ลำดับตอนที่ #65
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #65 : ชั้นที่ 3 ชั้นพ่อมดแม่มดตัวน้อย
ชั้นที่ 3 ชั้นพ่อมดแม่มดตัวน้อย
สวัสดีเหล่า "พ่อมดแม่มดตัวน้อย"
หากเจ้าต้องการเป็นนักเวทย์ผู้เปี่ยมพลังมนตราแล้วไซร้
ที่ห้องเรียนนี้ เจ้าจะต้องเรียนรู้ทักษะสาปแช่ง ปลดปล่อยพลัง
ป้องกันอันตราย เยียวยารักษา
ในชั้นเรียนนี้ หากเจ้าไม่เข้าใจอันใด สามารถถามได้ที่กล่องคอมเม้นด้านล่าง
ภารกิจ
ภารกิจ คือ สถานการณ์จำลอง เพื่อทดสอบทักษะของท่าน
ในชั้นนี้ มีภารกิจทั้งหมด 4 ภารกิจ ท่านจะภารกิจเหล่านี้หรือไม่ก็ได้
และเลือกทำกี่ภารกิจก็ได้
โดยคะเเนนจากภารกิจที่ท่านทำ จะช่วยในการสอบเพิ่มระดับของท่าน
และเมื่อทำภารกิจเสร็จสิ้น ท่านจะไ้ด้รับรางวัล
ท่านสามารถเลือกทำ "ภารกิจ" ต่างๆดังนี้
ข้อควรระวัง
อนึ่ง ระว่างการเดินทางทำภารกิจของท่าน
ท่านอาจจะต้องแวะตามสถานที่ต่างๆ และจำเป็นต้องโพสคอมเม้น
เมื่อท่านโพสคอมเม้น ไม่ว่าที่ใดก็ตามในดาร์คแลนด์
ให้แนบบัตรประนักเรียนศาสตร์มืดแห่งดาร์คแลนด์ด้้วยเสมอ
และผลการทำภารกิจของท่าน จะปรากฏที่หอพักของท่าน ทุกวันศุกร์
การสอบเลื่อนระดับ
หากท่านศึกษาบทเรียนในชั้นนี้จนถ่องแท้แล้ว กรุณาทำข้อสอบ
เพื่อสอบเพิ่มระดับ...เข้าสู่ ชั้นที่ 4 ชั้น "จอมขมังเวทย์เปี่ยมพลัง"
หากท่านสอบผ่าน จะได้รับเหรียญตราให้เข้าเรียนในชั้นต่อไป
คลิกเพื่อทำข้อสอบเลื่อนระดับสู่ชั้นต่อไป
บทเรียนที่ 1 ปลดปล่อยพลัง
การปลดปล่อยพลัง คือการรวมกำลังไปที่จุดใดจุดหนื่ง แล้วปล่อยมันออกมา ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยพลังกาย หรือการปล่อยพลังเวทย์มนต์ การออกแรงยก พลัก ดึง ก็คือการปลดปล่อยพลัง การเสก สาป ร่ายมนต์ ก็คือการปลดปล่อยพลัง การสร้าง การทำลาย การป้องกัน ก็คือการปลดปล่อยพลัง
การปลดปล่อยพลังนั้น สิ่งสำคัญคือสมาธิ และสมดุล หากขาดอย่างใดอย่างหนื่ง พลังที่เราปล่อยมันออกมาก็อาจเกีนการควบคุมและสร้างความเสยหายได้ทั้งกับคนอื่น และตัวเราเอง
พลังที่ถูกปล่อยออกมาจะมีมากน้อยแค่ไหนขื้นอยู่กับกำลังกาย พลังเวทย์ และอารมณ์หรือกำลังใจของเราก็เป็นสิ่งหนื่งที่มีผลต่อการปลดปล่อยพลัง ทั้งความสุข ความเศร้า หรือความโกธร นำมาทั้งการสร้างสรร และการทำลาย
การปลดปล่อยกำลังกายนั้น นักเรียนคงจะคุ้นเคยกันดีเพราะนักเรียนได้ทำกันอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการลุก เดีน นั่ง คือการรวมกำลัง ณ จุดจุดหนื่งเช่น หากจะยกของหนัก ก็รวมกำลังที่ขา และสะโพกแล้วออกแรงยกขื้น, การรวมกำลังที่ท้องและอกเพื่อตะโกนออกมา...
