คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ราชวงศ์ฉิน(จีนตอนที่ 4 )
ราชวงศ์ฉิน (ภาษาอังกฤษ : Qin Dynasty) (ภาษาจีนกลาง : 秦朝) (พินอิน : Qín Cháo) หรือจิ๋น เป็นราชวงศ์ที่ปกครองแผ่นดินจีนระหว่าง พ.ศ. 322พ.ศ. 337 (221 ปีก่อนค.ศ. 207 ปีก่อนค.ศ.) ก่อนหน้านี้จีนได้แตกแยกออกเป็น 7 รัฐและทำสงครามกันอยู่เนืองๆ ต่อมากษัตริย์แห่งรัฐฉินได้ทำสงครามรวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งเดียว และสถาปนาตนเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ฉินโดยใช้พระนามว่า ฉินสื่อหวงตี้ คนไทยจึงออกเสียงเพี้ยนเป็น จิ๋นซีฮ่องเต้ หรือ ฉินซีฮ่องเต้ จิ๋นซีฮ่องเต้ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. 322พ.ศ. 333 ในช่วงนี้แผ่นดินจีนมีความเป็นปึกแผ่นมั่นคงมาก แต่เมื่อจิ๋นซีฮ่องเต้ทรงเสด็จสวรรคต ราชวงศ์ฉินก็สั่นคลอนอย่างหนัก และล่มสลายลงใน พ.ศ. 337
อ๋องแห่งรัฐฉิน ได้รวมประเทศจีนเป็นหนึ่งเดียวเป็นครั้งแรก และสถาปนาตัวเองเป็นจักรพรรดิ (ฮ่องเต้) คือ ฉินซีฮ่องเต้ หรือ จิ๋นซีฮ่องเต้ นั่นเอง นครหลวงอยู่ที่เมืองเซียงหยาง (หรือซีอานในปัจจุบัน) ฉินอ๋องได้หาชื่อใหม่ให้ตนเอง เนื่องจากเห็นว่า ตนสามารถรวบรวมแผ่นดินเป็นปึกแผ่นได้ คำว่า อ๋อง ไม่ยิ่งใหญ่พอ จึงได้เลือกคำว่า หวงตี้ (ฮ่องเต้) ซึ่งแปลว่า "โอรสแห่งสวรรค์" มาใช้ แล้วเรียกชื่อตน ตามชื่อราชวงศ์ว่า ฉินซีฮ่องเต้ ฮ่องเต้เรียกตัวเองว่า "เจิ้น" (เดิมเรียกว่า "กู" ซึ่งมีหนังสือเล่มหนึ่งบอกว่า เดิมกษัตริย์ไทยก็เรียกตัวเองว่า "กู" เหมือนกัน และคำนี้มีความหมายยิ่งใหญ่มาก แต่ไหงกลับกลายเป็นคำหยาบไปได้ก็ไม่ทราบ) เป็นการเปิดฉากโอรสแห่งสวรรค์ครองเมือง มีการปฏิรูประบบตัวอักษร ระบบชั่ง, ตวง, วัด (เช่น เพลารถ) ให้เหมือนกันทั้งประเทศ (สำหรับตัวอักษรนั้น อ่านออกเสียงต่างกันได้ แต่จะต้องเขียนเหมือนกัน เช่นเลข ๑ เขียนด้วยขีดแนวนอนขีดเดียว จีนกลางออกเสียงว่า "อิ๊" แต่แต้จิ๋วอ่านว่า "เจ๊ก") และแบ่งการปกครองเป็นระบบจังหวัด, อำเภอ นับเป็นผลงานอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ต่อมา ฉินซีฮ่องเต้ได้ให้ขุนศึกเหมิงเถียนหรือเม่งเถียน ยกทัพไปปราบชนเผ่าซงหนู (เฉียนหนู) แล้วก่อสร้างกำแพงเมืองจีนขึ้น เพื่อป้องกันการรุกรานของอนารยชน
