ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    *~Timeless Love~* [Fic TVXQ]

    ลำดับตอนที่ #6 : >>> 06

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 50



    *~Timeless Love~*


    ...Please Tell Me Why...





    เช้าวันต่อมา ณ โรงแรมซิลเวียโรงแรมชั้นหนึ่งซึ่งกำลังถูกใช้เป็นสถานที่สำคัญในงานแห่งหนึ่ง  ภายในห้องโถงใหญ่ที่ใช้เป็นสถานที่จัดเลี้ยงถูกตกแต่งไปด้วยสีแดงและดอกกุหลาบซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ เครื่องสำอางยี่ห้อดัง
    Aneal 


     

    งานที่ว่านี้ก็คืองานเลี้ยงฉลองของกลุ่มบริษัทในเครือ Choi กรุ๊ป....บริษัทธุรกิจบันเทิงขนาดใหญ่ ที่ผลิตดารานักแสดงมากมายเข้าสู่วงการมายา ยังไม่รวมถึงเครื่องสำอางแบรดน์ดังอย่าง Aneal  ที่เป็นของบริษัท Choi เช่นกันนับได้ว่าเป็นบริษัทชั้นแนวหน้าของเกาหลีเลยทีเดียว...และผู้บริหารแสนเก่งกาจที่ทำให้บริษัทเติบโตได้ขนาดนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน...ท่านประธานชอยซีวอนของเรานั่นเอง


     

    งานเลี้ยงนี้จัดขึ้นเพื่อฉลองยอดขายที่เพิ่มขึ้นถึง 20% ในเวลาแค่ 2 เดือนของบริษัท Choi จากเครื่องสำอางตัวใหม่ของ Aneal  แต่ที่ทำให้ยอดขายของสินค้าดีขนาดนี้... คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพรีเซนเตอร์นั้นมีอิทธิพลต่อยอดขายมาก... แต่ที่น่าแปลกใจเป็นเพราะว่าพรีเซนเตอร์ครั้งนี้  ไม่ใช่ดาราดังที่ไหนเป็นแค่เด็กหนุ่มตัวเล็กๆ ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร  แต่เพียงแค่ได้มองใบหน้าหวานๆ นัยน์ตาสีใสกลมโต ท่าทางที่ดูเหมือนแมวขี้อ้อนนั้นทำเอาทุกคนถึงกับต้องหลงไปเลยทีเดียว... ยิ่งชื่อน่ารักๆที่เจ้าตัวใช้อย่าง... 'AI' (ไอ) ซึ่งแปลว่าความรัก...ที่ฟังดูเข้ากับเจ้าตัวไม่น้อย... ยิ่งทำให้ทุกคนให้ความสนใจกันมากขึ้นเรื่อยๆ



    และเพราะอย่างนั้น ในระยะเวลาเพียงแค่ 2 เดือนหลังจากโฆษณาตัวนั้นออกอากาศ...ไอ...ก็กลายเป็นไอดอลที่ไม่มีใครไม่รู้จัก... ใบหน้าหวานกับท่าทางที่ยังดูเหมือนเป็นเด็กๆทำให้หลงรักอย่างไม่รู้ตัว...





    แกร๊ก...




    เสียงเปิดประตูกลางห้องโถงใหญ่ที่จัดงานเลี้ยงดังขึ้นก่อนจะปรากฏร่างของสองพี่น้องบอดี้การ์ดแห่งตระกูลคิมเดินนำหน้าตามด้วยร่างของชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทสีดำดูภูมิฐาน... ใบหน้าหล่อเหลา... จมูกเป็นสัน... นัยน์ตาสีดำมัน ล้วนเรียกให้เป็นที่สนใจของสาวๆเพียงแค่ได้มองก็ต้องตกหลุมรักกันเลยทีเดียว...




    ปกติ... แค่ประธานบริษัทอัจฉริยะอย่างซีวอนเดินเข้ามาก็ย่อมเป็นที่สนใจกันอยู่แล้ว แต่นี่ยังมีเด็กหน้าตาน่ารักตามมาด้วยถึงสองคนนั่นยิ่งทำให้พวกเขากลายเป็นจุดสนใจใหญ่... กับชางมินที่เคยชินกับสายตาแบบนี้อยู่แล้วเลยเฉยๆ  แต่กับแจจุงที่เมื่อ 5 ปีก่อนก็แทบจะอยู่แค่บ้านกับโรงเรียนไม่เคยไปงานเลี้ยงแบบนี้อย่างนี้กับเขาสักที... ย่อมต้องเขินอายเป็นธรรมดา...