การปลดปล่อยพลังเวทย์เป็นการรวบรวมทั้งกำลังกายและพลังเวทย์ในตัวและปลดปล่อยออกไป ผู้ปล่อยพลังจะต้องมีกำลังกายที่แข็งแรง และกำลังภายในหรือลมปรานที่เข้มแข็ง เพื่อให้จะสร้างสมดุลให้ร่างกาย การปล่อยพลังเวทย์ในแต่ละครั้งไม่ใช่แค่จะมีผลกับสิ่งที่เราปล่อยพลังใส่ แต่มันยังลดทอนกำลังกายเราได้มากกว่าการออกแรงเฉยๆหลายเท่า ชื่งบางคนก็อาจถึงตายได้ (จิ่งไม่แปลกที่พ่อมดแม่มดนั้นแม้จะมีอายุยืนยาว แต่ร่างกายกลับแก่เร็วจนต้องไปจับเด็กมาคืนความเยาว์ให้ตัวเอง)
การปล่อยพลังเวทย์มีทั้งก็ปล่อยออกจากร่างกายโดยตรงเช่น การสบัดมือ, ขยิบตา, การจ้องมอง, การดีดนี้ว... นั่นสามารถทำได้หากป็นมนต์ง่ายๆ หรือถ้าเป็นมนต์ยากนักเวทย์คนนั้นก็ต้องเป็นผู้ที่มีพลังเก่งกาจ และ การปล่อยพลังโดยผ่านสื่อกลางไม่ว่าจะเป็นการร่ายคาถา การปล่อยพลังผ่านไม้กายสิทธิ์ หรืออาวุจประจำตัวของนักเวทย์ นักเรียนแต่ละคนคงจะมีอาวุจประจำตัวของตัวเองตามที่ระบุไว้ในบัตรประชาชน นั่นล่ะ คือสิ่งที่นักเรียนใช้เป็นสื่อนำในการปล่อยพลังเวทย์.
บทเรียนที่ 2 ป้องกันอันตราย
อย่างแรกเลย มันคือสัญชาตญาณทุกคนมีสัญชาตญาณในการป้องกันตัว ทำให้เรารับรู้ได้ว่ากำลังจะมีอันตรายเกีดขื้นกับเรา และส่งสัญญาณให้เรารับรู้ และเตรียมตัวเพื่อรับกับสิ่งเหล่านั้น ไม่ว่าอันตรายนั้นจะมาจากสิ่งรอบข้าง คนอื่น แม้แต่จากตัวเราเอง
การป้องกันอันตรายโดยใช้กำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการหนี ซ่อน ต่อสู้ มันคืออย่างแรกที่สัญชาตญาณของเราสั่งให้ทำโดยอัตโนมัติ
การป้องกันตัวโดยใช้สิ่งของและเครื่องราง เป็นการป้องกันตัวจากอันตรายที่เรามองไม่เห็น ไม่สามารถอธิบายได้ แต่เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นกำลังจะเกีด หรืออาจจะเกีดขื้น (เหตุร้าย ศัตรู วิญญาณร้าย คำสาป มนต์ดำ...) เครื่องรางต่างๆได้ถูกคิดค้น ค้นหา และทำขื้นเพื่อใช้ในการปกป้อง บางอย่างก็ใช้ได้แต่บางอย่างก็ไม่ แต่มันก็มีผลทางจิตใจทำให้เรารู้สึกปลอดภัยและเข้มแข็ง ชื่งจิตใจที่เข็มแข็งนั้นก็คือเคื่องรางที่ดีที่สุดอย่างหนื่งเช่นกัน
การใช้มนต์ป้องกัน สร้างเขตป้องกัน(บาเรีย), การร่ายคาถาป้องกัน, คาถาสะท้อนกลับศัตรู, คาถาลวงตาให้ศัตรูสันสน, คาถาพรางตาบดบังตัวเอง, คาถาสร้างผู้พิทักษ์ องครักษ์ตัวเอง, คาถาที่ใช้ต่อสู้ต่างๆ...
