คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : >>> 07
*~Timeless Love~*
...Lucia...
เช้าวันรุ่งขึ้น.ในอีก 2 วันต่อมา
[ณ คฤหาสน์ตระกูลชอย...]
กริ๊งๆๆๆๆๆ~~~~~
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นอย่างต่อเนื่องสร้างความรำคาญให้กับร่างสูงที่กำลังหลับสบายนั้นอย่างมาก มือหนาเอื้อมไปมาคว้านหาต้นตอเสียงเพื่อจะปิดมัน แต่เพราะความง่วงหรืออะไรก็แล้วแต่แทนที่จะปิดกลายเป็นการปัดมันตกลงกับพื้นห้องไป... แต่ถ้ามันทำให้เสียงหนวกหูเงียบลงได้ แค่นั้นมันก็พอแล้วสำหรับคนบนเตียง...
แต่!!!~
นั้นไม่ใช่กับชางมินที่นอนอยู่ด้านข้างที่ลุกขึ้นมามองร่างสูงด้วยสายตาขุ่นมัว... มือเรียวผลักร่างสูงจากเบาๆแล้วแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อไม่มีทีท่าว่าร่างสูงจะรู้สึกตัวเลยสักนิด...
"ซีวอน...ซีวอนตื่นได้แล้ว เช้าแล้วนะ...ไม่ไปทำงานเหรอ?" เสียงนุ่มเอ่ยถามแต่คนตื่นยากก็ยังไม่ยอมลุกอยู่ดี เด็กหนุ่มเริ่มหัวเสียมากขึ้น...
"นี่!!~ ซีวอน!!~ ฉันบอกให้นายตื่นไง ตื่นเดี๋ยวนี้น้า!!~ " เสียงตะโกนความดังผนังห้องเกือบร้าว แต่ทว่าคนที่ถูกปลุกกลับไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งนั้นยังนอนกรนต่อไปได้อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย... หารู้ไม่ว่าระเบิดกำลังจะลง!!!~
"ซีวอน!!!~ ตื่นเดี๋ยวนี้น้า~~~~~~" คราวนี้ไม่ใช่แค่เสียงแต่ชางมินถีบซีวอนจนตกเตียงลงไปเลย ตอนนี้ร่างสูงเองก็ไม่ต่างอะไรกับเจ้านาฬิกาเคราะห์ร้ายเมื่อกี้แล้วล่ะ
"โอ๊ย~~~ มินจ๋าถีบผม ทำไมอ่ะ...?"
มีใครเคยบอกมั้ยคุณไหมว่าคนตอนตื่นนอนใหม่ๆจะติ๊งต๊องเกือบทุกคน ถ้าไม่มี...ชิมชางมินคนนี้แหละจะบอกเองว่าคนหน้าหล่อตื่นนอนมาก็งี่เง่าได้เหมือนกัน!!!~
"มามินจ๋าอะไรกันล่ะ? ไปเลยนะ ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลย?... เร็วๆสิ... " ชางมินไล่ให้ซีวอนกลับไปอาบน้ำ... คฤหาสน์หลังนี้ยังคงเต็มไปด้วยความรักและความสุขเหมือนปกติ แม้จะขาดบอดี้การ์ดคนสำคัญไปหนึ่งคนก็ตาม...
ในขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง
[ณ คฤหาสน์ตระกูลคิม]
แสงอาทิตย์อ่อนๆยามเช้าส่องผ่านรอยแหวกของผ้าม่านเข้ามาในห้อง แพขนตาหนาขยับช้าๆก่อนจะกระพริบถี่ขึ้นเพื่อปรับสายตาให้รับกับแสงยามเช้าได้ ร่างบางบนเตียงใช้มือยันร่างของตัวเองขึ้นนั่ง... พลางมองไปยังความมีชีวิตชีวาของโลกภายนอก เสียงนกร้องเพลงดังขึ้นให้ได้ยินอยู่เรื่อยๆ
ก๊อก...ก๊อก...
