คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : { SS • I } บั น ทึ ก ห น้ า ที่ ๗ : รอยยิ้ม และ ข่าวลือที่แพร่สะพัด
บั น ทึ ก ห น้ า ที่ ๗
รอยยิ้ม และ ข่าวลือที่แพร่สะพัด
" อัล! เธอมาพอดีเลย "
นัตตี้ร้องทักทายเมื่อฉันเดินพ้นกรอบประตูเข้าไปในห้อง เธอกำลังนั่งอยู่บนเตียง ในมือของเธอถือกล่องกระดาษที่เพิ่งถูกเปิด ภายในกล่องมีลิปสติกหลากหลายสีสัน และเธอกำลังยิ้มด้วยใบหน้าที่สดใสชุ่มฉ่ำเหมือนดอกไม้แรกแย้ม
"เธอว่าสีไหนจะเหมาะกับชุดของฉันเหรอ" ถึงเธอจะไม่ได้บอก แต่มันก็ชัดเจนว่าเธอหมายถึงชุดที่เธอจะใส่ไปงานเลี้ยงเต้นรำ
" เธอทาสีไหนก็เหมาะทั้งนั้นแหละ " ฉันบอก
" มานี่สิ่อัล นั่งลงๆ "
ไม่พูดเปล่าเธอลุกขึ้นจากเตียงและตรงเข้ามาดึงแขนของฉันให้นั่งลงบนเตียงของเธอ หลังจากนั้นเธอหยิบลิปสติกในกล่องขึ้นมาเทียบกับริมฝีปากของฉัน
" ถ้าเป็นชุดของอัลก็น่าจะต้องเป็นสีโทนนี้เนอะ เธอว่าแมทริวจะใส่ชุดสีอะไรเหรอ ฉันกังวลอยู่ว่าสีชุดของเราจะเข้ากันได้ไหนนะ " เธอพูดและดึงปลอกลิปสติกออกก่อนจะแตะปลายลิปสติกแท่งนั้นลงบนริมฝีปากของฉัน ฉันจับมือเธอเอาไว้และมองตาเธอ --- ให้ตาสิ่
" นัตตี้ คือฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกเธอ " ฉันพูด
" มีอะไรเหรอ "
เธอถามพรางถอนมือที่ถือลิปสติกออกไป สายตาของเธอที่มองมายังฉันทำให้สิ่งที่ฉันกำลังจะพุดยากนั้นขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เมื่อฉันเงียบไปนาน รอยยิ้มอ่อนหวานแต่งแต้มขึ้นบนใบหน้าของเธอ
" มีอะไรเหรออัล หรือว่าเธอไม่ชอบสีนี้ " เธอถามพร้อมเสียงหัวเราะ
--- นัตตี้ --- ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี ฉันควรบอกเธอว่าแมททริวมีแฟนอยู่แล้ว และปล่อยให้เธอต้องรู้สึกแย่ๆที่หมอนั่นทำอย่างนี้ หรือบางทีฉันควรปล่อยให้เธอไปงานเต้นรำกับเขาถึงแม้ว่าเขาจะมีแฟนแล้ว
" เปล่านัตตี้ --- สีนี้สวยมากเลย " ฉันตอบ
" งั้นฉันลองทาให้นะ " เธอตอบฉันพร้อมเสียงหัวเราะ
ฉันพยักหน้าให้เธอจากนั้นเธอทาลิปสติกให้กับฉัน และฉันไม่สามารถหยุดมองไปที่เธอได้ เนื้อครีมที่สัมผัสบนริมฝีปากทำใหฉันไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อยู่พักใหญ่ พอรู้ตัวอีกที่ ฉันก็ไม่เหลือกความกล้าที่จะบอกเรื่องนี้กับเธออีกแล้ว
เมื่อมื้อเย็นเริ่มขึ้น ทุกคนมารวมกันที่ห้องอาหาร เหล่าผีประจำปราสาทเดินย่ำไปทั่วโต๊ะอาหาร
" อุ๊ปส์ ขอโทษที " คุณนิก หัวเกือบขาดพูดหลังจากเขาเหยีบถาดพายสับประรถของรอยส์