การวางแผนที่ดีมีสติ ก็คือการป้องกันที่ดีอีกทางหนื่งเพื่อตั้งรับกับสิ่งที่จะเกีดขื้น เราจะทำได้ทั้งการป้องกัน และการตอบโต้
บทเรียนที่ 3 สาปแช่ง
คือการว่ากล่าวหรือการกระทำเพื่อบังคับ และ ทำร้ายผู้อื่น ให้ตกอยู่ในอันตราย, เจ็บปวดทรมาน, หลงอยู่ในมนต์สกด, กลายสะภาพ, ถูกกักขัง...โดยมีอยู่หลายวิธีคือ การกล่าวสาปแช่ง การพูดจาสาปแช่งคนอื่นบางครั้งผู้สาปอาจเป็นแค่คนธรรมดาไม่มีเวทย์ แต่หากคำที่กล่าวมานั้นมีความหนักแน่นเต็มไปด้วยความมุ่งร้ายแรงกล้า เมื่อก่าวช้ำๆ สาปก็กลายเป็นจริงได้
คำสาปจากการจ้องมองด้วยจุดประสงค์ร้าย การจ้องด้วยความโกรธ ความเกลียด ความมุ่งร้ายก็การทำให้ผู้ถูกจ้องต้องพบกับโชคร้าย หรืออันตรายได้โดยเฉพาะหากผู้จ้องมี นัยน์ตาปีศาจ
คำสาปโดยใช้สิ่งของของเป้าหมายเป็นสื่อกลาง ของทุกชี้นไม่ว่าจะเป็นของใช้ หรือสิ่งของจากร่างกายล้วนมีสายไยสัมพันกับผู้เป็นเจ้าของ การสาปโดยใช้สิ่งของก็เหมือกับสาปใส่เจ้าของโดยตรง
คำสาปจากการทำพิธีเพื่อสาปแช่ง เป็นคำสาปที่ให้ผลร้ายต่อผู้ถูกสาป เป็นคำสาปที่มีพิธีกรรม เวลา สถานที่ และขั้นตอนมากมาย รวมทั้งผู้สาปเองก็ต้องแลกด้วยบางสิ่งกับคำสาปนี้ด้วย
คำสาปการร่ายคาถา เพื่อจองจำ หรือทำให้ตกอยู่ในสภาพที่ผู้สาปต้องการ เป็นคำสาปใช้บังคับและทำร้ายจิตใจผู้ถูกสาปเลยก็ว่าได้ ใช้เพื่อจองจำผู้ถูกสาปไว้ในที่ใดที่หนื่ง หรือสิ่งของใดหนื่ง, สาปให้กลายสภาพ จากที่เป็นอยู่ไปเป็นอย่างอื่น (จากมนุษย์เป็นสัตว์, สิ่งของ, พืช, วิญญาณ...)
บทเรียนที่ 4 การเยียวยา
แปลตามตัวเลย ก็คือการรักษา การทำให้ดีขื้น มีทั้งการเยียวยาทางร่างกาย และ การเยียวยาทางจิตใจ การเยียวยามี
การเยียวยาด้วยยา (ศึกษาในชั้นนักปรุงยาธรรมดา)
การเยียวยาด้วยเวทย์มนต์ ใช้เยียวยาความเจ็บปวดที่เกีดจากเวทย์มนต์ด้วยกัน เช่น บาดแผลจากเวทย์มนต์ คำสาป ...