"คุณหนูค่ะ ตื่นรึยังเอ่ย...? เช้าแล้วนะค่ะ" เสียงที่เปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นเรียกเด็กหนุ่มในห้องผ่านประตูไม้เนื้อดี ร่างบางด้านในยิ้มบางๆ แล้วส่งเสียงตอบกลับไป... ก่อนจะลุกจากเตียงไปแต่งตัวจนเรียบร้อยแล้วเดินตามบันไดลงไปชั้นล่าง... มีใครคนหนึ่งที่มารอเขาอยู่แล้วหนุ่มแดนมังกรผมสีทองคุ้นตาเจ้าตัวดี
"ฮันกยอง... อรุณสวัสดิ์..." เสียงหวานทักทายบอดี้การ์ดผมทองของตัวเองเบาๆ ชายหนุ่มหันมาส่งยิ้มให้พร้อมกับก้มหัวให้เขา
"อรุณสวัสดิ์ครับคุณหนู... " เสียงทุ้มตอบอย่างนอบน้อม ก่อนจะเงียบไปเพราะเสียงรถที่ดังขึ้นหน้าประตูทำให้ร่างบางหันไปมองโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ... รถยนต์สีดำคันเดิมแล่นเข้ามาจอดในอาณาบริเวณอันกว้างขวางก่อนจะปรากฏร่างของเพื่อนที่สนิทที่สุดและคนรักของเขา
"ไง...แจจุงรอนานแล้วเหรอ?" เสียงทักทายของเพื่อนรักที่เรียกรอยยิ้มบนใบหน้าสวยนั้นได้...
"เปล่าหรอก... ฉันพึ่งลงมาเมื่อกี้นี้เอง" แจจุงยิ้มตอบก่อนจะชวนให้ทั้งสองคนอยู่ทานอาหารเช้าพร้อมกัน...
หลังจากมื้ออาหารเช้าผ่านไป ก็ได้เวลาที่ท่านประธานคนเก่งจะต้องไปบริษัทแล้ว ชางมินที่ถูกคุณชายร้อยล้านลากให้ไปด้วย แต่เจ้าตัวก็ไม่อยากทิ้งเพื่อนไว้ให้อยู่บ้านเหงาๆ เลยชวนแจจุงไปที่บริษัทด้วยกัน... แล้วเด็กหนุ่มก็ตอบตกลง
แม้จะรู้ดีว่าถ้าไปคงต้องเจอยุนโฮกับจุนซูอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็อยากไป...
อยากจะเจอยุนโฮอีกสักครั้ง...
อยากจะถามเหตุผล...
ถึงแม้ว่าเหตุผลนั้นอาจจะทำให้เขาต้องเจ็บปวดก็ตามที...
สาบานได้ว่าแค่แวบเดียวเท่านั้นที่ฮันกยองเห็นแววตาเจ็บปวดของผู้เป็นนาย... แต่มันก็มากพอจะทำให้ชายหนุ่มเป็นกังวลได้แล้ว... ความจริงที่ได้ฟังจากคำบอกเล่าของป้าซอฮุนมันทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดที่ตัวเองไม่สามารถทำหน้าที่อย่างที่เคยสาบานเอาไว้ได้... สาบานที่ว่าจะดูแลและปกป้องด้วยชีวิต...
สำหรับฮันกยองแล้ว แจจุงไม่ได้เป็นเพียงแค่เจ้านายเท่านั้นแต่ยังเป็นทั้งชีวิตและลมหายใจของเขาด้วย เป็นคนที่เขาให้ความสำคัญยิ่งกว่าใคร... ชีวิตของเขายกให้เป็นของแจจุงตั้งแต่วันแรกที่พบกันแล้ว... และเขาจะไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายแจจุงได้อีกเป็นครั้งที่สอง
!!!!
[ณ บริษัท Choi Group]
รถสีดำคันหรูเจ้าเก่าแล่นเข้าจอดบริเวณที่จอดรถ VIPของบริษัทชอยกรุ๊ป ชายหนุ่มร่างสูงเดินลงจากรถด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะส่งยิ้มให้กับพนักงานสาวๆตลอดทางเดินไปห้องประธาน ไม่ได้รู้ถึงสายตาอาฆาตของบุคคลด้านหลังเลยแม้แต่น้อย แจจุงกับบรรดาบอดี้การ์ดทั้งหลายพากันยิ้มบางพลางหัวเราะอยู่ในใจ... ท่าทางวันนี้กลับไปซีวอนคงไม่รอด...
"โฮ้...คุณเจ้านายกว่าจะมาได้นะครับ..." เสียงคังอินลูกน้องคนซื่อ ( แต่กวนตีนเล็กน้อย )ของซีวอนซึ่งเป็นรองประธานบริษัท
"เอ่อน่า...ว่าแต่มีปัญหาอะไรทำไมดูมันวุ่นวายอย่างนี้?" เสียงทุ้มหมายถึงคนในบริษัทที่วิ่งไปมาเหมือนมีเรื่องด่วนเรื่องสำคัญ...
"มีปัญหานะสิ...วันนี้เรามีงานแถลงข่าวเรื่องการร่วมงานกันของทั้งสองบริษัทคือ เรา กับ บริษัทปาร์ค ตามกำหนดการเดิมแล้วทางเราจะมียูโน,ไอ,แล้วก็จุนกิใช่มั้ย?"
"อืม... ได้แล้วไง..."