" อี๋ --- ให้ตายสิ่ ผมไม่อยากกินพายเท้าผีหรอกนะ " รอยส์บ่นออกมาด้วยสีหน้าผะอืดผะอม
ทุกอย่างวุ่นวายเหมือนเคย ฉันใช้ส้อมจิ้มมันฝรั่งทอดที่อยู่ในจานห่างออกไปนิดหน่อย วันนี้มีน้ำฟักทอง กับน้ำส้ม --- และเช่นเคย ฉันเลือกน้ำเปล่า ในขณะที่เคี้ยวอาหารอยู่นั้นฉันต้องคอยระวังพวกเด็กคนอื่นๆที่มักจะโยนขนมใส่กัน เพราะบางครั้งพวกเขาก็เขวี้ยงไม่แม่นเอาเสียเลย ครั้งหนึ่งฉันเคยถูกอีแวน มาครอสเขวี้ยงพุดดิ้งช็อกโกแลตใส่หัวด้วยอุบัติเหตุ เพราะเขาตั้งใจจะเขวี้ยงใส่คริสโตเฟอร์ที่นั่งห่างจากฉันไปอีก 5ที่นั่ง ย้ำว่า 5ที่นั่ง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีพรสวรรค์ในการขว้างปาเอาเสียเลย
" นี่ --- เธอมีอะไรกับพวกเรเวนคลอเหรอ " อัลเลย์สะกิดถาม
ฉันมองหน้าเขาและเขาเหลือบสายตาไปยังโต๊ะของเรเวนคลอ ฉันจึงมองตามไป --- พวกนั้นหลายคนกำลังมองมาที่ฉัน และพวกเขาพูดบางอย่าง ซึ่งฉันไม่ได้ยินเพราะโต๊ะอยู่ห่างกันเกินไป ถึงแม้ว่าฉันจะยังไม่รู้แน่ชัดว่ามันเป็นเรื่องอะไร แต่ก็พอจะเดาได้อยู่
" เปล่านี่ " ฉันตอบและหันกลับไปยังจานมันฝรั่งทอด
" แน่ใจนะ " อัลเลย์ถามซ้ำ
ไม่ --- ฉันไม่แน่ใจ และฉันคิดว่าบางทีแกรี่คงไปพูดอะไรเรื่องฉัน ไม่แน่หมอนั่นอาจสารภาพทุกอย่างกับแมททริว แล้วฉันก็กลายเป็นนักเรียนหญิงที่บุกเข้าไปทำร้ายนักเรียนชายเรเวลคลอถึงในหอพัก --- เยี่ยม
" อาหะ --- ฉันไม่มีเพื่อนอยู่เรเวนคลอ ที่จริงฉันแทบไม่มีเพื่อนเลยด้วยซ้ำ " ฉันตอบ
" ถ้าอย่าง "
" นี้ซางงงงงงงง "
ยังไม่ทันที่อัลเลย์จะพูดจบ เสียงหวานก็ดังแทรกเข้ามา ฉันหันไปมองก็เห็นคาริน่ากระโดดเกาะคออัลเลย์ เธอมักจะทำอย่างนี้เสมอ --- ถ้าหากว่าอัลเลย์ได้ความสดใสของเธอมาบ้าง เขาคงไม่ดูลึกลับและน่ากลัวขนาดนี้
" จะกอดทำไมเนี่ย ไม่อายคนอื่นเขารึไง " เขาว่า แต่ฉันก็ไม่เห็นเขาจะปฏิเสทการกอดของเธอแม้แต่น้อย
" ทำไมล่ะ ก็นี่ซังเป็นนี่ซังนี่ ไม่เห็นแปลกเลย "
เธอพูดจบก็เดินมาที่เก้าอี้ ฉันมองหน้าเธอและเธอยิ้มรับด้วยใบหน้าแป้นแล้น ฉันจึงขยับช่องว่างเล็กๆให้เหมือนเคย เธอแทรกตัวนั่งลงตรงที่นั่งประจำ และตลอดเวลาฉันจะได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของเด็กสาววัยแรกแย้ม
" พี่อัลคะ " เธอเรียก ฉันจึงหันไปมอง
" คือว่า... หนูได้ยินมา... ข่าวลือนั่นจริงหรือเปล่าคะ " คาริน่าเอ่ยถาม สีหน้าเธอดูเป็นกังวลฉันมองไปที่เธอโดยที่ไม่ปริปาก และรอให้เธอพูดบางอย่างออกมา