ฉินซีฮ่องเต้ ได้ชื่อว่า เป็นทรราชที่โหดร้ายทารุณมาก ปกครองด้วยความเฉียบขาด อำมหิต กล่าวกันว่า แค่มีคนจับกลุ่มคุยกัน ก็จะถูกจับไปประหารทันที ข้อหาให้ร้ายราชสำนัก มีการยัดเยียดข้อหาแล้วประหารทั้งโคตร การประหารมีทั้งตัดหัว, ตัดหัวเสียบประจาน หรือ "ห้าม้าแยกร่าง" (เอาเชือกมัดแขนขาไว้กับม้าหรือรถม้า ๕ ทิศ แล้วให้ม้าควบไป ฉีกร่างออกเป็นชิ้นๆ) และกรณีที่อื้อฉาวมากคือ การเผาตำราสำนักขงจื๊อ แล้วจับบัณฑิตสำนักขงจื๊อสังหารหมู่ ด้วยการเผาทั้งเป็น, ฝังทั้งเป็น หรือฝังดินแล้วตัดหัว แม้แต่รัชทายาทฝูโซว (พระโอรสองค์โต) ยังถูกเนรเทศไปชายแดน ไป "ช่วย" เหมิงเถียนสร้างกำแพงเมืองจีน ด้วยข้อหา ขัดแย้งกับพระองค์ จึงมีคนหาทางปลงพระชนม์ตลอดเวลา แม้แต่พระสหายที่สนิทก็ตาม นอกจากนี้ พระองค์ยังกลัวความตายมาก พยายามเสาะแสวงหายาอายุวัฒนะมาทุกวิถีทาง แต่สุดท้าย ฉินซีฮ่องเต้ก็ป่วยหนัก และสิ้นชื่อลง ในระหว่างที่ออกตามหายาอายุวัฒนะ ในแดนทุรกันดารนั่นเอง และได้มีพระราชโองการเรียกฝูโซว รัชทายาทกลับมา เพื่อสืบราชบัลลังก์ (โอรสองค์นี้มีนิสัยอ่อนโยนกว่าบิดา และยังเก่งกาจอีกด้วย จึงเป็นที่คาดหวังจากราษฎรเป็นอย่างมาก) แต่หูไห้ โอรสอีกองค์ ได้ร่วมมือกับเจ้าเกา ขันทีและอัครเสนาบดี และหลี่ซือ ปลอมราชโองการ ให้ฝูโซวและเหมิงเถียนฆ่าตัวตาย แล้วตั้งหูไห้เป็นฮ่องเต้องค์ถัดมา เรียกว่า พระเจ้าฉินที่สอง หรือฉินเอ้อซื่อ ซึ่งเป็นฮ่องเต้ที่โหดเหี้ยม แต่ไร้สามารถ ผิดกับพระบิดา แถมยังอยู่ใต้การชักใยของเจ้าเกา ขันทีตัวแสบ ทำให้ราชวงศ์ฉินล่มจม หูไห้ได้ใช้เงินทองจำนวนมหาศาล ในการก่อสร้างสุสานของฉินซีฮ่องเต้ (ปัจจุบันยังหาสุสานฝังศพไม่พบ พบแต่สุสานกองทัพดินเผา มีบันทึกไว้ว่า สุสานจริงๆ นั้น เลิศหรูอลังการมาก อุดมไปด้วยอาวุธลับ ซึ่งจะทำงานอัตโนมัติ เวลามีผู้บุกรุก และมีทะเลสาบที่เป็นปรอท เรือมังกรขนาดใหญ่ บรรทุกโลงศพไว้ โดยปรอทจะหมุนเวียนอยู่ ราวกับว่าเป็นน้ำตก ลำธารจริงๆ ปัจจุบัน จากข้อมูลล่าสุด ทางนักสำรวจได้ตรวจบริเวณ ที่เชื่อว่าเป็นสุสานฉินซีจริงๆ พบว่ามีปริมาณปรอทอยู่สูงมาก เป็นการยืนยันความมีจริงได้อย่างชัดเจน แต่ยังไม่กล้าขุด เนื่องจากกลัวจะเสียหาย หรืออีกนัยหนึ่ง อาจจะเนื่องจากต้องระวังอาวุธลับก็เป็นได้) และยังรีดภาษีจากราษฎรอีก ทำให้ประชาชนก่อกบฏขึ้น
ในเวลานั้น มีกบฏอยู่หลายชุด มีข้อตกลงกันว่า หากใครบุกเข้าทางกวนจง ของราชวงศ์ฉินได้ก่อน จะได้เป็นใหญ่ หลิวปัง ได้ก่อกบฏต่อต้านราชวงศ์ฉินขึ้น และได้ผู้ช่วยมือดีมา ๓ คน คือ หานซิ่น จางเหลียง และเซียวเหอ มาช่วยในการวางแผนรบ และประสานงานต่างๆ จึงโค่นราชวงศ์ฉินลงได้ โดยเจ้าเกาได้ฆ่าหลี่ซือ ปลงพระชนม์หูไห้ แล้วตั้งจื่ออิง หลานของหูไห้เป็นฮ่องเต้แทน แต่เจ้าเกาก็ถูกจื่ออิงฆ่าตาย (สำหรับประวัติของเจ้าเกา ขันทีผู้ล้มราชวงศ์ฉินนี้ ผมเคยอ่านจากไหนก็จำไม่ได้แล้ว บอกว่า เดิมทีเป็นคนแคว้นเจ้า