"ก็จุนกิเบี้ยวไม่มานะสิ นี่ล่ะปัญหาเราจะหาใครมาแทนได้ อีกอย่างประธานของฝ่ายนู้นก็มาแล้วด้วย ฉันไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว รอนายมานี่แหละ..."
บริษัทนู้นที่คังอินว่าก็คือ บริษัทปาร์ค คอเปอเรชั่น ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการบันเทิงยักษ์ใหญ่อีกแห่งหนึ่งของเกาหลี เรียกได้ว่าชื่อเสียงสูสีกับ บริษัทชอย กรุ๊ป เลยทีเดียว
"ใครล่ะที่จะมาแทนจุนกิได้ คิดสิคิดๆ..." ชายหนุ่มยืนหน้าเครียดอยู่เพียงครู่เดียวก็หาทางออกให้ได้... นัยน์ตาคมหันมองเพื่อนคนรัก รุ่นน้องของเขา...
"แจจุงนายช่วยฉันได้มั้ย?" เสียงทุ้มถามเรียบๆแต่ไม่ได้มีแววบังคับเลยแม้แต่น้อย... เด็กหนุ่มเงียบคิดเล็กน้อยก่อนตอบออกไปอย่างมั่นใจ
"ถ้าผมพอจะช่วยพี่ได้ก็ยินดีฮะ..." เด็กหนุ่มตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ซ่อนความเจ็บปวดไว้ข้างใน...
"ยอดมากเลยแจจุง พี่ขอบใจเรามากนะ ถ้างั้นเฮเคียวพาแจจุงไปแต่งตัวด้วยนะ... ฉันคงต้องไปคุยกับประธานบริษัทนู้นเรื่องเปลี่ยนคนนิดหน่อย ชางมินตามฉันมา..."
"แต่ว่า..." เด็กหนุ่มค้างไว้แค่นั้นพลางมองไปยังแจจุงอย่างสื่อความหมายแต่ซีวอนก็เข้าใจได้ในทันที
"ไม่เป็นไรหรอก... แจจุงมีฮันกยองอยู่เป็นเพื่อนแล้วไม่ต้องห่วงนะ ฉันรับรองว่าเขาดูแลแจจุงได้ดีพอๆกับนายแน่นอน... ไปเถอะ..."
"อืม...ก็ได้ งั้นแจจุงเดี๋ยวเจอกันนะ"
"อืม..." ว่าแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป แจจุงตามเฮเคียวสไตลิสต์มือหนึ่งของบริษัทไปแต่งตัวโดยมีฮันกยองตามไปด้วย...
ซีวอนเดินไปที่ห้องประชุม ก่อนจะพบกับชายหนุ่มคนหนึ่งผู้ที่กำลังยืนพิงฝาผนัง พลางมองออกไปยังนอกหน้าต่างอย่างหงอยเหงา แต่ท่าทางที่ดูน่าเกรงขามไปในตัวนั้นซีวอนจึงคิดว่าชายผู้นี้คงจะเป็นปาร์คจองซูเป็นแน่ เขาจึงเริ่มแนะนำตัว...
"สวัสดีครับ ผมชอยซีวอน ประธานของชอยกรุ๊ปครับ... ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ...คุณปาร์คจอง..." ยังไม่ทันที่ซีวอนจะพูดจบ ชายหนุ่มตรงหน้าก็พูดสวนขึ้นมาแทนซะก่อน
"ผมปาร์คยูชอน ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมเป็นน้องชายแล้วก็เลขาของพี่จองซูครับ ตอนนี้เขายังไม่มา ติดธุระที่ไหนสักแห่งอยู่นะครับ ต้องขอโทษจริงๆนะครับ " น้ำเสียงทุ้มพูดอย่างเป็นกันเอง แล้วเขาก็ก้มตัวลงให้ซีวอนอีกครั้ง...
"ไม่เป็นไรครับผมไม่ถือ..." ซีวอนตอบรับพลางนั่งลงใช้ความคิดอย่างเงียบๆ
ตามที่ซีวอนได้ยินมา ประธานของบริษัทปาร์คก็เป็นคนเก่งมากจบการบริหารธุรกิจจากอเมริกาด้วยวัยเพียง 19 ปีแล้วกลับมาบริหารแทนพ่อของตัวเองที่เสียชีวิตไปเพราะโรคหัวใจ เขาทำให้บริษัทปาร์คที่กำลังจะถูกเทคโอเว่อร์จากการถูกโกง ให้กลับมารุ่งเรืองและยิ่งใหญ่อีกครั้งภายในเวลาแค่ 1 ปี...