    "ชางมิน...นาย...ไม่รู้สึกแปลกๆกับสายตาแบบนี้บางเลยเหรอ?" เสียงถามอึกอักจากร่างบางเรียกรอยยิ้มจากเด็กหนุ่มร่างสูง...พลางยิ้มกับตัวเองไม่ยอมตอบ ก็เพื่อนของเขาน่ารักซะขนาดนี้... จะไม่ให้ใครมองกันได้ยังไง  ผิวที่ปกติก็ขาวอยู่แล้วเวลาห้าปีที่ไม่เคยต้องแสงอาทิตย์เลยยิ่งทำให้ผิวนั้นยิ่งขาวขึ้นไปอีก... ถึงชุดที่ใส่วันนี้จะเป็นแค่เสื้อเชิ้ตขาวกางเกงขายาวธรรมดาๆ  แต่ผ้าพันคอสีขาวที่เขาให้แจจุงใส่เพื่อปกปิด 'ร่องรอย' ที่ยังเหลืออยู่จากเมื่อสอง-สามวันก่อนนั่นยิ่งทำให้ร่างบางนี่ดูน่าทะนุถนอมมากขึ้น...



    "อืม...จริงสิ...นี่...ไปหาอะไรทานกันเถอะ ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วนายยังไม่ได้ทานอะไรเลยนะ  กว่าซีวอนจะเสร็จจากที่นี่คงอีกสักพักน่ะ" เด็กหนุ่มหมายถึงชายหนุ่มหน้าคมที่กำลังยืนคุยกับประธานของกลุ่มบริษัทย่อยอยู่ ที่สัญญาว่าจะพาแจจุงไปส่งที่บ้านหลังงานเลี้ยงเลิกตอนเที่ยง...  แต่ทั้งๆที่คุยอยู่ชายหนุ่มก็ยังอุตส่าห์ส่งสายตาปิ๊งๆมาให้ชางมินอีก...



    อาหารที่จัดไว้สำหรับแขกในงานเป็นแบบบุฟเฟต์ให้เลือกตักได้ตามใจชอบ แจจุงกับชางมินเดินหาที่นั่งดีๆทั่วงาน  จนในที่สุดก็ได้โต๊ะเล็กๆบริเวณริมระเบียงเป็นที่นั่ง ซึ่งจากโต๊ะนี้ยังสามารถมองเห็นบรรยากาศรอบๆงานได้อีกด้วย... เด็กหนุ่มในชุดขาวนั่งลงพลางมองไปยังวิวด้านนอก ในขณะที่ชางมินนั้นเดินไปตักอาหารก่อนแล้ว...



    เสียงกดชัตเตอร์ดังขึ้นพร้อมกับแสงแฟรชหลากหลายทางจากกล้องนับร้อยตัว... บุคคลผู้มาใหม่คงจะเป็นดาราดังของงานฉลองครั้งนี้ แต่แจจุงก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะเด็กหนุ่มกำลังคิดถึงว่าเขาจะกลับบ้านแล้วเขาควรจะไปไหนต่อก่อนดี... จึงไม่ได้หันมามองทางผู้มาใหม่เลย...
      ชางมินกลับมาพร้อมกับไล่ให้แจจุงไปหาอะไรทานบ้าง

    ในขณะที่เสียงกดชัดเตอร์กับแสงแฟรชไม่ได้ลดลงเลย เด็กหนุ่มเผลอมองตามชั่วครู่ แต่ก็ได้เห็นเพียงด้านข้างเท่านั้น.... แต่นั่นก็เพียงพอจะทำให้ร่างบางรู้สึกสะกิดใจได้แล้ว... ใบหน้าขาวกลม แก้มเนียนใสที่ทำให้เด็กหนุ่มนึกถึงใครบางคนที่เขารู้จักดี....


     


    ...เมื่อกี้จุนซูเหรอ? ไม่มั้ง เจ้าโลมาจอมแก่นนั่นคงไม่มาอยู่แถวนี้หรอก มันจะเป็นไปได้ยังไง...



     

    แล้วเด็กหนุ่มก็เลิกสนใจแล้วเดินไปที่ซุ้มอาหาร... ถาดสีเงินถูกวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบรอบๆถูกตกแต่งด้วยดอกไม้สีแดงสดและผ้าสีเดียวกันซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของงานนี้  อาหารหลากหลายสัญชาติที่จัดวางอย่างสวยงาม ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนร่างบางที่เดินมองไปอย่างหวังให้ร่างนั้นสนใจตัวเอง  ไม่ว่าจะเป็นเส้นสปาเก็ตตี้สีเหลืองอร่ามหอมกลิ่นเนยสดราดด้วยไวท์ซอสสไตล์อิตาลี่ หรือจะเป็นหมูชุบแป้งทอดราดโชยุของญี่ปุน ก็ดูน่าสนใจไม่แพ้กัน...


     

    ในที่สุดแล้วเด็กหนุ่มก็เลือกสปาเก็ตตี้ไวท์ซอสเป็นอาหารเช้าของวันนี้  ร่างบางเดินนำจานไปวางไว้ที่โต๊ะซึ่งชางมินนั่งรออยู่แล้ว ก่อนจะเดินไปอีกครั้งเพื่อหาเครื่องดื่มที่อยู่อีกมุมหนึ่งตรงข้ามกับซุ้มอาหาร...