" ข่าวลืออะไรเหรอ " อัลเลย์ถามแทรก
" เอ่อ... เรื่องที่ว่า พี่เข้าไปในหอพักของนักเรียนชายเรเวลคลอ แล้วก็ "
" ไปฟังมาจากไหนล่ะ " ฉันถามแทรก ก่อนที่เธอจะพูดจบ ใช่แล้ว ฉันบุกเข้าไปในหอพักเรเวนคลอแล้วรอบทำร้ายแมททริว เจนเนอร์ จากข้างหลังเสียด้วยสิ่
" เอ่อ ... คือว่า ... " สีหน้าของเธอดูเป็นกังวลยิ่งกว่าเดิม เธอยื่นมือมาแตะมือของฉันและกุมไว้เบาๆ
" พี่คะ ... ไม่เป็นไรนะ... " เธอบอก
เธอมักจะอ่อนโยนอย่างนี้กับฉัน และกับใครก็ตามที่เธอห่วงใย และฉันรู้สึกขอบคุณมากๆ คาริน่า เพียงแต่ว่าในตอนนี้ฝ่ามืออุ่นๆของเธอไม่สามารถช่วยให้ฉันรู้สึกดีขึ้นได้ เพราะเรื่องนี้มันเกินความสามารถของเธอ --- ฉันส่งยิ้มให้กับเธอแค่เล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร ทั้งอัลเลย์และคาริน่าไม่ได้ส่งเสียงห้ามฉัน นั่นคงเป็นเพราะเขารู้ดีว่าฉันต้องการเวลา
ฉันเดินออกจากห้องอาหารไปยังโถงทางเดิน และได้ยินเสียงเรียกของนัตตี้และซีนดังอยู่ไกลๆ แต่ฉันไม่ได้หันไปตอบหรือแม้แต่หันไปมอง ฉันเพียงแค่เดินออกมาตามทางเดินโดยลำพัง ในสมองคิดแต่เรื่องของแมททริว เจนเนอร์ ถ้าหากว่าฉันพบเขาพรุ่งนี้ในวิชาปรุงยา เขาจะพูดกับฉันว่าอย่างไร เขาจะโกรธแค่ไหน หรือบางทีเขาอาจสาปคาถานั้นใส่ฉันคืนมาก็ได้ --- ก็ดี เพราะแบบนั้นเราจะได้หายกัน
" อัลลี่ ! " เสียงใครบางคนดังไล่หลัง ฉันได้ยินเสียงรองเท้าดังก้องไปทั่วทางเดิน ใครคนนั้นคือฌองไม่ผิดแน่ เพราะฉันจำเสียงของเขาได้ เขากำลังวิ่งตามฉันมา
" อัลลี่ รอเดี๋ยว ! "
ฉันยิ่งเริ่งเท้าเดิน --- ให้ตายสิ่ฌอง นายไม่ยุ่งสักเรื่องจะได้ไหม !!
" อัล ! "
แขนของฉันถูกคว้า และฌองวิ่งขึ้นไปดักที่ข้างหน้าฉัน ขวางทางเดินของฉัน --- ไม่ว่าฉันจะหนีเท่าไหร่สุดท้ายเขาก็ตามมาทันทุกที --- ฉันไม่ได้เกลียดเขา แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าอยากจะสลัดเขาออกไปไกลๆในบางครั้ง
" อัลลี่ --- ฉันอยากรู้ว่ามัน "
" อะไร ! " ฉันตวาดใส่เขา
" ฉันไม่สนหรอกถ้าเธอจะด่า ฉันชินแล้ว ! ฉันแค่อยากรู้ว่ามันจริงไหม ! "
ฉันไม่เคยถูกฌองขึ้นเสียงใส่มาก่อน อันที่จริงฉันไม่เคยเห็นเขาขึ้นเสียงใส่ใครมาก่อน --- มันคงเป็นเรื่องร้ายแรง แต่ก็ใช่มันร้ายแรง ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่เข้าใจว่ามันไปเกี่ยวอะไรกับเขาอยู่ดี
" ใช่ ! แล้วยังไง " ฉันตอบ
เขามองหน้าฉัน และเพียงแค่เงียบไป ฉันเบี่ยงตัวหลบเขาที่ยืนขวางทางอยู่และเริ่มเดิน และเขาก็รั้งฉันเอาไว้อีกครั้ง คราวนี้ฉันสะบัดมือเขาออกไปและบอกเขาด้วยสายตาว่าฉันไม่ต้องการคุยกับเขาในตอนนี้