ซีวอนจึงคิดว่าปาร์คจองซูน่าจะเป็นผู้ชายที่เก่ง,เข้มแข็ง,เด็ดขาด อาจจะหยิ่งๆ และดูเป็นลูกคุณหนูด้วย ยิ่งดูจากน้องชายอย่างยูชอนแล้วก็ไม่น่าพลาด แต่ความเป็นจริงที่เห็นกลับตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง... ปลายผมสีน้ำตาลอ่อนชี้ไปมาจากการวิ่งอย่างไม่ลืมหูลืมตาของเจ้าของร่าง ใบหน้าเรียวหวานรูปไข่ และนัยน์ตาคู่สวยทำเอาซีวอนชะงักไปในทันที...
"พี่จองซู ทำไมมาช้าจังเลยล่ะฮะ?" เสียงยูชอนถามพี่ชายตัวเองที่ยืนโดยใช้มือค้ำยันกำแพงพยุงตัวเอาไว้...
"โทษทีพอดีพี่มัวแต่...." ก่อนจองซูจะได้พูดจบยูชอนก็ยกมือขึ้นห้าม
"ผมรู้แล้วสองคนข้างหลังใช่มั้ยฮะสาเหตุ?" ว่าแล้วซีวอนเองก็มองตามนิ้วที่ยูชอนชี้ไป... พบกับเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักสองคน ซึ่งซีวอนก็รู้จักดี คู่หูมหัศจรรย์แห่งวงการ พัม & พี
"ขอโทษคร๊าบบ..." สองคู่หูประสานเสียงกันพลางไปซ่อนอยู่หลังจองซู...
"นี่ไม่ต้องไปหลบเลยนะ กลับไปนายหนีไม่พ้นหรอก " ยูชอนพูดเสียงดุ แล้วหันมาแนะนำซีวอนให้พี่ชายเขารู้จัก
"พี่จองซูฮะ นี่คุณชอยซีวอน ประธานบริษัทชอย คอเปอเรชั่นฮะ..." จองซูพยักหน้าก่อนจะแนะนำตัวเองบ้าง...
"สวัสดีครับ คุณชอย ผมปาร์คจองซู ยินดีที่ได้รู้จักครับ... ต้องขอโทษจริงๆที่ผมมาช้า...ดงแฮ ซองมิน " จองซูหันไปเรียกเด็กหนุ่มสองคนด้วยน้ำเสียงเข้มนิดๆ
"ผม ลีซองมิน หรือ พัม ยินดีที่ได้รู้จังฮะ"
"ลีดงแฮ หรือ พี ยินดีที่ได้รู้จักฮะ"
ลีซองมิน หรือชื่อในวงการ พัม (Pum) มาจากคำว่าพัมคินซึ่งแปลว่าฟักทองเพราะเป็นคนที่ชอบทานฟักทองเอามากๆถึงมาที่สุด ถึงขนาดปลูกไว้ทานเองที่บ้านเลยทีเดียว... นิสัยก็สดใสร่าเริงสมวัย (อาจจะมากเกินไปด้วยซ้ำ) ด้วยความที่เป็นลูกคนเดียวจึงถูกตามใจมากเลยกลายเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเอง แต่ก็ไม่เคยทำให้คนอื่นเดือดร้อนเพราะนิสัยแบบนี้เลย... บางทีก็เพราะความเอาแต่ใจแบบน่ารักๆอย่างนี้ละทุกคนถึงได้เอ็นดูเขา
ลีดงแฮ หรือชื่อในวงการ พี (Pi) มาจากคำว่า พิน็อคคิโอ ฉายาที่สนิทเพื่อนอย่างซองมินเป็นคนตั้งให้นั่นเอง... ซองมินกับดงแฮเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก เรียกได้ว่าที่ไหนมีซองมินที่นั่นต้องมีดงแฮ และที่ไหนมีดงแฮที่นั้นก็ต้องมีซองมินเลยทีเดียว ทั้งสองคนไม่ได้เข้ามาสมัครเอง แต่เข้ามาได้จากการชักชวนแกมขอร้องของจองซู ให้มาช่วยบริษัทที่กำลังจะล้มละลายเอาไว้ เพราะความที่เป็นลูกชายของเพื่อนพ่อและ ความน่าสนุกของงาน ทั้งสองคนจึงตบปากรับคำอย่างไม่ลังเลเลย และตั้งแต่นั้นมา คู่หูเพื่อนสนิทก็กลายเป็นไอดอลที่ถูกจับตามองเรียกได้ว่าเป็นนัมเบอร์วันของบริษัทเลยทีเดียว และยังได้สมญานามจากพวกนักข่าวว่าคู่หูมหัศจรรย์อีกด้วย
"ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน เรียกผมว่าซีวอนก็ได้ครับ ตอนนี้ไอกับยูโนอยู่ที่ห้องพักรับรองผมให้คนไปเรียกแล้วคงจะมาครับ ส่วนคนใหม่นั้นไปแต่งตัวอยู่จะตามมาทีหลังครับ" ซีวอนว่าโดยไม่ได้สังเกตเลยว่ายูชอนมีสีหน้าลำบากใจที่ต้องเจอจุนซูกับยุนโฮตอนนี้ แต่ก็หารู้ไม่ว่าคนที่ตามมาทีหลังจะเป็นคนที่ไม่อยากเจอมากกว่านั้น...