    โต๊ะตัวใหญ่ปูด้วยผ้าสีแดงเต็มไปด้วยเครื่องดื่มหลากสีสัน เด็กหนุ่มมองไปเรื่อยๆจนสะดุดอยู่ที่น้ำสตอเบอร์รี่สีสด เมื่อเลือกได้แล้วก็เดินไปเพื่อหยิบแก้วเปล่าทรงสูงที่เรียงอยู่อีกมุมหนึ่ง...



    ในขณะที่มือเรียวกำลังจะหยิบแก้วที่วางอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับมือหนาของใครคนหนึ่งที่ยื่นมาจะหยิบเช่นกัน โดยทั้งสองฝ่ายไม่ได้สังเกตเลยว่ามีใครอีกคนกำลังจะหยิบแก้วใบเดียวกับตน มือทั้งสองจึงแตะถูกกัน...


     

    ด้วยความตกใจทั้งสองเงยหน้าขึ้นมองกัน แต่นั่นกลับทำให้คนทั้งคู่ตกใจกันมากกว่าเดิม  นัยน์ตาสีนิลคู่สวยเบิกกว้างภาพของคนตรงหน้าทำเอาเด็กหนุ่มพูดไม่ออก... ไม่คิดว่าจะได้เจอคนที่ต้องการเร็วขนาดนี้... น้ำใสคลอเบาๆรอบดวงตาอย่างรวดเร็ว... ริมฝีปากบางที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยอะไรได้เพราะความตื้นตัน สิ่งที่หลุดออกมาจึงมีเพียง... น้ำเสียงหวานสั่นน้อยๆปนยินดี...



    "ยุน...โฮ..."



    ในขณะเดียวกับที่ร่างสูงเจ้าของชื่อเองก็ดูตกใจไม่แพ้กัน ยุนโฮขยับริมฝีปากคล้ายจะพูดอะไรบางอย่างเหมือนจะดีใจ แต่ก็แล้วก็เงียบไปเพราะสายตาคมมองเห็น... ผ้าพันคอที่เปิดกว้างออกให้เห็นผิวคอขาว แต่เต็มไปด้วยรอยแดงช้ำหลายจุด... พอดีกับร่างบางๆของใครคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ เพราะเห็นว่ายุนโฮหายไปนานแล้ว...



    "ยุนนี่...ทำไมช้าจัง...จะ...แจ...แจจุง...ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่...?" น้ำเสียงตื่นตระหนกตกใจและสรรพนามที่ใช้เรียกยุนโฮแบบนั้นของจุนซู... ทำให้แจจุงรู้สึกแปลกๆ...



    "จุนซู..." รอยยิ้มจากริมฝีปากบางจางหายไป... เหลือแค่ความมึนงงจนพูดอะไรไม่ออก...



    กว่าที่สองฝ่ายจะได้พูดคุยอะไรกันไปมากกว่านั้น... พิธีกรบนเวทีก็ประกาศเชิญจุนซู หรือ...
    AI(ไอ)...ขึ้นไป...


    "ณ บัดนี้ ถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอย... เราจะเปิดตัวเครื่องสำอางตัวใหม่รวมถึงพรีเซนเตอร์ที่ทุกคนอยากรู้จักครับ ขอเชิญท่านประธาน และ  'AI' ครับ"  ทันทีที่เสียงประกาศของพิธีกรจบลง ท่านประธานซีวอนก็เดินขึ้นเวทีไปอย่างสง่างาม 



    "ไปเถอะ...จุนซู.... เขาเรียกนายแล้ว" เสียงทุ้มนุ่มๆของยุนโฮที่แสนคิดถึงลอยกระทบโสตประสาท แต่เสียงนั้นไม่ได้มีให้กับเขาแต่เป็นจุนซูที่อยู่ข้างๆต่างหาก...


    "ตะ...แต่ว่า... ยุนนี่... คือฉัน..." จุนซูมองยุนโฮอย่างทำอะไรไม่ถูก... ในขณะที่มือเรียวของแจจุงกำแน่นจนเล็บถูกจิกเข้าไปในเนื้อจนเกิดเลือดซึมตามรอยเล็บนั้น...



    "ไม่เอาน่า... อย่าดื้อสิครับคนดี อย่าปล่อยให้เขารอนานมันจะไม่ดี" สายตาร่างสูงมองมาที่แจจุงอย่างเฉยชา คำพูดที่เกือบจะทำให้หัวใจดวงน้อยแตกเป็นเสี่ยง เข้าใจความสัมพันธ์ของคนตรงหน้าที่เปลี่ยนไปยามที่เขาไม่อยู่... และประโยคสุดท้ายดูเหมือนยุนโฮจะย้ำเป็นพิเศษ...



    ...นั่นเป็นสิ่งที่นายจะบอกฉันสินะ...


    "อืม...เข้าใจแล้วล่ะ ไปเถอะ..." เสียงใสตอบรับร่างสูงแล้วหันหลังกลับไป  ในที่สุดก็เหลือเพียงยุนโฮกับแจจุงสองคนยืนเผชิญหน้ากันอยู่... ร่าบางมองตามจุนซูที่เดินจากไปแล้วมองดูยุนโฮอีกครั้ง...



