบปากสนิท
“ซื้อใหม่ก็ได้....” วิธีแก้ปัญหาของอีดงเฮแสลงหูเหลือใจ คิดว่าจักรยานคันละร้อยวอนรึไงครับ?
“คุณหนูอี...จักรยานเสียนิดเดียวคุณซื้อใหม่เลยเหรอครับ?” ผมสอดปากอย่างอดไม่ได้
อีดงเฮเลิ่กคิ้ว หน้าตาเหมือนเหงาปากอยากมีปัญหา “มันเป็นวิธีของคนรวย...บ้านนอกอย่างนายคงไม่เข้าใจสินะ”
โอยยยยย มันจี๊ดดดดดดดดดด!!!
“มาทางไหนไปทางนั้นเลยอีดงเฮ เห็นหน้าแล้วอารมณ์เสียเดี๋ยวพาลจะขี้ไม่ออก”
“แล้วขี้อยู่รึไง?!” อีดงเฮปากคอเลาะร้ายขึ้นกว่าเก่าเสียอีก ผมชักจะโมโหขึ้นมาจริงๆ แล้วนะ!
“ฮ่าๆ พวกนายสนิทกันดีนะ” เสียงหัวเราะทุ้มนุ่มเรียกให้คำด่าของผมเหือดหายไปในลำคอ ผมตวัดมองคนพูดก่อนจะรีบตีหน้าใสซื่อทันควัน
“อ้าว เลิกแล้วเหรอ” ผมทำหน้ามึน แม้ในใจจะลิงโลดร้องฮูเร่เสียงดังลั่น
ซีวอนยิ้มตอบ ผมเกือบละลายลงไปกองกับพื้น
“มายืนทำอะไรกันตรงนี้ล่ะ?”
“ฮยอกแจจักรยานเสียน่ะ” เยซองเสียงกังวลก้มลงมองจักรยานของผมที่ตอนนี้ปกติดีทุกอย่าง(เพราะผมใส่โซ่ไปเรียบร้อย แค่ทำเป็นจ้องล้อไปอย่างนั้น) “ฉันก็ซ่อมไม่เป็นเสียด้วย”
“โอยยย ฉันซ่อมเป็น ก็บอกว่าให้พวกนายกลับไปก่อน ห่วงไม่เข้าเรื่อง”
“ทิ้งไว้นี่ก่อนสิ พรุ่งนี้ค่อยเรียกช่างมาซ่อม” ซีวอนเสนอ แต่เหอ คุณชาย...จักรยานเสียแค่นี้เรียกช่างมาซ่อมเลยเหรอครับ ไม่ได้รถเบนซ์เสียนะเข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า ...แต่ผมไม่ว่า ซีวอนใจดีขนาดนี้ใครจะกล้าว่าลง
ผมยิ้มหวานให้ซีวอนแล้วก้มลงมองจักรยาน ทำเป็นเคาะแก๊งๆ ไปงั้นๆ ลูบตัวรถสามทีแล้วเอามือเคาะโซ่อีกรอบก่อนจะขึ้นคร่อม “อ๊ะ! ใช้ได้แล้ว”
โกหกตัวพ่อไม่มีใครเก่งไปกว่าอีฮยอกแจ ผมเห็นคิมคิบอมก้มลงไปกลั้นหัวเราะวูบหนึ่งแต่ไม่ใส่ใจ...เอาไว้ก่อน ผมกับคิบอมมีเคลียร์กันนอกรอบ
“ถ้าเจอเพื่อนแล้วงั้นพี่ไปก่อนนะซีวอน”
ผมเพิ่งสังเกตว่าด้านหลังของซีอวนมีรุ่นพี่สามคนยืนประคองจักรยานอยู่ รุ่นพี่คนแรกตาหวานเจี๊ยบ จำได้ว่าเป็นประธานนักเรียน(แต่จำชื่อไม่ได้) ส่วนอีกคนคือรุ่นพี่ฮีซอลที่นั่งหน้าง่วง ซ้อนท้ายรุ่นพี่หน้าจีนๆ อีกคนที่จำได้ว่าเป็นรองประธาน
“งั้นพี่ไปก่อนนะซีวอน”
“โชคดีครับพี่จองซู” ว่าแล้วทั้งสามก็ปั่นจักรยานผ่านไปทิ้งให้พวกผมทั้งห้าคนยืนส่งโบกมือหยอยๆ
นี่เป็นโอกาสชั้นเยี่ยม...
“นายกลับกับฉันสิซีวอน” ผมเสนออย่างรวดเร็ว จักรยานสา มคันกับคนห้าคน ดงเฮคงซ้อนคิบอมแน่ๆ เหลือแต่ซีวอนที่ผมไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือ
“งั้นฉันปั่นเอง นายตัวเล็กนิดเดียว เดี๋ยวจักรยานคว่ำ”
“เอางั้นเหรอ” ผมเล่นตัวอีกพอเป็นพิธีก่อนจะยอมลงมาแต่โดยดี
แล้วขบวนกลับบ้านก็เคลื่อนตัวไป ผมยิ้มแก้มปริ หัวใจเต้นแรงเหมือนจะกระดอนออกจากปาก ซีวอนคอยกังวลเป็นระยะว่าจะทำจักรยานล้ม ความเป็นคนดีมีออร่าพุ่งออกมาจากตัวเหมือนลำแสงอุลตร้าแมน
ใครจะบอกว่าผมมารยาก็ช่างเถอะ...ถ้ามารยาแล้วได้ผมคุเมค่าแบบนี้ผมจะมารยามันทุกวันเลย
TBC
ไม่มีอะไรจะแก้ตัว-*-
ขออภัยที่มาช้า ยังมีคนรออ่านอยู่รึเปล่าคะเนี่ยT^T
ทอล์คตอนท้ายไม่รู้จะพูดอะไร เอาเป็นว่าแฟนชเวใจเย็นนะจ้ะ บทชเวจะค่อยๆเพิ่มขึ้นๆ และฮยอกก็จะรั่วขึ้นไปอีก(ยังได้อีกเหรอ?)
คำเตือน เรื่องนี้อย่าเชื่อใครง่ายๆ เพราะเป็นการบรรยายจากมุมมองคุณอีฮยอกแจเพียงฝ่ายเดียว บางที คนที่บอกว่าไม่รู้อาจจะรู้ คนที่บอกว่ารู้อาจจะไม่รู้หรืออาจจะรู้จริงๆก็ได้ ใครจะไปรู้^^
| ||||
| ||||
Name : g_grabb< My.iD > [ IP : 110.164.131.237 ] |
| ||||
| ||||
Name : BetterTogether< My.iD > [ IP : 203.130.138.66 ] |
| ||||
| ||||
Name : BetterTogether< My.iD > [ IP : 203.130.138.66 ] |
| ||||
| ||||
Name : Chicky_love< My.iD > [ IP : 125.26.252.193 ] |
| ||||
| ||||
Name : ยัยทะเลเรียกพี่< My.iD > [ IP : 58.8.252.96 ] |
| ||||
| ||||
Name : fragile_21< My.iD > [ IP : 124.122.30.29 ] |
| ||||
| ||||
Name : PiNokChiO< My.iD > [ IP : 202.28.68.202 ] |
| ||||
| ||||
Name : tamarine [ IP : 137.205.109.10 ] |
| ||||
| ||||
Name : kyo* [ IP : 112.143.6.104 ] |
| ||||
| ||||
Name : SumMer Cool [ IP : 115.87.132.201 ] |
| ||||
| ||||
Name : กูไม่รู้...กูเมา< My.iD > [ IP : 183.89.51.6 ] |
ความคิดเห็น