" ทำไมล่ะอัล --- ฉันไม่เข้าใจ แล้วเธอไปคบกับ แกรี่ ไรท์ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน " ฌองถาม
" ห๊ะ " ฉันถาม และนึกไม่ออกเลยว่าตัวเองกำลังทำหน้าอย่างไร
" ฉันนึกว่าเธอชอบอัลเลย์เสียอีก คือว่า ---- "
" เดี๋ยวๆ นายพูดเรื่องอะไรน่ะ ฉันกับอัลเลย์เป็นเพื่อนกัน แล้วแกรี่กับฉันก็ไม่ได้คบกันด้วย "
ฉันตอบ ด้วยความสัตย์จริง
" ฮะ .... เธอจะบอกว่าเธอแค่ทำไปแค่สนุกรึไง --- ไม่เอาน่าอัล " เสียงหัวเราะเฝื่อนๆของณองแทงฉันจะทะลุ ถ้าหากคำพูดบาดคนได้เลือดฉันอาจหมดตัวไปแล้ว ในน้ำเสียงนั้นฉันรู้สึกว่าตัวเองทั้งน่าสมเพชและไม่น่าเชื่อ
" ฌอง ---- นายไปได้ยินอะไรมา " ฉันตั้งสติก่อนจะถาม
" ก็เธอไป --- อัลลี่ ไม่เอาน่า เธอจะให้ฉันพูดได้ยังไง " ฌองพูด คิ้วของเขาขมวดยุ่งและดูจริงจังกว่าทุกครั้ง
" ก็แค่พูดมานั่นแหละ " ฉันบอก และฌองเริ่มหัวเราะห้วนๆพร้อมกับส่ายหน้า
" อัล ! "
เสียงอัลเลย์ดังมาจากด้านหลัง ฉันหันไปมองก็เห็นเขากึ่งเดินกึ่งวิ่งมาพร้อมกับคาริน่า สายตาของอัลเลยมองผ่านฉันไปยังฌอง และคาริน่าสบตาฉันก่อนที่จะมองพี่ชายของเธอด้วยสีหน้าเป็นกังวล --- ฉันหันกลับไปหาฌองอีกครั้งและจับแขนของเขาดันให้เขาหันหน้ากลับมาอมองที่ฉันดีๆ ฉันไม่ได้เอ่ยคำถามซ้ำ แต่มองเขาด้วยสายตาเดิมที่รอคอยคำตอบ
" แกรี่บอกว่าเธอเข้าไปหาเขาถึงในห้อง แล้วก็มีอะไรกันด้วย --- จริงรึเปล่า " อัลเลย์พูด
ฉันหันกลับไปมองยังเขาในทันที
" ห๊ะ " ---- หน้าฉันร้อนผ่าว
" ก็ว่าอยู่ " อัลเลย์บอกพลางยักไหล่
ฉันเคยคิดว่าจะไม่ยุ่งกับ แกรี่ ไรท์ อีกเป็นครั้งที่สอง แต่ฉันคิดว่าตอนนี้ฉันควรจะต้องคิดใหม่ ฉันกัดฟันกรอดแล้วพ่นชื่อเขาออกมา --- ความโกรธเป็นสิ่งพิศวง ที่ทำให้ตัวเบาสมองหนัก หน้ามืด ร้อนรนเหมือนถูกเผา ฉันก้าวเท้าเดินกลับไปยังทางที่เดินมา ถึงสติจะไม่ค่อยมี แต่ร่างกายมันพาไปเอง เท้ามันพาฉันไปเอง ฉันได้ยินเสียงฌอง เสียงของคาริน่า และเสียงของอัลเลย์ แต่มันค่อนข้างจะเลือนลาง มือของฉันกำไม้กายสิทธิ์เอาไว้แน่น ที่ใบหูร้อนฉ่า
มีคนพยายามดึงฉันไว้ อาจเป็นอัลเลย์ หรือไม่ก็ฌอง แต่คงไม่ใช่คาริน่าเพราะเธอตัวเล็กเกินไป
" หยุดก่อน ! " --- " นี่ เดี๋ยวสิ่ ใจเย็น "
" ขอโทษทีแล้วกันนะ "
คำพูดสุดท้ายเป็นของอัลเลย์ ' ขอโทษที ' แล้วแสงสีแดงก็สว่างจ้า ---
หลังจากนั้นฉันก็จำอะไรไม่ได้เลย ...