    "ยุนโฮ..." เสียงหวานเรียกคนตรงหน้าอีกครั้ง  ชายหนุ่มมองร่างบางด้วยความเฉยชาไม่ได้มีแววอ่อนดยนเหมือนครั้งก่อนเลยแม้แต่นิดเดียว..!



    "แจจุงไม่ได้เจอกันนานนะ  นึกว่าไปตายอยู่ที่ไหนซะแล้ว  ที่แท้ก็ไปปรนเปรอคนอื่นมานี่เอง!!!~ สนุกมากใช่มั้ยที่ได้ปั่นหัวพวกฉันจนเกือบเป็นบ้าแบบนี้!!!~ "



    "ยุนโฮ...นายพูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ" น้ำเสียงหวานสั่น ตลอดเวลาที่เคยอยู่ด้วยกันไม่มีครั้งใดเลยที่ยุนโฮจะตวาดเขาแบบนี้ ต่อให้โกรธกันทะเลาะกันหนักแค่ไหนก็ตาม...



    "ยังจะทำเป็นไม่รู้เรื่องอีก!!!!~ เลิกเล่นละครเถอะแจจุง แล้วรอยที่คอ นายจะบอกว่าโดนยุงกัดมารึไง..." คำพูดจากร่างสูงทำให้แจจุงต้องก้มมองตัวเอง ถึงได้เห็นว่าผ้าสีขาวนั้นเปิดออกจนเห็นรอยแดงได้ชัดเจน...



    "ไม่ใช่นะ ยุนโฮนายกำลังเข้าใจผิด!!" ร่างบางพยายามจะอธิบายให้คนตรงหน้าเข้าใจ  แต่ดูเหมือนจังหวะจะไม่เหมาะเอาเสียเลยเมื่อชางมินที่เดินมาตามแจจุงที่หายไปนาน...



    "เฮอะ!!~ แล้วคนนี้ละคนที่เท่าไหร่ของนายแล้วแจจุง..." เด็กหนุ่มหันไปมองชางมินที่เรียกเขาอยู่ข้างหลัง พลางกำลังเดินมา



    "ยุนโฮ!!!~"



    "ฉันว่าเรื่องของเรามันจบจริงๆแล้วล่ะ แจจุง... หวังว่าฉันกับนาย คงไม่ต้องเจอกันอีก..." ชายหนุ่มพูดจบก็เดินจากไป ทิ้งให้ร่างบางได้แต่ยืนอึ้ง ในขณะที่ชางมินซึ่งไม่รู้เรื่องราวอะไรเลยก็พาแจจุงกลับไปที่โต๊ะอาหารเมื่อกี้นี้แล้ว...




    เด็กหนุ่มนั่งลงด้วยร่างกายที่เบาโหวงรู้สึกเหมือนตัวจะลอยไปกับอากาศ เขากลายเป็นคนไม่มีค่าไม่มีตัวตนสำหรับยุนโฮไปแล้วหรือ...



    "แจจุง...เป็นไรไป...?" ชางมินรู้สึกแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของแจจุงจนอดเป็นห่วงไม่ได้



    "ปะ...เปล่า...ไม่มี...ไม่มีอะไร..." แจจุงรีบสั่นหน้าปฏิเสธ



    "แจ...อย่าโกหกฉัน..." น้ำเสียงของชางมินกระด้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อร่างบางตรงหน้าไม่ยอมพูดความจริง... ชางมินไม่ใช่คนโง่ แค่ความผิดปกติของแจจุงเพียงนิดเดียวเขาก็รู้สึกได้...



    "ไว้ค่อยเล่าที่อื่นได้มั้ย? ที่นี่ไม่สะดวก..." น้ำเสียงหวานสั่นเล็กน้อย... เขายังไม่พร้อมที่จะเล่าให้ฟังตอนนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วเกินกว่าเขาจะทำความเข้าใจได้... แต่ตัวเขาเองก็ไม่เคยปิดบังอะไรชางมินได้สักทีเลยสิน่า...



    "แล้วฉันจะรอ..." แล้วทั้งคู่ก็ยืนอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งจุนซูลงมาจากเวที ซึ่งมันทำให้แจจุงรู้ว่า AI ไอดอลที่กำลังโด่งดังและเป็นตัวเรียกเรตติ้งของบริษัทก็คือ คิมจุนซู ส่วนยุนโฮก็เป็นนักร้องชื่อดังของบริษัทเลยทีเดียว  แล้วที่สำคัญ ยุนโฮกับจุนซูเป็นคู่รักกัน!!~


     

    "คิดมาตลอด สักวันเราจะได้เจอกันอีกครั้ง...แล้วทำไม...ทำไมพอเจออีกครั้งนายถึงได้เปลี่ยนไปอย่างนี้...ทำไม..." แจจุงรำพึงกับตัวเองเบาพลางมองไปยังสองคนนั้นที่เดินกลับด้วยกัน ขอบตาของแจจุงร้อนผ่าวแต่กลับไม่มีแม้น้ำตาสักหยด ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันอย่างอดกลั้น...