การเยียวยาด้วยพลังธรรมชาติ ธรรมชาติมีพลังช่อนเร้นมหาสานที่สามารถใช้ในการเยียวยาทั้งร่างกายและจิตใจ เรานั้นก็คือส่วนหนื่งของธรรมชาติ พลังลังในตัวเรา ก็คือพลังในธรรมชาติ หากเราดึงพลังของธรรมชาติมาใช้ได้ ก็เหมือนเราได้มีขุมพลังมหาสาร
การเยียวยาด้วยความเจ็บปวด การเยียวยาบางครั้งก็ต้องใช้ความเจ็บปวด ความรุนแรงในการเยียวยาเช่น การช๊อคไฟฟ้า, คำพูดแรงแรงที่ดูเหมือนการทำร้ายอีกฝ่าย
สวัสดีเหล่า "พ่อมดแม่มดตัวน้อย"
หากเจ้าต้องการเป็นนักเวทย์ผู้เปี่ยมพลังมนตราแล้วไซร้
ที่ห้องเรียนนี้ เจ้าจะต้องเรียนรู้ทักษะสาปแช่ง ปลดปล่อยพลัง
ป้องกันอันตราย เยียวยารักษา
ในชั้นเรียนนี้ หากเจ้าไม่เข้าใจอันใด สามารถถามได้ที่กล่องคอมเม้นด้านล่าง
ภารกิจ
ภารกิจ คือ สถานการณ์จำลอง เพื่อทดสอบทักษะของท่าน
ในชั้นนี้ มีภารกิจทั้งหมด 4 ภารกิจ ท่านจะภารกิจเหล่านี้หรือไม่ก็ได้
และเลือกทำกี่ภารกิจก็ได้
โดยคะเเนนจากภารกิจที่ท่านทำ จะช่วยในการสอบเพิ่มระดับของท่าน
และเมื่อทำภารกิจเสร็จสิ้น ท่านจะไ้ด้รับรางวัล
ท่านสามารถเลือกทำ "ภารกิจ" ต่างๆดังนี้
อนึ่ง ระว่างการเดินทางทำภารกิจของท่าน
ท่านอาจจะต้องแวะตามสถานที่ต่างๆ และจำเป็นต้องโพสคอมเม้น
เมื่อท่านโพสคอมเม้น ไม่ว่าที่ใดก็ตามในดาร์คแลนด์
ให้แนบบัตรประนักเรียนศาสตร์มืดแห่งดาร์คแลนด์ด้้วยเสมอ
และผลการทำภารกิจของท่าน จะปรากฏที่หอพักของท่าน ทุกวันศุกร์
การสอบเลื่อนระดับ
หากท่านศึกษาบทเรียนในชั้นนี้จนถ่องแท้แล้ว กรุณาทำข้อสอบ
เพื่อสอบเพิ่มระดับ...เข้าสู่ ชั้นที่ 4 ชั้น "จอมขมังเวทย์เปี่ยมพลัง"
หากท่านสอบผ่าน จะได้รับเหรียญตราให้เข้าเรียนในชั้นต่อไป
คลิกเพื่อทำข้อสอบเลื่อนระดับสู่ชั้นต่อไป
บทเรียนที่ 1 ปลดปล่อยพลัง
การปลดปล่อยพลัง คือการรวมกำลังไปที่จุดใดจุดหนื่ง แล้วปล่อยมันออกมา ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยพลังกาย หรือการปล่อยพลังเวทย์มนต์ การออกแรงยก พลัก ดึง ก็คือการปลดปล่อยพลัง การเสก สาป ร่ายมนต์ ก็คือการปลดปล่อยพลัง การสร้าง การทำลาย การป้องกัน ก็คือการปลดปล่อยพลัง
การปลดปล่อยพลังนั้น สิ่งสำคัญคือสมาธิ และสมดุล หากขาดอย่างใดอย่างหนื่ง พลังที่เราปล่อยมันออกมาก็อาจเกีนการควบคุมและสร้างความเสยหายได้ทั้งกับคนอื่น และตัวเราเอง
พลังที่ถูกปล่อยออกมาจะมีมากน้อยแค่ไหนขื้นอยู่กับกำลังกาย พลังเวทย์ และอารมณ์หรือกำลังใจของเราก็เป็นสิ่งหนื่งที่มีผลต่อการปลดปล่อยพลัง ทั้งความสุข ความเศร้า หรือความโกธร นำมาทั้งการสร้างสรร และการทำลาย
การปลดปล่อยกำลังกายนั้น นักเรียนคงจะคุ้นเคยกันดีเพราะนักเรียนได้ทำกันอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการลุก เดีน นั่ง คือการรวมกำลัง ณ จุดจุดหนื่งเช่น หากจะยกของหนัก ก็รวมกำลังที่ขา และสะโพกแล้วออกแรงยกขื้น, การรวมกำลังที่ท้องและอกเพื่อตะโกนออกมา...