เช้ารุ่งขึ้นฉันตื่นจากเตียง นัตตี้และซีนพยายามบอกให้ฉันใจเย็นลง --- ฉันจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานไม่ได้ และนัตตี้กับซีนก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเธอรู้เรื่องข่าวลือ มันแพร่ไปไวเสียยิ่งกว่าเชื้อโรค
ฉันเดินผ่านโถงทางเดินและแยกกับเพื่อนๆในวิชาปรุงยา เพราะพวกเขาอยากให้ฉันใจเย็น ดังนั้นการเลี่ยงวิชาที่จะต้องเห็นหน้าของแกรี่ในตอนนี้คงเป็นทางเลือกที่ดี ดังนั้นฉันจึงโดดเรียนวิชาปรุงยา ตลอดทางเดิน ฉันถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ รอยยิ้มที่มองก็รู้ว่าคิดเรื่องชั่วๆกันอยู่ ---
เอาเข้าจริงเรื่องที่ฉันห่วงไม่ใช่เรื่องสถานะหรือว่าฉันจะเป็นผู้หญิงรักสนุก แต่เป็นเรื่องนี้ต่างหาก
" เฮ้ เบรเวอร์ --- เธอมีคู่ไปงานเต้นรำรึยัง " นักเรียนชายบ้านสลิธิรีนส่งเสียงทักทายพร้อมกับรอยยิ้ม --- รอยยิ้มที่ไม่ใช่เรื่องดี ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายมันอย่างไร แต่ถ้ามีใครสักคนยิ้มแบบนี้ พวกเขาจะต้องไม่คิดเรื่องดีอยู่แน่
ฉันเดินเลี่ยง และเขาเริ่มเดินตาม ฉันจึงเร่งฝีเท้า --- แต่ผู้ชาย ขอย้ำว่าผู้ชายทุกคน ถ้าผู้หญิงคนใดก็ตามพยายามหลีกเลี่ยงที่จะคุยหรือเดินหนี มันแปลว่า 'อย่ายุ่งกับฉัน'
นักเรียนคนนั้นคว้าไหล่ฉันไว้ และฉันถูกดึงเข้าไปในระยะที่ทำให้รู้สึกอึดอัด ฉันใช้สองมือผลักเขาออกไป จากนั้นเสียงหัวเราะก็ดังขึ้น มันคงดูเป็นเรื่องตลก และฉันก็เป็นตัวตลกที่ถูกเหวี่ยงไปมาในกลุ่มนักเรียนชาย เมื่อฉันผละออกจากคนหนึ่งได้สำเร็จ คนใหม่ก็จะเดินเข้ามาขวางทาง
และทั้งหมดนี่เป็นเพราะ แกรี่ ไรท์ ---
" อัลลี่ ! " เสียงฌอง
ฉันหันไปมองก็เห็นเขากำลังวิ่งตรงมา ในมือของเขาถือตำราวอนด์วู้ดของคุณโอลิแวนเดอร์ และที่หัวของเขามีผ้าพันแผลพันที่หน้าผาก --- เมื่อเขาวิ่งมาจนถึงจุดที่ฉันยืนอยู่ เขามองไปยังกลุ่มนักเรียนชายที่ล้อมฉันอยู่ แบบเรียงคน
" แล้วพวกนายทำอะไรกันอยู่เหรอ " เขาถาม
" แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายล่ะอาติล " ชายคนหนึ่งพูด
" มันก็ไม่เกี่ยว --- แต่ดูเหมือนว่าลูกแก้วนำโชคที่หายไปของวิเวียนจะเกี่ยวกับพวกนายใช่ไหม " ฌองถาม
และพวกเขามองหน้ากัน ก่อนที่ชายคนหนึ่งจะสบถออกมา และชายอีกคนพยายามห้ามไม่ให้พวกของเขาใช้กำลังกับฌอง --- เหตุการณ์ตึงเครียดอยู่ครู่หนึ่งพวกเขาก็ยอมถอยออกไปแต่โดยดี