    "แจจุงไปเถอะ... ซีวอนมาแล้วล่ะ..." ชางมินสะกิดแจจุงเบาก่อนจะจูงมือแจจุงออกไป ในขณะที่นัยน์ตาสีนิลนั้นยังมองคนทั้งคู่อย่างไม่วางตา



    หลังจากนนั้นคิบอมซึ่งรับหน้าที่เป็นตนขับรถของซีวอนพาแจจุงกับชางมินไปส่งที่คฤหาสน์ตระกูลคิมบ้านเก่าของแจจุงก่อนจะตามซีวอนไป ส่วนตัวซีวอนเองก็ได้ฮีชอลไปส่งที่บริษัทแล้ว....





    [ย้อนมาช่วงเช้าของวันนี้...


    ณ คฤหาสน์ตระกูลคิม


     

    เวลาเช้ามืด ท้องฟ้ายังคงเป็นสีดำแม้จะเริ่มมีแสงอ่อนจากดวงอาทิตย์บ้างแล้วก็ตาม หญิงวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบกว่าๆ ตื่นขึ้นเพื่อทำกิจกรรมที่เธอทำเป็นประจำมาตลอดห้าปี... ป้าซอฮุน แม่บ้านประจำตระกูลที่ยังคงอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้เพียงลำพัง  แม้ว่าญาติๆของเธอจะขอร้องให้ทิ้งบ้านหลังนี้ไป... ด้วยเหตุผลที่ว่าในเมื่อไม่มีใครให้รับใช้จะยังอยู่ต่อไปทำไม...สัญญากับคนที่ตายไปแล้วไม่ทำคงไม่เป็นไร?

      


    แต่สำหรับเธอแล้วมันไม่ใช่แค่คำสัญญาเพียงลมปาก  แต่มันเป็นสัญญาที่เธอจะต้องรักษาไว้จนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต สัญญาที่ว่าจะดูแลคุณหนูแจจุง ลูกชายเพียงคนเดียวของคุณชายและคุณนายคิมให้ดีที่สุดให้สมกับที่ทั้งสองไว้ใจให้เธอทำหน้าที่นี้... อีกอย่างสำหรับซอฮุนแล้วคฤหาสน์หลังนี้ไม่ใช่เพียงแค่ที่ทำงาน  แต่มันเป็นบ้านหลังที่สองของเธอ...



    ป้าซอฮุนเริ่มต้นงานของเธอ... งานที่ไม่มีค่าจ้างมีเพียงความรู้สึกดีที่ได้ทำเท่านั้น โดยเริ่มจากการทำความสะอาดห้องของคุณหนู.... ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลคิมที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย...  จนวันนี้เธอก็ยังเชื่อว่าแจจุงไม่ได้หนีหายไปไหน... สักวันคุณหนูของเธอคงกลับมา  ป้าซอฮุนจึงไม่เคยเคลื่อนย้ายอะไรในห้องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว...
      ทุกอย่างยังคงอยู่ในสภาพเดิมเหมือนวันก่อนที่เจ้าของห้องจะหายตัวไป...



    หลังจากทำความสะอาดเสร็จ... ป้าซอฮุนก็พักทานอาหารเที่ยง 



    อ๊อด
    !!!!!~



    เสียงอ๊อดที่ประตูใหญ่ของคฤหาสน์ดังขึ้น หญิงสาวได้แต่เลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ ที่คฤหาสน์หลังนี้ไม่มีใครมาเยี่ยมนานแล้ว คนสุดท้ายที่ได้แวะเวียนเข้ามาคือ ปาร์คยูชอน ลูกชายคนเล็กของตระกูลปาร์คบ้านข้างๆ ที่แวะเข้าลามาก่อนเจ้าตัวจะจากไปอเมริกา... ป้าซอฮุนรีบกระวีกระวานออกไปดู...



    ภาพที่เห็นทำเอาเธอถึงกับตกตะลึง ตกใจคละความดีใจและปลื้มใจไปพร้อมๆกัน คุณหนู
    !!~ คุณหนูของเธอกลับมาแล้ว!!!~



    "ป้าซอฮุน..."



    "คุณหนู... ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ" คำพูดที่เรียกเอาหยดน้ำจากดวงตาของคนทั้งสองให้ไหลมาโดยง่าย... แจจุงโผเข้ากอดร่างหญิงร่างบางตรงหน้าอย่างไม่สนใจอะไรอีกแล้ว...  คงมีแค่คนๆนี้ละมั้งที่รอคอยการกลับมาของเขาอย่างไม่เคยเปลี่ยนแปลง... คนที่เป็นเหมือนแม่ของเขาอีกคน เพราะเธอคอยดูแลเขาตอนที่แม่แท้ๆของเขานั้นเสียไปแล้ว...