การปลดปล่อยพลังเวทย์เป็นการรวบรวมทั้งกำลังกายและพลังเวทย์ในตัวและปลดปล่อยออกไป ผู้ปล่อยพลังจะต้องมีกำลังกายที่แข็งแรง และกำลังภายในหรือลมปรานที่เข้มแข็ง เพื่อให้จะสร้างสมดุลให้ร่างกาย การปล่อยพลังเวทย์ในแต่ละครั้งไม่ใช่แค่จะมีผลกับสิ่งที่เราปล่อยพลังใส่ แต่มันยังลดทอนกำลังกายเราได้มากกว่าการออกแรงเฉยๆหลายเท่า ชื่งบางคนก็อาจถึงตายได้ (จิ่งไม่แปลกที่พ่อมดแม่มดนั้นแม้จะมีอายุยืนยาว แต่ร่างกายกลับแก่เร็วจนต้องไปจับเด็กมาคืนความเยาว์ให้ตัวเอง)
การปล่อยพลังเวทย์มีทั้งก็ปล่อยออกจากร่างกายโดยตรงเช่น การสบัดมือ, ขยิบตา, การจ้องมอง, การดีดนี้ว... นั่นสามารถทำได้หากป็นมนต์ง่ายๆ หรือถ้าเป็นมนต์ยากนักเวทย์คนนั้นก็ต้องเป็นผู้ที่มีพลังเก่งกาจ และ การปล่อยพลังโดยผ่านสื่อกลางไม่ว่าจะเป็นการร่ายคาถา การปล่อยพลังผ่านไม้กายสิทธิ์ หรืออาวุจประจำตัวของนักเวทย์ นักเรียนแต่ละคนคงจะมีอาวุจประจำตัวของตัวเองตามที่ระบุไว้ในบัตรประชาชน นั่นล่ะ คือสิ่งที่นักเรียนใช้เป็นสื่อนำในการปล่อยพลังเวทย์.
บทเรียนที่ 2 ป้องกันอันตราย
อย่างแรกเลย มันคือสัญชาตญาณทุกคนมีสัญชาตญาณในการป้องกันตัว ทำให้เรารับรู้ได้ว่ากำลังจะมีอันตรายเกีดขื้นกับเรา และส่งสัญญาณให้เรารับรู้ และเตรียมตัวเพื่อรับกับสิ่งเหล่านั้น ไม่ว่าอันตรายนั้นจะมาจากสิ่งรอบข้าง คนอื่น แม้แต่จากตัวเราเอง
การป้องกันอันตรายโดยใช้กำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการหนี ซ่อน ต่อสู้ มันคืออย่างแรกที่สัญชาตญาณของเราสั่งให้ทำโดยอัตโนมัติ
การป้องกันตัวโดยใช้สิ่งของและเครื่องราง เป็นการป้องกันตัวจากอันตรายที่เรามองไม่เห็น ไม่สามารถอธิบายได้ แต่เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นกำลังจะเกีด หรืออาจจะเกีดขื้น (เหตุร้าย ศัตรู วิญญาณร้าย คำสาป มนต์ดำ...) เครื่องรางต่างๆได้ถูกคิดค้น ค้นหา และทำขื้นเพื่อใช้ในการปกป้อง บางอย่างก็ใช้ได้แต่บางอย่างก็ไม่ แต่มันก็มีผลทางจิตใจทำให้เรารู้สึกปลอดภัยและเข้มแข็ง ชื่งจิตใจที่เข็มแข็งนั้นก็คือเคื่องรางที่ดีที่สุดอย่างหนื่งเช่นกัน
การใช้มนต์ป้องกัน สร้างเขตป้องกัน(บาเรีย), การร่ายคาถาป้องกัน, คาถาสะท้อนกลับศัตรู, คาถาลวงตาให้ศัตรูสันสน, คาถาพรางตาบดบังตัวเอง, คาถาสร้างผู้พิทักษ์ องครักษ์ตัวเอง, คาถาที่ใช้ต่อสู้ต่างๆ...