"ไม่เป็นไรหรอกครับ อีกอย่างเรียกผมว่าจองซูเฉยๆดีกว่านะครับ" เสียงหวานตอบพลางนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งในห้องประชุมรอเวลาที่อาจไม่มีใครบางคนต้องการให้มาถึง...
ในขณะที่คังอินไปบอกนักข่าวและจัดให้พวกสื่อมวลชนทั้งหลายเข้าไปรอในห้องแถลงข่าวของบริษัทเรียบร้อย ก่อนปล่อยให้ลูกน้องจัดการต่อ แล้วปลีกตัวไปที่ห้องรับรองที่ชั้น 4 ของบริษัทซึ่งมียุนโฮกับจุนซูนั่งรออยู่แล้ว เมื่อเห็นคังอินเดินเข้ามาจุนซูจึงรีบลุกขึ้นถามทันที...
"พี่คังอินฮะ แล้วตกลงจะเอายังไงฮะ จะเลิกหรือว่า..." เสียงหวานใสหยุดกึกเมื่อคังอินเอานิ้วชี้ปิดปากพร้อมยิ้มออกมา จุนซูถอนหายใจด้วยความโล่งอก
"พี่จุนกิมาแล้วเหรอครับ... ค่อยยังชั่วหน่อย..." ร่างเล็กนึกว่าคนที่เบี้ยวนัดยอมมาแล้วจึงโล่งใจ แต่แล้วการส่ายหัวไปมาของคังอินก็ทำเอาร่างเล็กสงสัยแต่กว่าจะได้ถาม ชายหนุ่มอีกคนก็แทรกขึ้นมาก่อน...
"งั้นแสดงว่าหาคนมาแทนได้เหรอครับ?" เมื่อยุนโฮเห็นคังอินยิ้มออกก็รู้ได้ทันทีว่าความคิดของตนนั้นถูกต้อง กว่าจะได้ถามว่าคนๆนั้นเป็นใครคังอินก็พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน
"อย่าพึ่งมาถามอะไรตอนนี้เลย ไปเตรียมตัวกันได้แล้วตอน 11 โมงเราจะแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว อีก 10 นาทีไปเจอกันที่ห้องประชุมชั้น 2 เข้าใจนะ ฉันไปก่อนล่ะ
" แล้วคังอินก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วเสียจนทั้งคู่ไม่อาจถามอะไรได้อีก...
"ยุนนี่...นายว่าใครจะมาแทนพี่จุนกิได้เหรอ? จะหน้าตาเป็นไงนะ? ว้า...อยากเจอเร็วๆซะแล้วสิ..." เสียงใสถามพร้อมกับใบหน้าอยากรู้อยากเห็น...ซึ่งทำเอาร่างสูงที่นั่งมองอยู่หัวเราะออกมาเบาๆ
" ไม่รู้สิครับ แต่ว่ายังไงจุนซูของผมก็น่ารักที่สุดอยู่แล้ว "ยุนโฮว่าพลางเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้แล้วหอมแก้มใสนั่นไปฟอดหนึ่ง...
"อ้า...ยุนอ่ะ เดี๋ยวก็มีคนมาเห็นหรอก..." แก้มใสแดงเรื่อ พร้อมกับมือเล็กที่ยกขึ้นมาจับไว้...
"ก็จุนซูอยากน่ารักมากเกินไปนี่นา ช่วยไม่ได้~" ยุนโฮว่าก่อนเดินออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม...
"ยุน...นี่...ยุนนี่ กลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ~" แล้วจุนซูก็รีบวิ่งตามยุนโฮออกไป...
จุง ยุนโฮ หรือชื่อในวงการ ยูโน (U-know) เข้ามาทำงานกับบริษัทชอยกรุ๊ปครั้งแรก ด้วยการเป็นนักร้อง เพียงซิงเกิ้ลแรกที่ออกมาก็สร้างปรากฏการณ์ของความนิยมในวัยรุ่นและวัยทำงาน ด้วยรูปลักษณ์ที่มีเสน่ห์เพียงแค่มองก็ต้องหลงไปกับเสน่ห์ของชายหนุ่ม ลีลาการเต้นที่ไม่มีใครเหมือน ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเลียนแบบได้แค่นั้นก็ทำให้ชายหนุ่มผู้นี้โด่งดังไปทั่วแล้ว...