ต่อมาพ่อแม่ถูกทหารแคว้นฉินฆ่าตาย จึงเก็บความแค้นไว้ในใจ และได้เดินทางมาแคว้นฉินเพื่อหาทางแก้แค้น ถึงกับยอมถูกตอนเป็นขันที ต่อมา เมื่อมีโอกาสเป็นใหญ่ จึงได้ใช้ในการล้างแค้น จนแคว้นฉินล่มลงสมปรารถนา เปิดตำนาน "ขันทีจอมโฉด" ขึ้นในหน้าประวัติศาสตร์) จื่ออิงยอมสวามิภักดิ์ต่อหลิวปัง เวลาเดียวกัน เซี่ยงอี้ ได้ละเมิดข้อตกลง โดยตั้งตัวเป็นซีฉู่ป้าอ๋อง หรือฌ้อป้าอ๋อง (แปลว่า อ๋องแห่งแคว้นฉู่ ที่ยิ่งใหญ่เหนืออ๋องอื่นๆ ว่ากันว่า เซี่ยงอี้นิยมสงคราม และคิดจะทำให้แผ่นดินแตกแยก กลับไปสู่ยุคจ้านกว๋ออีกครั้ง) เซี่ยงอี้ได้เผาพระราชวังอาฝางกงของฉินซีฮ่องเต้ (พระราชวังอาฝางกงนี้ ว่ากันว่าใหญ่โตมโหฬาร และโอ่อ่าอลังการมาก จนหลิวปังถึงกับตกตะลึงเมื่อเข้าไปครั้งแรก มีรูปหล่อโลหะขนาดมหึมาอยู่สิบกว่าตัว ซึ่งหลอมมาจากอาวุธที่ริบมาจากชาวเมือง ใช้เวลาเผาถึงสามเดือนกว่าจะหมด ถ้าหากไม่ถูกเผา ก็คงเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกคู่กับกำแพงเมืองจีน ชนิดพระราชวังปักกิ่งชิดซ้าย) ปลงพระชนม์จื่ออิง แล้วสู้รบกับหลิวปัง การสู้รบได้ยืดเยื้ออยู่นาน เซี่ยงอี้คิดจะแบ่งแผ่นดินปกครองกับหลิวปัง แต่ในที่สุด หลิวปังได้ยกทัพเข้าสู้รบขั้นเด็ดขาด ทำให้เซี่ยงอี้ต้องฆ่าตัวตายในที่สุด
ในสมัยราชวงศ์ฉินมีการก่อสร้างกำแพงเมืองจีน เพื่อป้องกันการรุกรานของพวกป่าเถื่อนทางเหนือของจีน คือพวกมองโกล ซงหนู และคีตันการปกครองเป็นไปอย่างเข้มงวด บังคับให้ใช้ระบบเงินตราเดียวกัน สร้างถนน ปฏิรูปเขตเกษตรกรรม สั่งเผาหนังสือทางการเมือง ประวัติศาสตร์และวรรณกรรม ความหวาดระแวงของพระองค์ทำให้ ฝูซู ราชโอรสองค์ใหญ่ถูกเนรเทศ ผู้ที่ครองราชย์ต่อมาคือ จักรพรรดิเอ้อซื่อที่อ่อนแอ ทำให้ราชวงศ์ฉินถูกล้มล้างด้วยพวกกบฏในที่สุด
เรื่องราวสมัยราชวงศ์ฉิน มีอยู่ในวรรณกรรมไซ่ฮั่น ซึ่งกล่าวถึงการสิ้นสุดราชวงศ์ฉินและการสถาปนาราชวงศ์ฮั่น
ปัจจุบัน ราชวงศ์ฉินได้รับการยอมรับจากนักประวัติศาสตร์ให้เป็นราชวงศ์แรกของจีน ด้วยมีหลักฐานทางโบรารคดีและประวัติศาสตร์อย่างเป็นทางการมากที่สุดและแผ่นดินก็ยังได้ถูกรวมเป็นหนึ่งครั้งแรก และยกให้ จิ๋นซีฮ่องเต้ เป็นจักรพรรดิองค์แรกของจีนด้วย ด้วยคำว่า " China " ในภาษาอังกฤษ หรือคำว่า " จีน " ในภาษาไทยก็ล้วนเพี้ยนมาจากคำว่าฉินนี้ทั้งสิ้น ราชวงศ์ฉิน เป็นราชวงศ์ที่สั้น ๆ มีอายุเพียง 15 ปี เท่านั้น แต่ได้วางรากฐานที่สำคัญต่อมาแก่คนรุ่นหลัง และได้สร้างสิ่งมหัศจรรย์ของโลกมากมาย เช่น กำแพงเมืองจีน, สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ เป็นต้น
ความคิดเห็น