     

    แล้วแจจุงกับชางมินก็เข้าไปในบ้าน... ชางมินอยู่คุยกับป้าซอฮุนข้างล่างเรื่องที่เด็กหนุ่มไม่อยากพูดเอง ส่วนแจจุงขึ้นไปที่ห้องของพ่อแม่เขา



    "พ่อครับ แม่ครับ ผมกลับมาแล้ว กลับมาแล้วจริงๆ ผมคิดถึงพ่อกับแม่มากๆเลยนะครับ..." เด็กหนุ่มพูดกับอากาศที่แสนว่างเปล่าภายในห้องที่ไม่มีใคร... อดีตแห่งความสุขของเขา วันคืนแสนอบอุ่นของเขาอยู่ที่นี่...



    แล้วเด็กหนุ่มก็มาอีกห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องของเจ้าตัวเอง มือเรียวผลักประตูเข้าไปเบาๆ ของทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม...เหมือนวันก่อนที่เขาจะจากไป



    "ทำไม~ ยุนโฮฉันไม่เข้าใจ อะไรที่ทำให้นายเปลี่ยนไป? มันเกิดอะไรขึ้น ยุนโฮ...บอกฉันได้มั้ย? ยุนโฮ~" น้ำเสียงหวานสั่นเครือเต็มไปด้วยความเจ็บปวด...



    แล้วพลันร่างบางก็นึกถึงใครอีกคน เพื่อนสนิทที่สุดตั้งแต่เด็กที่อยู่บ้านข้างๆ เด็กหนุ่มเปิดผ้าม่านดูบ้านข้าง แต่ฝั่งนั้นดูเหมือนจะไม่มีใครอาศัยอยู่แล้ว แจจุงรีบเดินลงมาจากห้องเพื่อถามหาทันที...



    "ป้าฮะ... แล้วบ้านนู่นเขาย้ายไปกันแล้วเหรอครับ?" คำถามที่เรียกเอาลมหายใจของคนถามแทบหยุดเมื่อได้ยินคำตอบ..



    "คือ...คุณหนูฟังดีๆนะค่ะ คุณท่านปาร์คเสียไปแล้วเมื่อสองปีก่อนหลังจากคุณยูชอนกับคุณจองซูไปอเมริกาได้ไม่นาน หลังจากเสร็จงานศพทั้งสองคนก็กลับไปเรียนต่อ... แต่ตอนนี้ป้าก็ไม่รู้หรอกค่ะว่าเขากลับมากันรึยัง? เพราะพวกเขาไม่ได้ส่งข่าวบอกใครเลย..."  หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากชางมินแล้ว ป้าซอฮุนยิ่งสงสารคุณหนูของตัวเองมากขึ้นเป็นทวีคูณ... กลัวเหลือเกินว่าความเป็นจริงจะทำให้คุณหนูของเธอต้องเจ็บปวดมากอีกแค่ไหน...



    "งั้นเหรอ? ไม่เป็นไรหรอก ไม่เป็นไร..."


    "คุณหนู..."


    "ป้าฮะ ผมไม่เป็นไรจริงๆ แค่รู้สึกตกใจนิดหน่อยเท่านั้นเอง...  แต่คิดดูอีกทีห้าปีมันก็ไม่ใช่เวลาน้อยๆเลยนี่นา จริงมั้ยฮะ" เพราะเสียงหวานที่แผ่วลงพร้อมกับใบหน้าเศร้าอย่างนั้นทำเอาป้าซอฮุนใจหาย หญิงสาวรีบคิดถึงวิธีที่จะทำให้คุณหนูของเธอมีรอยยิ้มเหมือนเมื่อก่อน... ชางมินเองก็รู้สึกได้จึงชวนแจจุงไปเดินเล่นรอบคฤหาสน์ของเจ้าตัวเองเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ ในขณะที่หญิงแม่บ้านยิ้มให้อย่างขอบคุณ




    เมื่อทั้งคู่ออกไปแล้วหญิงสาวกดโทรศัพท์ตามหาใครหลายคน... ที่ ณ เวลานี้สมควรกลับมาทำหน้าที่ของตนเองได้แล้ว เพราะคุณหนูคิมแจจุง ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลคิมกลับมาแล้ว และเธอจะไม่มีวันปล่อยให้คุณหนูของเธอต้องไปเจอกับเรื่องแบบนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง
    !!!


     




    เวลาล่วงเลยมาจนเย็น ซีวอนพร้อมกับบอดี้การ์ดทั้งสามกำลังไปรับชางมินที่คฤหาสน์ตระกูลคิม ระหว่างทางฮันกยองดูไปรอบๆอย่างแปลกใจ วิวด้านนอกคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก... จนมาถึงบ้านตระกูลคิม ซีวอนกับคิบอมและฮีชอลนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร รอให้ป้าซอฮุนแม่บ้านไปตามชางมินกับแจจุงลงมาจากห้อง โดยมีฮันกยองที่ยังไม่เข้ามาเพราะมองรอบๆตัวบ้านอยู่ ที่แห่งนี้คุ้นตาอย่างที่ชายหนุ่มบอกไม่ถูก ฮันกยองเดินเข้าไปในบ้านก่อนจะเจอกับพวกซีวอนที่นั่งรออยู่แล้ว ชายหนุ่มนั่งลงข้างฮีชอลพลางมองยังผนังบ้านสีคุ้นตา ในที่สุดชายหนุ่มก็คิดออกเขาเคยมาที่นี่!!~