ส่วนคิม จุนซู หรือ ชื่อในวงการ ไอ (Ai) ซึ่งแปลว่าความรัก เข้ามาทำงานกับบริษัทชอบกรุ๊ปได้ด้วยการแนะนำของยุนโฮ และถูกเปิดตัวด้วยโฆษณาเครื่องสำอางยี่ห้อ "เอเนล" เครื่องสำอางชื่อดังในเครือบริษัทชอยกรุ๊ป ด้วยใบหน้าที่งดงามราวกับลูกแมวน้อยๆ ดวงตาใสเป็นประกายแค่นั้นก็สะกดคนดูทุกคนให้ยิ้มได้โดยไม่รู้ตัว... และใบหน้าหวานที่จะเป็นผู้หญิงก็ไม่ใช่ ผู้ชายก็ไม่เชิงนั่นแหละที่ทำให้น่าหลงใหลยิ่งนัก... เรียกได้ว่าเขากลายเป็นนางฟ้าน่ารักในใจของใครหลายๆตนเลยทีเดียว
ณ ห้องแต่งตัว
"เชิญค่ะ คุณฮันกยอง พาคุณแจจุงไปที่ห้องประชุมที่ชั้น 2 ได้เลยนะค่ะ ทุกคนรออยู่ที่นั่นแล้วค่ะ เออ...ว่าแต่เห็นแล้วอย่ามัวแต่ยืนตะลึงนะค่ะ เมื่อกี้ฉันก็อึ้งไปรอบหนึ่งแล้วเลยอยากเตือนไว้ก่อน " เสียงของเฮเคียวสไตลิสต์มือหนึ่งของบริษัทที่เปิดประตูออกจากห้องเรียกให้ชายหนุ่มที่เฝ้าอยู่หน้าห้องเข้าไป พร้อมคำเตือนแปลกๆที่ฮันกยองไม่ได้สนใจอะไรมากนัก...
ร่างบางเจ้าของนัยน์ตาสีนิลผู้นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่งในห้องแต่งตัวของบริษัท หันมามองผู้มาใหม่ที่ตอนนี้ตะลึงค้าง(ตามคำเตือน)ไปแล้วด้วยภาพของคนตรงหน้าราวกับเจ้าหญิงตัวน้อยๆก็ไม่ปาน...
เรือนผมดำถูกรวบไว้อย่างเรียบร้อยประดับด้วยดอกกุหลาบสีแดงสด แต่ก็ยังมีปอยผมเล็กน้อยที่ปล่อยมาปรกใบหน้า ริมฝีปากแต่งแต้มด้วยสีชมพูอ่อน ชุดกระโปรงยาวกร่อมส้นสีขาวบริสุทธิ์ คอกว้างที่เผยให้เห็นผิวขาวผ่องและถุงมือสีเดียวกันที่มองแล้วเข้ากันได้เป็นอย่างดี ใบหน้าที่แต่งแค่เพียงอ่อนๆก็ทำให้คนมองตะลึงได้แล้ว...
"ฮะ...ฮันกยองมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?" นัยน์ตาสีนิลมีแวววูบไหวพลางก้มหน้าลงเมื่อชายหนุ่มเงียบไป แต่หารู้ไม่ว่าคำพูดของเจ้าตัวกลับเรียกรอยยิ้มให้ปรากฏบนใบหน้าของเสือยิ้มยากอย่างฮันกยองได้ง่ายๆอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ร่างสูงก้าวเข้าไปใกล้ผู้เป็นนายของตนก่อนจะกุมมือไว้... ร่างบางเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสก็เงยหน้าขึ้นมา มองฮันกยองที่กำลังยิ้มด้วยความงุนงง
"ฮันกยอง?"
"ขอโทษที่ผมทำให้เข้าใจผิดครับ แต่ว่าตอนนี้คุณหนูสวยมากๆ สวยจนผมชักไม่อยากให้ใครมามองคุณหนูของผมแล้วนะครับ..."
"จริงๆนะ นายไม่โกหกฉันใช่มั้ย?"
"โธ่!! คุณหนูครับ ผมบอกแล้วไงครับว่าผมจะซื่อสัตย์กับคุณหนูเพียงคนเดียว ได้โปรดอย่าสงสัยหรือคลางแคลงใจกับฮันกยองคนนี้เลยนะครับ" เพราะใบหน้าของชายหนุ่มที่ดูร้อนรนไม่ใช่น้อย เรียกให้กลีบปากบางแย้มยิ้มได้
"ก็ได้ๆ ไม่ต้องพูดอย่างนั้นหรอก ฉันเชื่อนาย ไปกันได้แล้วหรือยังล่ะ..." คราวนี้กลับเป็นเสียงหวานซะเองที่รบเร้าให้ชายหนุ่มรีบไปด้วยกัน
"ครับ ซีวอนบอกไปที่ห้องประชุมได้เลย ทุกคนกำลังรออยู่..."