การวางแผนที่ดีมีสติ ก็คือการป้องกันที่ดีอีกทางหนื่งเพื่อตั้งรับกับสิ่งที่จะเกีดขื้น เราจะทำได้ทั้งการป้องกัน และการตอบโต้
บทเรียนที่ 3 สาปแช่ง
คือการว่ากล่าวหรือการกระทำเพื่อบังคับ และ ทำร้ายผู้อื่น ให้ตกอยู่ในอันตราย, เจ็บปวดทรมาน, หลงอยู่ในมนต์สกด, กลายสะภาพ, ถูกกักขัง...โดยมีอยู่หลายวิธีคือ การกล่าวสาปแช่ง การพูดจาสาปแช่งคนอื่นบางครั้งผู้สาปอาจเป็นแค่คนธรรมดาไม่มีเวทย์ แต่หากคำที่กล่าวมานั้นมีความหนักแน่นเต็มไปด้วยความมุ่งร้ายแรงกล้า เมื่อก่าวช้ำๆ สาปก็กลายเป็นจริงได้
คำสาปจากการจ้องมองด้วยจุดประสงค์ร้าย การจ้องด้วยความโกรธ ความเกลียด ความมุ่งร้ายก็การทำให้ผู้ถูกจ้องต้องพบกับโชคร้าย หรืออันตรายได้โดยเฉพาะหากผู้จ้องมี นัยน์ตาปีศาจ
คำสาปโดยใช้สิ่งของของเป้าหมายเป็นสื่อกลาง ของทุกชี้นไม่ว่าจะเป็นของใช้ หรือสิ่งของจากร่างกายล้วนมีสายไยสัมพันกับผู้เป็นเจ้าของ การสาปโดยใช้สิ่งของก็เหมือกับสาปใส่เจ้าของโดยตรง
คำสาปจากการทำพิธีเพื่อสาปแช่ง เป็นคำสาปที่ให้ผลร้ายต่อผู้ถูกสาป เป็นคำสาปที่มีพิธีกรรม เวลา สถานที่ และขั้นตอนมากมาย รวมทั้งผู้สาปเองก็ต้องแลกด้วยบางสิ่งกับคำสาปนี้ด้วย
คำสาปการร่ายคาถา เพื่อจองจำ หรือทำให้ตกอยู่ในสภาพที่ผู้สาปต้องการ เป็นคำสาปใช้บังคับและทำร้ายจิตใจผู้ถูกสาปเลยก็ว่าได้ ใช้เพื่อจองจำผู้ถูกสาปไว้ในที่ใดที่หนื่ง หรือสิ่งของใดหนื่ง, สาปให้กลายสภาพ จากที่เป็นอยู่ไปเป็นอย่างอื่น (จากมนุษย์เป็นสัตว์, สิ่งของ, พืช, วิญญาณ...)
บทเรียนที่ 4 การเยียวยา
แปลตามตัวเลย ก็คือการรักษา การทำให้ดีขื้น มีทั้งการเยียวยาทางร่างกาย และ การเยียวยาทางจิตใจ การเยียวยามี
การเยียวยาด้วยยา (ศึกษาในชั้นนักปรุงยาธรรมดา)
การเยียวยาด้วยเวทย์มนต์ ใช้เยียวยาความเจ็บปวดที่เกีดจากเวทย์มนต์ด้วยกัน เช่น บาดแผลจากเวทย์มนต์ คำสาป ...
การเยียวยาด้วยพลังธรรมชาติ ธรรมชาติมีพลังช่อนเร้นมหาสานที่สามารถใช้ในการเยียวยาทั้งร่างกายและจิตใจ เรานั้นก็คือส่วนหนื่งของธรรมชาติ พลังลังในตัวเรา ก็คือพลังในธรรมชาติ หากเราดึงพลังของธรรมชาติมาใช้ได้ ก็เหมือนเราได้มีขุมพลังมหาสาร
การเยียวยาด้วยความเจ็บปวด การเยียวยาบางครั้งก็ต้องใช้ความเจ็บปวด ความรุนแรงในการเยียวยาเช่น การช๊อคไฟฟ้า, คำพูดแรงแรงที่ดูเหมือนการทำร้ายอีกฝ่าย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น