    "ซีวอน... ถ้านายจะต้องขาดบอดี้การ์ดไปสักคนนายจะว่าไง..." คำถามที่ไม่มีปี่มีขลุ่ยของฮันกยองที่ทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนคลายออก


    "ตามใจนายเถอะ  ได้เวลาแล้วเหรอ? " ซีวอนว่าเพราะเหตุผลเพียงอย่างเดียวที่ฮันกยองจะไปจากเขาคือหน้าที่ที่แท้จริง...


    "อืม...ถึงเวลาแล้ว ท่านผู้นั้นกลับมาแล้ว..." เสียงอนุญาตจากซีวอนทำให้ฮันกยองสบายใจเพราะถ้าซีวอนไม่ยอมล่ะก็เขาคงเลือกไม่ถูกเลยว่าจะทำอย่างไร...


    "จะไปเมื่อไหร่ล่ะ...?"


    "เร็วๆนี้ อาจจะเป็นวันนี้ หรือพรุ่งนี้... ฉันยังไม่แน่ใจ..."


    "ตามใจนายเถอะ แต่แวะมาเยี่ยมกันบ้างก็แล้วกัน..." ซีวอนถอนหายใจ เพราะเขาจะต้องไม่ได้เห็นหน้าเพื่อนคนนี้บ่อยๆแล้ว


    "ไม่หรอก นายยังได้เห็นหน้าฉันทุกวันแน่ๆ "


    "เอ๋?? หมายความว่าไง?"


    "เดี๋ยวนายก็รู้..."



    ฮันกยองมาที่เกาหลีตั้งแต่อายุ 15 เพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนและคุ้มครองซีวอนเพื่อทดแทนบุญคุณของครอบครัวชอย  แต่มีเงื่อนไขอยู่ว่า ถ้าครบห้าปีแล้วฮันกยองจะต้องกลับไปทำสิ่งที่เป็นหน้าที่ที่แท้จริง สิ่งที่ตระกูลเขาปฏิบัติกันมาตลอดเป็นรุ่นๆ และตอนนี้ก็ถึงเวลานั้นแล้ว...


    ความจริงมันต้องมาถึงเร็วกว่านี้แต่เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันบางอย่าง ทำให้เขากลับไปทำหน้าที่นั้นไม่ได้จึงอยู่กับซีวอนมาตลอดจนถึงตอนนี้...



    เวลาผ่านไปสักพัก ร่างบางก้าวลงบันไดมาพร้อมกับชางมิน และป้าซอฮุนที่เดินตามมาด้านหลัง นัยน์ตาคู่สวยมองบุคคลมาใหม่แล้วหันไปยิ้มให้ชางมินเล็กน้อย ก่อนจะสังเกตเห็นใครบางคนที่คุ้นตา ร่างบางเผลอเรียกชื่อชายหนุ่มออกไป...



    "ฮัน...กยอง...?" เสียงเรียกของร่างบางทำให้ป้าซอฮุนและชายหนุ่มไปเป็นทางเดียวกัน ป้าซอฮุนยิ้มอย่างพอใจ องครักษ์ประจำตระกูลคิม


    กลับมาแล้วหนึ่งคน  ความจริงซอฮุนออกจะกังวลไม่น้อยที่เธอไม่มีเบอร์ติดต่อฮันกยองเลย  แต่ก็นึกไม่ถึงว่าฮันกยองจะรู้และกลับมาเองได้เร็วขนาดนี้...


    "คุณหนูแจจุง... กลับมาแล้วจริงๆด้วย "  ฮันกยองคุกเข่าลงต่อหน้าแจจุง ท่ามกลางความสงสัยของทุกคนแล้วยกมือเรียวขาวขึ้นแล้วประทับริมฝีปากลงไปเบาๆ เป็นการแสดงความเคารพต่อเจ้านายของตระกูลฮันกยอง



    หน้าที่..ที่แท้จริงของฮันกยองที่ต้องทำก็คือการดูแลรักษาปกป้องคนของตระกูลคิมด้วยชีวิต  ไม่รู้ว่าเพราะบุญคุณหรือว่าเหตุใด แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาปฏิบัติกันมาสืบทอดตั้งแต่บรรพบุรุษ ไม่มีครั้งใดเลยที่เคยทำงานพลาด มีเพียงครั้งเดียวที่ถือได้ว่าเป็นความผิดใหญ่และครั้งเดียวของตระกูลคือ ไม่สามารถปกป้องแจจุงซึ่งเป็นทายาทคนเดียวของตระกูลคิมได้...  แต่ตอนนี้ได้เวลาที่ฮันกยองจะแก้ตัวให้กับตระกูลแล้ว


     

    "ต่อไป...ฮันกยองผู้นี้จะทำตามหน้าที่ที่ได้รับมาสุดความสามารถ ผมจะไม่ปล่อยให้คุณหนูต้องเผชิญอันตรายเพียงลำพังอีกแล้ว ได้โปรดไว้ใจผมนะครับ คุณหนู..."