"ทุกคนเหรอ?"
"ครับ คนจากบริษัทปาร์คคือคู่หูพัม&พีแล้วก็ประธานของฝ่ายโน้น แล้วทางเราก็จะมีซีวอน,ชางมิน,คังอิน แล้วก็ไอกับยูโน... อืม...ดูเหมือนคุณหนูจะยังไม่รู้จักใครเลยนะครับ อาจจะแย่ไปหน่อยกับการต้องคุยกับคนที่ไม่รู้จักเยอะๆ แต่ถ้าคุณหนูรู้สึกอึดอัดก็บอกผมนะครับ แล้วผมจะพาคุณออกมาเอง ถึงจะต้องเสียมารยาทไปบ้างก็เถอะ... " ชายหนุ่มร่ายมาเสียยืดยาวโดยไม่ได้สังเกตสีหน้าของร่างบางเลยว่าเป็นอย่างไร
"ไม่หรอก~ บางทีคนที่ต้องเป็นฝ่ายอึดอัดอาจจะเป็นทางนั้นมากกว่า..." เจ้าของเสียงหวานเอ่ยที่เอ่ยเพียงแผ่วก้มหน้าหลบสายตาที่มองด้วยความแปลกใจของฮันกยอง ไม่นานคนทั้งคู่ก็มาถึงห้องประชุม เวลาแห่งการพบกันมาถึงแล้ว
หากไม่มีร่างสูงเพรียวเจ้าของผิวสีน้ำผึ้งยืดเวลาออกไปเสียก่อน..
"แจจุง!! อย่าพึ่งเข้าไปนายกับฉัน เรามีเรื่องต้องคุยกันก่อน..." แล้วชางมินก็ลากให้แจจุงเดินตามมาที่มุมตึกแห่งหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากห้องประชุมนัก โดยปล่อยให้ฮันกยองยืนรออยู่ที่หน้าห้องประชุมนั้น...
"นายมีอะไรชางมิน...?" เสียงหวานของแจจุงถามอย่างใจเย็น แม้จะรู้ดีอยู่แล้วว่าชางมินต้องการพูดเรื่องอะไร...
"ทำไมนายไม่บอกฉันว่ายุนโฮกับยูโนเป็นคนๆเดียวกัน และถ้าฉันเดาไม่ผิดนี่ใช่มั้ยสาเหตุที่นายดูแปลกไปตั้งแต่งานเลี้ยงวันนั้น... ฉันจำได้ว่าวันนั้นยูโนไปด้วยไปกับไอ เพราะเขาทั้งคู่เป็น...เป็น..." น้ำเสียงของชางมินอ่อนลงเมื่อต้องพูดประโยคนี้
"คนรักกัน..." เมื่อเห็นคนตรงหน้าลำบากใจที่จะพูดเด็กหนุ่มจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเอง ก่อนจะเริ่มเล่าความสิ่งที่เขาได้พบมาในงานเลี้ยงวันนั้นให้ทั้งชางมินฟัง...
.
.
เรื่องราวที่ได้ฟังทำเอาเด็กหนุ่มรู้สึกเจ็บปวดตามคนตรงหน้าไปด้วย
"แจจุง..." เด็กหนุ่มนั่งลงข้างๆแล้วเรียกชื่อร่างเพรียวอย่างแผ่วเบา แจจุงเงยหน้าขึ้นมาแล้วแย้มรอยยิ้มบางๆ ที่บางเสียจนไม่คิดว่ากำลังยิ้มอยู่ด้วยซ้ำ...
"แล้วทำไม...นายไม่บอกเขาไปล่ะว่า...ช่วงที่นายไม่อยู่มันเกิดอะไรขึ้น?"
"ไม่...ฉันพูดไม่ได้ชางมิน... ขนาดเขาไม่รู้อะไรเลย แค่เห็นรอยนั่นเพียงนิดเดียว เขายังเกลียดฉันถึงขนาดนี้ แล้วถ้าเขารู้เรื่องทั้งหมดแล้วเขาจะไม่ยิ่งรังเกียจฉันเข้าไปใหญ่เหรอ?" น้ำเสียงที่บ่งบอกความเจ็บปวดของผู้พูดได้เป็นอย่างดี...
"นั่นสินั้น...ร่างกายที่สกปรกโสมมอย่างนี้ เป็นใครเขาก็ไม่ต้องการกันทั้งนั้น..." แจจุงพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่เพราะเสียงพูดแบบธรรมดาๆกับดวงตาที่มีน้ำใสๆมาคลออยู่นั้นแหละที่ทำให้ชางมินทนไม่ได้...