ถึงฉันจะไม่รู้เรื่องลูกแก้วนำโชคของวิเวียน แต่ฉันรู้วิธีของฌอง --- ปฏิเสทไม่ได้ว่าฌองเป็นพวกแส่ไปเสียทุกเรื่อง และน่ารำคาญไปเสียทุกเรื่อง แต่กระนั้นเขาก็เป็นแหล่งข้อมูลชั้นดี และแน่นอน ผู้ถือข้อมูลคือผู้กุมความลับ และผู้กุมความลับ คือผู้ควบคุมที่แท้จริง
" ไม่เข้าท่าเลย --- พวกรู้มากมักจะโดนเก็บนะรู้ไหม " ฉัยบอกอย่างแซวๆ แต่ก็มีความจริงปนราวๆ 90%
" --- เอาน่า --- อีกอย่างฉันก็แค่ขู่ไปงั้นเอง ไม่ได้คิดจะเอาไปพูดจริงๆหรอก " เขาตอบ
" แล้วหัวนายไปโดนอะไรมา " ฉันถาม จ้องผ้าพันแผลของเขาไปด้วย
" ออ --- อัลเลย์ทำฉันหล่นน่ะ "
" หล่น ? " ฉันพูดทวน
" ก็เมื่อวานนี้ไง --- ตอนที่เธอเดือดขึ้นมาแล้วฉันกับอัลเลย์พยายามห้าม แต่เธอดูเหมือนจะไม่ฟัง ตอนนั้นฉันจับเธอไว้จากข้างหลังแล้วอัลเลย์ก็ใช้คาถาทำให้เธอหลับ แต่ฉันอยู่ข้างหลังเธอ จับเธออยู่ ก็เลยโดนไปด้วย --- แล้วหมอนั่นก็ปลุกฉันแล้วแต่ฉันไม่ตื่น มันว่ามางี้นะ --- แล้วมันก็แบกฉันกลับไปที่ห้อง แต่ดันมือลื่นทำฉันหล่นบันได ก็เลยเป็ยอย่างที่เห็นนี่แหละ " เขาเล่าพรางชี้ที่แผลบนหน้าผาก
ฉันยิ้มขึ้นมานิดๆหลังจากได้ฟังที่เขาเล่า และเมื่อเขาเริ่มส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ฉันก็เริ่มหัวเราะตาม
" เบ็ธตี้ ! " ใครบางคนขัดจังหวะเสียงหัวเราะของฉันและฌอง
เสียงของใครบาง คนที่ฉันไม่อยากได้ยินตอนนี้
แกรี่ ไรท์ กำลังเดินจ้ำอ้าวมาทางฉัน ฉันมองหน้าเขา และมือไม้ก็เริ่มสั่นขึ้นมา ฌองแตะที่ไหล่ของฉันเบาๆ และฉันปัดมือเขาออกไปก่อนจะหันหลังเดินหนีไปอีกทาง ฉันไม่อยากเจอหน้าของแกรี่ ไรท์ ตอนนี้ อันที่จริงไม่อยากเจอไปตลอดชาตินั่นแหละ
" เบ็ธตี้ เดี๋ยวก่อนสิ่ เรามีเรื่องต้องคุยกันนะ ! "
เสียงเรียกดังใกล้เข้ามา ฉันได้ยินเสียงฌองพยายามห้ามไม่ให้แกรี่ตามฉันมา แต่ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะฉันไม่ได้หันกลับไปมอง หนึ่ง สอง สาม มีคนเคยบอกฉันว่าถ้าเราโกรธจัดๆให้นับเลข หนึ่งถึงร้อย --- สี ห้า หก ฉันเร่งฝีเท้าเดิน เจ็ด แปด เก้า ไหล่ของฉันถูกจับอย่างแรง
" เบ็ธตี้ รอก่อน "
ฉันหันกลับไปมอง แกรี่ ไรท์ ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน สิบ สิบเอ็ด สิบสอง
ฉันขอโทษที ซีน นัตตี้ --- ถึงฉันจะรับปากว่าฉันจะใจเย็น และจะพยายามไม่ให้มันเกิดเรื่อง แต่ ---
ฉันชกหน้าเขา --- ชกหน้าเขาเต็มๆเลย
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - >>>
หมายเหตุ : มีการแก้ไขข้อมูลตัวละคร คาริน่า ไทป์ จากเด็กปี 2 บ้านฮัฟเฟิลพัฟ เปลี่ยนเป็น ปี 2 บ้านสลิธิรีนนะคะ
ความคิดเห็น