    "ขอบใจฮันกยอง คิดถึงนายจังไม่ได้เจอกันตั้งนาน นายสูงขึ้นเยอะเลย..." เสียงใสว่าอย่างร่าเริงพาเอาป้าซอฮุนอดยิ้มด้วยไม่ได้อดยิ้มด้วยไม่ได้... ในขณะที่คนอื่นๆได้แต่อึ้งอย่างตกใจ...


    "แจจุงนาย...รู้จักกับฮันกยองเหรอ?" ชางมินถาม


    "อืม ใช่นานแล้วล่ะ"


    "ฮันกยอง... อย่าบอกนะว่าท่านผู้นั้นของนายคือ แจจุงน่ะ" คราวนี้ซีวอนถามบ้าง


    "ครับ คุณหนูแจจุงนี่แหละเจ้านายผม..." ฮันกยองหันมายิ้มตอบ ก่อนจะหันไปมองหน้าคุฯหนุของตนแล้วทั้งคู่ก็หัวเราะให้กับความบังเอิญ... ในขณะที่คนอื่นๆได้แต่คิด


    ...โลกอะไร...มันจะกลมได้ขนาดนี้หว่า???....

    ...อดีตบอดี้การ์ดของซีวอนอย่างฮันกยอง... มีเจ้านายคือแจจุง ซึ่งเป็นเพื่อนของชางมินคนรักเขา และเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนเก่าของเขาด้วย...

    ...มันออกจะบังเอิญมากไปมั้ง?



    ค่ำคืนที่บ้านตระกูลคิมเต็มไปด้วยความสุข แม้ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มนั้นจะเป็นเพียงชั่วคราว เพราะอีกไม่นานความเจ็บปวดจะทำให้รอยยิ้มนั้นกลายเป็นน้ำตาที่ไม่มีวันหยุดไหล...



     

    ในขณะเดียวกัน



    คอนโดขนาดใหญ่แห่งหนึ่งกลางเมือง แสงจันทร์ที่ส่องผ่านกระจกเข้ามาเพียงน้อยนิดท่ามกลางความมืดบ่งบอกเวลากลางคืน ยุนโฮเดินออกจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าเช็ดผมผืนเล็กที่เจ้าตัวคลุมศีรษะเอาไว้  ชายหนุ่มในชุดนอนสีน้ำเงินเข้มใช้ผ้าขยี้ผมของตัวเองให้แห้งหมาดๆก่อนจะทิ้งผ้าผืนนั้นลงไปในตะกร้า

    พลางมองดูร่างเล็กบนเตียงที่หลับลงไปก่อนแล้วยิ้มเล็กน้อยก่อนจะโน้มตัวลงไปหอมแก้มร่างบางนั้นอย่างรักใคร่ มือหนาลูบปอยผมนุ่มอย่างอ่อนโยน  ก่อนจะทอดกายลงบนเตียงข้างร่างบางที่นอนขดตัวเพราะความเย็นของอากาศ ร่างสูงเอื้อมหยิบผ้าห่มมาคลุมร่างบางไว้อย่างเบามือ... นัยน์ตามองใบหน้าหวานอย่างมีความหมาย แต่เมื่อนึกถึงใครอีกคน... นัยน์ตาที่มีความสุขนั้นกลับกลายเป็นเศร้าพร้อมมีแววเกรียวกราดขึ้นมาในทันใด...

    "แจจุง... นายทิ้งฉันไปแล้วไม่ใช่เหรอ?...แล้วจะกลับมาทำไมตอนนี้ล่ะ?" ชายหนุ่มพูดกับตัวเองเบาๆ พลางแบมือขวาที่กำอยู่ออก ของสิ่งหนึ่งที่เขายังคงเก็บไว้อย่างดีเป็นความทรงจำของคนรักเก่า สร้อยสีเงินสมบัติเพียงชิ้นเดียวที่ยืนยันการมีอยู่ของคิมแจจุงที่เขายังเก็บไว้อย่างดีไม่ให้ใครรู้แม้กระทั่งจุนซูก็ตาม...


    To Be Con...




    เอามาต่อแล้วขอโทษทีที่ช้าแต่ยอมรับว่าเรายุ่งจริงๆ
    อีกอย่างเพื่อเปลี่ยนคาแรกเตอร์เยอะพอสมควร (ได้ข่าวว่ามาก...)
    ส่วนจะเป็นใครอ่านต่อไปคงรู้เองแหละ
    (จะบอกเพื่อ...?)
    แต่จะพยายามรีบรีไรท์ให้เสร็จเพื่อจะได้แต่งใหม่สักที
    งั้นวันนี้ก็บายจ้า
    ~

    - - + +-b g-น่า รัก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×