"พอเถอะ แจจุง...ถ้าเขาคนนั้นทิ้งนายไป...ฉันก็จะอยู่เคียงข้างนายเอง...ฉันเคยสัญญาไว้แล้วนี่... อย่าเสียใจไปเลย... ตอนนี้ฉันก็อยู่กับนายไม่ใช่เหรอ?" ชางมินดึงตัวแจจุงเข้ามากอด... ถึงจะบอกแจจุงไปแบบนั้นแต่เขาก็รู้ดีว่ามันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย
เด็กหนุ่มไม่ได้ร้องเพียงแต่อดกลั้นอย่างหนักที่จะไม่ให้น้ำตาไหลออกมาจนหัวไหล่ขาวสั่นสะท้าน ชางมินรู้สึกสมเพสตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากมือที่ใช้ลูบผมนุ่มปลอบอยู่อย่างนี้...
...เขาเป็นเพื่อนที่แย่ที่สุดเลย เขาไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าการกอดปลอบแจจุงไว้อย่างนี้เลย...
เมื่อไหล่ขาวหยุดสั่น เจ้าตัวก็ผละออกจากอ้อมกอดของชางมิน ใบหน้าที่ไม่มีแม้น้ำตาสักหยด พาเอาชางมินรู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก
"ไปเถอะ คนอื่นรอนานแล้วนะ..." เสียงหวานเอ่ยเรียบๆ
"แจจุง..." ก่อนจะแจจุงจะได้ไปก็ถูกชางมินทักท้วงไว้ด้วยความเป็นห่วง
"ไม่เป็นไรชางมิน ฉันคิดว่าฉันทำได้..."
"แจจุงฉันถามอะไรนายหน่อยได้มั้ย? นายก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าถ้ารับทำงานอย่างนี้แล้ว นายจะต้องเจอยุนโฮนะ?"
"ฉันรู้..."
"ถ้ารู้แล้วทำไมนายถึงยัง..." เสียงของชางมินขาดหายไปเมื่อมองใบหน้าของแจจุงแล้วพบเพียงความว่างเปล่าในสายตานั้น...
"ไม่เป็นไร...ฉันไม่หวังให้นายเข้าใจสิ่งที่ฉันทำหรอก ความจริง...ฉันแค่อยากมองเห็นเขาอยู่ในสายตาตลอดเวลาก็เท่านั้นเอง... ฉันไม่อยากเป็นคนที่หายไปจากความทรงจำของเขาเร็วนัก..." คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจคำพูดของคนตรงหน้า แต่เขาก็รู้ดีว่าถ้าไม่ได้อยู่ในสถานการณ์เดียวกับแจจุงเขาก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเองนั้นจะเป็นเช่นไร สุดท้ายก็ได้แต่หาเปลี่ยนเรื่องระหว่างทางเดินกลับไปที่ห้องประชุม
"ว่าแต่ชื่อในวงการนายจะเปลี่ยนเป็นอะไรดีล่ะแจจุง...?" ร่างเพรียวนิ่งคิดเล็กน้อยก่อนตอบออกไป
"Lucia (ลูเซีย) "
สิ่งที่แวบขึ้นมาในหัวมีเพียงคำๆนี้ ลูเซีย แปลว่ามหาสมุทรสีน้ำเงิน มองความหมายผิวเผินอาจจะไม่รู้สึกอะไร...
แต่ชางมินรู้ดี มหาสมุทรที่หมายถึงความยิ่งใหญ่,มากมายและไม่สิ้นสุด และสีน้ำเงินที่หมายถึงความเศร้า... สำหรับเด็กหนุ่มแล้วลูเซียจึงหมายถึงความเศร้าที่ไม่สิ้นสุด
To Be Con
55+ กลับมาแล้วจ้า~ พึ่งกลับจากกาญมา
ร้อมมั่กมากๆๆๆๆ
ไม่พูดพล่ามมากหรอกเพราะต้องไปปั่นฟิกอีกเยอะ ไปแระ
ปล.ขออธิบายอะไรหน่อย เพื่อบางคนไม่เข้าใจ
เรื่องนี้เราจะมีชื่อในวงการกับชื่อที่ใช้จริงๆเพราะฉะนั้นอย่าสับสนน่ะจ้ะ
ไอก็คือจุนซู ส่วนยูโนคือยุนโฮ และลูเซียคือแจจ้า~
ปล2. ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจก็บอกนะ เพราะไม่รู้จะเขียนอธิบายในเนื้อเรื่องยังไงให้เข้าใจได้...
จบข่าว...บาย!!!~
-
- +
+-b
g-น่า
รัก
ความคิดเห็น